Nubia Z11 มือถือเรือธงที่มาพร้อมกับสเปคที่แรงที่สุด ทั้ง Snapdragon 820, RAM 6GB, กล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ระบบเสียง Hi-Res และที่โดดเด่นคือดีไซน์จอไร้ขอบข้างที่ทำออกมาได้ทั้งเนียนและสวยงามจนหลายๆ คนแอบสนใจเมื่อครั้งมันเปิดตัวในต่างประเทศ และตอนนี้ Nubia Z11 นั้นเข้ามาวางจำหน่ายในไทยเป็นที่เรียบร้อยในราคาแค่ 15,990 บาท ซึ่งนั่นก็คือมือถือที่เราจะมารีวิวกันในวันนี้

Nubia ชื่อนี้อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูสักเท่าไหร่ เพราะแบรนด์นี้หลายๆ ครั้งเราจะเห็นผ่านสื่อต่างๆ ว่าเป็น ZTE Nubia บ้าง อะไรบ้าง เพราะ Nubia นั้นเหมือนเป็นแบรนด์ online ของ ZTE ที่ทำตลาดในจีน แต่ตอนนี้ทาง Nubia ประเทศไทยได้เข้ามาทำตลาดเองแล้ว และใช้ชื่อ Nubia โดดๆ เลย

เกริ่นตัวแบรนด์ไปเบาๆ แล้วคราวนี้มาถึงเจ้า Nubia Z11 ในมือเรากันเลยดีกว่า โดยรุ่นนี้มีการวางจำหน่ายแยกเป็น 2 สเปคด้วยกันคือรุ่น RAM 4GB และ รุ่น RAM 6GB สีดำทอง


แกะกล่องดูอุปกรณ์ภายใน

อุปกรณ์ในกล่องนี่ให้มาครบและดูอลังมาก ตั้งแต่หูฟัง In-ear ที่มีกล่องมาให้สวยงาม ไปจนถึงสายชาร์จและหม้อแปลงที่รองรับ Quick Charge 3.0

ชุดหูฟังนี้มาในกล่องเก็บพร้อมที่พันสายครบ แถมด้านล่างยังมีจุกหูฟังให้เปลี่ยนอีก 2 คู่

นอกจากนั้นก็เป็นหม้อแปลง Quick Charge 3.0 และสาย Micro USB Type C และตัวแปลง Micro USB เป็น Type C อีกหนึ่งชิ้น


สเปคและดีไซน์

ตัวเครื่อง Nubia Z11 นั้นมาพร้อมกับวัสดุโลหะ aluminium alloy unibody สวยงาม ผสมผสานกับหน้าจอ 5.5 นิ้ว ที่ใช้กระจกโค้ง 2.5D ผนวกกับเทคโนโลยี ARC 2.0 ที่ทำให้ออกมาเป็นจอไร้ขอบข้างได้แนบสนิทชิดกว่ายี่ห้อไหนๆ แถมยังทำให้ขนาดตัวเครื่องนั้นเล็กลงและจับได้ถนัดมือ

เฟรมตัวเครื่องที่นั้นเป็น aluminium 6000 ที่แข็งแกร่งและทนทานรองรับการตกหรือกระแทกแรงๆ ได้

ความละเอียดหน้าจอ Full HD ก็จริงแต่พิกเซลบนหน้าจอนั้นมีความละเอียดและทำออกมาได้ดีจนคมชัดและมีสีสดจนมองตอนแรกนีกว่าเป็นจอ AMOLED

วัสดุและงานประกอบนี่ถือว่าทำได้ดีมาก จับแล้วมีความหรูหราดูพรีเมียม ซึ่งตัวเครื่องรุ่น Black Gold สีดำทองนี่ฝาหลังสีดำ กรอบสีทองตัดกันสวยงาม ด้านล่างมีช่อง USB Type C ส่วนซ้ายเป็นไมโครโฟน และด้านขวาเป็นลำโพง

กล้องหน้าของ Nubia Z11 มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.4

กล้องหลังใช้เซนเซอร์ Sony IMX 298 ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.0 และยังมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลัง

 

สเปค Nubia Z11

  • หน้าจอจอ IPS LCD 5.5 นิ้ว Full-HD ขอบเป็นกระจก 2.5D

  • หน่วยประมวลผล Snapdragon 820

  • หน่วยประมวลผลกราฟฟิค Adreno 530

  • RAM 4GB / Black Gold Edition 6GB

  • หน่วยความจำภายใน 64GB, รองรับ Micro SD Card

  • กล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล

  • กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล

  • รองรับการเล่นเพลงความละเอียดสูง 24-bit/192kHz

  • แบตเตอรี่ขนาด 3,000 mAh

  • รองรับ 3G/4G VoLTE

  • Android 6.0.1 ครอบด้วย nubia UI 4.0

  • ราคาเปิดตัว 14,990 บาท / 15,990 บาท

 

UI และการใช้งานทั่วไป

 

Nubia Z11 นั้นใช้ Android 6.0 ที่มาพร้อมกับ UI ของตัวเอง นั่นคือ Nubia UI 4.0 ในเรื่องของหน้าตาและการใช้งานหน้าโฮมนั้นลื่นไหลไม่มีอาการหน่วงหรือกระตุกเลย เรียกว่าเนียนมาก ไม่ว่าจะปัดเรียกแถบ notification สลับหน้าจอ คือหลายคนอาจจะบอกว่าเพราะชิปมันแรงอยู่แล้ว แต่เอาจริงๆ การออกแบบ UI ให่ทำงานได้ลื่นๆ นั้นมันต้องมาจากการพัฒนาที่ดีด้วย

หน้าโฮม การติดตั้งแอพ ทุกสิ่งอย่างของ Nubia UI 4.0 นั้นอยู่ในตำแหน่งเดียวกับ Android ปกติทั่วไป แต่ต่างไปอย่างเดียวคือไม่มี App drawer ตามสไตล์ UI ค่ายจีนเลยก็ว่าได้

ปุ่มด้านล่างนั้นเราอาจจะเห็นแค่ปุ่มกลมหรือโฮมปุ่มเดียว แต่ถ้ากดให้จอติดก็จะมีอีก 2 จุดเพิ่มขึ้นมาให้เห็น ซึ่งอันนี้จะไม่เป็นสัญลักณ์อะไรพิเศษเพราะมันเปิดให้เราเลือกสลับได้ในการตั้งค่าว่าปุ่มไหนจะเป็น back ปุ่มไหนเป็น menu ส่วนปุ่ม recent apps นั้นเราต้องกดปุ่ม back ค้าง

 

อย่างนึงที่ติดเลยเวลาจะเข้าในการตั้งค่าคือเมนูภาษาไทยนั้นยังแปลมาไม่ดี คือรวมๆ 90% อ่านรู้เรื่อง แต่ไอ้ที่ไม่รู้เรื่องก็คืองงไปเลยว่าเขียนมาว่าอะไร ลองดูตัวอย่างได้ตามด้านบนครับ

 

ฟีเจอร์ Nubia Z11

Nubia นั้นขึ้นชื่อในเรื่องของการใส่ gesture control หรือการควบคุมด้วยท่าทางมาหลายรุ่นแล้ว และใน Nubia Z11 เองก็มีฟีเจอร์ที่เรียกว่า FiT 2.0 ที่สามารถสั่งงานได้จากขอบด้านข้างเครื่องได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น

แตะขอบ 2 ครั้ง เพื่อย้อนกลับ อันนี้เหมือนกดปุ่ม back แต่ไม่ต้องเอานิ้่วลงไปแตะด้านล่าง เคาะ ข้างจอเอาก็ได้

เลื่อนนิ้วขึ้นลงจากขอบเพื่อสลับแอพ อารมณ์เหมือนปัดหน้ากระดาษหนังสือ

 

ถูขอบขึ้นลงเพื่อล้างแอพ

แตะขอบแล้วลากเข้าเพื่อเลือกแอพ

 

 

ถูขอบทั้ง 2 ข้างพร้อมกันเพื่อเพิ่มลดความสว่าง หรือปรับลดเสียงเวลาฟังเพลง

 

พวกฟีเจอร์จากขอบจอนี่ต้องลองบ่อยๆ ถึงจะชินครับ ส่วนตัวผมเองก็ใช้แค่ไม่กี่อัน เอาเท่าที่ถนัดก็พอ

 

Screen split-up แบ่ง 2 จอใช้งานพร้อมกัน อันนี้เป็นฟีเจอร์ที่หลายๆ คนบอกว่ามันก็เหมือน Multi windows ทั่วไปหรือเปล่า ตอนนี้ Nougat มีหมดแล้ว แต่เอาจริงๆ มันเจ๋งกว่านั้น

เพราะปกติหลายๆ ครั้งที่เป็นเกมอาจจะแบ่งจอไม่ได้หรือพอแบ่งแล้วอีกจอนึงจะหยุดทำงาน แต่ Nubia Z11 มันเล่นเกมได้พร้อมกัน 2 เกมเลย โหดดด (แต่ระบบทัชมันอาจจะข้ามหน้าต่างกันนิดหน่อย แต่คงไม่มีใครเล่นเกมแอ็คชั่น 2 จอละมั้ง)

นอกจากนั้นยังมี gesture นิ้วที่ถู 3 นิ้วขึ้นเพื่อจับภาพหน้าจอ หรือใช้ 3 นิ้วสไลด์ไปด้านข้าง แต่ทั้งนี้ต้องเปิดใช้งานก่อนนะ

 

Dual Instance แยกร่างแอพเป็น 2 ได้ ใช้คนละ ID อันนี้เกือบจะดีแล้ว แต่มีข้อจำกัดคือได้แค่ไม่กี่แอพเท่านั้นเอง ลองแล้วมีแค่ whatsapp facebook และ wechat ที่แยกร่างได้

 

  

การจับภาพหน้าจอด้วย Nubia Z11 นั้นทำได้หลากหลายวิธี ตั้งแต่กดปุ่ม power + vol down กดทีเดียวเสร็จ หรือถ้ากดค้างก็จะมีตัวเลือกเพิ่มเติม เช่นจับภาพบางส่วน หรือจับแบบยาว หรือจะวางนิ้วค้างที่ปุ่มสแกนนิ้วก็ได้เช่นกัน

 

ประสิทธิภาพและการเล่นเกม

  

ด้วยชิป Snapdragon 820 งานนี้ก็คงไม่มีอะไรต้องห่วง ผล Benchmark จาก Antutu ก็วิ่งอยู่ราวๆ 120-130k สบายๆ

 

  

 

แถมยังแบ่งจอเล่นได้แบบนี้คงไม่ต้องกังวัลว่ามันจะแรงไม่พอนะ ฮ่าๆ

 

กล้อง Nubia Z11

กล้องของ Nubia Z11 นั้นใช้เซนเซอร์ Sony IMX298 มาพร้อม f/2.0 และระบบกันสั่น ถึง 3 ทอด ตั้งแต่กันสั่นจากมือ HIS กันสั้นที่เลนส์ OIS และ กันสั่นด้วยตัวช่วยประมวลผลหรือ EIS เรื่องกลัวภาพจะสั่นง่ายถ้ามือไม่นิ่งอันนีไว้ใจได้ ส่วนความเร็วและตัวช่วยในการโฟกัสนั้นก็มี PDAF และ closed loop motor ทำให้โฟกัสได่เร็วขึ้น จากที่ได้ไปลองมาเออก็โฟกัสเร็วดี

ส่วนตัวผมชอบโหมดโปรของ Nubia Z11 เพราะมันมีแถบ Peak Focus และการปรับตั้งค่าหลายๆ อย่างที่ช่วยในการถ่ายภาพได้คล้ายพวกกล้อง mirrorless

แล้วก็ยังมีโหมด Macro ที่มีแว่นขยายมาช่วยส่องให้เล็งง่ายขึ้นด้วย

แต่จะบอกว่ามีกันสั่น 3 ต่อขนาดนี้เอาไปเปิด long shutter ถือถ่ายดาวหรือไฟรถได้มั้ย มันก็ยังไม่พออยู่ดี พวกนั้นยังไงก็ต้องใช้ขาตั้งนะ โดยโหมด long shutter ของ nubia ก็ลากเวลาได้ยาวเป็นนาทีเลย

สีสันของภาพที่ได้จากกล้องของ Nubia Z11 นั้นค่อนข้างจะสดและจัดเลยทีเดียว คือถ้าใครชอบโทนภาพสีอิ่มๆ นี่น่าจะถูกใจ แต่ถ้าใครชอบภาพสีแนวธรรมชาติอาจจะรู้สึกว่ามันเข้มไป

Nubia Z11 ตัวอย่างภาพกล้องหลัง =

กล้องหน้าของ Nubia Z11 ก็ถือว่าจัดเรื่องเซลฟี่มาให้ด้วยเช่นกัน โดยมาพร้อม Live Filter คือเลื่อนปรับระดับและดูความเนียนได้แบบสดๆ ก่อนถ่ายกันเลย เลือกได้ถึง 7 ระดับ

 

= Nubia Z11 ตัวอย่างภาพกล้องหน้า =

แบตเตอรี่และอายุการใช้งาน

จากที่ได้ทดสอบมาแบตเตอรี่ 3000 mAh ของ Nubia Z11 นั้นดีพอที่จะใช้ได้ 1 วันสบายๆ แบบที่เรียกว่าลง Social ทุกสิ่งอย่างครบหมด LINE , Facebook, IG, Messenger และก็เล่นเกมได้บ้างนิดหน่อย แต่ถ้าเล่นเกมหนักๆ เป็นชั่วโมงต่อวันที่ช่วงเย็นๆ จะเจอการถามหาสายชาร์จเข้าให้

 

= วิดีโอรีวิว Nubia Z11 =

Play video

 

สรุปการใช้งานโดยรวม

 

Nubia Z11 นั้นถือเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่น่าสนใจมากๆ รุ่นนึงเลยทีเดียว โดยเฉพาะในเรื่องของสเปคกับราคาเรียกว่าคุ้มค่าเงินที่จ่ายไป ทั้งในเรื่องของดีไซน์และงานประกอบที่ทำออกมาได้ดี เรื่องขอบจอนี่ชอบมาก บางติดขอบจริงๆ เท่าที่เล่นมายังไม่เจออาการเอ๋อหนักๆ ค้าง หรือเด้งเลย ส่วนเรื่องความร้อนก็มีอุ่นๆ ที่ด้านหลังบ้างในบางครั้งใช้งานต่อเนื่องกัน หรือเอาไปเดินเล่นตียิมโปเกมอนตอนเที่ยงๆ แดดๆ

ส่วนเรื่องเสียงเพลงจากชิป AKM4376 เท่าที่ลองถ้าปิด Dolby Atmos เอาไว้และฟังกับหูที่ติดมาในกล่องถือว่าดีเลย เสียงมาครบที่ 3 ย่านแบบไม่แย่งกัน เบสจะกระชับหน่อยๆ เสียงกลางชัดเจน เสียงแหลมก็มา แต่จะบางกว่าเสียงกลางหน่อย

 

กล้องถ่ายภาพทำงานได้รวดเร็ว สลับโหมดก็ไว มีโหมดให้เลือกเยอะดี แต่ UI กล้อง ยังแอบงงๆ นิดๆ ส่วนความคมและสีของภาพนั้นใครที่ชอบสีอิ่มๆ แบบไม่ต้องไปปรับทีหลังน่าจะชอบกล้องของ Nubia Z11

โดยรวมแล้ว Nubia Z11 ถือเป็นมือถือที่น่าสนใจมากๆ รุ่นนึงในช่วงราคาหมื่นกลาง แค่ 14,990 บาทสำหรับรุ่น RAM 4GB หรือ 15,990 บาท สำหรับรุ่น RAM 6GB เพราะด้วยราคาแค่นี้ แต่อัดแน่นมาด้วยสเปคที่หลายๆ ค่ายขายกันอยู่ที่ 2 หมื่นบาทขึ้น และถึงแม้จะทำราคามาได้คุ้มกว่าค่ายอื่นๆ แต่เรื่องของงานประกอบก็ใช้วัสดุดี ดีไซน์ก็สวย แถมฟีเจอร์ต่างๆ ก็อัดแน่นมาเต็มที่ (บางอันอาจจะดูล้นๆ ไปบ้าง ก็ถือว่าเป็นของแถมไปละกัน)