สวัสดีเพื่อนสมาชิก Droidsans ทุกท่าน ผมได้รับมอบหมายจากท่านปรมาจารย์ octopatr ให้มารีวิวและแชร์ประสบการณ์การใช้งานมือถือรุ่นใหม่ของ LG ที่มีชื่อเล็กแต่ความสามารถนั้นต้องบอกว่าไม่เล็กตามชื่อเลย มันคือ LG G2 mini นั่นเองครับ นี่ถือเป็นรีวิวแรกของผมสำหรับบ้าน Droidsans หลังนี้ หากมีอะไรขาดตกบกพร่อง ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้า และพร้อมรับคำติชมจากเพื่อนสมาชิกทุกท่านครับ 

สำหรับ LG G2 mini นั้นพยายามถอดแบบมาให้ใกล้เคียงกับรุ่นพี่อย่าง LG G2 มากที่สุด และถูกวางไว้เป็นมือถือสำหรับตลาดกลางราคาถูก เพราะราคาเปิดตัวออกมาไม่สูงมากนัก จ่าย 10,000 ทอน 10 บาท หรือ 9,990 บาทนั่นเอง จะเขียนให้งงทำไมเนี่ย! แต่ถึงแม้เจ้า G2 mini จะเป็นมือถือที่ราคาไม่สูงมากแต่จากประสบการณ์ใช้งานมา 1 อาทิตย์และประสิทธิภาพที่ได้รับนั้นต้องบอกว่า เกินคาดไปเยอะ เลยสำหรับมือถือรุ่นนี้ เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า

[updated 01/04/2014] เพื่อนสมาชิก choeji แจ้งว่าเครื่องมีขายแล้วครับ

“ซื้อที่ร้าน Telewiz ที่หาดใหญ่ครับ ลงทะเบียนรับสิทธิ์ประกัน 18 เดือนได้ด้วย แต่ต้องลงภายใน 15 วัน โดยการโทรเข้า CC แล้วถ่ายรูปกล่องกับใบเสร็จส่งไปทาง mail”


ว่ากันด้วยเรื่องสเปก…

สเปกของ LG G2 mini นั้นจัดว่าดูดีพอสมควรสำหรับมือถือราคาเก้าพันกว่าบาท โดยมีสเปกดังนี้

  • สัดส่วน: 129.6 x 66 x 9.8 มิลลิเมตร
  •  น้ำหนัก: 121 กรัม
  • หน้าจอ: 4.7 นิ้วแบบ IPS LCD ความละเอียด qHD (960×540) ความหนาแน่นประมาณ 235 PPI
  • เครือข่าย: รองรับ 2G และ 3G ทุกเครือข่าย รองรับ 2 ซิมการ์ด พร้อมระบบ Smart Forward
  • CPU: Qualcomm Snapdragon 400 (MSM8226)
  • GPU: Adreno 305
  • RAM: 1 GB
  • พื้นที่ความจุ:GB (ใช้งานได้จริง 4 GB) เพิ่ม microSD ได้ถึง 32GB
  • OS: Android 4.4.2 KitKat
  • กล้องหลัง: 8 ล้านพิกเซล BSI
  • กล้องหน้า: 1.3 ล้านพิกเซล
  • แบตเตอรี่: 2,440

 

ขนาดกำลังพอดี…

ตอนที่ได้จับเครื่องครั้งแรกนั้นผมรู้สึกว่ามือถือเครื่องนี้ขนาดเล็กเหมาะมือกำลังดี สงสัยว่าหน้าจอคงจะประมาณ 4.3 นิ้ว-4.5 นิ้ว ปรากฎว่ามารู้ทีหลังว่านี่มันมือถือหน้าจอ 4.7 นิ้ว ก็ประหลาดใจพอสมควร เพราะเจ้า HTC One X คู่กายของผมเองมันก็หน้าจอ 4.7 นิ้ว เหมือนกันนี่นา ว่าแล้วก็จับ LG G2 mini มาเปรียบเทียบกับบรรพบุรุษ 4.7 นิ้ว อย่างเจ้า HTC One X ซะเลย

HTC One X นั้นมีขนาด 134.4 x 69.9 x 8.9 มิลลิเมตร จะเห็นได้ว่าถ้าดูจากด้านหน้า LG G2 mini นั้นมีขนาดเล็กกว่า HTC One X ประมาณ 5 มิลลิเมตรทั้งความกว้างและความยาว ในขณะทีมีหน้าจอขนาดเท่ากัน  ส่วนเรื่องความบางนั้น HTC One X ยังบางกว่าประมาณ 0.9 มิลลิเมตร แต่ก็ยังถือว่า LG G2 mini นั้นรูปร่างเล็กกว่าและพกพาสะดวกกว่าพอสมควร


รอบตัวเจ้า mini…

เนื่องจาก LG G2 mini นั้นตั้งใจถอดแบบมาให้เหมือน LG G2 มากที่สุดในขนาดที่เล็กลง ดังนั้นถ้ามองเผินๆเราก็คงคิดว่ามันคือ LG G2 แน่นอน แต่จริงๆยังมีส่วนที่ต่างออกไปจาก LG G2 ด้วย ลองมาดูรอบๆตัวของเจ้า mini ว่าจะเหมือนหรือต่างจากรุ่นพี่ตรงไหนบ้างครับ

ด้านหน้าของ G2 mini จะไม่มีปุ่มอะไรเลย โดยปุ่ม Back, Home และ Menu จะเป็น Softkey ที่อยู่ในหน้าจอทั้งหมด และสามารถปรับ Softkey เหล่านี้ได้ด้วย เดี๋ยวจะพูดถึงในส่วน Software ครับ ส่วนบนของหน้าจอจะประกอบด้วยลำโพงสนทนา, Proximity sensor และ กล้องหน้าครับ งานออกแบบด้านหน้าถ้าเราไม่สังเกตเราจะคิดว่าขอบจอของ G2 mini นั้นบางคล้ายๆกับ G2 แต่ถ้าเราสังเกตดีๆ จะเห็นว่าพอถัดจากกรอบสีขาวเข้ามาก็จะมีขอบจอสีดำล้ำเข้ามาอีกเล็กน้อยครับ อิอิ

สำหรับหน้าจอของ G2 mini มีขนาด 4.7 นิ้ว ใช้จอแบบ IPS LCD ทำให้มีมุมมองกว้างและสีสันสดใส ความละเอียดแบบ qHD ที่ 960x540 พิกเซล คิดเป็นความหนาแน่นของพิกเซลประมาณ 235 PPI ถึงความละเอียดจะดูน้อยแต่ความคมชัดของภาพยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี อาจจะมีตัวหนังสือที่ไม่คมจัดแต่ก็ไม่แตกจนน่าเกลียด


ด้านบนมี Infrared sensor สำหรับโปรแกรม QuickRemote, ไมค์ตัดเสียงและช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.


ด้านล่างประกอบด้วยช่องเสียบ microUSB ตรงกลาง และสองข้างนั้นดูเหมือนเป็นลำโพงทั้งสองด้าน แต่จริงๆแล้วด้านซ้ายเป็นไมค์สนทนา ด้านขวาคือลำโพงจริงๆ ครับ เนียนมั้ยล่ะ? โดยส่วนตัวชอบการวางลำโพงไว้แบบนี้ดีกว่าเอาไว้ด้านหลังมือถือเหมือนหลายๆยี่ห้อครับ เสียงที่ได้จากก็ลำโพงถือว่าดังใช้ได้ และเปิดดังเสียงก็ไม่แตกพร่าจนเกินไป พอใช้ฟังเพลงแก้ขัดเวลาอยู่ในห้องน้ำได้ครับ

 

ด้านหลังของ G2 mini นั้นถอดแบบมาจากรุ่นพี่เกือบจะทุกกระเบียดนิ้วประกอบด้วยกล้องหลัง, แฟลช, ปุ่มปรับเสียง และปุ่ม Power ส่วนที่ต่างจาก G2 คือฝาหลังจะสามารถถอดได้เพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่และใส่ซิมกับ microSD card นอกจากนั้นฝาหลังของ G2 mini จะไม่มีการเคลือบมันทำให้ไม่มีรอยนิ้วมือเหมือนกับรุ่นพี่ ซึ่งตรงนี้ผมว่าดีกว่านะ ชอบแบบด้านๆ ส่วนด้านข้างทั้งสองด้านไม่ขอพูดถึงเพราะมันไม่มีอะไรครับ


ระบบสแตนบายด์ 2 SIM พร้อม Smart Forward…

LG G2 mini เป็นมือถือที่รองรับการใช้งานได้ 2 SIM ทุกเครือข่ายของประเทศไทย โดยขนาดของ SIM เป็นแบบ microSIM การรับสายนั้นสามารถรอรับสายได้ทั้ง 2 SIM แต่การโทรออกและการใช้งาน 3G นั้นให้เลือกใช้ได้ SIM ใด SIM หนึ่งเท่านั้น ซึ่งการตั้งค่าสามารถทำได้ง่ายๆ โดยการเลือก SIM ที่จะโทรออกให้ใช้ปุ่มสลับ SIM ที่อยู่มุมขวาล่างของจอได้เลย ส่วนการตั้งค่า SIM 3G นั้นต้องเข้าไปตั้งในเมนู Dual SIM Card ในหน้า Settings แล้วเลือก Default data network แล้วเราจะสามารถเลือก SIM1 หรือ SIM2 เพื่อใช้งาน 3G ได้ครับ

นอกจากนั้นหากใครที่ต้องการให้รับสายของ SIM2 ได้ในขณะที่เรากำลังใช้สายของ SIM1 อยู่ LG G2 mini จะมีระบบ Smart Forward มารองรับเรื่องนี้ด้วย โดยหากเราเปิดระบบนี้ขึ้นมาไม่ว่ากำลังใช้สายของ SIM ไหนอยู่ หากมีคนโทรเข้าอีก SIM ระบบจะทำอยู่สองอย่างคือ โอนสายและรอสาย แน่นอนว่า ต้องมีการคิดค่าบริการเพิ่มเติมจากเครือข่ายของ SIM ที่โดนโอนสายไปด้วยนะครับ ดังนั้นถ้าจะใช้ Smart Forward ให้ตรวจสอบค่าบริการให้ดีด้วย


ความสามารถด้าน Software

LG G2 mini นั้นมาพร้อมกับ Android 4.4.2 KitKat เวอร์ชันล่าสุด โดยถือเป็นรุ่นแรกๆในตลาดกลางบ้านเราเลยทีเดียว ดังนั้นสิ่งที่มีอยู่ใน KitKat ก็มีมาในรุ่นด้วยครับ นอกจากนั้นก็อัดความสามารถมาแน่นเอี้ยด หลายๆอย่างที่เราคุ้นเคยและเป็นลายเซ็นต์ของ LG G2 นั้นถูกนำมาใส่ในเจ้าตัวเล็กแบบถ้าใส่ได้ ทำงานได้ดี ก็ใส่มาเลยไม่มีกั๊ก ไม่ว่าจะเป็น KnockON, QSlide, QuickMemo, QuickRemote และล่าสุด Knock Code ส่วน Slide Aside ที่ใช้สามนิ้วเปิด App ซ้อนๆกันนั้นไม่มีครับ

 

KnockON คือความสามารถในการเคาะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อเปิดและปิดหน้าจอโดยที่เราไม่จำเป็นต้องกดปุ่ม Power เลย เป็นสิ่งที่หลายๆคนชื่นชอบจาก LG G2 เพราะจะช่วยถนอมการใช้งานปุ่ม Power ที่มักจะเป็นปุ่มที่เสียเป็นอันดับแรกของมือถือในยุคหลังๆ โดย KnockOn ใน G2 mini ทำงานได้เนียนดีไม่มีปัญหา ตอนจอปิดอยู่เคาะ ก๊อก ก๊อก ก็เปิดขึ้นมา ตอนจะปิดหน้าจอก็เคาะไปบนที่ว่างบน Home screen หรือถ้าใช้งาน App อื่นอยู่ก็สามารถเคาะ 2 ครั้งบน Status bar เพื่อปิดหน้าจอได้เหมือนกัน แต่ก็แอบมีอยู่ 1 ครั้งที่มันไม่ทำงานเลยจนต้อง reboot เครื่องก็กลับมาใช้ได้เหมือนเดิมครับ

 

QSlide คือความสามารถในการเปิด App ขึ้นมาเป็น window บนหน้าจอ เพื่อทำงานแบบ Multitasking โดย QSlide อนุญาตให้เราเปิด App ได้ไม่เกิน 2 App พร้อมกัน วิธีการเปิดก็แค่ปัดเอา Notification bar ลงมา แล้วเลือกเปิด App จากส่วนของ QSlide ได้เลยครับ ตอนนี้ App ที่รองรับ QSilde มีเพียง 9 App พื้นฐาน คือ Videos, Internet, Memo, Phone, Messaging, Calendar, Email, File Manager และ Calculator แต่ LG น่าจะอัพเดตให้มีเพิ่มขึ้นในภายหลัง

 

QuickMemo นั้นเป็น App สำหรับจดโน๊ตเพื่อคนที่ชอบขีดๆเขียนๆ หรืออยากจะทำ screenshot แล้วจดโน๊ตลงไปบนรูปหน้าจอขณะนั้นก็ได้ครับ

 

QuickRemote อันนี้เป็น App ที่ชอบเป็นการส่วนตัวเพราะเป็นคนที่มีปัญหากับการใช้รีโมตหลายๆอัน โดย App ตัวนี้สามารถทำให้ G2 mini กลายเป็นรีโมตของ TV, เครื่องเล่น DVD และเครื่องเล่น Blueray ได้ ทีนี้ก็ไม่ต้องมีรีโมตหลายอันแล้ว น่าเสียดายที่ยังไม่รองรับพวก Set-top box เนื่องจากที่บ้านมีกล่อง Truevisions ด้วย ถ้ามี Set-top box ด้วยก็ครบถ้วนรีโมตสำหรับความบันเทิงในบ้านเลยทีเดียว สำหรับการเปิดใช้งาน สามารถเปิดจากใน Notification bar หรือเปิดตัว App ขึ้นมาโดยตรงก็ได้

 

Knock Code นั้นเป็นความสามารถใหม่ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปกับ LG G Pro 2 และทาง LG ก็เพิ่มเข้ามาให้ G2 mini เช่นกัน ส่วน G2 นั้นจะได้ความสามารถนี้พร้อมกับอัพเดต Android 4.4.2 KitKat ตัวล่าสุดนะครับ สำหรับ Knock Code นั้นเป็นวิธีการใหม่ในการปลดล็อคหน้าจอที่ LG ต่อยอดมาจาก KnockON โดยให้เราสามารถกำหนดการเคาะหน้าจอเป็นรูปแบบตามช่องสี่เหลี่ยม 4 ช่องที่กำหนดไว้ให้ ซึ่งเราสามารถเคาะเป็นรูปแบบที่เราต้องการได้ตั้งแต่ 2-8 ครั้ง ที่ผมบอกว่าต่อยอดจาก KnockON เพราะว่าเราสามารถเคาะตอนที่หน้าจอปิดอยู่ได้ ถ้าเคาะตรงตามรูปแบบที่กำหนดไว้ก็จะปลดล็อคหน้าจอเข้าไป Homescreen ให้เลย ตรงนี้ลองเล่นดูแล้วเท่ห์มากครับ ขอบอก เคาะกันมันส์เลย

 

สำหรับความสามารถด้าน Software อื่นๆ ที่น่าจะพูดถึงก็มีเรื่อง Softkey หรือ Front button ที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้เอง จะเพิ่มหรือลดปุ่มก็ได้ โดยมีให้เลือก 7 ปุ่มด้วยกันคือ Back, Home, Menu, Notifications, QuickMemo, Recent apps และปุ่มสลับซิม นอกจากนั้นก็สามารถเปลี่ยนสีพื้นหลังของแถบปุ่มนี้ได้ด้วย จุดขัดใจนิดหน่อยที่ไม่สามารถปรับความสูงของ Front button ได้ เพราะผมรู้สึกว่ามันค่อนข้างใหญ่และกินพื้นที่เยอะเมื่อใช้กับหน้าจอขนาดนี้ ซ่อนก็ไม่ได้อีกต่างหาก

 

นอกจากนั้นในส่วน Keyboard ภาษาไทย ของ LG ที่ได้รับคำสรรเสริญมากมายก็มีการปรับปรุงมาเป็นแบบ standard แล้วครับ เสียดายที่ตัวหนังสือขนาดเล็กไปหน่อย

 

สุดท้ายคือ Guest Mode ที่ให้เราสามารถตั้งรหัสปลดล็อกแบบพิเศษ เพื่อเข้าสู่ mode ที่เราควบคุมไว้ว่าจะให้ใช้ App อะไรได้บ้าง โดยไม่สามารถเข้าถึงส่วนอื่นๆในเครื่องได้ เอาไว้ใช้กรณีที่มีคนยืมมือถือเราไปใช้ หรือเพื่อนยืมไปเล่นแล้วเราไม่อยากให้เค้าเข้าถึงส่วนอื่นๆในเครื่องได้ครับ

 

กล้องหลังและกล้องหน้า…

กล้องหลัง ของ LG G2 mini จะถ่ายภาพนิ่งได้ที่ความละเอียดสูงสุด 8 ล้านพิกเซลสัดส่วนแบบ 4:3 และสามารถถ่ายแบบมุมกว้าง (wide) ได้ที่ความละเอียด 6 ล้านพิกเซลสัดส่วนเป็น 16:9 เซ็นเซอร์เป็นแบบ BSI ช่วยให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น และยังมีระบบ Multi-point Auto Focus ถึง 9 จุด ภาพถ่ายที่ได้จากเจ้า G2 mini ถือว่าค่อนข้างดี มี mode ถ่ายรูปให้เล่นหลายแบบไม่ว่าจะเป็น Normal, HDR, Panorama, Continuous shot, Beauty shot, Time catch shot และ Sports ลองมาดูตัวอย่างภาพถ่ายของ LG G2 mini กัน ทุกภาพแค่ผ่านการ resize มาอย่างเดียว

*ภาพฉบับเต็มแบบไม่ resize สามารถดูได้จาก ที่นี่ ครับ


ภาพถ่ายตอนกลางคืน ของ LG G2 mini นั้นยังถือว่าธรรมดาถึงแม้จะเป็นเซ็นเซอร์แบบ BSI ก็ตาม ต้องใช้การถ่ายแบบ HDR เข้ามาช่วยอีกต่อหนึ่งครับ 

 

สำหรับการถ่ายวิดีโอสามารถได้ที่ความละเอียดสูงสุด FullHD 1080p และ framerate ที่ 30 fps ภาพวิดีโอที่ได้ถือว่าชัดแต่เสียงที่อัดมาได้นั้นไม่ชัดเจนเท่าไหร่ เข้าใจว่าน่าจะเป็นเพราะตัวไมค์อัดเสียงยังไม่ใช่แบบคุณภาพสูงนัก นี่คือตัวอย่างวิดีโอครับ อ้อ การถ่ายวิดีโอสามารถ Pause กลางทางแล้วถ่ายต่อได้เลยนะครับ ไม่จำเป็นต้อง stop เพื่อบันทึกวิดีโอแล้วเริ่มถ่ายใหม่เหมือนกับมือถือหลายๆรุ่น ตรงนี้ถือว่าดีเลย

Play video


กล้องหน้า นั้นเป็นแบบ Fixed focus ความละเอียด 1.3 พิกเซล คุณภาพของภาพถ่ายก็ถือว่าตามมาตรฐานไม่มีอะไรพิเศษ แต่จะสามารถถ่าย Beauty shot ได้ด้วยสำหรับคุณผู้หญิงที่ชอบถ่าย Selfie นะครับ


สมรรถภาพและความอึด…

จากการใช้งาน LG G2 mini มาร่วม 1 อาทิตย์ และตั้งบรรทัดฐานการใช้งานว่านี่คือมือถือสำหรับตลาดกลางราคาไม่ถึงหมื่น ผมพบว่าประสิทธิภาพของมือถือรุ่นนี้นั้นดีมาก การใช้งานโดยทั่วไปลื่นไหลแทบทุกส่วน ไม่ค่อยมีอาการสะดุดให้เห็น นานๆจะเห็นครั้งหนึ่ง แต่เข้าใจว่าตอนนั้นอาจจะมีการเปิด app เยอะไปหน่อย ส่วนเรื่องเกมส์สามารถเล่นเกมส์ 2D ทั่วๆไปเช่น Cookie Run หรือ Candy Crush ได้แบบสบายๆ แต่เกมส์ 3D ต้องบอกว่าไม่ค่อยเหมาะ โดยปัญหาไม่ใช่เรื่องประสิทธิภาพของ GPU แต่เพราะเนื้อที่ในเครื่องที่ค่อนข้างจำกัดเพียงไม่ถึง 4GB เท่านั้น ลง Asphalt 8 ไปเกมส์เดียวแทบต้องเอา app ออกจากเครื่องเกือบหมดเลยครับ ผมลองใช้โปรแกรม Benchmark 2 โปรแกรมคือ Antutu X และ Basemark OS II วัดประสิทธิภาพของ LG G2 mini ผลที่ได้เป็นตามรูปด้านล่างนี้เลย

อย่างที่หลายๆคนเข้าใจคือ คะแนน benchmark ไม่ใช่สิ่งที่จะใช้วัดประสิทธิภาพของมือถือได้ 100% เพราะมันไม่ได้วัดจากการใช้งานจริง แต่มันก็เป็นสิ่งเดียวที่ผู้อ่านจะพอจับต้องได้จากการอ่านตัวหนังสือเพียงอย่างเดียว ดังนั้นการทำรีวิวต้องมีการทำ benchmark ไว้ใช้เป็นตัวเลขอ้างอิงกับการรีวิวอื่นๆ ด้วย สำหรับ LG G2 mini นั้นคะแนนที่ได้ไม่สูงมาก แต่การใช้งานจริงนั้นพบว่าลื่นไหลสบายๆเลยครับ โดยเฉพาะการเล่นเว็บนั้นลื่นมากจริงๆ ไม่ค่อยมีอาการสะดุดเลย ดูได้จากคะแนนเรื่อง Web ของ Basemark OS II นั้นพุ่งเลยทีเดียว

 

สำหรับแบตเตอรี่นั้นมันเป็นเรื่องที่ผมพอใจมากที่สุดจากการทดสอบครั้งนี้เนื่องจาก LG G2 mini นั้นถือว่าอึดใช้ได้เลยครับ ผมถอดสายชาร์จตอน 8.00 น.และมีการใช้งานทั้งวัน โดยเป็นการใช้งานทั่วไปคือ Social, ถ่ายรูป, ฟังเพลง และเล่นเกมส์บ้างแต่น้อย ปรากฎว่าตอนถึงบ้านประมาณ 21.30 น.ยังมีแบตเตอรี่เหลืออยู่ถึง 35% เรียกว่าการใช้งาน 1 วันนั้นสามารถผ่านได้อย่างสบายๆ (ใช้เบาๆอาจมี 2 วัน) สำหรับเจ้าตัวเล็กตัวนี้ถึงแม้จะมีแบตเตอรี่เพียง 2,440 mAh ก็ตาม เข้าใจว่าความละเอียดของหน้าจอที่เป็น qHD มีผลบวกต่อแบตเตอรี่พอสมควร

 

สรุปข้อดีและข้อเสีย…

ข้อดี

  • Android 4.4.2 KitKat
  • ใช้งานได้ 2 SIM
  • ประสิทธิภาพดี
  • แบตเตอรี่อึด
  • ภาพถ่ายสวย
  • ราคาไม่แพง

 

ข้อเสีย

  • ความจุที่เหลือให้ใช้น้อยเพียง 4GB
  • หน้าจอความละเอียด  qHD
  • ตัวหนังสือภาษาไทยบน Keyboard เล็กไปหน่อย
  • App ปิดตัวเองบ้างแต่ไม่บ่อย

 

 

แถมอีกนิดกับ ART บนเจ้าตัวเล็ก…

เนื่องจากว่า G2 mini นั้นเป็น Android 4.4.2 KitKat ซึ่ง Android เวอร์ชันนี้มาพร้อมกับ ART runtime ตัวใหม่ของ Android ที่จะมาแทนที่ Dalvik ตัวปัจจุบันในไม่ช้า ใครอยากรู้จัก ART ขอเชิญอ่านกระทู้ ที่ mod Gimme สรุปไว้ให้ได้เลยครับ คร่าวๆ คือ ถ้าเราเปลี่ยนมาใช้ ART แทน Dalvik แล้วการใช้งาน App ต่างๆจะรวดเร็วมากขึ้นและประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น แต่ข้อเสียคือ App จะใหญ่ขึ้นกว่าปกติเล็กน้อยและเวลาติดตั้ง App จาก Play Store ก็ใช้เวลามากขึ้นอีกนิด แต่คนมันคันมันก็ต้องเกาใช่มั้ยครับ? ว่าแล้วผมก็จัดการเปิด ART บนเจ้าตัวเล็กซะเลย พอเปิดแล้วเครื่องจะบังคับให้เรา reboot ครับ การ reboot ครั้งแรกนั้นใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพราะระบบต้องทำการแปลง App ทุกตัวที่อยู่ในเครื่องให้ทำงานบน ART ได้ หลังจากแปลงเสร็จและเข้าหน้าจอหลักแล้ว เครื่องก็แจ้งเตือนว่าพื้นที่เหลือน้อยไม่พอใช้งานทันที ผมก็เลยต้อง uninstall app ที่ไม่ใช้แล้วออกไปจากเครื่องพอสมควร 

จากการทดลองใช้งาน ART พบว่า เครื่องมีการทำงานที่ลื่นไหลขึ้นแบบรู้สึกได้ในทุกๆส่วน และแบตเตอรี่ก็อยู่ได้นานขึ้นอีกนิดหน่อย นอกจากนั้นไม่พบปัญหาเรื่อง App ไม่รองรับ ART แต่อย่างใด App ที่ทดลองใช้ทั้งหมดสามารถทำงานบน ART ได้อย่างไม่มีปัญหา รวมถึงเกมส์ด้วยเช่นกันครับ 

 

บทส่งท้าย…

LG G2 mini เป็นมือถือที่มีความคุ้มค่าระดับต้นๆ ถ้าเทียบราคาต่อสเปกที่ได้ และประสิทธิภาพโดยรวมจากการใช้งาน หากมีใครสักคนมาถามผมว่า งบไม่เกิน 1 หมื่นบาทมีมือถืออะไรแนะนำบ้าง LG G2 mini ต้องเป็นตัวเลือกอันดับแรกๆที่ผมจะแนะนำ มือถือรองรับ 2 SIM, ใช้งานได้ลื่นไหล, CPU และ GPU เชื่อถือได้, ขนาดไม่ใหญ่แต่ไม่เล็กเกิน, ภาพถ่ายจากกล้องค่อนข้างดี และยังได้ Android 4.4.2 KitKat มาพร้อม ในราคา 9,990 บาทนั้นถือว่าไม่แพงเลย และตอนนี้ LG Thailand ก็จะเริ่มวางจำหน่ายปลายเดือนมีนาคมนี้ มี 2 สีคือ ขาวและดำ พร้อมแถมเคส Quick Window ให้ด้วยครับ ใครสนใจก็เตรียมตังค์ไว้ได้เลย