หลังจากได้เขียนข่าว i-mobile เปิดตัวสมาร์ทโฟนทั้งไป 3 รุ่นมาหมาดๆ วันนี้ขอทำหน้าที่มาเขียนรีวิวบ้างแล้วกันนะคะกับ IQ BIG 2 ที่เป็นรุ่นถัดมาของ IQ BiG เจ้าพ่อแบตใหญ่ความจุ 5,000 mAh ซึ่งพอมารุ่นนี้ความจุจะเหลือเพียง 4,000 mAh และถูกปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้สวยและมีขนาดที่บางเบามากขึ้น หน้าจอขยายเป็น 5.5 นิ้ว ในราคา 4,990 บาท หลังจากตัวแรกได้รับการตอบรับจากตลาดดีพอสมควร งานนี้เลยขอรีวิว i-mobile IQ BIG 2 ตัวนี้หน่อยแล้วกัน มาดูสิว่ามีอะไรน่าสนใจพอที่จะทำให้ควักเงินจากกระเป๋าไปซื้อเลยหรือเปล่า?

 สเปค i-mobile IQ BIG 2

  • ระบบปฏิบัติการ Android 5.0 Lollipop
  • หน้าจอ IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด HD (720 x 1280)
  • หน่วยประมวลผล MTK6582M, 1.2 GHz Quad Core
  • หน่วยประมวลกราฟฟิค Mali-400 MP2
  • หน่วยความจำ 16GB
  • รองรับ micro SD สูงสุด 32GB
  • RAM 2GB
  • กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล Auto Focus + flash
  • กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิม (Micro sim)
  • เครือข่าย 2G/3G 850,900,2100 MHz
  • แบตเตอรี่ 4,000 mAh
  • การเชื่อมต่อ Bluetooth v4.0, Wi-Fi hotspot
  • เซ็นเซอร์ Accelerometer, Proximity, Compass, Light
  • ขนาด 150.5×76.5×8 มิลลิเมตร น้ำหนัก 156 กรัม

เมื่อของมาอยู่ในมือแล้วก็อย่ารอช้า เอามาเปิดสำรวจกันแบบช็อตต่อช็อต

นอกจาก IQ BIG 2 ตัวเอกแล้ว ก็จะมีอุปกรณ์อื่นๆ พ่วงมาให้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นพวกหูฟัง, สายชาร์ท+อะแดปเตอร์, ฟิล์มกันรอย, เคสซิลิโคน

 

ส่วนตัวแล้วใช้ไอโฟนมาก่อน พอมาลองจับตัวเครื่องแล้วก็ต้องบอกเลยว่ามันค่อนข้างใหญ่ แต่สำหรับคอแอนดรอยด์อาจจะบอกว่าปกติ ขอบข้างของจอเหลือเพียงเล็กน้อย ทำให้ตัวเครื่องโดยรวมไม่ได้ดูใหญ่มาก จับได้พอดีมือไม่ลื่นหลุดง่าย น้ำหนักเครื่องอยู่ที่ 156 กรัม และ บางเพียง 8 มม. เบากว่า IQ BIG ตัวเก่าที่ดูอ้วนๆ อยู่พอสมควร การประกอบและงานดีไซน์รวมๆ ทำออกมาได้ค่อนข้างดูดี เวลาถือแล้วไม่บ้งหรือถือแล้วไม่อายใครแน่นอน  

 

i-mobile IQ BIG 2 ที่วางขายกันจะมี 2 สีคือสีดำทอง และ สีขาวเงินที่ได้เห็นในรีวิวนนี่แหละ วัสดุตัวเครื่องทำมาจากพลาสติก มีการเสริมชุบโครเมียมที่ขอบนิดหน่อย ส่วนหน้าจอจะทำมาจากกระจกกันรอย

หน้าตาของปุ่มนั้นจะแตกต่างจาก IQ BIG รุ่นก่อน แต่การใช้งานก็ยังคงเหมือนเดิม ทั้งปุ่ม Menu, Home (กดค้างจะเป็น Recent App) และ Back ซึ่งใครที่ใช้แอนดรอยด์จะคุ้นกับปุ่มสี่เหลี่ยมที่เป็น Recent App แต่ใน IQ BIG 2 กลับเป็นปุ่ม Menu ซะงั้น

 

  

ด้านขวาเป็นช่องใส่ซิมขนาดไมโคร พอจิ้มออกมาจะเห็นว่าสามารถใส่ได้ 2 ซิม รองรับ 3G (850/900/2100 MHz) / 2G (เสียดายไม่รองรับ 4G) ส่วนด้านล่างจะเป็นปุ่มกดเพิ่มลดเสียง และ ปุ่มพาวเวอร์ เรียงกันตามลำดับ ส่วนด้านซ้ายจะมีเพียงช่องใส่ micro SD เท่านั้น

 

กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล พร้อม LED Flash + Earpiece หรือลำโพงสนทนา  + เซนเซอร์ต่างๆ อยู่ในช่องดำๆ 

 

กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล f/2.0 มี Auto Focus + Flash  นอกจากไมค์หลักทางด้านล่างของเครื่อง มีไมค์อีกตัวหนึ่งสำหรับเอาไว้ตัดเสียงรบกวน ส่วนด้านบนของเครื่องจะมีช่องสำหรับเสียบหูฟัง และ micro USB

 

มาถึงฝาหลังที่ไม่สามารถแกะออกมาได้ สีขาวของตัวเครื่องก็เห็นได้จากฝาหลังนี่แหละ ส่วนลำโพงด้านล่าง พวกเสียงริงโทน แจ้งเตือนต่างๆ ก็ถือว่าดัง วัดค่าได้ 88-90 เดซิเบล ที่ระยะ 1 ฟุต (แต่ถ้าเปิดสุดอาจจะได้ยินเสียงเหมือนลำโพงแตกนิดหน่อย) รวมถึงการเปิดลำโพงฟังวิทยุ (ต้องเสียบหูฟัง) ฟังเพลงทั่วไปด้วย

 

ลองมาดูจุดเด่นกันบ้างดีกว่า อย่างหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ 5.5 นิ้ว (ใหญ่เท่าหน้าคนรีวิวเลยค่ะ) ความละเอียดระดับ HD เป็นหน้าจอ OGS (One Glass Solution) ที่ผสานกระจกหน้าจอทัชสกรีนและส่วนแสดงผลไว้แนบติดกัน ช่วยลดแสงสะท้อนและทำให้หน้าจอดูตื้นขึ้นเหมือนนิ้วเราสัมผัสกับภาพในจอตรงๆ

 

ส่วนเรื่องความใหญ่ขอบอกเลยว่าสะใจจริงๆ เล่มเกม ดูวิดีโอ ฟังเพลง อ่านเวป ทำได้สบายๆ ไม่ปวดตา การแสดงผลของสีในวิดีโอหรือ YouTube ยังทำได้ไม่ค่อยดีนัก มันดูขาวและซีดไปหน่อย สีดำยังดูเทาๆ ภาพไม่คมเท่าไหร่ ทั้งที่สีสันที่หน้า Home Screen นั้นดูสดและคมกว่า

 

จากการที่ลองเล่นส่วนของหน้าจอ home screen และการใช้งานทั่วไป ยังรู้สึกว่าไม่สมูทมากนัก ขณะทัชยังมีดีเลย์อยู่บ้างในบางช่วงนิดหน่อยค่ะ

 

หลังจากได้ลองเล่นเกมแล้ว พวกเกมเบาๆ กราฟฟิคทั่วไปโอเคใช้ได้ในระดับหนึ่ง แต่พอหันมาเล่นเกมกราฟฟิคหนักๆ  อย่าง Asphalt จะมีอาการกระตุกไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร เล่นต่อเนื่องสักพักเครื่องจะเริ่มร้อนค่ะ อาจเป็นเพราะตัว CPU MTK6582M  /GPU Mali-400 คงไม่แรงพอรองรับเกมกราฟฟิคจ๋า

 

  

ผลจากทดสอบ Benchmark ด้วย Antutu นั้นได้ไป 19,203 คะแนน ส่วน 3DMark ได้ไป 1,820 คะแนน อยู่ในเกณฑ์ที่น้อยไปหน่อยเมื่อเทียบกับตัวอื่นๆ แล้วยังถือว่ายังเป็นรองอยู่มาก แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องค่ะ

 

 

เรื่องแบต 4,000 mAh ที่เป็นจุดขายของรุ่นนี้ จากการลองเล่นแบบแบบเต็มๆ ตั้งแต่ 8.30 น. ถึง 18.30 น. เปิดแอพทั่วไป เล่นเกมพวก plants vs zombies, Candy Crush ดู YouTube เข้าหน้าเบราเซอร์ เปิด Wi-Fi ไปด้วย และถ่ายรูปบ้าง โดยเวลาใช้จริงจะอยู่ที่ 2 ชั่วโมงกว่า แบตเตอรี่ลดเหลือ 65% คำนวนคร่าวๆ แล้วใช้ได้ประมาณ 2 วัน โดยใช้เวลาในการชาร์จเฉลี่ย 3 ชั่วโมง (จากแบตหมดจนเต็ม 100%)

 

 

RAM 2 GB ที่ให้มา ถูกระบบกินไปแล้วบางส่วน เหลือให้ใช้งานได้ประมาณ 1.40 GB เพียงพอต่อการใช้งานอยู่ค่ะ ถึงแม้ว่าจะเปิดเกมสลับแอพก็ยังเหลืออีกประมาณ 450 GB ซึ่งตอนเปลี่ยนแอพก็มีหน่วงและเด้งบ้างบางครั้งถ้าเริ่มเปิดแอปไว้เยอะๆ

 

  

ส่วน ROM 16 GB ระบบฟาดไปแล้ว 4 GB และจาก 12 GB ที่เหลือเราสามารถลงแอพ ลงเกม ได้ประมาณ 8 GB  แล้วแต่การใช้งานเลยค่ะว่ามากน้อยเพียงใด แต่ถ้าใส่เพลง รูป จุกจิกเข้าไปอีกเอาไม่อยู่แน่ๆ แนะนำว่าให้ยัดลง micro SD หมดเลยจะดีกว่าค่ะ ไม่หนักเครื่อง (เพิ่มได้อีกสูงสุด 32 GB)

 

  

ลูกเล่น Float task การใช้งานจะคล้ายๆ กับปุ่มลัดโดยจะแบ่งเป็น 3 หมวดตามการใช้งานทั้ง Tools/ Media/ Favourites โดยจะเป็นปุ่มกลมๆ สีขาว สามารถเลื่อนไว้ตำแหน่งซ้าย ขวาได้ กดแล้วจะมีเมนูลัดขึ้นมา ทำให้ใช้งานได้สะดวกขึ้นไม่ต้องออกมาที่หน้า home ในเวลาที่เราใช้งานอยู่ในแอพหรือเบราเซอร์

 

   

โดยต้องเข้ามาตั้งค่าที่ Setting> Float Task > Rainbow (เปิดใช้งาน) /shortcut switch (สามารถปิด Float task ได้โดยการกดปุ่ม back ค้างไว้)

แต่จากการที่ลองใช้ Float task ดูแล้วมันทั้งหน่วงและกิน RAM เพิ่มด้วย ขอแนะนำว่าให้ปิดไปจะดีกว่าค่ะ แต่ถ้าอยากใช้จริงๆ ให้ลองไปโหลดแอพ Omni Swipe หรือ Lazy Swipe มาใช้ดู บอกตรงๆ ลื่นกว่ากันเยอะ

 

  

Super Power Mode จะปรับจอเป็นขาวดำเพื่อลดการแสดงผลใช้พลังงานเซฟแบตให้ใช้นานขึ้น โดยจะปิดแอพและบริการส่วนใหญ่ทิ้งทั้งหมด เหลือแค่ฟังก์ชั่นโทรออก รับสาย ส่งsms และแอพบางตัวที่โหมดนี้ยังให้ใช้งานได้อยู่ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการประหยัดแบต หรือ อยากใช้งานต่อเนื่องโดยไม่ต้องชาร์จบ่อยๆ

 

ฟังก์ชั่น Hotknot เอาไว้สำหรับถ่ายโอนข้อมูลผ่านการแตะหน้าจอกับเครื่องที่มี Hotknot เหมือนกัน ซึ่งในตอนนี้ยังไม่ค่อยมีเครื่องที่รองรับมากนัก เพราะใครๆ เขาก็ใช้แต่ NFC ซึ่งมันอยู่ในมาตรฐานของ Andriod แต่ Hot Knot นี่มีแค่ในชิพของ MediaTek

 กล้องของ i-mobile IQ BIG 2 ก็ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากนัก สามารถใช้ได้ทั่วๆ ไป เอาไว้อัพขึ้นโซเชียลได้ แต่อย่าคาดหวังสูงว่ากล้องจะดีเริ่ดมากมาย เพราะภาพที่ได้ยังไม่ค่อยละเอียดคมชัดเท่าไหร่ หากมองดูในจอโทรศัพท์ถือว่าใช้ได้เลยสวยอยู่ แต่พอเอาภาพลงคอมเท่านั้นแหละ ความละเอียดคมชัดของภาพหายวับไปกับตา แม้ว่ากล้องจะมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซลก็จริง แต่อาจเป็นเพราะตัว เซ็นเซอร์กับเลนส์ ไม่ค่อยโอเค เลยทำให้ภาพที่ได้ไม่(ค่อย)สวย 

มาดูภาพตัวอย่างจากกล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล ของ IQ BIG 2 กันค่ะ

มีโหมดถ่ายภาพให้เลือก (ซ้ายบน) อย่าง Beauty,Panorama, Live Photo หรือ setting (รูปเฟืองขวาล่าง)
ปรับแต่งชดเชยแสง, ไวท์บาลานซ์, เอฟเฟคท์สี, ตั้งเวลาถ่าย, Voice Capture ตามมาตรฐานทั่วๆ ไป

 

ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล ของ IQ BIG 2

Normal Mode (HDR OFF) ภาพที่ได้จะค่อนข้างมืดกว่าแสงจริง (เหมือนติด under แล้วไม่มีคนเซ็ตให้ตบ) ซึ่งสามารถใช้การถ่ายแบบ HDR หรือ ปรับเพิ่มค่าชดเชยแสง เพื่อช่วยไม่ให้ภาพมันดูมืดเกินไป 

 

Normal Mode (HDR ON) ถ้าเปิด HDR จะใช้เวลาในการถ่ายประมาณ 1-2 วินาที มือต้องนิ่งไม่เช่นนั้นภาพจะเป็นเงาซ้อนกัน

 

Normal Mode (ปรับชดเชยแสง +1) เมื่อปรับชดเชยแสงแล้ว ภาพจะดูสว่างขึ้นเท่าสภาพแสงปกติ

 

ภาพถ่ายในที่แสงน้อย (Normal)

                   

ถ่ายในที่แสงน้อยเปิด Flash

 

าพระยะใกล้ (Macro)

 

ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล ของ IQ BIG 2

    

Beauty Mode ซ้ายปิด ขวาเปิด

 

    

กล้องหน้าถ่ายในที่แสงน้อย ขวา (Normal) / ซ้าย (Flash)

 

 

สรุปความแล้ว IQ BIG 2 สามารถตอบโจทย์หน้าจอใหญ่แบตอึดได้เริ่ดค่ะ มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 5.0 Lollipop ส่วนของดีไซน์หน้าตาก็ถือว่าดูดีผ่านค่ะ แต่ข้อเสียที่สัมผัสได้หลักๆ คือ ไม่รองรับ 4G LTE / การแสดงผลของสีทำออกมาได้ไม่ค่อยดีสมจริงนัก เวลาเล่นเกมหรือดูวิดีโอจะรู้สึกได้เลยว่าสีซีดและค่อนข้างดรอป /ระบบสัมผัสและการใช้งานก็ยังมีหน่วงๆ อยู่บ้าง รุ่นนี้เขาไม่ได้เน้นขายกล้องมากมั้ง ภาพที่ถ่ายออกมาจึงไม่ค่อยสวยคมเท่าไหร่ อย่างที่บอกไปก่อนหน้าแล้วว่าอย่าไปคาดหวังมาก ไปโฟกัสที่หน้าจอที่ใหญ่และแบตอึดๆน่าจะประทับใจมากกว่าค่ะ

i-mobile IQ BIG 2 ถือว่าออกมาสานต่อสมาร์ทโฟนรุ่น IQ BIG ได้อย่างลงตัว นำข้อเสียของตัวเก่ามาพัฒนาปรับปรุงใหม่ให้น่าสนใจ เช่นเรื่องของหน้าจอที่ขยายใหญ่ขึ้น ตัวเครื่องดีไซน์สวยและเบาบางลง เป็นสมาร์ทโฟนใช้ได้โอเครุ่นหนึ่ง ซึ่งคุณภาพก็ต้องบอกเลยว่าคุ้มค่ากับราคาได้ทั้งแบตเยอะ จอใหญ่เบิ้มในราคาเพียง 4,990 บาท แต่ในงบประมาณเท่านี้ก็ยังพอมีตัวเลือกอื่นๆที่น่าสนอีกเหมือนกัน ต้องไปลองหยิบจับสัมผัสด้วยตัวเองดีกว่าค่ะ จะได้รู้ว่ารุ่นไหนกันแน่ที่มันเหมาะกับสไตล์การใช้งานและความชอบเราจริงๆ 

ข้อดี

  • ให้แบตขนาดใหญ่ความจุถึง 4000mAh
  • หน้าจอใหญ่สะใจ 5.5 นิ้ว
  • ดีไซน์สวยบางเบา งานประกอบโอเค
  • สเปคต่อราคาถือว่าคุ้มค่า

ข้อด้อย

  • ไม่รองรับ 4G LTE
  • การแสดงผลของสีในเกมและวิดีโอค่อนข้างซีด ไม่สดใสคมชัด
  • การใช้งานภาพรวม มีอาการหน่วงๆ อยู่บ้าง
  • กล้องไม่ค่อยละเอียดคมชัดเท่าไหร่ ภาพที่ได้ในโหมดปกติจะค่อนข้างมืดกว่าแสงจริง