OPPO เผยโฉม ColorOS 13 ที่มีพื้นฐานอยู่บนระบบ Android 13 ซึ่งได้รับการเปลี่ยนแปลงทั้งหน้าตา UI ให้ดูเข้ายุคเข้าสมัยน่าใช้มากขึ้น และแน่นอนว่ามันจะมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้เราสามารถใช้งานมือถือสุดรักได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม นอกจากนี้เรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวก็แน่นหนาและมิดชิดกว่าเดิมด้วย

UI ใหม่สไตล์ Aquamorphic Design

ColorOS 13 ได้รับการออกแบบหน้าตาของ UI ใหม่ให้ดูสบายตามากขึ้นด้วยสีโทนน้ำเงินที่มีแรงบันดาลใจมาจากสายน้ำในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและตก นอกจากนี้ยังเพิ่มพื้นที่ของหน้าจอให้มากขึ้นด้วยการลดความหนาแน่นของข้อมูลที่แสดงบนหน้าจอให้น้อยลงในขณะที่ตัวอักษรถูกปรับแต่งมาให้มีความกว้างขึ้น ทำผู้ใช้อ่านข้อความต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นด้วย

อัปเกรด Always-On Display

ฟีเจอร์ Always-On Display ถูกปรับแต่งให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลบนหน้าจอได้ง่ายขึ้น และในระหว่างที่ Always-On Display กำลังแสดงผลอยู่นั้น หน้าจอจะลดรีเฟรชเรทลงไปที่ 1Hz เพื่อลดการใช้พลังงานให้น้อยลงไป (เฉพาะรุ่นที่ใช้จอแบบ LTPO 2.0)

แถมยังเพิ่มการแสดงข้อมูลของแอปต่าง ๆ ให้สามารถเข้าถึงได้จากหน้า Always-On Display ไม่ต้องปลดล็อคหน้าจอบ่อย ๆ อย่างเช่นแอป Spotify ก็สามารถกดเปลี่ยนเพลง หรือกดเลือกดเพลย์ลิสท์ได้เลย

เพิ่มภาพอนิเมชั่นบนหน้าจอ Always-On Display โดยคราวนี้มาในธีม Homeland เป็นภาพเคลื่อนไหวน่ารัก ๆ ของสัตว์ชนิดต่าง ๆ ซึ่งจะสลับสับเปลี่ยนไปตามอุณหภูมิของโลก อย่างเช่น หากอุณหภูมิสูงขึ้น แผ่นน้ำแข็งซึ่งเป็นที่อยู่ของหมีขั้วโลกกับนกเพนกวินก็จะหดลงไป ช่วยให้เราได้ตระหนักถึงสภาวะโลกร้อนไปในตัวด้วย

 

ยังไม่หมดแค่นี้ เพราะยังมี Always-On Display รูปแบบอื่น ๆ มาให้อีก อย่างเช่น Bitmoji Always-On Display เป็นตัวอีโมจิของเราเองหรือ Insight Always-On Display เป็นแถบสีแสดงจำนวนครั้งการปลดล็อคหน้าจอในแต่ละวันว่าเราใช้มือถือบ่อยแค่ไหน

 

ไอค่อนแอปดีไซน์ใหม่

ไอค่อนของแอปต่าง ๆ ใน ColorOS 13 ถูกออกแบบใหม่ให้สามารถดูได้ง่ายขึ้นด้วยการใช้สีในโทนเข้มกว่า และยังปรับปรุงการทำงานของโฟลเดอร์ที่รวมแอปต่าง ๆ เอาไว้ให้ใช้งานง่ายขึ้นอีก โดยปกติแล้วโฟลเดอร์ที่เรารวมแอปเอาไว้จะมีขนาดอยู่ที่ 1×1 เพื่อให้ประหยัดพื้นที่หน้าจอ แต่หากเราต้องการเปิดแอปที่อยู่ในโฟลเดอร์ดังกล่าว ก็ให้กดค้างเอาไว้ โฟลเดอร์จะขยายขึ้นมาเป็นขนาด 2×2 ให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้นม่ามีแอปอะไรอยู่ในนั้นบ้าง

 

Shelf แถบสำหรับกดใช้ Widget 

ColorOS 13 จะเพิ่มฟีเจอร์ Shelf ซึ่งเป็นแถบสำหรับรวบรวม Widget ของแอปต่าง ๆ ให้สามารถสั่งการได้ง่าย ๆ จากหน้า Shelf โดยที่ไม่ต้องเปิดเข้าแอปเต็ม ๆ ก่อน เช่น นาฬิกา, สภาพอากาศ, Google Calendar, Spotify, แกลลอรี่ ฯลฯ แถบ Quick settings ก็สารพัดประโยชน์มากขึ้น โดยเฉพาะการเล่นเพลงจากแอปต่าง ๆ เพราะจะโชว์แผงควบคุมเล็ก ๆ เอาไว้ให้สามารถกดเล่น-หยุด-เปลี่ยน เพลงได้ง่าย ๆ

 

Multi-Screen Connect เชื่อมหน้าจอมือถือเข้ากับแท็บเล็ต

หนึ่งในฟีเจอร์สุดเจ๋งของ ColorOS 13 ที่ทำให้เราสามารถเชื่อมต่อมือถือ OPPO เข้ากับแท็บเล็ตได้ (ตอนนี้รองรับ OPPO Pad Air) ทำให้หน้าจอของมือถือไปโผล่บนหน้าจอแท็บเล็ตให้เรากดได้ แถมยังลากรับ-ส่งไฟล์ระหว่างอุปกรณ์ได้ง่าย ๆ อีกต่างหาก

ยังไม่หมดแค่เชื่อมกับแท็บเล็ตนะ เพราะมือถือระบบ ColorOS 13 ยังเชื่อมต่อกับ PC เพื่อให้หน้าจอมือถือไปโชว์บนหน้าจอโน้ตบุ๊คได้ถึง 3 หน้าต่าง โดยจอนึงสำหรับโชว์หน้าหลักของมือถือ และอีก 2 หน้าต่างเอาไว้โชว์แอปอื่น ๆ ที่เปิดจากมือถือ

 

Omoji สร้างอีโมจิไว้ใช้บนแอปอื่น ๆ

Omoji หรืออีโมจิ 3D ที่เราสร้างขึ้นมาเอง ใน ColorOS 13 สามารถเอามาใช้โชว์บนหน้า Always-On Display ได้ หรือจะสร้างมาใช้เป็นหน้าของคนใน Contact ก็ได้เหมือนกัน (Omoji รองรับเฉพาะมือถือที่มี RAM มากกว่า 8GB)

Blossom Wallpaper วอลเปเปอร์แสดงความถี่ในการใช้มือถือ

ฟีเจอร์ใหม่สำหรับเตือนใจว่าวัน ๆ นึงเราใช้มือถือไปมากแค่ไหน โดย Blossom Wallpaper เป็นวอลเปเปอร์รูปดอกไม้ที่จะเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเราปลดล็อคหน้าจอใช้ในแต่ละครั้ง และเมื่อเราใช้มือถือจนถึงขั้นที่ดอกไม้บานเต็มที่แล้ว ดอกไม้จะกลายเป็นรูปหล่อโลหะแทน นอกจากนี้สีของดอกไม้จะเปลี่ยนไปตามสีของแอปที่เราใช้บ่อยที่สุดด้วย

ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ColorOS 13 จะเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ผู้ใช้งานในหลากหลายรูปแบบ อย่างเช่นฟีเจอร์ Auto Pixelate ที่จะเบลอภาพโปรไฟล์และชื่อสำหรับการแคปหน้าจอแอปแชทอย่าง Messenger และ WhatsApp ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว และยังมีฟีเจอร์ล็อคไฟล์ Private Safe ที่จะเข้ารหัสไฟล์ต่าง ๆ ในเครื่องและจัดเก็บแยกเอาไว้ใน Private Safe อีกทีนึง

 

และอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่มากับ Android 13 ก็คือ การเคลียร์ข้อมูลที่เราเคยกด Copy เอาไว้ อย่างเช่น พาสเวิร์ด, เว็บไซต์, เลขบัตรประชาชน ฯลฯ โดยระบบจะทำการลบข้อมูลที่เรา Copy เอาไว้เมื่อเวลาผ่านไปได้ช่วงนึงแล้ว

กำหนดการ และรายชื่อมือถือ OPPO ที่จะได้อัปเดต ColorOS 13 

สำหรับรายชื่อมือถือ OPPO ที่จะได้รับการอัปเดต ColorOS 13 รวมถึงช่วงเวลาที่จะได้ก็มีตามนี้เลย

สิงหาคม 2022

  • Find X5 Pro, Find X5 (วันนี้เป็นต้นไป)

กันยายน 2022

  • Find X3 Pro
  • Reno8 Pro 5G

ตุลาคม 2022

  • Reno8 5G, Reno7 Pro 5G, Reno7 5G, Reno7, Reno6 5G
  • F21 Pro, K10 5G, A77 5G, A76

พฤศจิกายน 2022

  • Reno7 Z 5G, Reno6 Pro 5G, Reno6 Pro 5G Diwali Edition, Reno6 Z 5G, Reno5 Pro 5G, Reno5 Pro   
  • F21 Pro 5G, F19 Pro+, K10, A96

ธันวาคม 2022

  • Find X5 Lite 5G, Find X3 Neo 5G, Find X3 Lite 5G, Find X2 Pro, Find X2 Pro Automobili Lamborghini Edition, Find X2
  • Reno8, Reno8 Z 5G, Reno5 5G, Reno5 Z 5G
  • A94 5G(Elsa), A74 5G

ครึ่งแรกของปี 2023

  • OPPO Pad Air
  • Reno8 Lite 5G, Reno7 Lite 5G, Reno7 A, Reno6, Reno6 Lite, Reno5, Reno5 Marvel Editio, Reno5 F, Reno5 Lite, Reno5 A
  • F19 Pro, F19, F19s, A95, A94, A77, A74, A57, A57s, A55, A54 5G, A54s, A53s 5G, A16s

กำหนดการอัปเดตของมือถือแต่ละรุ่นอาจมีการเปลี่ยนแปลงจากนี้ได้เล็กน้อยนะครับ แต่คงไม่ล่าช้าไปจากกำหนดเดิมมากนัก (หากต้องเลื่อนจริง ๆ)