Nokia 8 มือถือรุ่นท็อปของค่ายในตำนานที่ แถมยังเป็นการกลับมาร่วมงานกันเป็นครั้งแรกกับ Zeiss ผู้ผลิตเลนส์กล้องชั้นนำ สิ่งที่หลายๆ คนรอคอยนั้น Nokia ภายใต้ HMD จะสามารถทำออกมาได้ดีแค่ไหน เสน่ห์อันน่าหลงไหลของแบรนด์จากฟินแลนด์จะยังคงอยู่หรือไม่ กล้องคู่ Dual Camera กับโหมดถ่ายภาพแบบ Bothie มีอะไรเป็นไฮไลท์ droidsans จะพาไปพิสูจน์พร้อมๆ กันใน รีวิว Nokia 8
จากเมื่อตอน Hands on ไปลองจับเครื่องจริงนั้น ผมไม่ได้ไปเอง แป่ว! เนื่องจากติดหลายงานเหลือเกินเลยให้น้องในทีมไปลองจับมา ซึ่งก็อาจจะได้รายละเอียดไม่ครบเท่าที่ควร แต่วันนี้ได้ลองเครื่องตัวเป็นๆ มาพร้อมกับแพ็คเกจกล่องขายจริง จับเอง เล่นเอง ลองเองทุกอย่าง เลยขอมาแชร์ประสบการณ์ถอดความออกมาเป็นรีวิวชิ้นนี้
อุปกรณ์ในกล่อง
แพ็คเกจของ Nokia 8 นั้นมาสไตล์เดียวกับ 3 5 6 ครับ รูปทรงเหมือนกัน แต่ของแถมที่ให้มาข้างในนั้นครบกว่าและพรีเมี่ยมกว่า
อะแดปเตอร์หรือหม้อแปลงนั้นรองรับระบบ Qualcomm QuickCharge โดยจ่ายไฟได้ตั้งแต่ 5V 2.5A / 9V 2A และ 12V 1.5A
ส่วนหูฟังที่แถมมานั้นเป็นแบบ in-ear ส่วนของไมโครโฟนมีปุ่มกดให้ 3 ปุ่ม รับสาย/วางสาย ในปุ่มเดียว ส่วนอีกด้านเอาไว้ปรับระดับเสียง
วัสดุและตัวเครื่อง
หน้าจอขนาด 5.3 นิ้ว กระจก 2.5D กับความละเอียด QHD ทำให้การแสดงผลบนหน้าจอนั้นคมกริบ สีสัน ความละเอียดดีเลยทีเดียว ส่วนนี้เราไม่สามารถปรับลดความละเอียดลงไปเป็น Full HD หรือ HD ได้นะครับ แต่ถ้าใครคิดว่าตัวหนังสือมันเล็กไปก็ลองเข้าไปปรับตั้งค่าเพิ่มขนาดได้ ซึ่งปรับได้ทั้งหน้าจอเลย ไอคอน ตัวหนังสือ ขยายใหญ่ขึ้นได้อีก
ด้านล่างตรงแถบสแกนลายนิ้วมือนั้นทำหน้าที่เป็นปุ่มโฮมไปในตัว ข้างซ้ายเป็นปุ่ม Back หรือย้อนกลับ ด้านขวาเป็นปุ่ม Recent app หรือ Overview ที่ใช้เปิดดูรายการแอปที่เปิดอยู่ทั้งหมด รวมถึงกดค้างเพื่อเปิด Multi window ทั้งสองปุ่มนี้มีไฟเรืองแสงอยู่ด้านล่าง อ้อ! ส่วนปุ่มสแกนลายนิ้วมือนั้นเป็นแบบสัมผัสนะครับ กดไม่ได้
ด้านบนมีกล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล จัดเต็มให้หมด มีทั้ง Auto-focus, PDAF รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K ส่วนใครอยากจะเซลฟี่ในที่มืด ถึงแม้จะไม่มี LED Flash มาให้ แต่ Nokia 8 สามารถใช้หน้าจอแทนแสงแฟลชได้
ปุ่มที่กดได้อยู่ด้านขวาคือปุ่มเปิดเครื่องและปุ่มปรับเสียง เนื่องจาก Nokia 8 และมือถือ Nokia ทุกรุ่นมาพร้อม Pure Android เวลาจะจับภาพหน้าจอก็ต้องใช้ 2 ปุ่มนี้แหละ นั่นก็คือ Power + Vol Down
อีกด้านเป็นช่องใส่ถาดซิม Nokia 8 เป็นถาดแบบ Hybrid รองรับ การใช้งาน 2 ซิมแบบนาโนคู่ หรือสลับเป็น 1 ซิม 1 microSD ก็ได้
ด้านบนเป็นช่องหูฟัง 3.5 มม ที่หลายๆ คนยังอยากให้มีอยู่ในสมาร์ทโฟนทุกรุ่นฮ่าๆ แน่นอนรุ่นนี้ยังไม่ตัดออกไปครับ มีให้ใช้ด้วย
ด้านล่างมีช่องไมโครโฟน พอร์ท USB Type C และลำโพง รุ่นนี้เป็นลำโพงเดี่ยวด้านล่างนะครับ ไม่เหมือน Nokia 6 ที่เป็นลำโพงคู่
ตัวเครื่องด้านหลังของสี Steel นั้นเป็นโลหะแบบ Unibody จับแล้วสัมผัสได้ถึงความเย็น และมีอุ่นเบาๆ ตอนเครื่องทำงานหนักๆ แต่ให้ความรู้สีกดี ถ้าหากเป็นสีเงาหรือรุ่น Polished ผิวสัมผัสจะเป้นคนละแบบกัน มีแถบสัญญาญคาดหัวท้าย ส่วนกล้องคู่เลนส์ ZEISS Optics นั้นมีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล เป็นกล้อง RGB + Monochrome มี PDAF, Infrared, และไฟ LED 2 สี
ดูจากด้านหน้าอาจจะรู้สึกว่ามันคล้ายกับรุ่นอื่นๆ แต่ถ้าลองมองในมุมนี้จะเห็นว่ามีการดไซน์ให้เครื่องนั้นเว้าลง เวลาหยิบหรือจับมันจะได้รับเข้ากับมือมากขึ้น รู้สึกได้ว่า Nokia 8 นั้นจับถนัดกว่า Nokia 6 ที่เป็นทรงแท่งๆ แบบจริงจัง และจากมุมนี้ก็จะเห็นด้วยว่ากล้องหลังนั้นแทบจะไม่นูนขึ้นมาเลย
สเปค Nokia 8
- OS: Android 7.1.1 Nougat (สามารถอัพเดทเป็น Oreo ได้)
- หน้าจอ: 5.3 นิ้ว LCD ความละเอียด Quad-HD (2560×1440) Corning Gorilla Glass 5
- CPU: Qualcomm Snapdragon 835
- GPU: Adreno 540
- RAM: 4GB
- หน่วยความจำภายใน: 64GB รองรับ microSD การ์ดสูงสุด 256GB
- กล้องหลังคู่: Dual 13MP RGB OIS + 13MP Monochrome ZEISS optics, f/2.0, PDAF, IR range finder, dual tone flash
- กล้องหน้า: 13MP, f/2.0, PDAF, display flash
- มีสแกนลายนิ้วมือ
- รองรับ IP54
- แบตเตอรี่: 3,090 mAh รองรับ Quick Charge 3.0
- สัดส่วน: 151.5 x 73.7 x 7.9 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก: 160 กรัม
- สี: Polished Blue, Tempered Blue, Steel และ Polished Copper
- ราคาเปิดตัว 19,500 บาท
UI และการใช้งาน
เป็นส่วนที่เขียนยากมาก เพราะไม่รู้ว่าจะเขียนอะไร ฮ่าๆ เพราะมันคือ Pure Android ที่เหมือน Nokia 3 5 6 นั่นแหละ การกลับมาในครั้งนี้ของ Nokia นั้นพึ่งพลังของ Android และ Google พอสมควร โดยเฉพาะในเรื่องของสัญญาที่ให้ไว้กับทุกคนว่าจะมีการอัพเดท Nokia ทุกรุ่น 3 5 6 8 ขึ้นเป็น Android Oreo 8.0 แน่นอน เลยไม่รู้ว่านั่นเป็นอีกสาเหตุนึงที่ไม่ได้มีการปรับแต่ง UI ใดๆ รวมถึงฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มเข้าไปเลย
ประเด็นนี้แน่นอนว่ามีความเห็นแตกออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายนึงที่ชอบ Pure Android นั้นไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้ แต่อีกฝ่ายนึงที่อยากได้เอกลักษณ์ ความเป็นตัวเอง หรือตัวตนของ Nokia น้้นบอกตามตรงว่ามันไม่มี เพราะมันคือ Android โล้นๆ นั่นเอง
หน้าจอแบบ Pure Android ตอนนี้ไม่มีปุ่ม App Drawer แล้ว ใช้การสไลด์หน้าจอขึ้นเพื่อเปิดรายการแอปที่ติดตั้งไว้ทั้งหมดแทน
หน้าจอ Drawer หลังจากสไลด์ขึ้นมา แถบบนสุดคือแอปที่เปิดใช้งานบ่อยๆ
ที่หน้า Home มี App Shortcut แปะนิ้วไปที่ไอคอนแอปค้างไว้สำหรับเรียกคำสั่งที่ใช้บ่อยๆ เป็นการลดขั้นตอน ซึ่งแอปไหนจะมีไม่มีนั้นอยู่ที่ผู้พัฒนาแอปครับ ส่วนใหญ่แอปของ Google จะมีแทบทั้งหมด
หน่วยความจำในตัวเครื่องนั้นมีให้ 64GB เหลือใช้งานจริงราวๆ 50GB การตั้งค่าพิเศษ หรือโหมดคำสั่ง gesture ต่างๆ มีมาให้นิดหน่อย
เช่นการเคาะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่ิอเปิด หรือการพลิกเครื่องคว่ำลงเมื่อไม่อยากรับสาย หรือหยิบเครื่องขึ้นมาเสียง ringtone จะเบาลง
หน้าโฮมสามารถปรับแต่งได้ เลือกเอา Widget หรือเปลี่ยนภาพ Wallpaper ใหม่ก็อยู่ตรงนี้
ที่ชอบมากๆ เลยคือ Wallpaper สวยๆ เพียบ
ส่วนอันนี้ก็เป็น Widget ที่ผมใช้ประจำๆ คือ Widget ของปฎิทิน สะดวกดีครับ
อ้อ Nokia 8 มี Always on display ด้วย แต่หน้านี้ไม่สามารถปรับแต่งได้นะครับ จะมีข้อมูลของสายที่เราไม่ได้รับ email และข้อความ sms ที่ยังไม่อ่าน
ประสิทธิภาพ
เรื่องความลื่นความแรงอันนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย เปิด ROV ปรับสุดทุกอย่าง สบาย 30fps นิ่งๆ ยาวๆ หรือถ้าอยากได้ภาพสวยๆ เนียนๆ ผมลองเปิดโหมดเฟรมเรทสูงก็นิ่งๆ ที่ 60fps บวกกันหนักๆ อาจจะมีตกลงมาที่ 52-55fps บ้าง แต่ก็ยังถือว่าลื่นอยู่ (โหมดเฟรทเรทสูงก็จะกินแบตเป็น 2 เท่านะครับ)
คะแนน Antutu ทำออกมาได้ตามมาตรฐาน Snapdragon 835 อยู่ที่ 170,xxx ส่วน 3D Mark จัด Slingshot Extreme ได้ไป 3365
GPS ดีงาม มองเห็นหลายดวง และจับสัญญาณได้แม่นยำ เซนเซอร์ครบ Gyro เข็มทิศพร้อม มี Magnetometer
ระบบเสียงและการฟังเพลง
หูฟังที่แถมมาให้กับ Nokia 8 เป็นหูฟัง in-ear ซึ่งเท่าที่ทดลองฟังดูก็มีความใส แต่เสียงเครื่องดนตรีจะค่อนข้างชัดและมีมิติมากกว่าเสียงร้อง ลองฟังดูหลายๆ เพลงแล้วก็เหมือนกันครับ ถ้าฟังเพลงที่เน้นจังหวะหรือเสียงเครื่องดนตรีมากๆ นี่สนุกดีครับ แต่ถ้าเน้นฟังแนวที่เน้นเสียงคนร้องก็อาจจะไม่เด่นเท่าที่ควร ลองไล่หาดูในเครื่องก็ไม่มีเมนูให้ปรับเสียงหรือปรับค่า Equalier ใดๆ
ส่วนลำโพงที่ติดมากับตัวเครื่องก็มาแนวกลางๆ ครับ ใสๆ มีมิตินิดๆ
กล้อง Nokia 8
กล้องของ Nokia 8 ความละเอียด 13 ล้านพิกเซลเป็นกล้องคู่แบบ RGB และ Monochrome สามารถถ่ายภาพสี ภาพขาวดำ รวมถึงใช้วัดระยะทำโบเกต์เอฟเฟคหรือหน้าชัดหลังเบลอได้ด้วย
แต่ UI กล้องนั้นยังไม่แตกต่างจากเมื่อตอน Nokia 3 5 6 สักเท่าไหร่ คือมันดูง่ายก็จริง แต่ผมว่ามันไม่ค่อยสวย ที่แถบด้านบนรูปกล้องคู่คือการเลือกเปิดใช้งานกล้องทั้ง 2
โดยสามารถเลือกสลับระหว่างกล้องขาวดำ กล้องสี หรือเปิดคู่ไปเลยก็ได้ ซึ่งหากเปิดกล้องคู่ก็จะได้ความสว่างที่มากกว่า เนื่องจากเซนเซอร์ขาวดำจะมาทำหน้าที่ช่วยในการเก็บแสง เลยแอบสงสัยว่าจะมีใครเปิดเฉพาะกล้องสีหรือเปล่า? จริงๆ ไม่ควรมีในตัวเลือกอาจจะดีกว่า
ส่วนการใช้โหมด Bothie หรือ Dual Sight นั้นนอกจากถ่ายภาพแล้วยังสามารถบันทึกเป็นวิดีโอหรือจะ Live เพื่อถ่ายทอดสดขึ้นบน Facebook หรือ YouTube ก็ทำได้
ถ้าพูดถึงการบันทึกวิดีโอ เราสามารถเลือกอักเสียงได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นเสียงจากด้านหน้า ด้านหลัง หรือว่าเสียงรอบทิศทางที่มีระบบ Ozo Audio เข้ามาจัดการให้ ซึ่งคุณภาพเสียงที่ได้ออกมานั้นถือว่าน่าพอใจเลยครับ เสียงคนชัดเจน เสียงรอบๆ ตัวแม้จะดังแต่ในคลิปก็ถูกลดทอนลงไป แต่ยังมีรายละเอียดและทิศทางของเสียงอยู่ ลองฟังได้จากตัวอย่างคลิปที่ไปอัดมา
ตัวอย่างวิดีโอจาก Nokia 8 พร้อมระบบเสียง Ozo Audio
กลับมาที่เรื่องภาพถ่ายกันต่อ เราสามารถถ่ายภาพโบเกต์หรือหน้าชัดหลังเบลอได้ โดยสามารถเลือกจุดโฟกัส และระดับความเบลอได้ตั้งแต่ตอนถ่ายภาพ
และหากถ่ายเสร็จแล้วอยากจะแก้ไข ก็สามารถเปิดแอปแก้ไขภาพบเกต์ได้ด้วย จะย้ายจุดเป็นหลังเบลอหน้าชัด หรือหลังชัดหน้าเบลอก็ตามสะดวก แค่แตะย้ายจุดโฟกัสแล้วก็ไถได้เลย
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Nokia 8 (คลิกดูภาพใหญ่ได้)
ตัวอย่างภาพถ่ายจะเห็นได้ชัดเลยว่าถ้าแสงดีๆ ภาพจะออกมาคม สีสันสวยงาม แต่พอแสงเริ่มน้อยก็จะเห็นว่าน้อยส์จะเริ่มมา สีสันเริ่มหดหายไปทีละนิด รวมๆ ภาพในที่แสงดีๆ สูสีกับหลายๆ เจ้าละ แต่ที่แสงน้อยน่าจะยังต้องปรับปรุงเพิ่มอีกหน่อย ถ้าจะไปวัดกับกลุ่มเรือธงค่ายอื่นๆ
ตัวอย่างภาพถ่าย Selfie และ Bothie (คลิกดูภาพใหญ่ได้)
ส่วนกล้องหน้า 13 ล้านพิกเซลนั้นก็มีโหมดบิวตี้ด้วยเหมือนกัน ซี่งเลือกปรับระดับได้ หากมีการตรวจจับใบหน้าเจอก็จะปรับความสว่างให้อัตโนมัติ แต่ในบางครั้งยังเจอปัญหาอยู่บ้างเช่นภาพแรก ส่วนการเปิดโหมด Bothie นั้นจะไม่สามารถใช้งานบิวตี้ได้ เพราะฉะนั้นก็จะเป็นหน้าสดกันไปนะฮะ
แบตเตอรี่
จากการทดลองใช้งานมา 2-3 วัน Nokia 8 ปกติอยู่ได้ราวๆ 12-14 ชั่วโมง แต่ถ้าไม่ได้หยิบมาเช็คอะไรเลยก็ได้ทะลุวันครับ เรียกว่าการประหยัดพลังงานในโหมด Standby นั้นทำได้ดี ส่วนวันที่หนักๆ มีเวลาว่างให้เล่นเกมบ่อยๆ นี่ผมมันจะอยู่ได้ราวๆ 9 ชั่วโมง แต่ถ้าเลือกนับเอาเฉพาะเวลา Screen on Time หรือเปิดใช้งานหน้าจอก็ได้ราวๆ 4-5 ชั่วโมง
ส่วนการชาร์จแบตจาก 0-100% เต็ม นั้นราวๆ ชั่วโมงก็เต็มแล้วครับ โดยช่วง 30 นาทีแรกหรือช่วง 50% แรกจะขึ้นเร็วมาก เป็นผลพวงจากระบบ Quick Charge นั่นเอง
สรุปการใช้งาน Nokia 8
บทส่งท้ายนั้นผมขอสรุปสั้นๆ ง่ายๆ เพราะรายละเอียดในบทความนั้นครอบคลุมไปหมดแล้ว สำหรับใครอยากเห็นอะไรใหม่ๆ ล้ำๆ หรืออะไรที่เป็นเอกลักษณ์ในมือถือเรือธงนั้น รุ่นนีี้ยังไม่มีให้สัมผัสครับ
แต่ถ้าคุณรอการกลับมาของ Nokia อยู่ รุ่นนี้ซื้อได้ หรือถ้าอยากได้มือถือแรงๆ สเปคเทพราคาไม่แพง Nokia 8 ถือเป็นอีกทางเลือกที่คุ้ม และถ้าหากคุณชอบ Pure Android อยากได้รับอัพเดทเร็วๆ ก็จิ้มรุ่นนี้ได้เช่นกัน
โดยรวมผมชอบ Nokia มากๆนะ แต่จะดีกว่าถ้าได้จอ 5.5 นิ้วและปุ่มBack และปุ่ม Recent Key เป็นสามารถสลับกันได้แบบ Mate9 Pro เพราะถนัดกับการกด Back ด้านขวามากกว่าหวังว่าคงมีสักรุ่นจะทำมาเข้าทางผม
ใช้ 6 อยู่ 5.5" รู้สึกมันใหญ่ไปนะ แต่ถ้าปรับให้ผอมลงอาจจะดี
ถ้าเสียบชาตไปด้วยตอนเล่น ROV จะได้ 60 นิ่งๆไหมคับ
ยังมี Bug เรื่องบันทึกเสียงวิดีโอในโหมดถ่ายกล้องหน้าหลังพร้อมกันอยู่ สงสัยระบบงงไม่รู้จะเอาเสียงตรงไหนไว้ด้านหน้า
ส่วนภาพดีกว่าที่ผมคิดไว้ตอนเปิดตัวใหม่ๆ นะครับ สวยดีทีเดียว
ยิ่งดูรีวิวของช่อง StepGeekTV Online ยิ่งชัด Portrait Mod เก็บรายละเอียดของขอบได้คมดีมากครับ
สำหรับผมนะ ไม่ว้าว เลยอ่ะ
จำได้ว่า nokia มี launcher น่ะเค้าน่าจะเอามาลงด้วย
ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอนี่เข้าขั้นห่วยจนน่าผิดหวังนะผมว่า แถม UI กล้องผมว่าแอบชวนงง ๆ ต้องจิ้มเล่นอยู่พักนึงถึงจะหาเจอว่าจะถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอยังไง
ด้านหลังพอได้ แต่ด้านหน้าถ้าปิดโลโก้ NOKIA นึกว่าเครื่อง True
ส่วนตัวถอยมาแล้วครับ ให้ 8.5 เต็ม 10 คือมันดีนะ อธิบายง่ายๆมันก็คือ Google Pixel ใน แบรนด์ Nokia อ่ะครับ เรียบง่าย เรียบหรู ทำทุกอย่างได้ดีเหมือนๆกับเรือธงทั่วไป ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมคนอคติกับตัวนี้จัง สงสัยหวังกันไว้เยอะ ส่วนตัวผมโอเคกับมันมากๆครับ
+1
ทำไมรูปร่างมันเหมือน note 5 จังอ่ะ
nokia 8 มันต้อง design แนว premium สิครับแบบ 8850 / 8910
จัด body titanium มาเลยครับ ผมสาวก series 8 ถ้า design สวยๆมีโดน
ผมว่ามันเหมือนตระกูล Lumia ที่เป็น Windows Phone มากกว่า
ผมว่า snap 835 เลนส์ dual zeiss + กันสั่นหน้าหลัง (ไม่รู้กี่แกน) แค่นี้ต้นทุนก็บานละ
ถ้าเพิ่มบอดี้หรูๆ กว่านี้ ราคาคงกระโดดไป 2.2-2.4 หมื่นละมั้ง แต่ผมว่ามันโค้งไปนิด
ชอบแบบ 6 มากกว่า
สรุปจุดเด่นคืออะไร กล้องที่ชูใว้ ก็ไม่ได้ดีเท่าที่คาดหวัง ลาก่อย!
รุ่นนี้ไม่มีอะไรปังหรอก จุดเด่นที่เค้างัดมาก็ bothie กับ ozo และเลนส์ zeiss
ส่วนที่บอกว่า กล้องที่ชูไว้ ไม่ได้ดีเท่าที่คาดหวัง แล้วที่คาดหวังคือไรอ่ะ
google music ปรับ eq ได้นะครับ
ได้กลิ่นอายความเป็นเพียวแอนดรอยมากๆ คิดถึงสมัยเล่นรอม cm ยุคแรกๆเครื่องโมโต
มีวิทยุออฟไลน์ไหมครับ?
ทำไมคุณเน้นเรื่องนี้จังครับ? เห็นในpantip ก็ถามแต่คำถามนี้
ยังจะใช้อีกอยู่เหรอครับ เค้าฟัง Streaming กันหมดแล้ว หรืออยากฟังเสียงดีเจ?
ที่ต้องเสียบหูฟังแทนเสาอากาศใช่มั้ย เดาว่ามีนะ คือใช้ 6 อยู่
จริงๆ ฟังจากเน็ตก็ดีนะ ชัดเจนดี
เปลี่ยนจาก Nexus ข้ามมาตัวนี้เลยดีไม๊ เพราะ Pixel มันแพงเกิ้น
ก็มาสิ ผมว่ายังไงก็มีประกัน
สั่งจาก AIS Online store คืนวันที่3 ก.ย.(อาทิตย์) รอรับเครื่องอย่างใจจดใจจ่อ
เพราะใช้โนเกียมาตลอด ตอนนี้ยังใช้ Lumia620อยู่ เครื่องมาถึงมือวันอังคารตอนเที่ยง
ไม่รอช้ารีบแกะออก ด้วยความตื่นเต้น และอย่างภาคภูมิใจ รีบปิดเครื่อง Lumia620
เพื่อนำซิมมาใส่ในโนเกียตัวใหม่ และเปิดเครื่อง มีคนโทรมาทันทีม.!!!!
เขร้ร้ร้!!!!! พูดไปปลายสายไม่ได้ยิน พยายามหาเมนูปรับตั้งค่า ก็ไม่เจอ
ลองอัดวีดีโอ โทรไลน์ ก็ไม่มีเสียง…. สรุป… ส่งเคลมเมื่อวาน….
เข้ามาเย.. เขร้ร้ ด้วยคน nokia ก็แบบนี้ ถ้าได้เครื่องดีคือดีไปสุดติ่งเลย
สมัย 1020 ผมได้เครื่องแรกมากล้องร้อนแล้วโฟกัสหลุดเลย เบลอหมด
ไม่ได้เคลม พอดีอ้อนวอน nokia shop อยู่ ไม่เกิน 7 วันด้วย เขาเลยแกะ
กล่องใหม่ให้ เล่นไปแรกๆ โอเคหมด พอออกจากร้านเท่านั้นแล.. ไฟปุ่ม
back home search มันติดเองวุ้ย สรุปมันติดตาม proximity sensor
เออแน่ะ แต่ไม่เปลี่ยนแล้ว กลัวได้ของดีกว่านี้ นี่ตอนนี้ก็ยังใช้ได้ดี 3 ปีกว่าละ
สรุป nokia 8 ไม่มี dolby เหรอคับ นึกว่าเหมือน 6
จริงๆ รุ่นนี้ผมก็ว่ามันไม่ปัง ไม่โดน ตรงที่จุดเด่นมันดูไม่ค่อยเด่นเท่าไหร่ (bothie, ozo)
ผมเองก็ผิดหวังนิดๆ ที่ไม่มีอะไรแหวกแนว ก็กลมกลืนเรือธงค่ายอื่นกันไปหมด
แต่เห็นราคาแล้วก็แอบผิดหวังนิดๆ อีก ตอนแรกนึกว่า 2 หมื่นกว่า เลยไปถอย 6 มาละ
มีข้อสงสัยกับ ozo คือว่าสามารถอัดเสียงรอบทิศ (3 ทิศ) แต่มันมีแนวคิดยังไงคับ ใครรู้บ้าง
อย่างเช่นว่าอัดมา 3 ทิศ ก็ดังมันทั้ง 3 ทิศเลย หรือมีการกำหนดทิศทาง เช่นฝั่งกล้องหน้า
เป็นตัวหลัก อีกสองตัวเก็บรายละเอียดแต่ลดเสียงให้เบาลงหน่อย
แล้วการ mix เสียงเป็นยังไงคับ อัดมา 3 ทิศ แล้ว mix ลง stereo หรือว่ามีการเข้ารหัส
เพื่อเวลาฟังจะได้สมจริงมากขึ้น คือที่สงสัยนี่ไม่ใช่อะไร เพราะถ้า mix ลง stereo
ผมเข้าใจว่ามันไม่ได้มีอะไรพิเศษมากไปกว่าการเพิ่มไมโครโฟนเพื่อเก็บรายละเอียด
เสียงเพิ่ม เสียงรอบข้างอาจได้ยินชัดกว่าการอัดเสียงแบบธรรมดานิดหน่อย แบบนี้มันก็ดูไม่
น่าจะเอามาเป็นจุดเด่นได้นะ
เก็บข้อมูลครับ
ถามคนซื้อใช้แล้วครับว่า เจ้านี่รองรับ fullnetcom3.0 หรือไม่ (อย่าถามผมนะว่าทำไมถามแต่คำถามนี้ … เพราะผมจำเป็นในการใช้สองซิมที่มันต้องเป็น 3G ขึ้นไปทั้งสองซิมพร้อมๆกัน มันจึงเป็นตัวเลือกหลัก ก่อนที่จะดูอย่างอื่นเลย)
อยากรู้ว่าช่อง USB ของ Nokia 8 มันสามารถเสียบเป็นหูฟังได้ไหม ซื้อ Nokia 8 มาใช้แล้ว แต่ไม่เคยลอง เพราะหุูฟังที่แถมมาเป็นแบบ 3.5 กลัวถ้าซื้อหูฟัง USB Type-c มาแล้วใช้ไม่ได้…ซวย