ช่วงปีที่ผ่านมา Lenovo มีสมาร์ทโฟนในตระกูล VIBE K ออกมาตีตลาดโดนๆ อยู่หลายรุ่น ไล่มาตั้งแต่ A7000 ที่เป็นนับเป้นต้นตระกูล ซึ่งก็ถือว่าขายดิบขายดีในบ้านเราไปเหมือนกัน มาจนถึง VIBE K4 และล่าสุด VIBE K5 ในปีนี้ ซึ้งทาง Lenovo ขนมาขายทั้ง K5, K5 Plus ในราคาที่ถือว่าน่าสนใจทั้งคู่ แถมยังห่างกันแค่หลักร้อย (จนส่วนตัวยังงงว่าแล้ว K5 ซึ่งเป็นรุ่นถุกสุดมันจะขายได้ยังไง) มาวันนี้เราได้ Lenovo VIBE K5 Note ตัวท็อปของซีรี่ส์มารีวิว ลองมาดูกันว่าพี่ใหญ่ของตระกูลจะแจ่มกว่าน้องๆ แค่ไหน

Play video

อุปกรณ์ภายในกล่อง

กล่อง Lenovo ในช่วงหลังๆ นั้นใช้ดีไซน์แบบเดียวกันทั้งหมดในตระกูล VIBE เลยก็ว่าได้ อุปกรณ์ในกล่อง VIBE K5 Note ก็มีตัวเครื่อง แผ่นฟิล์มกันรอย เคสใส (อันนี้เป็นเคสแข็ง)

ลองใส่ดูแล้วตำแหน่งช่องปุ่มต่างๆ ตัดมาตรงเป๊ะโอเคหมด แต่เนื่องจากเป็นเคสแข็ง เวลาจะถอดจะใส่ก็ต้องออกแรงนิดนึง

 สาย microUSB และหม้อแปลงจ่ายไฟ 5.2V 2A

สเปคและดีไซน์

สเปค Lenovo VIBE K5 Note

  • ชื่อและรหัสเครื่อง : VIBE K5 Note (A7020a48)
  • สัดส่วน : 152 x 75.7 x 8.5 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก : 165 กรัม
  • หน้าจอ : IPS LCD 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1920×1080 พิกเซล
  • เครือข่ายที่รองรับ:
    – 4G : LTE ครอบคลุมความถี่ของไทย
    – 3G : WCDMA 850 / 900 / 1900 / 2100
    – 2G : GSM 850 / 900 / 1800 / 1900
  • SIM : 2 SIM แบบ nano SIM (Dual standby)
  • OS : Android 5.1.1 Lollipop พร้อม VIBE OS
  • CPU : Mediatek Helio P10 Octa-core 1.8GHz
  • GPU : Mali T860MP2
  • RAM : 3GB LPDDR3
  • หน่วยความจำภายใน : 32GB รองรับ microSD card สูงสุดที่ 128GB (hybrid ที่ช่องซิม 2)
  • กล้องหน้า : 8 ล้านพิกเซล FF
  • กล้องหลัง : 13 ล้านพิกเซล, f/2.2, PDAF, LED flash
  • แบตเตอรี่ : 3500 mAh (ถอดไม่ได้)
  • NFC : ไม่มี
  • OTG : มี
  • ไฟแจ้งเตือน: มี
  • Gyrometer: มี
  • เซ็นเซอร์และการเชื่อมต่ออื่นๆ
    – GPS, A-GPS
    – Wi-Fi 802.11 b/g/n
    – Bluetooth 4.1 LE, A2DP
    – microUSB 2.0
    – หูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
    – วิทยุ FM
    – Accelerometer, Proximity, Light, Gyrometer
  • ฟีเจอร์เสริม : เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ, ระบบเสียง Dolby Atmos 24bit/192kHz
  • ราคาเปิดตัว : 7,990 บาท

ดีไซน์ของ Lenovo VIBE K5 Note ก็ออกแบบมาด้านหน้าเรียบๆ เหมือนรุ่นอื่นๆ ในตระกูล  ตัวเครื่องประกอบด้วยพลาสติกและโลหะผสมกัน ส่วนที่เป็นโลหะชัวร์ๆ แบบสัมผัสได้คือฝาหล้งชิ้นกลาง ส่วนที่ปิดหัวและท้ายยังเป็นพลาสติกสำหรับเสาสัญญาณทั้งมือถือ WiFi GPS และอื่นๆ

หน้าจอ IPS 5.5 นิ้วความละเอียด Full HD คมชัด รายละเอียดดี ไม่เห็นเม็ดพิกเซล สีสด สว่าง ด้านบนซ้ายสุดคือกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ถัดมาคือเซนเซอร์วัดแสงและวัดระยะ และช่องลำโพงสนทนา ขอบจอตอนที่ปิดนั้นก็ดูบางสวยงามดี แต่พอเปิดหน้าจอขึ้นมาก็จะเห็นว่าไม่ได้บางขนาดนั้น แต่ก้ไม่ได้เป็นปัญหาในการใช้งาน เพราะ VIBE UI ของ Lenovo นั้นยิ่งทำออกมายิ่งลื่น (ในตระกูล VIBE K ขึ้นมานะ รุ่นเล็กๆ อันนี้ว่ากันอีกที)

ด้านล่างตรงแถบ navigation bar นั้นเป็นปุ่มสัมผัสบนตัวเครื่อง จากซ้ายไปขวาคือปุ่ม recent app ตั้งค่าเปลี่ยนได้, home และ back ซึ่งทั้ง 3 ปุ่มนี้ไม่มีแสงนะจ๊ะ

ทางด้านซ้ายของเครื่องเป็นช่องถาดซิม โดยใช้เป็น nano SIM ทั้ง 2 ช่อง ช่องที่ 2 เป็นถาด hybrid เลือกสลับระหว่าง SIM หรือ microSD 

ด้านขวาช่วงกลางตัวเครื่องเป็นปุ่ม power เอาไว้เปิด/ปิด ถัดขึ้นไปเป็นปุ่มปรับเสียง ขอบรอบตัวเครื่องนั้นเป็นพลาสติกแต่มีการขัดเคลือบเงาให้ดูสวยงาม

ด้านล่างเป้นช่อง microUSB ข้างๆ กันทางซ้ายเป็นช่องไมโครโฟน

ด้านบนมีแต่ช่องหูฟัง 3.5 มม ซึ่งจะอยู่เยื้องไปทางขวานิดหน่อย

มาถึงด้านหลัง อันนี้แอบชอบที่ Lenovo เอาทุกสิ่งอย่างมาเรียงกันเป็นเส้นตรง มันดูเท่ดี ไล่จากบนลงล่างมาเลยคือไมค์ตัดเสียงรบกวน, กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, LED แฟลช, เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ นี่ถ้าช่องหูฟัง 3.5 ด้านบนย้ายมาอยู่ตรงกลางด้วยกันก็น่าจะสวยดี

ฟิล์มที่แปะบนด้านหลังนั้นมีข้อมุลตัวเครื่องอย่าง IMEI, Serial Number อยู่ด้วย แนะนำถ้าจะลอกออกก็เอาไปเก็บใส่กล่องไว้ด้วยกัน ไม่ใช่ลอกแล้วเอาไปทิ้งนะครับ 

เรื่องงานประกอบนั้นถือว่าค่อนข้างดี มีการขัดเก็บมุมลบคมทิ้งหมด ไม่ว่าจะเป็นช่องหูฟัง ช่อง microUSB ลูบไปก็ไม่มีบาด ปุ่มด้านข้างก็ดูแข็งแรงโยกได้เล็กน้อย แต่ไม่ใช่โยกเยกแล้วบิดไปเบี้ยวมา

UI และการใช้งาน

Lenovo VIBE UI บน VIBE K5 Note นั้นลื่นเลยครับ ถูไปไถมาก็พริ้วตามนิ้วได้ดีเหลือเกิน แถมยังทำ transition และ animation ออกมาได้ฉึบฉับ ดูฉับไว ไม่ว่าจะถู สไลด์ แตะเรียกฟังก์ชันหรือฟีเจอร์ต่างๆ ก็ดูสมูทไปหมด

  

UI ตอนนี้ดูมีความคล้ายและถือว่าใกล้เคียวกับ Pure Android มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการมาของปุ่ม App drawer แถบแจ้งเตือน (notification bar) แผงสวิชควบคุม (toggle switch) รวมไปถึงหน้าการตั้งค่าหรือ setting

  

แผงควบคุมนั้นปกติหลายคนอาจจะเอาไว้ใช้แค่เปิดปิด แต่อาจจะไม่รู้ว่าถ้าเราแตะค้างไว้จะสามารถเข้าไปที่ส่วนของการตั้งค่าได้เลย เรียกว่าเป็นทางลัดเผื่อต้องการตั้งค่าในส่วนนั้นๆ ใหม่

Gesture และฟีเจอร์เสริม

  • Quick snap การถ่ายภาพแบบรวดเร็วที่สามารถกดปุ่มเพิ่มหรือลดเสียง (ปุ่มไหนก็ได้) ย้ำกัน 2 ครั้ง ในขณะที่จอดับก็สามารถเปิดกล้องแล้วถ่ายภาพได้เลย จากที่ทดลองถ้าเราไม่ได้เปิดแอพกล้องค้างไว้ใน RAM มันจะไม่ค่อยเร็วเท่าไหร่ ใช้เวลาไปเกือบ 3-4 วินาที แต่ถ้าแอพกล้องยังเปิดค้างอยู่อันนี้เร็วละ ไม่เกิน 1-2 วิก็ถ่ายรูปได้ละ เอาไว้เรียกกล้องไวๆ ก็สะดวกอยู่
  • Knock to light เคาะหน้าจอติด ฟีเจอร์นี้เอาจริงๆ ก็มีเกลื่อนกันแทบทุกรุ่น และตอนนี้ก็ดูจะไม่ค่อยใหม่ละ แถมการมีสแกนลายนิ้วมือก็ทำให้ฟีเจอร์นี้ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่แล้ว
  • Micro screen ย่อเป็นหน้าจอเล็กสำหรับคนที่เจอจอใหญ่ๆ แล้วอยากจะพิมพ์มือเดียวก็สามารถเลือกเปิดโหมดนี้ได้ วิธีเรียกอาจจะประหลาดหน่อยคือต้องวาดนิ้วเป็นตัว C ที่ขอบจอเร็วๆ ถ้าลากช้าไปจะไม่ติด ซึ่งถ้าชินแล้วก็เรียกติดแทบทุกครั้ง ข้อดึของ Micro screen บน VIBE K5 note คือมันดึงเอาปุ่ม recent app, home , back ขึ้นมาบนนหน้าจอด้วย บางยี่ห้อไม่ดึงขึ้นมาให้เวลาจะกดลำบาก (ถ้าเปิด Micro screen จะใช้งาน VR Mode ไม่ได้)
  • Smart scene เลือกช่วงเวลาหรือองค์ประกอบอื่นๆ เพื่อเปลี่ยนการตั้งค่าได้ เช่นไปเรียนไปทำงานก็ตั้งเวลาให้มันปิดเสียงเปิดสั่น ,ตอนพักเที่ยงให้มันปรับเสียงแจ้งเดือนให้ดังสุด เพราะบางทีออกไปกินข้าวข้างนอกเเสียงจอแจไม่ได้ยิน หรือเวลาเจอ WiFi ชื่อนี้แปลว่าเรากลับบ้านแล้ว ก็เปลี่ยนการต้้งค่าเปิดเสียงเตือน มาต่อ WiFi ปิดเน็ตอะไรแบบนั้น

  

  • Wide touch ปุ่มลอยๆ แบบ iOS ที่บางคนชอบใช้ บางคนก็บอกว่ารกจอ (เพราะ Android ก็มีปุ่ม home, recen tapp ให้ใช่งานอยู่แล้ว) 
  • Flip to sleep คว่ำเครื่องเพื่อปิดหน้าจอ
  • Fingerprint gesture ใช้ปุ่มสแกนนิ้วเป็นปุ่ม Home , Back และชัตเตอร์กล้อง
  • VR Mode Switch เปลี่ยนหน้าจอเพื่อใช้งานกับแว่น VR (ถ้าเปิดโหมดนี้จะใช้ Micro screen ไม่ได้

เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ

Lenovo VIBE K5 Note นั้นไม่ได้มีสแกนนิ้วไว้เพื่อปลดล็อคเท่าน้้น แต่ยังสามารถใช้มันแทนปุ่มต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้แทนปุ่ม power เวลาปลดล็อคหน้าจอเครื่อง หรือใช้เป็นปุ่มชัตเตอร์กล้องเวลาถ่ายภาพ

นอกจากนั้นยังสามารถแตะเพื่อเป็นปุ่ม back หรือแตะค้างเพื่อกลับไปหน้าโฮมได้ด้วย ตัวเครื่องนั้นรองรับการลงทะเบียนสูงสุด 2 นิ้ว ส่วนการล็อคและปลดล็อคนั้นทำได้รวดเร็วและแม่นยำไม่แพ้รุ่นราคาหลักหมื่น

ประสิทธิภาพและการเล่นเกม

 

คะแนน Antutu ของ VIBE K5 Note ได้ไปราวๆ 45,000 สูงกว่า K5 Plus พอสมควรเลย 

 

ใช้ AIDA64 เช็คเซนเซอร์ต่างๆ ภายใน มีมาให้ครบครับรวมถึง Gyroscope เอาไว้ดูภาพและคลิป 360 องศา รวมถึงเกมที่ต้องใช้ AR

ผลทดสอบความเร็วหน่วยความจำภายใน RAM และระบบจาก Androbench

  

ลองเล่นเกมอย่าง Dragon Ball Z Dokkan Battle ก็ลื่นไหลดี เปิดโหมดกราฟิคเต็มที่ก็ไม่เจออาการกระตุกหรือหน่วงๆ ที่ในบางรุ่นเจอ

กล้องถ่ายภาพ

กล้องถ่ายภาพของ Lenovo VIBE K5 Note นั้นเปิดใช้งานได้เร็ว และไม่ได้มีลูกเล่นอะไรมากนัก มีแค่โหมด Panorama และ Filter สีเท่านั้น 

ในส่วนของการตั้งค่าสามารถเข้าไปปรับความละเอียดของทั้งภายถ่าย วิดีโอ รวมถึงเปิดพวกเซนเซอร์วัดระดับ

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง Lenovo VIBE K5

  

ส่วนกล้องหน้านั้นมีโหมดบิวตี้หน้าเนียนเรียกว่าไม่พลาด โดยระหว่างที่ปรับระดับไปเราก็ได้เห็นภาพจริงแบบ realtime ไปพร้อมกันว่าถ่ายออกมาแล้วจะเป็นยังไง

 

กรณีที่สีสันยังไม่โดนใจ หรือบางทีแสงน้อยเกินไป ก็สามารถเลือกเติมสีชมพูหรือสีเหลืองมาเป็นไฟส่องช่วยได้ 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า Lenovo VIBE K5 Note 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง Lenovo VIBE K5 Note 

ประสบการณ์ใช้งาน 

ส่วนตัวค่อนข้างพอใจกับ Lenovo VIBE K5 Note มาก ถือเป็นอีกรุ่นที่ราคาไม่ถึงหมื่น (7,990 บาท) แต่ก็ได้ประสบการณ์ใช้งานที่ลงตัว UI ลื่นไหลไม่ติดขัด RAM 3GB ก็ยังมีให้ใช้เหลือเฟือเพราะระบบไม่ได้กิน RAM ไปมากมาย แบตเตอรี่ 3500 mAh ทำให้การใช้งานได้จนดึกดื่น คือ 1 วันยังไงก็รอด ถ้าไม่ได้เล่นเกมหนักจริงๆ หรือใช้งาน GPS นำทางต่อเนื่องกันยาวๆ เสียงลำโพงตัวเครื่องก็ดังแถมมีเบสติดมาบางๆ กล้องก็ถือว่าถ่ายภาพออกมาได้ดีในหลายๆ สภาพแสงแม้จะปรับตั้งค่าไม่ได้มากหรือลูกเล่นน้อยแต่ระบบออโต้ก็ให้สีสันออกมาได้ดีทีเดียวครับ