REVIEW | รีวิว OPPO Find N2 Flip จอพับน่ารัก กล้องสวยสุดยอด ราคาดีไม่ถึงสามหมื่น

OPPO Find N2 Flip จอพับที่เข้าไทยมารุ่นล่าสุดทำหลายคนสนใจด้วยราคาดีเพียง 29,990 บาท แต่ได้สเปคเด็ด ๆ แทบทุกด้าน ไม่ว่าจะจอ กล้อง แบตเตอรี่ การชาร์จ และส่วนอื่น ๆ ดังนั้นเมื่อ Find N2 Flip มาถึงมือ Droidsans ก็เป็นโอกาสที่เราจะได้ลองใช้งานจริง ๆ กัน ใช้เป็นมือถือเครื่องหลัก จะน่าใช้แค่ไหน เรามาเล่าให้ฟัง

ดีไซน์สุดหวาน มีสไตล์

OPPO Find N2 Flip รุ่นที่ได้มาคือสีเด่น Moonlit Purple เป็นสีม่วงที่ออกโทนสว่างนวล ดูเนื้อแล้วให้อารมณ์เหมือนผิวไข่มุก ฝาหลังคลุมด้วยกระจก ขอบเครื่องเป็นเหล็กแข็งแรงทนทาน

ตัวเครื่องสามารถปรับให้ค้างองศาเอาไว้ได้ระหว่าง 45 และ 110 องศา ทำให้ตั้งโค้งปรับเป็นองศาถ่ายภาพ หรือจับเครื่องเป็นทรง Camcorder เวลาถ่ายวิดีโอ ให้ฟีล Y2K

บานพับข้างในเปิดกางออกได้ง่าย ไม่ได้แข็งจนเกินไป แต่ก็มีแรงพับได้แน่นดี ไม่ได้เปิดกางหลุดออกมาได้ง่าย ๆ เวลาจะเปิดใช้สองมือกาง จะสะดวกที่สุด

ขอบเครื่องจะมีความแบนจับถนัดมือ ด้าวขวาวางปุ่ม Power และปุ่มปรับเสียง ด้านล้างมีช่องใส่ Dual-SIM พอร์ต USB-C และลำโพงสเตอริโอที่ใช้คู่กับอีกตัวด้านบน ให้เสียงดังมีมิติใช้ได้

ตัวเครื่องตอนกางหนาเพียง 7.5 มม. บางพอสมควร พอพับประกบกันจะหนา 16 มม. แนบกันสนิทไม่มีช่องว่างตรงกลาง จับใส่กระเป๋าได้สบาย น้ำหนักเบาเหมือนมือถือทั่วไป 191 กรัม

จอพับเนียนตา

กางจอออกมาจะเจอกับจอ LTPO AMOLED ขนาดใหญ่มาก 6.8 นิ้ว ภาพคมชัด FHD+ และรีเฟรชเรตวิ่งได้ระหว่าง 1-120Hz แล้วแต่เนื้อหาที่แสดงบนจอ สีสันมีความอวบอิ่ม เที่ยงตรง ด้วยความกว้างสีครอบคลุม 100% DCI-P3

เท่าที่สังเกตุมา หน้าจอจะใช้เป็นรีเฟรชเรต 120Hz แทบจะตลอดเวลา ยกเว้นเวลาเปิดบางเกมที่จะลดลงไปเป็น 60Hz

รอยพับจอนั้นถึงจะดูน้อยกว่ามือถือค่ายอื่น แต่เอาจริง ๆ แล้วก็ยังมองเห็นได้เด่นชัดอยู่ โดยเฉพาะเวลาปิดหน้าจอแล้วเห็นแสงสะท้อนพอดีบางองศา แต่เวลาเปิดจอดูเนื้อหาก็จะไม่สังเกตเห็นแล้ว

จอนอกใหญ่จุใจ

อีกลูกเล่นของมือถือจอพับคือจอด้านนอก ที่ Find N2 Flip ให้มาขนาดใหญ่มาก 3.26 นิ้ว เป็นจอแบบ AMOLED สลับรีเฟรชเรตได้ระหว่าง 30Hz กับ 60Hz

จอข้างนอกนี้มีหน้าเมนูหลายอย่างให้ใช้งาน เช่นเปิดกล้องแล้วดูจอเซลฟี่ ตอบข้อความแชทแบบไว ๆ ดูสภาพอากาศ ปฏิทิน จับเวลา บันทึกเสียง และจัดการหูฟังไร้สาย สามารถปรับวอลเปเปอร์และวิดเจ็ตต่าง ๆ ได้ตามต้องการ

แต่ก็น่าเสียดายที่จอใหญ่แบบนี้ สามารถใช้งานได้ตามที่กล่าวไปเท่านั้น ไม่สามารถเปิดแอปทั่วไปในหน้าจอนี้ได้ ต้องรอแอปต่าง ๆ พัฒนาระบบ Widget มา หรือใครอยากใช้งานมากกว่านี้ก็ดาวน์โหลดแอปนอก CoverScreen OS มาใช้ก่อนได้

ทั้งสองจอมีค่าความสว่างทั่วไปที่ 500 นิต แต่เมื่อออกไปเจอแสงแดด จอในเพิ่มความสว่างได้สูงถึง 1600 ทำให้สู้แสงข้างนอกเห็นเนื้อหาได้ดี ส่วนจอนอกดันค่าความสว่างได้สูงสุดถึง 900 นิต ถือว่าใช้ได้ครับ

กล้อง Hasselblad สวยทุกแช๊ะ

ด้วยการร่วมพัฒนากับแบรนด์กล้องระดับโลก Hasselblad ทำให้มีลูกเล่นกล้องหลายอย่าง เช่นสามารถเลือกฟิลเตอร์สีหลายหลายโทนได้ หรือปรับเป็นโหมด XPAN ถ่ายภาพเฟรมยาว เหมือนสัดส่วนภาพยนตร์

XPAN Mode

XPAN Mode

เวลางอเครื่องในแอปกล้อง หน้าเมนูก็จะขยับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการใช้งาน ด้วยการแบ่งจอมองภาพ และหน้าเมนูให้อัตโนมัติ ตามที่เค้าเรียกว่า Flex Mode 

กล้องหลัก

กล้องหลัก 50MP (f/1.8) ตัวนี้ถ่ายภาพออกมาได้สีสันจัดจ้าน เที่ยงตรง ภาพมีความคมชัดเก็บได้ทุกรายละเอียด ถ่ายภาพคนออกมาได้สวย เปิดโหมด Portrait เก็บขอบได้เนียนอยู่ เบลอข้างหลังเป็นดวง ภาพออกมาเป็นธรรมชาติ

แต่เท่าที่สังเกตเจอว่ากล้องรุ่นนี้เวลาถ่ายย้อนแสง หรือภาพที่ Dynamic Range สูง บางครั้งทำหน้าที่บกพร่องไปบ้าง ปล่อยแสงสีขาวสว่างจัด และไม่ค่อยดึงแสงที่มืด ๆ ขึ้นมาเท่าไร แต่โดยรวมแล้วได้ภาพแสงสวยดี

กล้องอัลตราไวด์

Ultrawide 8MP (f/2.2) ถ่ายออกมาได้สีสวยโอเค แต่ด้วยการที่ลดรายละเอียดภาพลงมา ทำให้ภาพจะเก็บรายละเอียดได้ไม่ดีเท่ากล้องหลัก และสีสันเมื่อถ่ายออกมาแล้วจะออกซีดลงไป เห็นว่าต่างจากกล้องหลักพอสมควร ยิ่งมาเจอภาพถ่ายยาก ๆ อย่างย้อนแสงก็จะเสียรายละเอียดไป แต่ก็ได้ภาพมุมกว้างถึง 112° เก็บซีนได้ครบถ้วน

กล้องหลังทั้งคู่สามารถใช้เป็นกล้องหน้า ถ่ายภาพเซลฟี่ได้ ด้วยการกดเปิดกล้องในหน้าจอนอก จะถือเอาไว้ หรือวางตั้งองศาแล้วสั่งให้กล้องถ่ายก็ได้ มีระบบตรวจจับถ่ายภาพให้ด้วยการนับถอยหลังเมื่อเราโชว์ฝ่ามือให้กล้อง และสามารถตั้งค่ากดปุ่มปรับเสียงด้านข้างแทนชัตเตอร์ได้ เวลาถืออยู่จะได้กดถ่ายสะดวกมากขึ้น

กล้องหน้า

กล้องหน้า 32MP (f/2.4) ให้ความละเอียดมาเยอะ ได้ภาพชัด มีความสว่างสมใจ ลองถ่ายดูแล้วพบว่าภาพออกมาสวย ใกล้เคียงกับกล้องหลักอยู่ แต่ยังมีสีสัน และรายละเอียดไม่สู้กล้องหลัก แต่เรื่องโฟกัสไว้ใจได้เพราะมากับระบบ Auto Focus ให้จับใบหน้าได้ดีไม่มีหลุดเบลอ

ถ่ายภาพแสงน้อย

ใช้ถ่ายภาพแสงน้อย เก็บรายละเอียด และคุมระดับ Noise ได้ดี ภาพออกมาสวยถูกใจ สำหรับการใช้ Night Mode ในที่ ๆ มีความสว่างเล็กน้อย จะดูไม่ค่อยออกว่าเปิดและปิดต่างกันตรงไหน แต่พอเปิดใช้งานแล้วจะช่วยเก็บความฟุ้งของแสงสว่างได้ ให้ภาพดูคมชัดขึ้นมา

ถ่ายวิดีโอ 4K

OPPO Find N2 Flip กล้องหลักสามารถถ่ายวิดีโอได้ชัดสุด ๆ 4K 30fps ทำให้เก็บรายละเอียดในวิดีโอได้ดี สามารถปรับแสงตามฉากที่เคลื่อนไหวได้เนียน ไม่มีอาการวูบวาบให้เห็น สามารถเปิดกันสั่น EIS  ก็จะได้วิดีโอนิ่งและภาพชัด ชมตัวอย่างได้ตามคลิปนี้ หรือถ้าอยากได้เฟรมเรตสูง ๆ ก็ปรับเป็น 1080P 60fps ได้

Play video

แต่ที่แปลกคือเมื่อปรับมาใช้กล้องหลังถ่ายเซลฟี่ ด้วยการดูพรีวิวด้วยจอนอก กลายเป็นว่าถ่ายวิดีโอได้เพียง 1080P 30fps เท่านั้น ทั้งที่มันก็กล้องตัวเดียวกัน แค่สลับด้านถ่ายเท่านั้นเอง

ส่วนกล้องหน้าด้านในถ่ายวิดีโอเซลฟี่ ตัวนี้จะถ่ายได้ชัดสุดแค่ 1080P 30fps เท่านั้น สามารถเปิดกันสั่น EIS ได้ แต่หลังเปิดพบว่าตัวกันสั่นจะออกทำให้เกิดภาพมัวขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ช่วยให้ภาพนิ่ง เคลื่อนไหวได้นุ่มนวลขึ้น

Play video

วิดีโอในที่แสงน้อยยังสามารถเก็บแสงสีไว้ได้ คุมแสงสว่างและที่มืดโอเคเลย

Play video

เครื่องแรงลื่น ไม่มีสะดุด

OPPO Find N2 Flip ใช้ชิป Dimensity 9000+ ตระกูลเรือธงของ MediaTek แม้จะไม่ใช่ตัวใหม่ล่าสุด แต่เรื่องความแรงนั้นก็แน่นอนว่ารองรับการใช้งานครบทุกด้าน ไม่ว่าจะใช้งานทั่วไป หรือเล่นเกม

ผลทดสอบ Geekbench 6 ได้คะแนน Single-core 1111 คะแนน / Multi-core 3165 คะแนน

สเปค OPPO FIND N2 FLIP

• หน้าจอด้านนอก : AMOLED ขนาด 3.26 นิ้ว
  • ความละเอียด 720×382
  • รีเฟรชเรท 60Hz
  • ความสว่างสูงสุด 900 นิต
• หน้าจอด้านใน :  LTPO AMOLED ขนาด 6.8 นิ้ว
  • ความละเอียด FHD+ (2120×1080 พิกเซล)
  • รีเฟรชเรท 120Hz
  • ความสว่างสูงสุด 1600 นิต
• CPU : MediaTek Dimensity 9000+
• RAM LPDDR5 : 8GB
• ROM UFS 3.1 : 256GB
• กล้องหลัง Hasselblad 2 ตัว
  • กล้องหลักความละเอียด 50MP (f/1.8)
  • กล้อง Ultrawide ความละเอียด 8MP (f/2.2)
  • ชิปประมวลผลภาพแยก (ISP) MariSilicon X
• กล้องหน้า : 32MP (f/2.4)
• การเชื่อมต่อ: 5G, Wi-Fi 6 802.11ax, Bluetooth 5.3, NFC, USB Type-C (ไม่มีช่องเชื่อมต่อหูฟัง 3.5 มม.)
• เซ็นเซอร์: เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือข้างตัวเครื่อง, Color temperature sensor, geomagnetic sensor, ambient light sensor, dual proximity sensor, acceleration sensor, Hall sensor, dual gyroscope
• แบตเตอรี่ : 4300 mAh รองรับชาร์จไวผ่านสาย 44W SuperVOOC
• ระบบ : Android 13 ครอบด้วย ColorOS 13
• ขนาด / น้ำหนัก : 166.2×75.2×7.45 มม. หนัก 191 กรัม

Genshin Impact

เล่นเกมโลกกว้าง กราฟิกโหด Genshin Impact เปิดค่ากราฟิกสูงสุด + 60fps จัดไป 45 นาที พบว่าเครื่องร้อนจี๋ และเริ่มดรอปเฟรมเรตลงแล้ว มีกระตุกเล็กน้อย ดังนั้นถึงจะเปิดเล่นได้จริง แต่เพื่อให้เล่นได้ยาว ๆ แนะนำปรับกราฟิกลงมาขั้นนึง หรือเปิดเป็น 30fps ก็พอ

ROV

สำหรับเกมที่กินสเปคน้อยลงมา ROV ปรับกราฟิกสูงสุดได้สบายอยู่แล้ว เล่นไปต่อเนื่อง 45 นาที กดใช้สกิลเจอฉากเอฟเฟกต์เยอะ ๆ ก็ไม่มีกระตุก ความร้อนสูงแต่ไม่เท่าตอนเล่น Genshin

Fruit Ninja

เห็นเป็นจอพับแบบนี้ เลยขอมาลองเล่นเกมที่ต้องรูดนิ้วรัว ๆ อย่าง Fruit Ninja หน่อย พบว่ารอยบนหน้าจอส่งผลต่อเกมแบบนี้อยู่ เพราะรู้สึกได้ถึงรอยชัดเจนเวลาต้องเลื่อนนิ้วผ่าน แต่โดนกดแรง ๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร หน้าจอมีความแข็งแรงใช้งานได้เต็มที่

แบตเตอรี่เยอะ ใช้ได้นาน

Stand By : ชาร์จมือถือเต็มแล้วถอดสาย วางทิ้งไว้ข้ามคืนเป็นเวลา 8 ชั่วโมง พบว่าแบตเตอรี่ไม่ได้ลดลงเลยสักนิด ตื่นมาได้เต็ม 100% ตรงนี้ถือว่าทำได้ดีมาก ๆ ทั้งที่ในเครื่องก็ล็อกอินแอปโซเชียลไว้หลายตัว

ใช้งานทั่วไป : ใช้มือถือแบบสบาย ๆ ทั่วไป อย่างเล่นโซเชียล คุยตอบแชท ดูคลิป ใช้แอปธนาคาร เปิดกล้องมาถ่ายรูปบ้างประปราย และเล่นเกมแคชชวล Fruit Ninja หลังผ่านไป 14 ชั่วโมง พบว่าแบตเตอรี่เหลืออยู่ที่ 20% คือใช้ตั้งแต่เช้ายันดึกถึง 5 ทุ่ม ก็ยังมีแบตเตอรี่อยู่ได้เหลือ ๆ เลย

ใช้เล่นเกม : ลองเล่น Genshin ด้วยค่ากราฟิกแบบสูงสุดเป็นเวลา 45 นาที พบว่าแบตเตอรี่ลดลงไปประมาณ 20% จัดการพลังงานได้โอเค ไม่ได้หายไปฮวบฮาบ

ความเร็วชาร์จ

OPPO Find N2 Flip รองรับระบบชาร์จไว 44W SuperVOOC สามารถใช้ที่ชาร์จที่ให้มาในกล่องได้เลย ลองชาร์จจากแบตเตอรี่ 10% พบว่า

• หลังผ่านไป 10 นาที แบตเพิ่มขึ้นมาเป็น 25%
• หลังผ่านไป 30 นาที แบตเพิ่มขึ้นมาเป็น 55%
• หลังผ่านไป 1 ชั่วโมง 5 นาที แบตเต็ม 100%

ชาร์จไวในระดับที่พอใจ ถ้าต้องรีบออกไปไหนเสียบไว้ครึ่งชั่วโมงก็ไปต่อได้แล้ว เพราะแบตเตอรี่ความจุเยอะ 4300mAh ใช้ได้นาน

ซอฟต์แวร์ ColorOS 13

ColorOS 13 บนฐาน Android 13 มีความลื่น ปัดเลื่อนสลับแอป ไถหน้า UI มีแอนิเมชันสวยงาม ไม่มีช่วงกระตุกหรือสะดุดใด ๆ ข้างในมีฟีเจอร์ Android ครบ ไม่ว่าจะเป็นการโคลนแอป ล็อกแอป แบ่งหน้าจอ ทำหน้าต่างลอย เปิด Always-on Display เปิดแถบเรียกแอปข้าง ๆ Smart Sidebar และเมนู Quick Return กดกลับแอปง่าย ๆ และอื่น ๆ

ในส่วนหน้าจอนอกก็จะมีให้ปรับแต่งสไตล์ เลือก Interactive Pets มาขยับเล่น ๆ และเปิด Always On โชว์นาฬิกาได้เช่นกัน พร้อมตัวเลือกจัดหน้า Widget 6 อย่าง Camera, Weather, Events, Timer, Recorder, Wireless Earphones เรียงได้ตามการใช้งาน และกดตั้งค่าแชทไว Quick Reply ได้

หน้าเมนูจอนอก OPPO Find N2 Flip :

สรุป OPPO Find N2 Flip น่าใช้แค่ไหน

OPPO Find N2 Flip เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกจอพับ ที่มีสเปคน่าใช้งาน ด้วยหน้าจอนอกขนาดใหญ่ แบตเตอรี่ความจุเยอะ ชาร์จไวใช้ได้ ชิปข้างในก็เร็วแรงเกินการใช้งาน แถมได้กล้องคุณภาพสูง Hasselblad มาด้วย ถือว่าเป็นรุ่นที่ลงตัวสำหรับคนอยากได้มือถือสะดวกพกพา พร้อมฟังก์ชันและฟีเจอร์พิเศษหาที่ไหนไม่ได้นอกจากในจอพับเท่านั้น

จุดเด่น

• รอยพับจอไม่เด่นมาก
• ตัวเครื่องบาง ถึงพับแล้วก็ขนาดกำลังดี
• แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ อยู่ได้ยาวนาน
• ชาร์จไวถึง 44W
• กล้อง Hasselblad สวยถูกใจ
• ใช้กล้องหลังถ่ายเซลฟี่ได้ ชัดสุด ๆ
• จอด้านนอกขนาดใหญ่ ใช้งานง่าย
• ให้ที่ชาร์จมาในกล่อง
• การันตีอัปเดต Android ยาวถึง 4 รุ่น
• การันตีอัปเดตความปลอดภัยถึง 5 ปี

จุดสังเกต

• ฟีเจอร์จอนอกค่อนข้างน้อย
• จอนอกใช้ได้เฉพาะตอนพับมือถืออยู่เท่านั้น
• ใช้กล้องหลังถ่ายวิดีโอเซลฟี่ได้แค่ 1080P ทั้งที่ใช้ถ่ายปกติได้ถึง 4K

คลิปรีวิว OPPO Find N2 Flip จาก Droidsans

Play video