ในที่สุด HTC One M8 ก็ได้เปิดเผยโฉมหน้าอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อย ส่วนตัวผมเองบอกเลยว่าดีใจมากที่ HTC ไม่ใช้ชื่อ All New One อะไรนั่นเพราะมันยาวมากๆ แถมชื่อ M8 ที่เป็นรหัสรุ่นนั้นทุกคนก้รู้จักกันไปหมดแล้ว 

ในเมื่อมันเปิดตัวแล้วเราจะช้าอยู่ทำไม มารีวิว HTC One M8 กันเลยดีกว่า ว่าไอ้ฟีเจอร์เด็ดๆ ลูกเล่นโดนๆ ที่มีในงานเปิดตัวนั้นเอาเข้าจริงๆ แล้วมันเวิร์คแค่ไหน ใช้ได้จริงหรือเปล่า

= Video Review HTC One M8 =

Play video

 

ดีไซน์ของ M8 นั้นถ้ามองจากด้านหน้ามันก็ไม่ได้ต่างจาก HTC One เท่าไหร่นัก แต่จะเห็นว่ามีความโค้งมนมากกว่าเล็กน้อย เอกลักษณ์ลำโพงคู่ Boomsound Stereo นั้นยังคงอยู่เหมือนเดิม หน้าจอขนาด 5 นิ้วใหญ่กว่าตัวเก่านิดหน่อย จุดเด่นอีกอย่างที่ด้านหน้าคือกล้องครับ กล้องหน้าของ One M8 มีความละเอียด 5MP ครั้งแรกของ HTC เลยนะเนี่ย 

ส่วนประกอบทั้งหมดของเครื่องเป็นโลหะถึง 90% โดยมีการขึ้นรูปเพียงแค่ 2 ชิ้นเท่านั้นคือฝาหลังและส่วนของหน้าจอแล้วนำมาประกบกัน งานประกอบนั้นดูดีสมชื่อ HTC ครับ ส่วนขอบด้านข้างของ One M7 ที่หลายคนน่าจะลูบๆ แล้วเจอคมตอนนี้ใน One M8 มีการเก็บงานใหม่ ขัดลบคมทิ้งไปเรียบร้อย ขอบโค้งด้านข้างตัวเครื่องนั้นก็จับกระชับเข้ากับมือได้ดีทีเดียว

 

ผมเองได้มีโอกาสลองจับเจ้า M8 แค่สองสีเท่านั้น นั่นคือสีเทา Gun Metal Grey และอีกสีเงิน Glacial Silver ส่วนสีทอง Amber Gold นั้นไม่มีมาให้ลอง  :p

มองไปที่ภาพปราดเดียวก็รู้ครับ ว่าสีเงิน Glacial Silver นั้นเป็นสีแบบเดียวกับ One M7 แน่ๆ เพราะฉะนั้นคงไม่ต้องอธิบายกันมาก แต่ต้องบอกเลยว่าสีเทา Gun Metal Grey นี่โดนครับ (เรื่องสีเป็นความชอบส่วนบุคคล อันนี้ก็แล้วแต่คนชอบนะ) พอผมเอิ้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาเท่านั้นแหละ.. เฮ้ยเบา มันรู้สึกเบากว่า One ตัวเก่าซะอีก แต่ความเย็นที่ได้จากการสัมผัสผิวโลหะนี่มันฟินจริงๆ (อันนี้เรายังไม่พูดถึงว่าถ้าเล่นนานๆ แล้วมันจะร้อนมือหรือเปล่านะ)

 

ไหนๆ ก็หยิบขึ้นมาแล้ว เรามาดูด้านหลังที่หลายคนบ่นว่ามันประหลาดมาก จะยัดมาทำไมกล้อง 2 ตัว ตรงนี้ขออธิบายว่ากล้องหลักของ HTC One M8 คือตัวที่อยู่ตรงกลางข้างๆ Dual LED Flash นั่นแหละครับ เป็น Ultrapixel 4MP เช่นเคย ส่วนกล้องด้านบนนั้นมีไว้เพื่อเป็นตัวจับความลึกของภาพครับ

แล้วทำไมต้องจับความลึกของภาพด้วย? คำถามนี่้มีคำตอบง่ายๆ ว่าเพือเอามาเพิ่มลูกเล่นให้กับกล้องของ HTC One M8 ไงครับ ไว้เดี๋ยวไปอธิบายเพิ่มเติมด้านล่างในส่วนของกล้องก็แล้วกัน 

 

จากภาพนี้จะเห็นการเก็บชิ้นงานด้านข้างตามที่บอกไปข้างต้นว่าส่วนที่เป็นสีเงินๆ นั่นไม่คมเหมือน One ตัวเก่าแล้ว ส่วนตำแหน่งของปุ่ม Power นั้นอยู่ที่ด้านบนเหมือนเดิม แต่เนื่องจากตัวเครื่อง One M8 นั้นยาวขึ้น การจะเอื้อมนิ้วไปกดบอกเลยว่าลำบากกว่าเดิม แต่ไม่เป็นปัญหาเพราะมี Motion Launcher เคาะจอ 2 ครั้งก็ติดแล้ว แบบ LG G2 นั่นแหละ ส่วนแถบดำๆ บริเวณส่วนหัวของเครื่องนั่นคือ IR Blaster หรือ Infrared remote ที่ใช้เปลี่ยนช่องทีวีเปิดปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าตามแต่เราจะตั้งค่าปุ่มและแอพเอาไว้

 

ปุ่มปรับเสียงอยู่ทางด้านขวาเช่นเดียวกับช่องใส่ micro SD ซึ่งรองรับความจุสูงสุด 128GB ช่องเสียบ micro USB อยู่ด้านล่างติดๆ กันคือช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม 

 

ส่วนอีกด้านหนึ่งของตัวเครื่องนั้นเป็นช่องใส่ซิม ซึ่งตอนนี้กลายเป็นนาโนซิมไปเรียบร้อยแล้ว..

 

เป็นอันว่าเสร็จสิ้นกับการพาทัวร์รอบๆ ตัวเครื่องกันไปเท่านี้ อย่ามาถามหาวิธีเปิดฝาหลังเพราะมันไม่มี แกะแบตออกมาไม่ได้ พูดถึงแบตแล้วก็ขอบอกว่า HTC One M8 มีแบตเตอรี่ขนาด 2,600 มิลลิแอมป์นะ

ได้เวลาเปิดเครื่องแล้ว เปิด เปิด เปิด! งานนี้ต้องขอลองของใหม่ (แต่เก่าค่ายอื่น) นั่นก็คือ Motion Launcher ที่ทาง HTC ได้ฝังเซนเซอร์ทที่กินพลังงานต่ำมากๆ เข้าไปในตัวเครื่อง เพื่อช่วยปลุกให้เครื่องตื่นขึ้นมารับใช้เราได้ในทุกขณะแม้หน้าจอจะดับอยู่

อย่างแรกเลยก็คือการเคาะเบาๆ ไปที่หน้าจอสองครั้ง แล้วหน้าจอก็จะติดขึ้นมาได้เอง โดยที่เราไม่ต้องเอื้อมนิ้วไปกดปุ่ม Power ด้านบน

 

นอกจากนั้นเรายังสามารถใช้การลากนิ้วไปมาขณะหน้าจอดับได้ถึง 4 ทิศทางเช่นลากขึ้นบน ลากจากซ้ายไปขวาเพื่อเปิดหน้าจอสู่การทำงานที่แตกต่างกัน เข้าแอพล่าสุด เปิดหน้าวิดเจ็ต และถ้าหากเราถือเครื่องในแนวนอนเอาง่ายๆ ว่าเป็นท่าถ่ายรูปแล้วกดปุ่มลดเสียงค้างไว้ กล้องก็จะเด้งเปิดขึ่้นมาให้ทันที 

 

ต่อมาคือ Blinkfeed เวอร์ชั่นใหม่ จากเดิมใครที่เคยใช้แล้วปิดไปเพราะไม่ชอบ เพราะมันไปเอาข่าวอะไรก็ไม่รู้มาให้อ่าน ปรับตั้งค่าได้น้อย มารอบนี้ HTC จัดการยกเครื่องใหม่ ให้คุณสามารถใช้งาน Blinkfeed ได้ตามใจชอบรอบนี้แค่ใส่ keyword เข้าไป มันก็จะไปควานหาข้อมูลที่เกี่ยวกับคำนั้นๆ มาเรียงร้อยเป็นหน้าข่าวให้คุณ

 

มาถึงความอัศจรรย์เรื่องของกล้องกันบ้าง HTC One M8 น่าจะเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรก ที่กล้องหน้ามีความละเอียดในระดับ Mega Pixel สูงกว่ากล้องหลัง เพราะกล้องหน้าของ M8 นั้นมีความละเอียด 5MP ส่วนกล้องหลังเป็น Ultrapixel 4MP เป็นไงหละ นี่แหละสิ่งมหัศจรรย์ของโลก

แต่ขอบอกเลยว่ากล้องหน้าของ M8 นั้นไม่ได้แค่ใส่กล้อง 5MP มาเฉยๆ แบบเปิดมามีให้เลือกเปิด Beauty Mode หน้าเด้งๆ หรือไม่เปิด เพราะกล้องหน้าของ M8 นั้นมาพร้อมการปรับตั้งค่าแบบครบทุกอย่าง ตั้งแต่ White Balance, ค่า EV บวกลบได้หลายสเต็ป หรือมีแม้แต่โหมด HDR ของกล้องหน้า

เปรียบเทียบกันให้ดูเลย ภาพทั้ง 2 นี้ใช้กล้องหน้าของ One M8 ถ่ายทั้งคู่นะครับ จะเห็นว่าจานผลไม้ในมือนั้นขาวจนมองไม่เห็นอะไรเลยเพราะกล้องมันปรับสภาพแสงเพื่อไม่ให้หน้าเรามืด หน้าผมก็ขาวจนแทบจะไม่มีเงาไม่มีมิติไปเลย ส่วนภาพขวาจัดการเปิด HDR เรียบร้อย รายละเอียดของภาพมาเต็ม

 

ส่วนกล้องนั้นทาง HTC ก็มีการปรับ UI ไปพอสมควรให้มันดูสะอาดสะอ้านเป็นการรวมเอาทั้ง minimalistic และ flat design มาผนวกกัน

จากเดิมที่ UI ไม่ค่อยมีอะไรซับซ้อนมารอบนี้เลยโล่งกว่าเดิม ดูสะอาดตาขึ้น แต่หน้าตาเรียบๆ แบบนี้ขอบอกว่ามีของนะครับ

 

โหมดกล้องนั้นมีหลักๆ อยู่แค่ 6 โหมด เรียงจากซ้ายก็ Selfie, Camera, Dual Capture, Video, Pan 360 และ Zoe camera 

 

และตอนนี้ผมก็จะมาอธิบายการทำงานของกล้อง Ultra Pixel และ Depth sensor camera ว่าพอรวมกันแล้วมันทำงานได้อย่างไร และทำไมถึงต้องมีกล้องอีกตัวมาวัดความลึกของภาพด้วย

ตอนนี้ภาพถ่ายแบบ Refocus กำลังเป็นที่นิยมใช่ไหมครับ ไม่ว่า Xperia Z2 หรือ Galaxy S5 นั้นต่างก็มีโหมดกล้องตัวนี้เพิ่มเข้าให้เลือก ซึ่งหลักการทำงานคือจะทำการถ่ายภาพ 2 ครั้งเป็น 2 จุดโฟกัสคือหน้าและหลัง จากนั้นก็เอามาซ้อนกันแล้วใช้ซอฟแวร์ในการปรับความชัดความเบลอของภาพ

แต่สำหรับ HTC One M8 นั้นมีกล้องคอยจับความลึกของภาพซึ่งช่วยวัดระยะห่างของวัตถุแต่ละชิ้นได้ เพราะฉะนั้นการถ่ายภาพแล้วมาปรับแก้จุดโฟกัสใหม่นั้นจึงใช้การถ่ายภาพเพียงครั้งเดียว และไม่ต้องเข้าไปเลือกโหมดอะไรเพิ่มเติม หากภาพนั้นมีความลึกอยู่แล้วคุณสามารถจับปรับเปลี่ยนจัดโฟกัสได้ทันที 

ยิ่งอ่านยิ่งงง แล้วมันเป็นยังไงหละหนอ งั้นขอเชิญมาชมกันได้เลย

เมื่อถ่ายภาพเสร็จแล้ว เราก็มาเลือกภาพจาก Gallery เพื่อปรับแต่ง ในนี้จะมีฟีเจอร์ Duo Effect ให้เราเลือกใช้งานครับ ซึ่งอย่างแรกที่เราจะลองเล่นกันคือ UFOCUS

UFOCUS นั้นคือการให้เราเลือกเปลี่ยนจุดโฟกัสของภาพได้ตามใจชอบ คือคุณจะจิ้มไปตรงไหนของภาพก็ได้ ลองดูผลที่ได้จากภาพด้านล่างนะครับ ภาพแรกคือภาพต้นฉบับที่อยู่ในเครื่องหลังจากถ่ายเสร็จ คือทั้งภาพมันชัดเท่ากันหมด คราวนี้ลองเลือกแตะไปที่มือถือ ภาพก็จะเปลี่ยนเป็นภาพที่ 2 ทันที หลังละลายวาบไปกับตา

 

แล้วพอผมเปลี่ยนใจไปแตะที่ฝาครอบอาหาร จุดโฟกัสก็ย้ายตาม ทำเอาด้านหน้าละลายไปเลย

 

 

Duo Effect ต่อมาคือ Foregrounder ครับ เป็นการทำให้ภาพด้านหน้านั้นโดดเด่นขึ้นมาด้วยการไปเล่นเอฟเฟคภาพกับพื้นหลัง ให้ลองสังเกตภาพถัดไปดีๆ นะครับ

พอเลือก Foregrounder แล้วพื้นหลังของภาพจะเปลี่ยนไปทันที โดยจะมีสีและแบบให้เลือกเปลี่ยนในตอนนี้แค่ 4 ชนิดเท่านั้น

 

ถัดมาคือ Season ไอเดียนี้จะคล้ายๆ กับ Auto Awesome ถ้าใครได้เล่น Google Plus ซึ่งมันจะมีเอฟเฟคต่างๆ มาใส่ให้ภาพเราอัตโนมัติเช่นถ้าเราถ่ายภาพกับหิมะ ก็จะมีหิมะตกลงมาเป็นอนิเมชั่น

แต่สำหรับ Season นั้นเราเลือกได้เลย อยากได้ซากุระ ใบเมเปิ้ล หรือหิมะ จะร่วงจะหล่นเท่าไหร่ก็สามารถทำได้ทันที เลือกเอง แต่งเอง เซฟเอง แชร์เองอิอิ

 

และปิดท้ายกันด้วย Dimension Plus หรือ 3D Effect ที่ทั้งเจ๋งทั้งสยองฮ่าๆ เอฟเฟคนี้ถ้าไม่ได้เล่นเองก็คงไม่รู้หรอกครับว่ามันเจ๋งแค่ไหน เอาเป็นว่าลองดูตามภาพที่ผมพยายามทำขึ้นมาอย่างสุดฝีมือกันหน่อยก็แล้วกัน (สุดฝีมือแล้วได่้แค่นี้)

เพื่อนๆ จะเห็นว่าในภาพซ้ายสุดนั้น ตาของนายแบบสุดหล่อนั้นมองไปทางขวามือของเราใช่ไหมครับ เผอิญผมว่ามันดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เหมือนมองไปนอกเฟรมตาเหล่ๆ ยังไงไม่รู้ ผมก็จะเปิด Dimension Plus ขึ้นมาทำการแก้ไข เอานิ่้วไปแตะแล้วลากฟื้ดไปทางซ้าย.. กรี๊ด~ นายแบบหันหน้ามาทางนี้แล้ว ถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นนะครับว่าไม่ได้หันมาแค่หัวหรือหน้า แต่ส่วนอก ไหล่ ตัวนั้นหมุนตามมาด้วยทั้งหมด คือเหมือนจับวัตถุในภาพขยับได้ยังไงยังงั้น ผีหลอกชัดๆ  :bigsmile:

 

ขอทิ้งท้ายการ รีวิว HTC One M8 ภาค 1 ไว้ด้วย HTC dot view ฟลิบเคสสุดเจ๋งที่คุณสามารถเคาะ แตะ สัมผัสมันได้เหมือนเป็นหน้าจอของมือถือเลยทีเดียว

 

ในเวลาปกติแล้วเจ้า htc dot view ก็จะเป็นเคสรูๆ ปกติแบบนี้แหละครับ แต่พอเราเคาะไปที่มัน 2 ทีป๊อกๆ เหมือนจะเคาให้หน้าจอติด ก็จะมีแสงลอดออกมาจากช่องของ dot view แบบภาพทางขวาทันที 

เห็นหลายคนถามกันมาว่าแล้วไอ้สีๆ ที่มันแสดงนี่มาจากตัว dot view หรือหน้าจอกันแน่ เราก็มีภาพเฉลยมาให้ดูกัน~

ปิ้งๆ มันใช้แสงจากหน้าจอบางส่วนที่แสดงผลออกมาลอดทะลุไปที่ dot view ครับ โดยปกติแล้วเราจะไม่ได้เห็นหน้าจอแบบนี้หรอกครับ เพราะพอเราเปิดฝาฟลิบแล้วหน้าจอแล้วมันก็จะโชว์ Home Screen ของ Sense แต่ผมใช้ความเร็วรีบเปิดแล้วรีบถ่าย เลยได้ภาพนี้มาฝากกัน

อย่างที่บอกครับว่าความเจ๋งของ dot view นั้นคือเราสามารถสัมผัสมันได้เหมือนเป็นหน้าจอมือถือจริงๆ ตัวอย่างก็คือภาพนี้เลย เวลามีคนโทรเข้ามา dot view ก็จะแสดงชื่อคนโทรให้เราได้เห็น

พร้อมกันนั้นก็แสดงสัญลักษณ์ให้เราสไลด์นิ้วขึ้นเพื่อรับสาย หรือสไลด์นิ้วลงเพื่อปฏิเสธสายก็ได้โดยไม่ต้องเปิดฝาออกมาเลย สะดวกสุดๆ

ตัวเคส dot view  นั้นมีให้เลือกถึง 5 สี แต่ไม่รู้ตอนมาขายบ้านเราจะมีครบหรือเปล่า ส่วนกำหนดการวางจำหน่ายในบ้านเรานั้น ผมลองแย็บๆ ถามไปทาง HTC Thailand แล้วได้คำตอบว่าน่าจะเป็นช่วงปลายเดือนเมษาหรือไม่ก็ Mobile Expo เดือนพฤษภาโน่นเลย อันนี้แอบเสียดายเล็กๆ ครับว่ามาช้าไปหน่อย ถ้ามาเร็วๆ กว่านี้คงได้ฟัดตลาดกับ Xperia Z2 และ Galaxy S5 แบบสนุกสนานเลยทีเดียว

ส่วนเรื่องราคาบอกได้เลยว่า.. ยังไม่รู้  :bigsmile: