มือถือเรือธงรุ่นล่าสุด OnePlus 11 5G ที่แน่นอนว่ามากับสเปคดุเดือดทั้งชิปตัวแรง, หน้าจอระดับท็อป และกล้องหลังเทพ ๆ ที่ไปจับมือกับ Hasselblad ตอนนี้ก็วางจำหน่ายในบ้านเราไปเรียบร้อยแล้ว ในราคาที่จับต้องได้ไม่ยากนักสำหรับมือถือระดับพรีเมี่ยมแบบนี้ เพราะเริ่มต้นแค่ 29,990 บาทเท่านั้น แต่การใช้งานจริง ๆ จะเป็นยังไงบ้าง และกล้องหลังจะเด็ดดวงแค่ไหนในการถ่ายภาพนิ่งกับวิดีโอ…ว่าแล้วก็มาดูกันเลยดีกว่า

ดีไซน์ตัวเครื่อง

ดีไซน์โดยรวมของ OnePlus 11 5G ก็ตามสไตล์มือถือ Android เรือธงที่มากับตัวเครื่องขอบโค้งมนพร้อมเฟรมโลหะเพิ่มความพรีเมี่ยมและแข็งแรง บริเวณโมดูลกล้องฝั่งซ้ายจะเชื่อมกับเฟรมเครื่องเป็นสีเงินวิ้งวับ (ดูเผิน ๆ เหมือนจะเชื่อมเป็นเนื้อเดียว แต่จริง ๆ มีรอยต่อให้เห็นอยู่)

สำหรับรุ่น 8/128GB ตัวเครื่องจะเป็นสีดำ Titan Black ส่วนรุ่น 16GB/256GB ที่เรารีวิวคราวนี้มีตัวเครื่องสีเขียว Eternal Green ซึ่งฝาหลังเป็นกระจกที่มีความมันวาวก็เลยเป็นรอยนิ้วมือง่ายมาก ๆ หากไม่ใส่เคส แล้วตัวเครื่องยังค่อนข้างลื่นด้วย

นอกจากนี้ตรงโมดูลกล้องที่แปะตรา Hasselblad ใต้กระจกครอบมีพื้นผิวที่เป็นลาย ๆ เวลามองเผิน ๆ จะเหมือนกระจกเป็นรอยนิ้วมือ เผลอเช็ดไปหลายทีเหมือนกัน

ขอบเครื่องด้านซ้ายมีปุ่มปรับเสียง ด้านขวามีปุ่ม Power และ Alert Slider สำหรับเปิด-ปิดโหมด Silent หรือ Vibrate ขอบล่างมีลำโพง ถาดซิม และพอร์ต USB-C ส่วนด้านบนมีแต่ไมโครโฟน กับรูลำโพง (เป็นรูสำหรับให้เสียงออกอีกช่องนึงนะครับ ลำโพงด้านบนจริง ๆ อยู่ตรงขอบจอด้านบนที่เอาหูแนบเวลาคุยโทรศัพท์)

หน้าจออย่างแจ่ม

หน้าจอของ OnePlus 11 5G ใช้ดีไซน์แบบขอบโค้ง และเจาะรูที่มุมซ้ายบนสำหรับวางกล้องเซลฟี่ โดยหน้าจอใช้พาเนล Super Fluid AMOLED with LTPO ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2K ( 3216 x 1440) รองรับรีเฟรชเรทระหว่าง 1 – 120Hz

รองรับการแสดงผล 10-bit, HDR10+ และ Dolby Vision จัดเต็มความบันเทิง ดู Netflix ได้แบบชัดเจนแจ่มแจ๋วแบบสีจะสวยไปไหนไม่รู้ แถมยังครอบด้วยกระจก Gorilla Glass Victus เพิ่มความแข็งแกร่งต่อรอยขีดข่วนและการตกกระแทก (ติดฟิล์มกันรอยมาเรียบร้อยจากโรงงานแล้วด้วย)

ลำโพงกระหึ่ม

ได้ลำโพงสเตอรีโอที่ให้เสียงดังฟังชัด และเสียงดีด้วย ลองเปิดเพลงที่ความดังสูงสุด เสียงไม่มีอาการแตกหรือเพี้ยนเลย เวลาอยู่ในห้องนอนใช้ฟังเพลงได้สบาย ๆ ไม่ต้องต่อลำโพง แถมยังมี Dolby Atmos เพิ่มความบึ้มบั้มของเสียงด้วยนะ

สเปคแรงแบบไม่ต้องสงสัย

สเปค ONEPLUS 11 5G

  • หน้าจอ AMOLED LTPO 3.0 ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด QHD+ รีเฟรชเรท 120Hz
  • CPU : Snapdragon 8 Gen 2
  • RAM (LPDDR5X) : 8GB / 16GB
  • ความจุ : 128GB (UFS 3.1) / 256GB (UFS 4.0)
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    • กล้องหลัก : เซนเซอร์ IMX890 ความละเอียด 50MP (f/1.8), กันสั่น OIS
    • กล้อง Ultra-Wide IMX581 ความละเอียด 48MP (f/2.2) มุมกว้าง 115 องศา รองรับการถ่าย Macro 3.5 ซม.
    • กล้อง Telephoto IMX709 ความละเอียด 32MP (f/2.0), ซูม Optical 2x
  • กล้องหน้า : 16MP (f/2.4)
  • การเชื่อมต่อ : 5G, Wi-Fi 6 (802.11ax), Bluetooth 5.3, NFC, USB-Type C 2.0
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ใต้จอ), Accelerometer, E-Compass, Gyroscope, Rear color temperature sensor,
    Rear 13-channel multispectral sensor, Proximity, Qualcomm Sensor Core, Bionic vibrating motor
  • ระบบเสียง : ลำโพงคู่สเตอริโอ, Dolby Atmos, Spatial Audio
  • แบตเตอรี่ : 5000 mAh รองรับชาร์จไว 100W
  • ระบบ Android 13 ครอบด้วย OxygenOS 13.0
  • ขนาด / น้ำหนัก : 163.1 x 74.1 x 8.53 มม. / 205 กรัม

ด้วยชิป Snapdragon 8 Gen 2 บวกกับ RAM ขนาด 8GB หรือ 16GB เรียกว่าแรงเหลือเฟือสำหรับการใช้งานทุกอย่างในปัจจุบันแล้ว เพราะลื่นทุกอย่าง ไม่ว่าจะดูคลิปดูหนังความละเอียดสูง, เล่นเน็ตเปิดทิ้งไว้หลาย ๆ แท็บ, เล่นเกม 3D กราฟิกจัด ๆ อย่าง Genshin Impact ปรับสุดก็ยังไหว (มีสะอึกบ้างเล็กน้อยเวลาศัตรูเข้ามารุมเยอะ ๆ) แต่แนะนำว่าปรับแค่กลาง ๆ – สูง ก็พอ…เพราะปรับสุดทุกอย่างเล่นไปซัก 10 นาทีแล้วเครื่องร้อนเลยล่ะ 555

ความจุในตัวเครื่องรุ่น 128GB จะเป็นแบบ UFS 3.1 ส่วนรุ่น 256GB เป็นแบบ UFS 4.0 ซึ่งตามสเปคแล้วความเร็วในการเขียน-อ่าน ของรุ่นใหม่จะเร็วกว่า (ประหยัดไฟกว่าด้วย) ทำให้การโหลดเข้าเกมหรือแอปต่าง ๆ ทันใจกว่า แต่เอาจริง ๆ ก็อาจจะไม่ได้แตกต่างกันมากมายจนเป็นปัญหาเลย ถ้าใครใช้รุ่น 128GB ก็ไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะยังไงก็เร็วอยู่ดีแหละ

กล้อง Hasselblad เทพทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ

กล้องหลังของ OnePlus 11 5G มีทั้งหมด 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก เซนเซอร์ IMX890 ความละเอียด 50MP + กล้อง Ultra-Wide IMX581 ความละเอียด 48MP + กล้อง Telephoto IMX709 ความละเอียด 32MP, ซูม Optical 2x โดยสามารถถ่ายภาพแบบ 10-bit ได้ด้วย และมีโหมดถ่ายภาพ / วิดีโอมาให้ใช้เพียบบบ ทั้งโหมด Pro, Pano, Long Exposure, Tilt-shift (ถ่ายภาพแบบ Miniature)

 

และโหมด XPan ถ่ายภาพที่อัตราส่วน 65:24 ให้อารมณ์แบบกล้องพาโน Hasselblad XPan ด้วยนะ

โหมดถ่ายวิดีโอก็มีให้เลือกเล่นกันเพียบเหมือนกันโดยโหมดถ่ายวิดีโอปกติจะถ่ายได้ตั้งแต่ 720p ไปจนถึง 8K 24fps ซึ่งแต่ละความละเอียดก็จะรองรับโหมด Steady ด้วย ทำให้ภาพออกมาสมูทลื่นไหลไม่เวียนหัว

Play video

Play video

Play video

Play video

ถ้ายังนิ่งไม่พอก็มีโหมด Ultra Steady ให้เปิดใช้สำหรับถ่ายวิดีโอที่มีการเคลื่อนไหวมากขึ้น จะปั่นจักรยาน หรือจะวิ่งถ่ายก็ยังสมูทได้อยู่ โดยโหมดนี้จะเปิดใช้ได้ที่ความละเอียด 1080p 60fps เท่านั้นนะครับ และจะมีให้เลือกย่อยอีกคือ Ultra Steady จะใช้เลนส์หลัก และ Ultra Steady Pro ที่จะใช้เลนส์ Ultrawide

Play video

Play video

เวลาถ่ายวิดีโอจะเลือกเปิดโหมดหน้าชัดหลังเบลอด้วยก็ได้นะ…เนียนดีเหมือนกัน

Play video

มีโหมด Movie ที่สามารถปรับแต่งค่าต่าง ๆ ได้ละเอียดมากขึ้น และเลือกถ่ายในฟอร์แมท LOG เพื่อเอาภาพไปแต่งต่อได้อีก

กล้องเซลฟี่ความละเอียด 16MP ก็มีลูกเล่นมาให้เพียบเลยในโหมด Beauty ทั้งปรับรูปหน้า, สีผิว, เติมลิปส์, หน้าชัดหลังเบลอ ฯลฯ จะถ่ายวิดีโอเซลฟี่ก็มีกันสั่นมาให้ด้วย แต่เสียอย่างเดียวคือสามารถถ่ายวิดีโอเซลฟี่เต็มที่ 1080p เท่านั้น

แบตอึด ชาร์จโคตรไว 100% ไม่ถึง 30 นาที

แบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh ใช้งานทั่วไปใส่ซิม 5G เล่นเน็ต แชททั้งวัน เล่นเกมนิด ๆ หน่อย ๆ ราวครึ่ง ชม. ดูคลิปจาก YouTube บ้าง ฟังเพลงกับหูฟังไร้สายบ้าง ถ่ายรูปถ่ายวิดีโอ ฯลฯ สามารถอยู่ได้สบาย ๆ ทั้งวันแบบไม่ต้องลุ้นว่าแบตเตอรี่จะหมดก่อนกลับบ้าน

เอามาทดสอบแบบจุก ๆ ด้วยการดูซีรีส์ Stranger Things บน Netflix แบบมาราธอน 1 ซีซัน ต่อกับ WiFi แสงสว่างหน้าจอ 60% เปิดลำโพง 50% ดูไปราว ๆ 10 ชม. 40 นาที พบว่าเหลือแบตเตอรี่อีกตั้ง 24% เลยนะ…อึดจริงอึดจังเลยล่ะ

ส่วนระบบชาร์จไว 100W นี่ก็เร็วแบบเร็วสุด ๆ สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 10% – 100% ได้ในเวลาไม่ถึงครึ่งชม. เร็วแบบบ้าบอมาก

สรุป

ข้อดี

  • สเปคแรงเร็วเกินพอ ตามสไตล์มือถือไฮเอนด์
  • หน้าจอสวย คมชัด ลื่นไหล
  • หน้าจอแบบ LTPO ปรับรีเฟรชเรทลงไปต่ำสุดได้ 1Hz ช่วยประหยัดพลังงานได้อีกหน่อย
  • กล้องหลังถ่ายรูปสวยทั้งแสงปกติและแสงน้อย
  • กล้องถ่ายวิดีโอได้ดี กันสั่นนิ่ง
  • ถ่ายวิดีโอ 8K ได้
  • มีโหมด Movie ให้ปรับแต่งกล้องวิดีโอได้ละเอียดขึ้น
  • ถ่ายวิดีโอแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ (อาจจะตัดขอบไม่เนียนแบบเพอร์เฟ็คท์แต่ก็ถ่ายออกมาสวยอยู่)
  • กล้องเซลฟี่มีลูกเล่นให้ปรับแต่งเยอะ
  • วิดีโอเซลฟี่มีกันสั่น
  • ลำโพงเสียงดี
  • แบตเตอรี่อึดสุดยอด
  • ชาร์จไวจัด ไม่ถึงครึ่งชม. ก็เต็ม แถมหัวชาร์จ 100W มาให้ในกล่องเลยด้วย
  • ราคาเริ่มต้น 29,990 บาท

ข้อสังเกต

  • กล้องหน้าถ่ายได้แค่ 1080p
  • ฝาหลังเป็นรอยนิ้วมือง่ายมากกก (แต่ยังไงก็ใส่เคสอยู่แล้ว)
  • ไม่มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น
  • ไม่มีระบบชาร์จไร้สาย

บอกเลยว่า OnePlus 11 5G เป็นหนึ่งในมือถือพรีเมี่ยมที่น่าสนใจมาก ๆ รุ่นนึง ด้วยราคาเริ่มต้นแค่สามหมื่นบาท (มีทอน) จนถึงตัวท็อปสามหมื่นหน่อย ๆ แต่ได้สเปคเทียบกับมือถือเรือธงค่ายอื่นสบาย ๆ แถมกล้องหลังก็ถ่ายสวยทั้งภาพนิ่งและวิดีโอแบบไม่เสียชาติเกิดมือถือที่ไปร่วมพัฒนากับ Hasselblad นอกจากนี้แบตเตอรี่ยังอึดและชาร์จไวเร็วจี๋อีกต่างหาก

Play video