นับจาก WellcoM ซึ่งเป็น house brand รายแรกที่ประสบความสำเร็จกับสมาร์ทโฟน Android ราคาประหยัดจาก WellcoM A88 (เชื่อว่าเป็นมือถือ Android ตัวแรกของใครหลายๆ คน) และยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องใน WellcoM A99 แต่หลังจากที่โดนซื้อกิจการไปก็หายตัวไปอย่างเงียบๆ

จนกระทั่งในปัจจุบันก็มี house brand ผุดขึ้นมาหลายๆ รายรวมไปถึงผู้ให้บริการก็กระโดดเข้ามาเล่นในตลาดนี้ด้วย เช่น True Beyond และ Go Live S จาก True Move H, TriNet phone จาก Dtac โดยในวันนี้เราจะมาพูดถึงน้องใหม่ล่าสุดอย่าง Mondo 

Mondo (มอนโด) ไม่ถือว่าเป็น house brand สัญชาติไทย เพราะ Mondo อยู่ในเครือของบริษัท Brightstar ผู้เชี่ยวชาญการจัดจำหน่ายสินค้า IT ทั่วโลก ส่วนในไทย Brightstar เป็นผู้จัดจำหน่าย (ดิสทริบิวเตอร์) มือถือให้กับ HTC ซึ่งรวมถึงบริการหลังการขาย แต่ในส่วนของ Mondo นั้นดูเหมือนว่า Brightstar จะให้บริษัท Advice เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายและบริการหลังการขาย

เนื่องจากผมมีโอกาสได้รับมือถือจาก Mondo มา 2 เครื่อง Click 4001 และ Connect 5701Q (ได้รับมาจากเพื่อนที่ทำงานอยู่ที่บริษัท “โทรศัพท์อะไร?” ขอให้ช่วยรีวิวลง Droidsans) ซึ่งผมจะมาบอกเล่าประสบการณ์ให้ฟังหลังจากได้มีเวลาลองเล่นมือถือตัวนี้ถึงสองสัปดาห์ (ดองไว้นานเกือบขึ้นเกลือ) แต่ผมจะพูดถึงรุ่นใหญ่อย่าง Connect 5701Q เพียงรุ่นเดียวเท่านั้น

Mondo Connect 5701Q

วัสดุ รูปทรง และขนาด
ขนาด: 161.5 x 83 x 9.9มม

Connect 5701Q ด้านหน้ามีรูปทรงคล้ายมือถือยี่ห้อนึงจากประเทศเกาหลีและมีขนาดค่อนข้างใหญ่เพราะหน้าจอที่กว้างถึง 5.72 นิ้ว ทำให้ไม่สามารถใช้งานมือเดียวได้ถนัด (แม้แต่ตอนถ่ายรูป) ส่วนวัสดุเป็นพลาสติกทั้งหมด โดยขอบด้านข้างมีการเคลือบอะไรบางอย่างทำให้มองดูคล้ายขอบโครเมี่ยม ส่วนฝาหลังเป็นพลาสติกเคลือบมันวาว เนื่องจากตัวเครื่องเป็นพลากสติกแบบมันวาวจึงทำให้มันเป็นรอยง่าย สามารถดูรูปรายละเอียดของตัวเครื่องได้ที่นี่

สัญญาณโทรศัพท์
เครือข่าย 2G: 900/1800MHz
เครือข่าย 3G: 850/2100MHz ความเร็วสูงสุด 7.2 Mbps

 
รองรับสองซิมโดยที่ทั้งสองซิมสามารถเลือกสลับได้ว่าจะใช้ 3G จากซิมไหนโดยไม่ต้องถอดซิมและเปิดปิดเครื่อง แต่น่าเสียดายที่รองรับ 3G แค่ 2 คลื่น (850/2100) ซึ่งจะใช้ได้ดีกับ DTAC และ True Move H แต่สำหรับ AIS อาจจะมีปัญหาหน่อย ถึงแม้ว่าทุกค่ายจะรองรับคลื่น 2100 แล้ว แต่เสาสัญญาณของคลื่น 2100 ยังไม่รองรับทั่วประเทศ ออกไปนอกพื้นที่อาจจะมีปัญหาในการรับสัญญาณ 3G
 
หน้าจอ
ขนาด : 5.72 นิ้ว (น่าจะเป็น IPS LCD)
ความละเอียด : 1280×720 pixels (~257 PPI)
Multitouch : 5 จุด 
 
 
หน้าจอมีความละเอียดระดับ HD (720p) ขนาด 5.72 นิ้ว (257 PPI)  รองรับการสัมผัสหน้าจอได้ 5 จุดพร้อมกันโดยไม่เพี้ยน ลื่นไหลติดนิ้ว หน้าจอสีสดมุมมองกว้าง ถึงแม้หน้าจอจะใหญ่แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าหน้าจอหยาบจนเห็นเม็ดพิกเซลเมื่อดูด้วยตาเปล่า หน้าจอสู้แดดได้พอสมควรแต่ถ้าแดดจ้าเกินก็สู้ไม่ไหว (ดังรูปด้านบน)
 
ประสิทธิภาพและความแรง
ชิปเซ็ต: Mediatek MT6589T
CPU: Quad core 1.2GHz
หน่วยประมวลผลกราฟิก: PowerVR SGX544 MP
หน่วยความจำ: 1GB RAM 
หน่วยความจำภายใน: 4GB รองรับ micro SD เพิ่มได้ถึง 32 GB
 
 
ชิปเซ็ตจาก MediaTek ถือว่าแรงพอตัวผนวกกับหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) PowerVR จากซีรีย์ 5XT (SGXMP) ซึ่งเป็นซีรีย์ยอดนิยมที่นำมาใช้บน iPhone 4S และ 5 บน iPad Gen 2, 3 และ 4 ส่วน Android มีใช้ใน Samsung Galaxy S4 รุ่นชิปเซ็ต CPU Qualcomm แต่ใน Connect 5701Q ใช้ GPU รุ่น SGX544 MP2 ซึ่งเป็นรุ่นที่ต่ำสุดในซีรีย์ 5XT (SGXMP) นี้ (อ้างอิงจาก Wiki Pedia)
 
การใช้งานทั่วไปไหลลื่นไม่กระตุกโดยรวมนั้นดูดีในระดับนึง แต่มาตายตรงเนื้อที่หน่วยความจำภายในที่ให้มาแค่ 4 GB เท่านั้น ในขณะที่ house brand เจ้าตลาดอย่าง I-Mobile ในรุ่นหลังๆ เพิ่มเนื้อที่มาเป็น 8 และ 16 GB แล้ว แต่ยังดีที่สามารถเลือกติดตั้งแอพลง SD Card ได้ แต่ต้องเป็น SD Card ที่ class สูงหน่อย ไม่งั้นเวลารันแอพที่ติดบน SD Card จะกระตุก
 
ส่วนการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ รองรับการเชื่อมต่อทั้งแบบมาตรฐานเก่า USB Mass Storage และมาตรฐานใหม่อย่าง MTP โดย USB Mass Storage เป็นทางเลือกที่ดีเมื่อผู้ใช้เชื่อมต่อมือถือเข้ากับคอมพิวเตอร์ที่ยังใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP (รายละเอียดของ MTP ข้อดีและปัญหาบน Windows XP อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
 
คำแนะนำ: พบว่า Connect 5701Q เปิดโหมดการแก้ไขข้อบกพร่อง USB (USB debugging) ไว้โดยปริยาย (default) ซึ่งโหมดนี้ถ้าไม่จำเป็นก็ควรปิดไว้ เราจะเปิดโหมดนี้ก็ต่อเมื่อจะใช้คำสั่ง (command) สั่งเครื่องมือถือ Android เท่านั้น เช่น การ root เครื่อง การขอใช้สิทธิ root หรือ การบันทึกวิดีโอหน้าจอ เป็นต้น ดังนั้นไม่ควรเปิดโหมดนี้ทิ้งไว้ สามารถไปปิดได้ที่ การตั้งค่า -> สำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ -> การแก้ไขข้อบกพร่อง USB
 
มัลติมีเดียและการเล่นเกม
 
ถึงแม้ว่าชิปเซ็ตจาก MediaTek จะไม่ได้แรงเท่าชิปเซ็ตสี่แกน (Quad-Core) ของแบรนดังๆ แต่ก็ถือว่าเพียงพอต่อการเล่นเกมทั่วไปเช่น FIFA 2014, Kingdom Rush Frontiers, Real Steel World Robot Boxing, PVZ2 แต่ก็มีบางเกมอย่าง Asphalt 8: Airborne ที่กระตุกมากจนเล่นไม่สนุก ซึ่งผมเองก็ไม่ทราบว่ามันเกิดจากอะไร อาจจะเกิดจาก SD Card ของผมไม่เร็วพอ (class 4) หรือว่าเกมนี้ไม่ได้ทำมาเพื่อรองรับชิปเซ็ตจาก MediaTek เพราะมือถือตัวอื่นที่ใช้ชิปเซ็ตจาก MediaTek เมื่อเล่นเกม Asphalt 8: Airborne ก็มีปัญหากระตุกเช่นเดียวกัน
 
การฟังเพลง แอพ Music ที่ติดมากับเครื่องมี Equalizer มาให้ ส่วนหูฟังที่แถมมาเสียงไม่ค่อยดีเท่าไรแต่ลองเปลี่ยนไปใช้หูฟังตัวอื่น เสียงที่ได้ก็ดีขึ้นตามคุณภาพของหูฟัง ส่วนลำโพงเสียงเบามาก ถ้าใส่ในกระเป๋ากางเกงแทบจะไม่ได้ยินเสียงเรียกเข้า
 
ด้านการดูหนังตัวเครื่องสามารถเล่นไฟล์หนัง HD ความละเอียด 720p ได้สบาย ประกอบกับหน้าจอที่ใหญ่และสีสดทำให้ได้อรรถรสการดูหนังดียิ่งขึ้น แต่มาสะดุดตรงที่ลำโพงเสียงเบาไป เบามากจนบางฉากบางตอนฟังเสียงสนทนาในวิดีโอไม่รู้เรื่อง
 
GPS และการนำทาง
 
 
รับสัญญาณได้ดีในที่โล่งแจ้งแต่จะมีปัญหาในการรับสัญญาณหากตึกสูงมาบดบังหรือมีอะไรมารบกวนสัญญาณ กล่าวคือ GPS จะเป็นง่อยทันทีถ้าหากนำมาใช้ในเมืองที่ตึกสูงขนาบข้าง (เช่น ถนนสีลม ถนนสุขุมวิท สยาม เป็นต้น) หรืออยู่ใต้รถรางไฟฟ้า เพราะคลื่นไฟฟ้าจากรางรถไฟจะค่อยรบกวนสัญญาณ แต่ถ้าหากเป็นถนนที่ไม่มีตึกสูงขนาบสองข้างทางจะสามารถจับ GPS ได้ดี
 
การถ่ายภาพและวิดีโอ
กล้องหลัง : 8 ล้านพิกเซล มีแฟลช ถ่ายวิดีโอระดับ HD (720p)
กล้องหน้า : ข้างกล่องเขียนไว้ 2 ล้านพิกเซล แต่เอาเข้าจริงสามารถถ่ายได้ความละเอียดสูงสุดประมาณ 5 ล้านพิกเซล (2560×1920)
 

 
กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซลของ Connect 5701Q  ตัวกล้องมีการดึง contrast ทำให้ภาพออกมาสีสดนิดนึง (บางคนชอบภาพสีสด) และไม่ค่อยมีปัญหาหากถ่ายในสภาวะแสงที่พอเหมาะ ส่วนการถ่ายภาพในที่แสงน้อยต้องอาศัยความนิ่งของมือเป็นพิเศษ ถ้ามือไม่นิ่งภาพที่ได้จะออกมาเบลอ
 
ตั้งค่าอัตโนมัติ
 
ตั้งค่าเอง
 
นอกจากนี้พบว่าบางภาพที่ถ่ายในสภาวะแสงน้อยๆ จะมีสีอมฟ้าดังรูปด้านบน เพราะการปรับสมดุลแสงสีขาวแบบอัตโนมัติ (AWB: auto white balance) เพี้ยน ทำให้บางครั้งต้องปรับตั้งค่า AWB เองแต่โดยรวมถือว่าระดับนึง (ดูรูปในกล้องหลังทั้งหมดได้จากที่นี่)
 
ส่วนกล้องหน้าข้างกล่องระบุมาว่า 2 ล้านพิกเซล แต่เอาเข้าจริงสามารถถ่ายได้ความละเอียดสูงสุด 2560×1920 หรือประมาณ 5 ล้านพิกเซล ถ่ายได้ดีในที่ที่มีแสงพอเหมาะ แต่ในที่แสงน้อยภาพจะติดมืดและอมสีฟ้า ไม่แน่ใจว่าเครื่องที่ได้มามีปัญหาหรือเปล่า เพราะไม่ว่าจะถ่ายกี่ครั้งทางฝั่งขวาของภาพก็ติดเบลอตลอด (ดูรูปในกล้องหน้าทั้งหมดได้จากที่นี่)
 
 
ส่วนฟีเจอร์และฟังก์ชันของตัวกล้องจะมีหน้าตาเหมือนกับมือถือ I-Mobile ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น โหมดถ่ายสวย โหมด HDR ช็อตต่อเนื่อง การตั้งค่า ISO การตรวจจับใบหน้า เป็นต้น โดยการตรวจจับใบหน้าสามารถตรวจจับหน้าของเจ้านกโกธรได้ด้วย (จะมีอธิบายในส่วนท้ายว่าทำไมฟีเจอร์ถึงเหมือนกัน)
 
 
วิดีโอถ่ายได้ความละเอียดสูงสุด 720p ทั้งกล้องหน้าและหลัง แต่กล้องหน้าอย่าคาดหวังอะไรมากเอาไว้วิืดีโอคอลอย่างเดียว กล้องหลังถ่ายวิดีโอถือว่าดีในระดับหนึ่ง แต่ในที่แสงน้อยๆ อย่างตู้ปลาประกอบกับปลาที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาทำให้โฟกัสวืดเป็นระยะ อย่างวิดีโอด้านบนผมถ่ายหลายครั้งกว่าจะได้วิดีโอที่ต้องการ แต่ข้อเสียไฟล์วิดีโอที่ได้เป็นนามสกุล “3gp” ซึ่งคุณภาพไม่เท่า mp4 และเมื่ออัพโหลดขึ้น YouTube จะโดน YouTube แปลงไฟล์แล้วความละเอียดหายไปเยอะ แนะนำให้ลองดูวิดีโอที่ยังไม่ได้ถูกแปลงที่ Dropbox

แบตเตอรี่และอายุการใช้งาน
แบตเตอรี่ : Li-Ion 2100 mAh
 
 
ดูเหมือนว่าแบตเตอรี่ให้เยอะมาพอสมควร (2100 mAh) แต่ยังต้องชาร์จวันต่อวันอยู่ดี (ใช้งานทั่วไป โทรบ้าง เล่นเกมบ้าง ท่องอินเตอร์เน็ตและแชท) แต่ถ้าใช้งานหนักๆ พอตกเย็นไม่ทันได้เข้าบ้านแบตเตอรี่ก็หมด ทางที่ดีควรพก power bank สำรองไว้ด้วย คงเป็นเพราะหน้าจอขนาด 5.72 นิ้วจึงทำให้กินแบตเตอรรี่พอสมควร ถ้าเล่นเกมต่อเนื่องแบตเตอรี่จะอยู่ได้แค่ประมาณ 2-3 ชม. ก็หมด (จากการทดสอบแบตเตอรี่ผ่านแอพ Antutu Tester ตามรูปด้านบนด้านซ้าย) แต่ยังดีที่อัตราการใช้พลังงานในโหมด stand by เครื่องนั้นน้อยมาก เปอร์เซ็นของแบตเตอรี่แทบจะไม่ลด (ตามรูปด้านบนด้านขวา) นอกจากนี้ไม่พบเจออาการแบตเตอรี่เหวี่ยงให้เรามาคอยระแวงว่าเครื่องจะดับลงตอนไหน
 
 
จุดติอีกอย่างนึงตรง adapter ชาร์จไฟที่ทาง Mondo ให้มามีแรงดันในการจ่ายไฟที่ต่ำ (500 mAh) ทำให้ใช้เวลาชาร์จนานมาก (2-3 ชม.) แนะนำให้หาซื้อ adapter ชาร์จไฟที่มีแรงดันซัก 1000 mAh กำลังดี
 
แบตเตอรรี่เหวี่ยง คืออาการที่อยู่ดีๆ เปอร์เซ็นของแบตเตอรี่ลดลงไปอย่างกะทันหัน ส่วนใหญ่จะพบเจอเมื่อระดับแบตเตอรี่ลดลงน้อยกว่า 50% มักจะเกิดขึ้นกับเครื่องมือถือ house brand ในรุ่นเก่าๆ และมือถือที่มีอาการแบตเตอรี่เสื่อม
 
ข้อดี
  • หน้าจอใหญ่ สีสด ภาพชัด
  • รองรับ 2 ซิมที่สามารถเลือกซิมที่ใช้ 3G ได้โดยไม่ต้องปิดเครื่องสลับช่องซิม
  • ไม่ดื้อ ไม่งอแง ไม่เจออาการค้างจนเครื่องดับไป
  • ราคาไม่แพง (6990 บาท)
ข้อด้อย
  • ลำโพงเบามาก
  • ฟอร์แมตไฟล์วิดีโอ (ที่ถ่าย) เป็นไฟล์นามสกุล 3gp ซึ่งมันแย่กว่า mp4
  • GPS จะเป็นง่อยเมื่อนำมาใช้ในเมือง
  • หน่วยความจำภายในให้มาน้อย (4GB)
  • Adapter ที่ชาร์จแบตเตอรี่ที่ให้มามีค่า Output น้อยแค่ 500 mAh เท่านั้น ทำให้ชาร์จไปได้ช้ามาก แนะนำให้หาซื้อใหม่

สรุป

Connect 5701Q เหมาะกับคนที่มองหามือถือหน้าจอใหญ่แต่ราคาไม่แพง คุณภาพสมราคา แต่ถ้าจะเอามาเล่นเกมด้วยต้องหาซื้อ SD Card ที่มี class สูงๆ เพิ่ม

แต่คู่แข่งของ Connect 5701Q นั้นมีเยอะพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น house brand อันดับหนึ่งอย่าง I-Mobile หรือแบรนดังๆ ที่กระโดดเข้ามาสู่ตลาดสมาร์ทโฟนราคาถูกอย่างน้องใหม่ Lenovo (Lenovo S920) หรือยักษ์ใหญ่เจ้าพ่อทุกตลาดอย่าง Samsung (Galaxy Grand Duos, Galaxy Mega 5.8) แม้แต่ Sony เองก็กระโดดเข้ามาในตลาดนี้เช่นกัน (Xperia C)

ทิ้งท้าย

ถ้าหากใครที่เคยใช้มือถือ Android จาก I-Mobile มาก่อน คงจะรู้สึกว่าทำไม UI และฟังก์ชันต่างๆ ในเครื่องหน้าตาถึงออกมาคล้ายๆ กัน นั่นเป็นเพราะทั้ง Mondo และ I-Mobile ต่างสั่งเครื่องจากบริษัท Alps Electric (Alps) มาขายเหมือนกัน ทำให้ UI และฟังก์ชันต่างๆ คล้ายกัน

 

โดยคุณภาพมือถือจาก Alps ก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จากแต่ก่อนจะมีปัญหาจุกจิกไม่ว่าจะเป็น ลงแอพใน SD Card ไม่ได้ (ทั้งๆ ที่ให้หน่วยความจำภายในมาแค่ 4 GB), RAM ให้มาแค่ 512 MB หรือ ปัญหาแบตเตอรี่เหวี่ยง แต่ในปัจจุบันปัญหาเหล่านี้ไม่พบเจอแล้ว แต่ก็มีเรื่องน่าติตรงที่หน้าตามักจะไปเลียนแบบแบรนดังๆ

ต่อมาในภายหลังทาง I-Mobile ได้ยกระดับตนเองขึ้นมา เป็นผู้ออกแบบฮาร์ดแวร์เองแล้วให้ทางบริษัท Alps ผลิตออกมาให้ ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ I-Mobile รุ่น IQ X ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร และอัดฮาร์ดแวร์เยอะขึ้น เช่น จับยัดกล้องถึง 18 ล้านพิกเซล หรือกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล มีแฟลช มุมมองกว้าง (Wide view angle) เป็นต้น นอกจากฮาร์ดแวร์แล้วยังเริ่มใส่ฟีเจอร์และลูกเล่นเข้ามาด้วยเช่น Smart Gesture ใน IQ 9.1

Mondo ในตอนนี้ก็เหมือนเพิ่งเริ่มต้น โดยคุณภาพของตัวเครื่องและราคาก็ค่อนข้างที่จะใกล้เคียงกันกับ I-Mobile แต่การเลือกซื้อมือถือนอกจากสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือเรื่องบริการหลังการขาย โดย Mondo จะมีรับประกันให้ 15 เดือน มีปัญหาเปลี่ยนเครื่องใหม่ภายใน 7 วัน และถ้ามีปัญหาสามารถส่งซ่อมผ่านร้าน Advice หรือ Big C สาขาที่ซื้อมาได้เลยครับ

แต่ก็ต้องชั่งใจหน่อยว่าบริษัท Brightstar ซึ่งเป็นผู้ดิสทริบิวเตอร์มือถือให้กับ HTC ในไทยนั้นมีชื่อเสียงในด้านบริการหลังการขายที่ไม่ที่ค่อยจะดีนัก