Jabra Elite 5 หูฟัง TWS แบบไฮบริด (ANC) ได้ถูกเปิดตัวที่งาน Berlin IFA 2022 ในวันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา และก็ได้มีการเปิดตัวพร้อมประกาศราคาวางจำหน่ายในไทยไปแล้วที่ 6,990 บาท เจ้าหูฟังรุ่นนี้ได้มาถึงมือทีมงาน Droidsans ซักพักแล้ว วันนี้เราจะมาเขียนเล่าประสบการณ์การใช้งานทั่วไปให้ฟังกันครับว่า เสียงเป็นยังไง ฟังเพลงแนวไหนเด่นบ้าง ดูหนังเป็นอย่างไร ระบบตัดเสียงดีจริงหรือเปล่า
ดีไซน์การออกแบบ และการสวมใส่
รอบนี้ Jabra Elite 5 รุ่นที่ผมได้รับมาทดลองใช้งานในครั้งนี้ เป็นสี Titanium Black ตัวเคสชาร์จกล่องค่อนข้างเล็กเลยทีเดียว เหมาะกับการใส่กระเป๋ากางเกง พกพาสบายกันเลยครับ
โดยตัวเคสจะมีสีดำด้านและเมื่อเปิดออกมาจะเจอกับหูฟังซึ่งเป็นสีแบบเดียวกันกับเคสชาร์จเลย ซึ่งให้ความรู้สึก ที่สวยๆ หล่อๆ ให้คะแนนการดีไซน์ครั้งนี้เต็มสิบไปเลยครับ ยิ่งไปกว่านั้น ทางแบรนด์ได้มีตัวเลือกสีอีกตัวเลือกหนึ่งมาให้ซึ่งก็คือสี Gold Biege
ในเรื่องของการสวมใส่ เจ้าตัว Jabra Elite 5 สามารถใส่ได้เป็นเวลานาน ตัวหูฟังใส่แล้วกระชับ ไม่หลุดง่าย ภายในกล่องได้มีให้ตัวจุกหูฟังไซส์อื่นๆมาด้วย ไล่มาตั้งแต่ขนาด S ไปจนถึง XL อีกทั้งยังมีแถมสายชาร์จ USB-C อีกหนึ่งเส้น
อีกหนึ่งความสามารถคือ การเชื่อต่อได้ทั้งหมดสองเครื่อง ถ้าหากเราเชื่อมต่อกับ โทรศัพท์มือถืออยู่ เราสามารถต่อกับโน้ตบุ๊คของเราต่อได้เลย
การเชื่อมต่อ Jabra Elite 5 กับมือถือ
เริ่มแรก เราจะต้องโหลดแอป Jabra Sound+ จาก Play Store หรือ Apple Store มากันก่อน หลังจากนั้นให้เข้าไปในแอพพลิเคชั่นแล้วเชื่อมต่อกับระบบบลูทูธของโทรศัพท์ เมื่อเชื่อมต่อเสร็จแล้วเราสามารถใช้งาน Jabra Elite 5 ได้ทันที
การใช้งานแอป Jabra Sound+
ในแอพพลิเคชั้น Jabra Sound + เราจะสามารถทำการเปิดปิด โหมด Active Noise Cancellation หรือ HearThrough ได้เลยจากในแอพเลยครับ และยิ่งไปกว่านั้นเรายังสามารถ เลือกที่จะปรับ อิควอไลเซอร์ในแอพให้เป็นไปตามความชอบส่วนตัวของเราได้เลย โดยที่ตัวแอพพลิเคชั่นจะมี พรีเซ็ทมาให้แล้วมากถึง 6 แบบครับ และอีกสิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับใครหลายๆคน คือ โหมด Soundscape ซึ่งเป็นโหมดจำลองเสียงในลักษณะต่างๆมาให้เราได้เลือกใช้ โดยแบ่งออกเป็นสามชุดเสียงให้เราได้เลือกใช้กันครับ
- เสียงที่อยู่รอบตัวเรา
- เสียงธรรมชาติ
- เสียงที่ทำให้ผ่อนคลาย
คุณภาพเสียง
ในการทอดสอบฟังเพลงทั่วๆไป ตัว Elite 5 นั้นเหมือนกับจะมาในสาย Balance ทำให้ฟังเพลงได้ทุกแนว เสียงแต่ละย่านไม่กลืนกัน เสียงกลางจะเด่นมากหน่อย เรียกว่ามีความแตกต่างจาก Jabra หลายๆ รุ่นที่เสียงเบสจะโดดมาตึ๊บๆ แต่ตัวนี้ถือว่าเบสนุ่มกว่า
การควมคุมหูฟัง
แตะหนึ่งครั้งที่หูฟังข้างซ้าย = จะเป็นการสลับโหมด ระหว่าง ANC กับ Hearthrough
แตะหนึ่งครั้งที่หูฟังข้างขวา = จะเป็นการเล่นเพลงหรือหยุดเพลง
แตะสองครั้งที่หูฟังด้านขวา = จะเป็นการเปลี่ยนเพลงเป็นเพลงถัดไป
แตะสามครั้งที่หูฟังด้สนขวา= จะเป็นการถอยหลังกลับเพลงก่อนหน้า
การคุยโทรศัพท์
เสียงสนทนาชัดเจนทั้งต้นสายและปลายสาย โดยที่ไม่มีเสียงแทรกหรือเสียงรบกวนเลย
ระบบตัดเสียง
เมื่อพูดถึงระบบตัดเสียงของ Jabra Elite 5 มีอยู่ด้วยกันทั้งหมดสองแบบครับ
- Hybrid ANC จะถูกควบคุมการทำงานโดยชิป Qualcomm’s QCC3050 ทำให้เมื่อเข้ามาใช้ระบบนี้จะเป็นการตัดเสียงรบกวนภายนอกออกไปเลย โดยจะเป็นการทำงานด้วยชุดไมค์ภายนอกและภายในหูฟังที่จะส่งสัญญาณเสียงพร้อมกันเพื่อตัดเสียงรบกวนจากภายนอกและยังสามารถใช้ได้ระหว่างฟังเพลงหรือการคุยโทรศัพท์
- Hear Through เมื่อเปิดใช้งาน เราจะสามารถได้ยินเสียงรอบข้าง โดยที่เราไม่จำเป็นต้องถอดตัวหูฟังออกเลย ทำให้เราสามารถพูดคุยกับคนรอบข้าง หรือฟังบทสนทนาตอนนั้นได้เลยโดยที่ไม่พลาดอะไรเลยครับ
การดูหนัง
Jabra Elite 5 มาพร้อมกับระบบ Bluetooth 5.2 ที่ทำให้เชื่อมต่อได้เร็วยิ่งขึ้น ด้วยการเชื่อมต่อกับ ระบบ Google Fast Pair และ Microsoft Swift Pair ด้วยจุดเด่นที่เสียงกลาง ทำให้บทสนทนาต่างๆ ในหนังนั้นออกมาเคลียร์ และเสียงย่านต่ำก็เหมาะกับหนังแอ็คชั่นตูมตามใช้ได้เลย
ความทนทาน
Jabra Elite 5 ผ่านมาตราฐานนน้ำทนฝุ่น IP55 เพราะฉะนั้นหากไปวิ่งออกกำลังกาย เจอฝนตก เจอเหงื่อ ก็ไม่ใช่ปัญหาแน่นอน
แบตเตอรี่
ในการใช้งานหากเราเปิดระบบ ANC ไปด้วย เฉลี่ยแล้วจะสามารถใช้ได้ราวๆ 6-7 ชั่วโมง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับระดับเสียงเพลงที่เราเปิดอีกทีด้วยครับ ถ้าหากไม่ได้เปิด ANC ก็อาจจะอึดขึ้นอีกเป็น 8-9 ชั่วโมง ส่วนตัวเคสชาร์จนั้นสามารถชาร์จกลับได้ประมาณ 3 รอบ เพราะฉะนั้นอายุแบตรวมๆ ก็ราวๆ 30+ ชั่วโมงเลย
ส่วนระบบชาร์จทาง Jabra บอกว่า Elite 5 ชาร์จในเคสชาร์จเพียง 10 นาที สามารถใช้ได้นานถึง 1 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว ส่วนตัวเคสหากชาร์จผ่านระบบไร้สายก็ใช้เวลาประมาณ 180 นาที และมีระยะเวลาในการแสตนด์บายสูงถึง 275 วัน
สเปค Jabra Elite 5
- Hybrid Active Noise Cancellation (ANC) ที่มาพร้อมกับการป้องกันเสียงภายนอก ปรับจูนโดย Qualcomm QCC3050 Bluetooth SoC
- 6-microphone call technology with wind noise suppression
- Powerful 6mm speakers for goosebump-inducing, heart-racing, soaring sound
- ระบบปรับจูนอิควอไลเซอร์และ Spotify Tap Playback
- สามารถใช้ได้ยาวนานต่อเนื่องสูงสุด 7 ชั่วโมงเมื่อเปิดระบบตัดเสียงรบกวนภายนอก ANC (สามารถใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 28 ชั่วโมง เมื่อใช้คู่คับเคสชาร์จไร้สาย )
- มาพร้อมกับระบบผู้ช่วยอัจฉริยะของ Google Assistant** และ Alexa Built In for hands-free assistance on-the-go
- เชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบของ Google Fast Pair* และ Microsoft Swift Pair*
- Bluetooth Multipoint keeps you connected to two devices at once
- ผ่านมาตราฐานเกณฑ์ IP55 ป้องกันน้ำและฝุ่น
- รองรับ AAC,SBC และ Qualcomm aptX Audio
- ชาร์จไวผ่าน USB-C และแบบไร้สายมาตราฐาน qi
Comment