กลับมาพบกันอีกครั้งกับการรีวิวสมาร์ทโฟน โดยรอบนี้เราไม่ได้นำแค่รุ่นเดียวมารีวิวให้ดู แต่ว่าเราจัดมารวดเดียวเลย 2 รุ่น จากทาง OPPO นั่นก็คือรุ่น A57 และ A77 ที่เรียกได้ว่าเป็นอีกคู่หนึ่งที่อยู่ในช่วงราคาที่หลายๆ คนสนใจ ที่ 7,990 บาท และ 10,990 บาท ขึ้นชื่อว่าเป็นสมาร์ทโฟนของ OPPO ก็แน่นอนว่าเน้นเรื่องการถ่ายภาพเซลฟี่อย่างแน่นอน แต่ว่าการใช้งานส่วนอื่นๆ ของทั้งคู่นั้นเป็นอย่างไรบ้าง ก็ลองกดเข้ามาอื่นเพิ่มเติมในรีวิวได้เลยครับ

มาเริ่มกันที่การไล่สเปคของ OPPO A57 และ A77 กันก่อนเลยครับ

สเปคของ OPPO A57

  • OS: Android 6.0 Marshmallow with Color OS 3.0
  • หน้าจอ: IPS TFT 5.2 นิ้ว ความละเอียด HD 720 x 1280 พิกเซล
  • CPU: Qualcomm Snapdragon 435 Octa-core 1.4GHz Cortex-A53
  • GPU: Adreno 505
  • RAM: 3GB
  • หน่วยความจำภายใน: 32GB รองรับ microSD สูงสุด 256GB
  • กล้องหลัง: 13 ล้านพิกเซล, f/2.2, PDAF, LED flash
  • กล้องหน้า: 16 ล้านพิกเซล, f/2.0
  • การเชื่อมต่อ:
    • Wi-Fi 802.11 b/g/n 2.4GHz
    • Bluetooth 4.1
    • Dual Nano-SIM
    • GPS, A-GPS
    • FM Radio
    • microUSB 2.0, รองรับ OTG
    • รองรับ 4G LTE
  • เซนเซอร์
    • Fingerprint
    • Accelerometer
    • Proximity
    • Light
    • E-Compass
  • แบตเตอรี่: 2,900 mAh
  • สัดส่วน: 149.1 x 79.2 x 7.7 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก: 147 กรัม

สเปคของ OPPO A77

  • OS: Android 6.0 Marshmallow with Color OS 3.0
  • หน้าจอ: IPS TFT 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080 x 1920 พิกเซล
  • CPU: Mediatek MT6750T Octa-core 1.5GHz Cortex-A53
  • GPU: Mali-T860MP2
  • RAM: 4GB
  • หน่วยความจำภายใน: 64GB รองรับ microSD สูงสุด 256GB
  • กล้องหลัง: 13 ล้านพิกเซล, f/2.2, PDAF, LED flash
  • กล้องหน้า: 16 ล้านพิกเซล, f/2.0
  • การเชื่อมต่อ:
    • Wi-Fi 802.11 b/g/n 2.4GHz
    • Bluetooth 4.2
    • Dual Nano-SIM
    • GPS, A-GPS
    • microUSB 2.0, รองรับ OTG
    • รองรับ 4G LTE
  • เซนเซอร์
    • Fingerprint
    • Accelerometer
    • Light
    • Proximity
    • E-Compass
  • แบตเตอรี่: 3,2 00 mAh
  • สัดส่วน: 149.1 x 79.2 x 7.7 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก: 147 กรัม

 

Hardware ตัวเครื่องและการออกแบบ

ขนาดตัวเครื่องของ OPPO A57 และ A77 เมื่อวางเทียบกันก็เห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน ด้วยขนาดหน้าจอที่ A77 นั้นมีขนาดที่ใหญ่กว่า แต่ด้านหน้านั้นมีความเหมือนกันแทบจะทุกอย่าง ยกเว้นเซนเซอร์ที่บริเวณด้านบนของตัวเครื่อง

พลิกมาด้านหลังก็แทบจะไม่ต่างกัน แต่ความรู้สึกในการจับนั้นแตกต่างกันอยู่พอสมควร เพราะว่า A57 นั้นใช้วัสดุเป็นพลาสติก แต่ว่า A77 นั้นมีตัวเครื่องเป็นโลหะ ทำให้เวลาถือนั้นมีความรู้สึกว่าพรีเมี่ยมกว่า

บริเวณขอบเครื่องของ A77 ก็มีความโค้งมนรับกับมือ เวลาลูบจะให้ความรู้สึกที่ราบรื่นกว่า ส่วน A57 นั้นมีน้ำหนักที่เบากว่า

ปุ่มสแกนนิ้วของทั้งสองรุ่นนั้นเป็นตามสไตล์ของ OPPO ซึ่งไม่สามารถที่จะกดได้ เตะได้อย่างเดียว

ด้านล่างของทั้งคู่นั้นมีรูเท่ากัน โดย A57 จะมีรูเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ไมโครโฟน อยู่ทางด้านซ้าย พอร์ต microUSB ตรงกลาง และ ลำโพงอยู่ทางด้านขวา ส่วน A77 ก็มีพอร์ตเท่ากัน แต่ว่าแค่สลับด้านกันเท่านั้น โดยลำโพงของทั้งคู่นั้นถูกปิดง่ายมาก เวลาเล่นเกมทีนี่เสียงหายตลอดเวลา แต่เราสามารถที่จะป้องกันได้ด้วยการใส่เคส เพื่อสร้างช่องว่างให้เสียงเล็ดลอดออกมาได้ครับ

ตำแหน่งของปุ่มพาวเวอร์และถาดใส่ซิมอยู่ทางด้านขวา

โดยถาดใส่ซิมนั้นเป็นแบบ Dual Nano SIM แยกช่องกับ microSD การ์ด ไม่ใช่เป็นแบบไฮบริด เราไม่ต้องเลือกว่าจะใส่ซิมหรือใส่เมมเพิ่มดี เพราะว่าใส่ได้พร้อมกันเลย

ส่วนด้านซ้ายมีเพียงปุ่มปรับเสียงและวางในตำแหน่งเดียวกันทั้งคู่

 

Performance ประสิทธิภาพการใช้งาน

OPPO A57 เลือกใช้ชิป Qualcomm Snapdragon 435 Octa-core 1.4GHz ที่มาพร้อมกับชิปประมวลผลกราฟฟิก Adreno 505 ควบคู่กับ RAM 3GB ส่วน OPPO A77 นั้นเลือกใช้เป็นชิป MediaTek MT65750T และใช้ชิปประมวลผล Mali-T860MP2 พร้อมกับ RAM 4GB ซึ่งทั้งคู่นั้นสามารถใช้งานทั่วไปได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด และสามารถเปิดใช้งานหลายๆ แอพได้พร้อมกัน

การเล่นเกมบน A57 และ A77 ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่รับได้ แต่ถ้าเจอเกมที่มีกราฟฟิกหนักๆ ก็มีกระตุกให้เห็น แต่ถ้าเล่นแค่ RoV ก็สามารถเล่นได้อย่างสบายๆ โดยมี framerate อยู่ที่ประมาณ 30fps พอๆ กันทั้งคู่

ผลการทดสอบ benchmark จาก AnTuTu ของ OPPO A57 นั้นมีคะแนนอยู่ที่ 45846 ส่วน A77 นั้นได้คะแนนมากกว่าอยู่เล็กน้อยที่ 52858 แต่ว่าได้คะแนน 3D น้อยกว่า ซึ่งน่าจะมาจากในเรื่องของชิปประมวลกราฟฟิกของทางฝั่ง MediaTek ที่ยังทำออกมาสู้ทาง Qualcomm ไม่ได้

GPS

ในเรื่องของการจับตำแหน่งจะมีความใกล้เคียงกันถ้าหากว่าอยู่ภายนอกอาคาร โดยทั้งคู่สามารถที่จะจับได้ค่อนข้างไว แต่ว่าถ้าเข้ามาอยู่ภายในอาคารจะเห็นความแตกต่างได้ค่อนข้างชัด เพราะว่า A77 นั้นจับได้เร็วกว่า A57 มาก ซึ่งบางที A57 ก็ไม่สามารถจับตำแหน่งได้เลยก็มีครับ

Battery

สำหรับแบตเตอรี่เท่าที่ลองๆ เล่นดูทั้งสองรุ่น ไม่ว่าจะเป็นการ เล่นโซเชียลมีเดียต่างๆ อ่านข่าว รวมไปถึงการเล่น RoV ประมาณ 2-3 ตา ก็รู้สึกว่าทั้งคู่สามารถใช้งานได้ตั้งแต่เช้ายันเย็น แต่ถ้าตัดการเล่นเกมออกไปก็สามารถที่จะอยู่ได้ถึงดึกแบบสบายๆ เลยครับ

 

Software ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์

ในเรื่องของซอฟต์แวร์ของทั้ง OPPO A57 และ A77 นั้นมาพร้อมกับ Android 6.0 Marshmallow ที่ถูกครอบด้วย Color OS 3.0 อีกที ซึ่งถึงแม้ว่าทั้งคู่จะมีซอฟต์แวร์ตัวเดียวกัน แต่ว่าฟีเจอร์นั้นมีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย โดยทาง A77 จะมีฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาอยู่บ้าง โดยจะเริ่มจากฟีเจอร์ที่ทั้ง A57 และ A77 นั้นมีเหมือนกันของครับ

  

Screen-off Gestures เรียกใช้คำสั่งขณะที่หน้าจอดับอยู่ ซึ่งก็จะมีฟีเจอร์ต่างๆ ให้เลือกใช้มากมาย หรือเราสามารถที่จะเพิ่มท่าทางการวาดของเราก็ยังได้

  • เตะสองครั้งที่ปุ่มโฮมเพื่อเปิดหน้าจอ
  • เตะสองครั้งที่หน้าจอเพื่อเปิดหน้าจอ
  • วาดเป็นรูปตัว O เพื่อเปิดกล้อง
  • วาดเป็นรูปตัว V เพื่อเปิดไฟฉาย
  • ควบคุมการเล่นเพลงด้วยการวาด < หรือ >

Quick Gestures

  • ลากสามนิ้วขึ้นหรือลงเพื่อทำการบันทึกหน้าจอ
  • ลากจากมุมซ้ายล่างหรือมุมขวาล่างมาตรงกลางพอ เพื่อเปิดการใช้งานโหมดมือเดียว

  

ส่วนฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาใน A77 ก็คือ ฟีเจอร์ Clone Apps ที่จะทำการโคลนแอพขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งแอพ ทำให้เราสามารถที่จะใช้งานสองบัญชี เพื่อแยกระหว่างเรื่องทำงานกับเรื่องส่วนตัวได้ ซึ่งในตอนนี้ยังรู้สึกว่ามีเพียงไม่กี่แอพเท่านั้นที่รองรับ (หาเจอแค่ WhatsApp ใครเจอว่าแอพอื่นสามารถใช้ได้ก็ลองคอมเมนท์มาบอกกันได้นะครับ)

แต่ฟีเจอร์หนึ่งที่ทาง A77 นั้นไม่มี แต่ว่า A57 นั้นมี ก็คือวิทยุ FM ซึ่งอาจจะเป็นอะไรที่ยังถูกใจผู้ใช้งานหลายๆ คนอยู่ครับ

 

Theme ปรับแต่งธีม

ขาดไม่ได้เลยกับสมาร์ทโฟน OPPO ที่เอาใจสาวๆ นั้นก็คือในเรื่องของการปรับแต่งธีม ซึ่งทาง OPPO นั้นก็มี Theme Store เป็นของตัวเอง โดยภายในก็จะมีธีมให้เลือกมากมาย เปลี่ยนได้ตามอารมณ์ความมุ้งมิ้งของตัวเองเลยครับ แต่ว่าเราไม่สามารถจับคู่เลือกไอคอนเองได้นะ สามารถใช้ได้ที่มาเฉพาะกับธีมนั้นๆ เท่านั้น

 

Camera กล้อง

กล้องของ A57 และ A77 จะเรียกว่าเป็นตัวเดียวกันเลยก็ว่าได้ เพราะว่ามาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล เท่ากัน มีโหมดการถ่ายรูปให้เล่นหลากหลาย เช่น Time-Lapse, Beauty, Panorama, HDR, Ultra HD, Filters, GIF, Double Exposure และ Expert mode

สำหรับโหมด Expert นั้นเราสามารถเราสามารถที่จะปรับ White Balance, Exposure, ISO, Shutter speed และ ระยะ Focus ได้ แต่ว่า A77 มีลูกเล่นเพิ่มเติมมาอีกอย่างคือ มีการรองรับการถ่ายแบบ RAW นั่นเอง

ภาพจากกล้องหลัง OPPO A57

ภาพจากกล้องหลัง OPPO A77

คุณภาพของภาพที่ถ่ายถือว่าทำออกมาได้ดีในสภาพแสงที่ดี ความเร็วในการโฟกัสก็อยู่ในระดับที่โอเค ไม่ได้ช้า แต่ว่าเมื่อตกกลางคืนแล้วก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของ noise ที่โผล่ออกมาให้เห็นกันอย่างชัดเจน

ในส่วนของกล้องหน้าที่เป็นจุดขายนั้นก็มีความละเอียดเท่ากันที่ 16 ล้านพิกเซล โดยในส่วนของลูกเล่นที่มาพร้อมกับกล้องหน้าก็มีจะโหมด Beauty ที่เราสามารถจะปรับความใสของหน้าได้ทั้งหมด 7 ระดับ และมีการปรับความอมชมพูของหน้า รวมไปถึงมีโหมด Bokeh มาให้ใช้สำหรับการละลายหลังอีกด้วย

     ภาพจากกล้องหน้า OPPO A57

ภาพจากกล้องหน้า OPPO A77

รูปถ่ายจากกล้องหน้าก็คงจะถูกใจสาวๆ หลายๆ คนอย่างแน่นอนครับ

 

สรุป

จุดเด่น

  • กล้องหน้าเซลฟี่ที่ไม่เป็นสองรองใคร
  • ใช้เป็น Dual Nano SIM แยกกับ microSD การ์ด
  • ประสิทธิภาพการใช้งานทั่วไปลื่นไหล
  • ตัวสแกนลายนิ้วมือเร็วและแม่นยำ
  • ลำโพงเสียงดัง

จุดด้อย

  • ภาพถ่ายตอนกลางคืนยังไม่ดีเท่าไหร่
  • ลำโพงถูกบังง่าย (แต่ใส่เคสแล้วช่วยได้)
  • GPS จับสัญญาณได้ค่อนข้างช้า (OPPO A57)
  • เล่นเกมกราฟฟิคหนักๆ มีกระตุกให้เห็นบ้าง

OPPO A57 และ A77 สนนราคามาที่ 7,990 บาท และ 10,990 บาท ตามลำดับ ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มวางจำหน่ายแล้วทั้งคู่ แต่เอาจริงๆ แล้วในช่วงราคานี้ก็มีตัวเลือกให้เลือกเยอะอยู่เหมือนกัน โดยสเปคของทั้งคู่ก็ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานตามช่วงราคา แต่ว่าทั้ง A57 และ A77 นั้นมีจุดแข็งโดดเด่นมากก็คือกล้องหน้าเซลฟี่ ถ้าใครที่มีงบประมาณนี้และต้องการเน้นในเรื่องการถ่ายภาพกล้องหน้า A57 และ A77 ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวครับ