มือถือน้องใหม่ล่าสุด OPPO A83 ที่เพิ่งจะเปิดตัวที่จีนต่อด้วยอินเดียไปได้ไม่นาน ตอนนี้ประกาศวางตำหน่ายในประเทศไทยแล้ว หน้าตาและดีไซน์มาแบบน้องๆ OPPO F5 กันเลย สเปคสูสี หน้าจอ Full Screen แต่มีขนาดหน้าจอเล็กกว่าหน่อย แถมยังมีกล้อง A.I. Beauty ใส่มาให้เหมือนรุ่นพี่ในราคา 7,990 บาท ราคานี้คุ้มหรือไม่ น่าสนใจแค่ไหนลองมาดูรีวิว A83 ไปพร้อมๆ กันได้เลย

สเปค OPPO A83

  • หน้าจอความละเอียด HD+  (720 x 1440) ขนาด 5.7 นิ้ว Full screen อัตราส่วน 18:9
  • CPU : Mediatek Helio P23
  • GPU : Mali-G71
  • RAM : 3GB
  • ความจุ : 32GB รองรับ MicroSD Card สูงสุด 256GB
  • กล้องหลัง : 13MP, f/2.2, PDAF, แฟลช LED
  • กล้องหน้า : 8MP + โหมด A.I. Beauty
  • การเชื่อมต่อ :  Wi-Fi 802.11 b/g/n, WiFi Direct, hotspot, Bluetooth 4.2, microUSB 2.0
  • เซ็นเซอร์ : Accelerometer, proximity, compass
  • แบตเตอรี่ : 3,180 mAh
  • สีที่วางจำหน่าย : สีดำ สีทอง
  • ราคาเปิดตัว 7,990 บาท

ดีไซน์ สเปค และความน่าสนใจของ OPPO A83

สเปคของ OPPO A83 นั้นถือว่าโอเคเลย เพราะทาง OPPO เลือกใช้ชิปเซ็ตตัวเดียวกับรุ่นพี่ตระกูล F5 นั่นก็คือ Helio P23 งานนี้เลยได้อานิสงค์เรื่องความแรงในการใช้งาน การประมวลผลกราฟิคที่เร็วขึ้นของ Mali-G71 ด้วย จุดที่แตกต่างในเรื่องของหน้าตานั้นก็คือขนาดหน้าจอที่เล็กลงเหลือ 5.7 นิ้ว ทำให้ตัวเครื่องโดยรวมก็มีขนาดเล็กลง ถือง่ายสบายมือมากขึ้น

หน้าจอ Full Screen 18:9 ความละเอียด HD+ 720 x 1440 นั้นถือว่ายังแสดงผลได้ดี ความคมชัดยังได้ ส่วนเรื่องความสว่างนั้นทำได้ดีทั้งในการลดแสง สามารถปรับให้มืดได้เกือบสนิท หากในบางทีต้องใช้ในที่แสงน้อยก็จะไม่แสบตา ด้านความสว่างก็สามารถปรับสู้แสงได้ จากภาพด้านบนก็น่าจะพอเป็นตัวอย่างได้ครับ

หน่วยความจำในตัวเครื่องที่ให้มา 32GB นั้นก็เหลือๆ (ให้มาเยอะกว่าเครื่องที่อินเดียซะอีก) ส่วน RAM 3GB นั้นก็พอเพียงสำหรับการใช้งานอยู่แล้ว ส่วนที่ถูกปรับสเปคลดลงมาอีกคือ กล้องหน้าและหลัง โดยมีความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล และ 13 ล้านพิกเซลตามลำดับ

แกะกล่อง OPPO A83 ในชุดขายมีอะไรให้บ้าง

สำหรับ OPPO A83 ที่วางจำหน่ายในไทยก็มีด้วยกัน 2 สี นั่นก็คือสีดำและสีทอง เครื่องที่เราเอามารีวิวก็แน่นอนวาเป็นสีทองครับ ด้านหน้าจะเป็นสีขาว

อุปกรณ์ที่แถมมาให้ในกล่องก็เป็นมาตรฐานของ OPPO เลย หูฟัง สายไมโครยูเอสบี หม้อแปลง และเคสพลาสติกขุ่นๆ หน่อย เหมือนกับของ F5

หม้อแปลงที่แถมมาก็มาพร้อมระบบชาร์จ 5V 2A หรือเป็น fast charge ขั้นพื้นฐานสุด คือจ่ายไฟได้ 10W นั่นเอง (เวลาชาร์จจาก 0-100% ก็ราวๆ 3 ชั่วโมง เพราะแบตเตอรี่มีความจุ 3180 มิลลิแอมป์)

ลำโพงอยู่ที่ด้านล่าง ซึ่งมีทั้งช่อง micro USB, ไมโครโฟน และหูฟัง 3.5 มม คือจะอยู่ตรงนี้ทั้งหมด ทำให้ด้านบนของตัวเครื่องนั้นไม่มีอะไรเลย

ปุ่มปรับเสียงอยู่ทางด้านซ้าย

ด้านขวาคือปุ่มเพาเวอร์ สำหรับเปิด/ปิด หน้าจอ พร้อมกับช่องถาดซิม

สล็อตของถาดซิมนั้นมาเป็นแบบ 3 ช่อง ใส่ nano SIM ได้ 2 และใส่ micro SD ได้อีกหนึ่ง เพื่อเพิ่มหน่วยความจำ

ระบบ 2 ซิมนั้นซิมรองสมามารถเกาะสัญญาณ 3G ได้ด้วย ก็สามารถใช้งานแบบ 4G/3G ได้ ไม่ต้องวิ่งลงไปเกาะสัญญาณ 2G ซึ่งน่าจะเริ่มหาได้ยากขึ้นเรื่อยๆ

 

ฟีเจอร์และการใช้งาน OPPO A83

Face Unlock ด้วยความ ที่ OPPO A83 นั้นไม่มีสแกนลายนิ้วมือ เพราะฉะนั้นหากเราตั้งรหัสสำหรับปลดล็อคเครื่องเอาไว้ (ควรจะตั้งเพื่อความปลอดภัย) หากอยากจะปลดล็อคเร็วๆ โดยไม่ต้องลากเส้นหรือใส่รหัสผ่าน ก็ต้องใช้บริการ Face Unlock ซึ่งปลล็อคได้รวดเร็วไม่แพ้ OPPO F5 เลยทีเดียว

Clone App ฟีเจอร์เสริมสำหรับคนที่ชอบเล่นแชทหรือมีโซเชียลหลายไอดี อันนี้ทาง OPPO ก็ยอมให้ทำการโคลนหรือก็อปปี้แอปบางตัวออกมาได้ เพื่อล็อคอินและใช้งาน 2 แอคเคาท์ เช่น LINE, WhatsApp และ BBM

Game Acceleration สำหรับสายเกมทั้งหลาย นี่เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้บนมือถือไปแล้ว เพราะตัวเครื่องจะถูกปรับตั้งค่าให้สำหรับการเล่นเกมก่อนเลย ทั้งเน็ตที่ใช้ ประสิทธิภาพและการประมวลผล รวมถึงปิดการแจ้งเตือนที่อาจรบกวนระหว่างเล่นเกม

Gesture Motion เราสามารถเปิดท่าทางในการสั่งงานเครื่องได้ ไม่ว่าจะเป็นการเคาะจอติด หรือเขียน O เพื่อเปิดกล้อง วาดตัว V เพื่อเปิดไฟฉาย รวมถึงการใช้ 3 นิ้วรูดลงพร้อมกันเพื่ิอจับภาพหน้าจอ

Split-screen  การแบ่งหน้าจอหรือภาษาของ Android ที่เรียกว่า Multi Window นั้นของ OPPO จะเรียกว่า Split screen ซึ่งก็ทำงานคล้ายๆ กัน คือแบ่งแอปออกมาเป็น 2 หน้าจอบนล่างนั่นเอง

 

ประสิทธิภาพตัวเครื่อง OPPO A83 และการเล่นเกม

ด้วยชิปเซ็ตของ OPPO A83 นั้นเป็นตัวเดียวกับ F5 เพราะฉะนั้นคะแนนผลการทดสอบอย่าง Antutu ก็จะออกมาใกล้เคียงกันคือราวๆ 6 หมื่นปลายๆ

จากที่ลองทดสอบ RoV ล่าสุดมี patch ใหม่ด้วย หน้าจอ 18:9 ก็จะได้อานิสงค์ตรงนี้ไป คือมีขอบด้านข้างให้เห็นว่าเพื่อนเราพลังเหลือเท่าไหร่ อัลติพร้อมไหม

แถมยังสามารถเปิดโหมดเฟรมเรทสูงได้ด้วย จากที่ลองมาก็ถือว่าทำได้ดีเลยสำหรับมือถือราคา 7-8 พันบาท คือเฟรมเรทวิ่งได้ราวๆ 40-50 เฟรม เรียกว่าสูงกว่ามาตรฐานมือถือในราคาใกล้เคียงกัน

ส่วนเซนเซอร์ต่างๆ ก็ให้มาครบสมบูรณ์ Accelerometer, Magnometer (สำหรับเข็มทิศ) , Gyroscope, Light , Proximity

GPS นั้นอาจจะไม่ได้รองรับหลายค่าย อย่างพวก GLONASS หรือ BAIDU ก็เลยอาจจะจับสัญญาณได้สูงสุดที่ราวๆ 20 ดวง แต่สัญญาณโดยรวมก็ถือว่าแรงใช้ได้ อย่างในภาพก็จับได้ 14 ดวง จบระยะคลาดเคลื่อนที่ 3 เมตร

 

ทดสอบกล้อง OPPO A83

กล้องหน้าและหลังของ A83 นั้นก็จะถูกลดสเปคลงมาจากรุ่นพี่ๆ ตระกูล F5 พอสมควร แต่โหมดต่างๆ และการใช้งานนั้นยังทำออกมาได้เหมือนกัน

หน้าจอ UI นั้นก็จะเน้นการปัดเลื่อนเพื่อเปลี่ยนโหมดกล้อง วิดีโอ บิวตี้ และพาโนรามา มีโหมด HDR และฟิลเตอร์สีต่างๆ สำหรับการถ่ายภาพ ความละเอียดในการถ่ายวิดีโอสูงสุดคือ 1080p

ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง OPPO A83

กล้องหน้าถึงแม้จะมีความละเอียด 8 ล้านพิกเซลน้อยกว่ารุ่นพี่ๆ แต่ก็ยังสามารถถ่ายเซลฟี่ออกมาได้ดี โหมด A.I Beauty ยังทำงานได้ ปรับหน้าได้ออกมาเป็นธรรมชาติและสวยกว่ากล้องหลังที่ 13 ล้านพิกเซลซะด้วยซ้ำ ฮ่าๆ

ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า OPPO A83

ส่วนโหมดหน้าชัดหลังเบลอ A83 ก็มีครับ แต่ผมว่ายังทำได้ไม่สู้ F5 อาจจะด้วยสเปคของเซนเซอร์กล้องที่ห่างกันพอสมควรส่วนนึง

 

สรุปผลการใช้งาน OPPO A83

โดยรวมแล้ว OPPO A83 เป็นมือถือราคาประหยัดที่ค่อนข้างจะครบเครื่องเลยทีเดียวในราคา 7,990 บาท ทั้งขนาดตัวเครื่องที่กำลังดี หน้าจอ 5.7 นิ้วแบบ Full Screen 18:9 ที่ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป แบตเตอรี่ 3,180 มิลลิแอมป์นั้นสามารถใช้งานได้ 2 วันเนียนๆ สำหรับการใช้งานทั่วไป โซเชียล ดู YouTube และรายการออนไลน์ เสียงลำโพงและริงโทนก็ดัง เสียงสนทนาฟังชัดเจนดี

แต่ด้วยราคามันติดๆ ชิดๆ กับ OPPO F5 Youth มากๆ (7,990 กับ 8,990) คือเพิ่มเงินแค่พันเดียวก็ได้อัพเกรดขึ้นหลายอย่างเลย ทั้งหน้าจอและกล้อง เรียกว่าถ้าเติมเงินได้ก็ขยับไปเล่น F5 Youth ดีกว่า ส่วน OPPO A83 นี่ผมว่าถ้ามีพ่วงโปรดีๆ แล้วราคาเครื่องลดลงไปอีกนี่ ก็ถือว่าน่าสนใจรุ่นนึงเหมือนกัน