หลังจากที่เปิดตัวรุ่นพี่อย่าง Mirror 5 ไปไม่นาน OPPO ก็ได้คลอดน้องใหม่ใน Mirror 5 Lite ออกมาอีกรุ่นหนึ่งกับดีไซน์เรียบง่ายไม่หวือหวา พร้อมราคาสบายกระเป๋า งานนี้ใครมองหาสมาร์ทโฟนราคาเบาๆ หรือเครื่องสำรองไว้ก็ลองเข้ามาอ่านรีวิวและนำไปพิจารณาเป็นทางเลือกกันได้นะจ๊ะ
ตัวเครื่องด้านหน้า
สเปค OPPO Mirror 5 Lite
- Android 5.1 (Lollipop) + ColorOS 2.1
- หน้าจอ IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด qHD 960 x 540 พิกเซล
- CPU : MediaTek MT6582 Quad-Core 1.3 GHz (รองรับ 3G)
- GPU : Mali-400MP2
- RAM 1 GB
- หน่วยความจำภายใน 16 GB + รองรับ microSD Card สูงสุด 32 GB
- กล้องหลัง: 8 ล้านพิกเซล + autofocus + LED flash + 1/4” sensor size + geo-tagging + touch focus + face detection + HDR + panorama
- กล้องหน้า: 5 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ Li – Po 2420 mAh (ถอดเปลี่ยนไม่ได้)
- 2 ซิม (microSIM และ nanoSIM)
- การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n, Bluetooth 4.0, A2DP, microUSB v2.0
- เซนเซอร์ : Distance sensor, Light sensor, G-sensor, E-compass
- GPS : A-GPS
- สัดส่วน : 142.7 x 71.7 x 7.55 มม., น้ำหนัก 141 กรัม
ตัวเครื่องด้านหลัง
วัสดุและการดีไซน์
OPPO Mirror 5 Lite มีให้เลือก 2 สีด้วยกัน คือ สีดำ และสีขาว ตัวเครื่องทำจากพลาสติกเป็นส่วนใหญ่ ฝาหลังเป็นพลาสติกแบบยืดหยุ่นสูง บิดๆ งอๆ ได้ เนื้อสัมผัสมันเงา เลยติดรอยนิ้วมือง่ายมาก ทำให้ดูเลอะๆ เวลาสะท้อนกับแสง ต้องเช็ดกันบ่อยๆ เลยทีเดียว ขนาดเครื่องค่อนข้างหนา ไม่หนักไม่เบาจนเกินไปแต่รูปร่างก็ยังเพรียวถือถนัดมืออยู่ ด้านหลังมีขอบเหลี่ยมช่วยให้ถือง่ายขึ้น ดีไซน์รวมๆ แล้วเรียบง่ายออกแนวไม่เยอะแต่ดูดี ส่วนลายฝาหลังเหลี่ยมเพชรเงาๆ แบบรุ่นพี่ไม่มีในรุ่นนี้นะ
ปุ่ม power
หน้าจอ
Mirror 5 Lite มาพร้อมหน้าจอ IPS TFT (16M colors) ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด qHD (960 x 540 pixels) มีความคมชัด สีสันสดใสคุ้มราคา แต่แอบติดแดงนิดหน่อย แต่ก็ไม่เยอะเหมือนบางรุ่นที่จอเหลืองชัดมาก จึงไม่มีผลต่อการใช้งานแน่นอน ถ้าอยู่ในที่กลางแจ้งก็มีบ้างที่ทำให้มองจอไม่ชัด เพราะมีรอยนิ้วมือที่เลอะบนหน้าจอด้วยเป็นปัญหา แต่ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วสำหรับหน้าจอกระจก เพราะฉะนั้นแค่ปรับความสว่างขึ้นและขยันเช็ดหน้าจออีกหน่อยก็ใช้ได้แล้วค่ะ
ลำโพงด้านหลัง
ลำโพง
นอกจากหน้าจอแล้ว ลำโพงก็เป็นอีกหนึ่งตัวที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์ความบันเทิงบนมือถือ ซึ่ง Mirror 5 Lite มากับลำโพง 2 ส่วนด้วยกันคือด้านหน้าที่เป็น earpiece สำหรับสนทนาเสียงดังชัดแจ๋วโอเคมากๆ ส่วนทางด้านหลังเสียงจะค่อนข้างเบาไปหน่อย ถึงจะเปิดระดับเสียงดังสุด แต่เสียงดนตรีกับเสียงนักร้องแทบจะกลืนหายๆ กันไป ยิ่งเปิดดังก็เหมือนเสียงจะแอบแตกนิดๆ ด้วย ฟังแล้วไม่ค่อยชัด ไม่อินเพลงเท่าไหร่ แนะนำให้ใส่หูฟังควบคู่กับการฟังเพลงหรือดูหนังน่าจะดีกว่า
ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.
ฟีเจอร์เด็ดที่เพิ่มเข้ามาใหม่
ถึงจะเป็นน้องก็ขอมีเรื่องเด็ดบ้าง เพราะเจ้า Mirror 5 Lite นี้ก็ได้ซ่อนฟีเจอร์น่ารักๆไว้เพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งานด้วย ว่าแต่จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
- การแคปเจอร์หน้าจอยาว เป็นการแคปเจอร์หน้าจอแบบต่อเนื่อง ด้วยการกดปุ่ม power และปุ่มเพิ่มเสียงด้านข้างพร้อมกัน ก็จะสามารถแคปเจอร์หน้าจอได้ต่อเนื่องสูงสุด 4 หน้า ใครที่อยากเก็บข้อมูลอะไรแบบต่อเนื่อง ฟีเจอร์นี้ก็ช่วยให้สะดวกขึ้น ไม่ต้องมานั่งแคปทีละหน้าให้เมื่อยนิ้วเลย
- การจัดไอคอนแอปฯแบบกลุ่ม ก็เหมือนๆกับในสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆที่ช่วยให้แอปพลิเคชั่นบนเครื่องเราเป็นหมวดหมู่มากขึ้น ง่ายต่อการค้นหาแถมยังช่วยจัดระเบียบให้กับหน้าจออีกด้วย
- โหมดถนอมสายตา เป็นโหมดที่เพิ่มเข้ามาบนเมนูลัดด้านบนเพื่อการถนอมสายตาได้สูงสุดถึง 3 ระดับด้วยกัน แต่บางคนอาจจะยอมไม่ถนอมซะดีกว่า เพราะสีออกไปทางชมพูแดงๆ เหมือนจะเพิ่มความรำคาญตามากไปกว่าเดิมอีกมั้ง
ปุ่มปรับระดับเสียง
- โหมดนิตยสารหน้าจอล็อค เป็นการเปลี่ยนภาพล็อคสกรีนไปเรื่อยๆ คล้ายกับภาพในนิตยสาร เลยให้ความรู้สึกไม่จำเจ ภาพสวยดี มีทั้งรูปก็แฟชั่น รูปก็กีฬา หรือธรรมชาติ ออกมาสุ่มๆ กัน โดยสามารถเลือกหมวดหมู่ที่ชอบได้
- โหมดการสแกนแบบเร็ว เป็นฟีเจอร์ที่เข้ามาเป็นตัวช่วยในการเคลียร์เครื่องและปิดแอปฯ ได้ไวขึ้น ไม่ต้องโหลดแอปฯ ตัวช่วยอื่นเลย ซึ่งการสแกนนี้ก็จะช่วยให้มือถือทำงานได้เร็วขึ้นพร้อมบอกเปอร์เซ็นต์ของ RAM ที่เหลือใช้งานภายในตัวเครื่องหลังสแกนเสร็จอีกด้วย
Storage + RAM
สำหรับพื้นที่การใช้งานตัวเครื่อง 16 GB ระบบได้ดึงไปใช้แล้ว 6 GB ทำให้เหลือพื้นที่ให้ใช้จริงๆ 10 GB กว่าๆ แต่ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะใช้งานไม่พอ เพราะสามารถเพิ่ม microSD card ได้อีกตั้ง 32 GB
การใช้งานทั่วไป – แบตเตอรี่
จะพูดถึงก็ไม่แปลกถ้าบางทีใช้งานอยู่แล้วเครื่องรุ่นน้อง Mirror 5 Lite เกิดอาการอยากดื้อบ้าง เลยขอหน่วงซักหน่อย แต่ก็เข้าใจได้เพราะแรมที่ให้มาแค่ 1 GB เท่านั้น ถ้าบริหารจัดการดีๆ ไม่ได้เปิดแอปอะไรเยอะแยะ หรือขยันปิดซักหน่อยก็โอเคแล้ว
ส่วนการใช้งานโปรแกรมทั่วไปอย่างไลน์ เฟซบุ้ค กล้อง และการโทรเข้า/ออก ถ้าใช้งานจริงๆ แบตเตอรี่ก็สามารถอยู่ได้เกือบทั้งวัน ส่วนการถ่ายรูปหรือเล่นเกมก็ไม่เป็นปัญหาอะไรเลยถ้าใช้งานนานๆ เพราะแบตไม่ทำให้เครื่องร้อนเท่าไหร่ แม้เล่นเกมโหดๆ จะมีสะดุดๆ บ้างในช่วงแรกๆ แต่ภาพก็คมชัดพอตัว ยังไงก็ขอแนะนำให้ใช้งานแบบพอดีๆ ไม่หนักเกินไปจะดีกว่านะคะ
Gesture
เป็นตัวช่วยให้ใช้งานได้ไวขึ้น ไม่ต้องมานั่งเข้าหน้าโฮมแล้วไปสั่งในโปรแกรมที่จะใช้หลายขั้นตอนถึงสั่งการไปแล้วจะใช้เวลาเปิดแอปฯซักแป้บนึง แต่ก็ไวกว่ารุ่นก่อนๆหน่อย อาจช้าบ้างแต่ไม่นานเกินรอคำสั่งที่เราวาดไปบนหน้าจอก็จะแสดงผล ซึ่งก็มีทั้งการวาดแบบ Screen-off และ Screen-on คือทั้งแบบทั้งที่จอดับและจอเปิดอยู่ ได้แก่
ทางลัด Screen-off
แตะหน้าจอ (หรือปุ่มโฮม) 2 ทีเพื่อเปิดหน้าจอขึ้นมาใช้งาน
วาด O เพื่อเปิดกล้อง (บางทีวาดแค่ C กล้องก็เปิดให้แล้ว)
วาด V เพื่อเปิดใช้ไฟฉาย
- วาด > II < เพื่อเลื่อนเพลงหรือหยุดเพลง
ช่อง USB และ mic 1 ช่อง
ทางลัด Screen-on
การเปิดกล้องด้วยหลายนิ้ว แตะรวบเข้ามาตรงกลางจอ
แตะปุ่มโฮม 2 ทีเพื่อล็อคหน้าจอ
ใช้นิ้ว 3 นิ้วลากขึ้นหรือลงเพื่อแคปหน้าจอ
ใช้ 2 นิ้วสไลด์ขึ้น – ลงเพื่อปรับระดับเสียง
ลากนิ้วจากมุมซ้ายล่างหรือขวาล่างเพื่อใช้งานมือเดียว
นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มช่องทางในการเปิดแอปฯอื่นได้เองด้วยการวาดที่แตกต่างกันอย่างเช่น LINE ให้ใช้งานได้ไวมากขึ้น ไม่ต้องมานั่งเปิดจอแล้วเข้าแอปฯให้ยุ่งยากด้วย
กล้องหลังพร้อมแฟลช
กล้อง
เรื่องสุดท้ายที่เป็นสิ่งที่หลายคนดูเป็นลำดับแรกๆ ในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องหนึ่ง โดยเจ้า Mirror 5 Lite ตัวนี้ก็มากับความละเอียดกล้องหน้าและหลัง 5MP/8MP ตามลำดับ ซึ่งก็ควรถ่ายในที่แสงมากหน่อย สว่างๆ นี่ถ่ายง่ายและค่อนข้างใช้ได้ แต่ถ้าแสงน้อยเมื่อไหร่ นอยซ์จะเยอะและไม่ค่อยจับภาพ ทั้งคนถ่ายและวัตถุต้องนิ่งพอสมควร การจับภาพช้าไปนิด โฟกัสหลุดง่าย แต่ถือว่าภาพที่ได้ก็สวยสีสดเหมาะสมกับราคาแล้ว มีฟังก์ชั่นน่ารักๆ อย่างโหมด Beautify, ภาพ GIF แบบเคลื่อนไหว, Audio Photo ใส่เสียงเข้าไปในภาพ หรือการพูด Cheese และ Color เพื่อถ่ายภาพ แต่ที่ลองๆ ดูพูดอะไรก็แทบจะถ่ายทุกคำเลย ฮ่าๆ บางทีไม่ได้พูดอะไรก็ลั่นเอง แอบงงเบาๆ เหมือนกัน
low light / fill light / flash
โหมด beautify 3 ระดับ
HDR
ภาพถ่าย Normal Mode
ภาพถ่าย Normal Mode
จุดเด่น
- มีโหมด Gesture ให้ใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
- แบตเตอรี่หมดค่อนข้างช้า เครื่องไม่ร้อน
- มีฟีเจอร์แคปเจอร์จอต่อเนื่อง ไม่ต้องนั่งแคปทีละหน้า
จุดด้อย
- หน้าจอกระจกทำให้ใช้งานกลางแจ้งค่อนข้างลำบาก
- ตัวเครื่องติดรอยนิ้วมือง่ายมาก
- แรมน้อย เครื่องหน่วงและกระตุกบ้าง
สรุป
หลังจากที่ได้ลองใช้น้องใหม่อย่าง Oppo Mirror 5 Lite มาช่วงหนึ่งก็รู้สึกเลิฟเบาๆ ถึงแม้จะไม่ได้มีฟีเจอร์เว่อร์วังอลังการอะไรนัก อาจมีดื้อบ้างนิดหน่อยแต่เชื่อว่าทุกเครื่องไม่ว่าจะถูกหรือแพงก็ต้องมีปัญหาบ้างอยู่แล้ว แต่ก็อย่างที่บอก ใครที่มองหาเครื่องราคาเบาๆ หรือเครื่องสำรองก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมใช้งานได้ไม่เลวเลยทีเดียว
เห็นคำว่า Lite ก็ไม่อยากใช้หละ
+1
oppo รุ่นราคาถูกเนี่ย ขี้เหนียวแรมกับความละเอียดหน้าจอทุกรุ่นเลย
ทรงสวยนะ
จอกะแรมก็อย่างที่ท่าน xanxas ว่าไว้ครับ
กล้องสมกับราคาจริงๆ ใช้เป็นเครื่องสำรองก็คงโอเค
ไม่น่ารอด
หา Mirror 3 มาใช้ดีกว่าไหมน่ะ ล่าสุดได้ยินว่าที่ไหนลดเหลือ 4990 แรมเท่ากัน หน้าจอได้ HD แต่ storage น้อยกว่าครึ่งนึง แพแต่ออกเหมือนกัน
ตระกูลนี้ไม่ได้ AOSP เดี๋ยวจะมีคนมาหาว่าอ่านไม่เกิน 7 บรรทัดอีก
ราคานี้ ถ้าขายคนดูสเปกเป็น บอกได้คำเดียว ละเอียดจอ แรม ไม่ผ่านอย่างแรง
เห็น cpu แล้ว 32bit อะนะ ^^"
ไม่อยากจะว่าอัลไร แต่กัดฟัดอีกนิด ยอมผ่อนเพิ่มขึ้นแล้วไป J5 ดีก่ามะ
ขนาดผมมะช่ายสาวกซัมซุงยังว่า ยอมๆ
สู้ๆนะ oppo
ขอบคุณที่รีวิวครับ
มาเขียนอีกนะครับ