นานๆ ทีจะมีโอกาสเอามือถือไปรีวิวช่วงที่ได้เดินทางพอดี รอบนี้ผมหยิบเอา OPPO Reno 10x Zoom ติดไปโตเกียวแบบบสั้นๆ 3-4 วันด้วย ซึ่งเป็นทริปที่ไม่ได้มีการแพลนอะไรทั้งนั้น วันไหนตื่นกี่โมงอยากไปไหนก็ไป ปกติแล้วผมจะไปพักที่ Ikebukuro ซะส่วนใหญ่ แต่ทริปนี้เลือกไปแหมะแถว Ueno เผื่อจะเปลี่ยนบรรยากาศ และเพื่อนแนะนำว่าแถวนี้เดินทางสะดวก ร้านค้าเยอะ และของกินเพียบ คือตั๋วนะจองไปก่อนแล้ว แต่ที่พักเพิ่งจะมากดก่อนเดินทาง 2-3 วัน ฮ่าๆ (เตือนไว้ก่อนว่ารูปเยอะมาก)
สำหรับการรีวิว OPPO Reno 10x Zoom รอบนี้จะขอข้ามส่วนของตัวเครื่องไปเลยนะครับ เน้นประสบการณ์ใช้งานล้วนๆ ใครอยากรู้รายละเอียดส่วนนี้ให้ไปดูที่ Unbox | แกะกล่อง Reno 10x Zoom เอาเนอะ
คือแค่ตอนเริ่มมาก็ลำบากใจนิดๆ เพราะว่าสีของ Reno 10x Zoom นั้นมันสวยคนละแบบ และมาคนละแนวเลยด้วย
สำหรับสี Ocean Green นั้นผิวสัมผัสเป็นแบบด้าน คล้ายๆ กับของ R17 Pro แต่ โทนสีและการไล่เฉดจะต่างกัน สีจะออกเขียวๆ ครามๆ เหมือนกับสีมหาสมุทรตามชื่อนั่นแหละ
ส่วนสี Jet Black มันกลับไม่ดำสนิท แต่แอบซ่อนเอาสีน้ำเงินๆ อมม่วงเอาไว้ข้างใน (แต่บางคนก็บอกว่าเป็นสีเทา) ซึ่งผิวตัวนี้จะเป็นมันวาวแบบ Glossy
บางคนอาจจะบอกว่าในภาพนี้ทำไมมันดูไม่ดำเลยสักนิด งั้นเดี๋ยวลองดูอีกมุมนึงละกันครับ
นี่หยิบขึ้นมาให้เห็นชัดๆ มันก็ดำเงาสลวยสวยเก๋ แบบที่ไม่ต้องใช้ซัลซิลค์หรือออด๊าซมาช่วยย้อมดำแต่อย่างใด แต่สุดท้ายแล้วผมก็เลือกเอาสี Ocean Green ไป เพราะมันน่าจะเป็นรอยนิ้วมือยากกว่า เวลาถือหรือหยิบมาถ่ายตัวเครื่องก็จะไม่ต้องคอยระวังมาเช็ดเครื่องมาก (แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าใส่เคสตลอดทั้งทริป หยิบสีไหนมาก็ได้นี่นา ฮ่าๆ)
รอบนี้บินตรง ไม่ต้องไปพักเครื่องที่ไหน แต่ต้องพักสายตาของีบก่อนเพราะว่าบินรอบดึกตีหนึ่งตีสอง กะว่าไปถึงเช้าพอดี จำได้ว่าตอนใกล้จะถึงนี่พนักงานเดินมาปลุก กำลังงัวๆ เงียๆ ปรับที่นั่งแล้วกัปตันก็ประกาศเลยว่าอีก 30 นาทีเครื่องจะลง หากมองไปทางซ้ายจะเห็นยอดภูเขาไฟฟูจิ..
โชคดีนั่งริมหน้าต่าง ก็เลยเป็นที่มาของภาพชุดนี้ของ Reno 10x โดยเริ่มจากระยะ 1x ที่แทบจะมองไม่เห็นเลยว่าตรงนั้นคืออะไรขาวๆ กดๆ เพิ่มเป็น 10x ก็พอเห็นเค้าลางๆ และเอานิ้วลากไปสุดระยะที่ 60x เก็บภาพมาจนได้
ตัวเครื่องและดีไซน์
ความรู้สึกอย่างแรกที่เกิดขึ้นเมื่อหยิบเครื่องขึ้นมาแบบเต็มๆ ก็คือ..น้ำหนัก และหลังจากหาข้อมูลก็พบว่าไม่ได้คิดไปเอง เพราะมันมีน้ำหนักถึง 215 กรัม เรียกว่า OPPO Reno 10x Zoom ครองตำแหน่งแชมป์ไปเลย เพราะในช่วงที่ผ่านมามือถือเรือธงนั้นมีไม่กี่รุ่นที่น้ำหนักเกิน 200 กรัม
แน่นอนว่าด้วยกลไกกล้อง Pivot Rising Camera + กล้อง Periscope 10x zoom นั้นจะเป็นส่วนนึงที่ทำให้น้ำหนักมันเยอะกว่าชาวบ้าน แต่พอลองเอามาถือดีๆ กลับพบว่ามันบาลานซ์เรื่องของการถ่ายเทน้ำหนักได้ดี ไม่ได้รู้สึกหนักไปทางหัวหรือท้ายเครื่องแต่อย่างใด สำหรับใครที่คุ้นชินกับมือถือจอใหญ่ๆ หรือชอบมือถือหนักๆ จับแล้วตึงๆ มือหน่อยน่าจะชอบ
ส่วนของวัสดุและงานประกอบนั้นสวยงามลงตัว แน่นหนาแข็งแรง เก็บรอยต่อได้ดี ลูบๆ ไปไม่รู้สึกสะดุดหรือติดขัดตรงไหน ไม่มีรอยคมของผิววัสดุหลงเหลือ แม้แต่ช่อง USB C ก็มีการขัดรอบๆ ลบคมบริเวณขอบให้ด้วย
ส่วนกล้อง Pivot Rising Camera นั้น ใครที่เคยใช้มือถือกล้องเด้งสไตล์นี้มักจะเจอปัญหาคล้ายๆ กันคือฝุ่นอาจจะเข้าไปอยู่ในซอก และเวลาเลื่อนกล้องขึ้นมาฝุ่นก็จะไปบังหน้าเลนส์กล้องเซลฟี่
แต่จากที่ใช้มานั้นดู้เหมือนว่า OPPO ได้เรียนรู้จากเมื่อตอน Find X ที่ฝุ่นเขรอะไปหมด รอบนี้ใน Reno นั้นทำระบบเลื่อนและช่องในกล้องได้ดีขึ้น ป้องกันฝุ่น เวลาที่กล้องเลื่อนขึ้นมาจะสังเกตุเห็นว่าฝุ่นจะอยู่แค่บริเวณขอบๆ ด้านบนเท่านั้น เหมือนโดนดักเอาไว้ ไม่ลงไปเปื้อนบริเวณกล้องเซลฟี่
ความสว่างหน้าจอนั้นพร้อมใช้งานทุกสภาพแสง ออกแดดได้สบายๆ (ใครเคยไปญี่ปุ่นหน้าร้อนจะรู้เลยว่าแดดแรงไม่แพ้บ้านเรา) ซึ่งนอกจากจะสว่างได้แล้ว ในที่มืดๆ ก็ยังลดลงมาจนดำได้แบบเกือบจะมือดสนิทอีกต่างหาก เรียกว่าหากต้องใช้ในที่แสงน้อยๆ ก็ไม่ปวดตา
ส่วนเรื่องของสีนั้นก็มีการปรับจูนมาให้แล้ว โดยสามารถเลือกได้ 2 โหมดคือสีสด Vivid ซึ่งอิงการตั้งค่าจาก DCI P3 หรือสีนุ่มๆ ดูเป็นธรรมชาติหน่อยแบบ Gentle ที่อิงค่า sRGB
Color OS 6.0 ส่วนของ UI และการใช้งาน
ถ้าสังเกตุที่หน้าจอจะเห็นว่าปุ่มด้านล่างแถบ navigation bar มันเปลี่ยนไปเหลือแค่ 2 ปุ่ม ซึ่งอันที่จริงแล้วมันไม่ได้เปลี่ยนครับ แต่ตอนนี้ Color OS 6 ของ OPPO นั้นเปิดให้เราสามารถปรับแต่งหน้าตาของ UI ได้มากกว่าเดิม ทั้งแบบ 3 ปุ่มดั้งเดิมของ Android หรือจะเปลี่ยนมาใช้แบบ Gesture ลากนิ้วไม่ต้องมีปุ่มเลยก็ได้ ส่วนแบบ 2 ปุ่มที่ผมใช้นั้นเป็นสไตล์ของ Pure Android
นอกจากการเลือกปรับเปลี่ยนโหมดนำทางได้แล้ว ใครที่ยังชอบใช้งาน App Drawer ก็เลือกเปิดได้ คราวนี้ก็จะได้ UI แบบใกล้เคียงกับ Android เลยทีเดียว ใครถนัดแบบไหนก็เลือกใช้ได้ตามสะดวก
ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ ของ Color OS นั้นก็ยังอยู่ครบ ไม่ได้หายไปไหน ไม่ว่าจะเป็น
- Smart Sidebar สไลด์ขอบจอด้านข้าง เรียกทางลัดเปิดแอป หรือใช้งานฟีเจอร์อย่างจับภาพหน้าจอ บันทึกวิดีโอหน้าจอได้
- Clone App แบ่งร่างแอปโซเชียลอย่าง LINE , Facebook , Messenger หรือ Instagram เพื่อใช้งาน 2 ไอดีได้บนเครื่องเดียว
- Game Space เพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม ปิดการแจ้งเตือนต่างๆ เพื่อให้ไม่รบกวน จะได้ไม่หัวร้อน นอกจากนั้นเกมที่รองรับ Game Engine จะยิ่งเล่นได้ลื่นไหล เฟรมเรตนิ่ง และภาพสวยงามมากขึ้น (จากที่ได้ทดลองมาก็มี ROV และก็ PUBG)
ปรับตั้งค่าทุกอย่างตามถนัดแล้ว ก็ได้เวลาออกเดินทางต่อ ซึ่งรอบนี้พยายามประหยัดเวลาให้มากที่สุด เลยเลือกเดินทางเข้าเมืองด้วย Skyline ใช้เวลาสั้นสุด (ใกล้ที่พักด้วย) ประมาณ 30-40 นาที
มาถึงก็หิวพอดี เลยแวะไปร้านซูชิหน้าล้น แต่มันเยอะและกองสูงมาก จนต้องเรียกว่า “ซูชิหน้าภูเขาไฟ” อาจจะเหมาะกว่า พิกัดของร้านคือ Miuramisaki Kou ครับ (เผื่อใครจะตามรอย) ซึ่งในเซ็ตนี้ก็จะได้เห็นภาพ AI โหมดอาหาร มีเปิดเลนส์ Ultra Wide ในร้านเพื่อเก็บบรรยากาศ และโหมด Macro ซูมกันชัดๆ อ้อ แล้วก็มีคลิป 4K 60fps แถมมาให้ด้วย
รอบนี้ OPPO มีพัฒนาการเรื่องถ่ายวิดีโอแล้วซะที หลังจากเมื่อตอน Find X นี่แทบจะตั้งค่าอะไรไม่ได้ มารอบนี้ Reno 10x ปรับได้เพียบ ตั้งค่าเฟรมเรทสูงก็ได้ แถมภาพก็เนียนขึ้นเยอะเลย
กล้อง Reno 10x Zoom
เติมพลังเรียบร้อยก็ถึงเวลาเอากล้องไปทดสอบกันแล้ว ก็เอาของไปเก็บที่พักแล้วก็ขยับตัวออกไปที่สวนสัตว์อุเอโนะ เพราะว่างานนี้จะไปเน้นการซูมเพื่อส่องสัตว์กันโดยเฉพาะ
กล้องของ OPPO Reno 10x Zoom หากเทียบทางยางเลนส์ก็จะอยู่ที่ 16mm-160mm มีใส่กันสั่น OIS มาให้ทั้งกล้องหลักและกล้องซูม โดยจากที่ลองถ่ายมานั้นระบบกันสั่นทำงานได้นิ่งเลยทีเดียว ด้วยความที่ระยะซูม Optical ของ Periscope Camera นั้นอยู่ที่ 5x ภาพในการซูมระดับนี้จะยังคมชัดตามระยะเลนส์อยู่แล้ว ส่วนระยะซูม 10x ที่เป็น Hybrid zoom นั้นก็ยังถ่ายออกมาคุณภาพดี รายละเอียดได้
อย่างภาพน้องหมีขั้วโลกเซ็ตนี้จะเห็นว่าแม้จะเป็นระยะซูม 10 เท่า แล้วน้องหมีคือเดินไปเดินมาตลอดเวลา ชัตเตอร์กล้องก็ยังทำงานได้เร็วพอจะเก็บภาพนิ่งๆ และขนและรายละเอียดบนใบหน้ามาได้ แต่ขาที่ขยับเร็วกว่าก็อาจจะมีลักษณะของ motion blur เห็นว่าน้องกำลังก้าวเดินไปมาอยู่
ส่วนระยะที่เกินไปนั้นจะกลายเป็น Digital Zoom แล้ว ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าความละเอียดมันก็จะหายไปเรื่อยๆ ตามระยะนั่นเอง เพราะ Digital Zoom มันก็คือการครอปภาพใหญ่ แต่สำหรับบางคนก็อาจจะชอบ เพราะมันสะดวกดี ซูมๆ ไปถ่ายได้ก็พร้อมแชร์ ไม่ต้องมานั่งตัดนั่งครอปเองทีหลัง ส่วนตัวผมเองพอใจกับระยะซูม 10 เท่าครับ (แต่บางช็อตก็ยอมกดไปที่ 20 เท่าเหมือนกัน ถ้าของที่ซูมมันใหญ่ๆ หน่อย)
หรือถ้าอยากจะเห็นภาพแบบซอยเป็นระยะๆ เลยก็จะมีเซ็ตที่ไปถ่ายที่วัดอาซากุสะครับ ไล่ครบทุกระยะให้ดูกันชัดๆ ไปเลย
โดยในโหมดการซูมนั้นถ้าจะสะดวกคือเอานิ้วลากขยับตรงตัวซูมไปทางซ้ายและขวาจะง่ายกว่าและเร็วกว่าการเอา 2 นิ้วถ่างเข้าๆ ออกๆ นะครับ
เดินเยอะแล้วเหนื่อย กลับมาหาร้านราเม็งแถวที่พักทาน อันนี้จำชื่อร้านไม่ได้ แต่เมนูและสไตล์ของเส้นและซุปนั้นไม่เหมือนของญี่ปุ่นทั่วไปครับ จัดว่าเด็ดอยู่
ปิดท้ายวันแรกด้วยการไปจับตุ๊กตา หยอดไปราวๆ 2,000 เยนได้ เขี่ยแล้วเขี่ยอีก สุดท้ายก็ได้มันมาในครอบครอง
เช้าวันที่ 2 นี่ตื่นมาก็ไปต่อแถวรอกินข้าวหน้าปลาไหลร้านดังแถวๆ อุเอโนะเหมือนเดิม ร้านนี้หลายคนน่าจะรู้จัก Nadai Unatoto แต่วันนี้คนต่อคิวยาวกว่าร้านซูชิอีก เลยต้องยอมซื้อกลับบ้าน ไปหาที่นั่งกินแถวนั้นเอาสบายใจกว่า ตอนเข้าไปสั่งพนักงานก็ใจดีให้เก็บภาพในร้านมาด้วย
อิ่มแล้วก็เดินทางต่อ วันนี้ต้องย้ายสำมะโนครัวไปพักที่อิเคะบุคุโระ ตอนเดินผ่านลานว่างตรง Sunshine City เค้ามีกิจกรรมแข่งสเกตบอร์ดและก็ให้เด็กๆ มาเล่นด้วย เลยไปขอเค้าถ่ายคลิป 4K 60fps มาให้ได้ชมกันอีกรอบ ลุ้นตั้งนานว่าน้องจะไปได้ไหม
กล้องวิดีโอ
ไปกันต่อเลยกับวิดีโอ 4K 60fps อีกหนึ่งคลิป คนหิวหรือเปิดมาตอนดึกๆ แนะนำว่าอย่ากด Play เด็ดขาด ^ ^ อันนี้แวะทานที่ Sushi Zanmai ครับ
เซ็ตภาพจากเลนส์ Ultra Wide ลองเอาไปถ่ายแนวๆ Landscape แล้วก็พวกสิ่งก่อสร้างมาให้ได้ชมกัน จะได้เห็นว่ามุมของภาพมันกว้างได้แค่ไหน
กล้องเซลฟี่
ภาพเซลฟี่เปิด AI Beauty ของ OPPO นั้นเนียนใสไร้ริ้วรอยอยู่แล้ว รอบนี้เลยขอเน้นพวกภาพ HDR ที่มันดึงรายละเอียดภาพกลับมาได้ แม้ว่าจะย้อนแสงหรือฉากหลังจะขาววาบจนรายละเอียดในกล้องหายไป แต่ถ่ายแล้วมันดึงกลับมาได้ให้ดูกัน
อย่างเช่นภาพแรกนี่คือตอนที่ถ่ายจะเห็นว่าฉากหลังนั้นมันโดนดันจนขาวไปหมด ตอนกดชัตเตอร์นี่ก็คิดว่าคงได้แค่หน้าเรา
แต่พอถ่ายเสร็จ ภาพในแกลลอรี่นี่คนละเรื่อง มันดึงฉากหลังกลับมาได้ รวมถึงเงาในน้ำก็กลับมาด้วย
ภาพหอคอยโตเกียวก็ได้ท้องฟ้ากลับมา แถมยังมีวงๆ สีรุ้งที่เป็นรัศมีของพระอาทิตย์บริเวณยอดหอคอยโตเกียวด้วย
วันที่สามนี่คือเดินช็อปปิ้งรัวๆ เข้าห้างนั้นออกห้างนี้ (ภาพจากในชุด Landscape ที่ไปเดิน Big Camera นั่นแหละ) ส่วนวันที่ 4 นี่หาร้านกาแฟนั่งทำงานอย่างเดียวฮ่าๆ และวันนี้ไม่มีที่นอนซะด้วย เพราะไฟล์กลับไทยนั้นตอนเช้าตรู่ ก็เลยได้มีโอกาสไปใช้บริการโรงแรมแคปซูล 9 Hours ที่สนามบินนาริตะนั่นเอง
ความรู้สึกแปลกใหม่ดี เดินเข้าไปมันคล้ายๆ ฟิตเนสเลย มีล็อคเกอร์ ห้องน้ำ + โซนล้างหน้า โซนห้องอาบน้ำ และเลี้ยวไปอีกที่ก็จะกลายเป็นแคปซูลนอน ก็ขอปิดเซคชั่นของกล้อง Reno เอาไว้เท่านี้นะครับ เพราะนี่ก็ภาพเยอะมากจนดูกันไม่หวาดไม่ไหวแล้ว
ประสิทธิภาพและการเล่นเกม
ผลทดสอบ Antutu ของ OPPO Reno 10x Zoom นั้นทำคะแนนไปที่ 354,440 ซึ่งคะแนนประมาณ 350,000+ นั้นเป็นค่ามาตรฐานของ Snapdragon 855 อยู่แล้ว ส่วนผลทดสอบ 3D Mark ถ้าเป็น Slingshot Extreme OpenGL ได้ไป 5534 ส่วน Vulkan ได้ 4870 หน่วยความจำที่ใช้เป็น UFS 2.1 ความเร็วในการอ่าน 790MB/s และการเขียน 257MB/s
*การทดสอบแต่ละครั้งอาจจะให้ผลไม่เท่ากัน มีความคลาดเคลื่อนได้นิดหน่อย หรืออาจจะเปลี่ยนไปมากน้อยขึ้นอยู่กับเวอร์ชั่นของ OS เครื่องด้วย
ส่วนการทดสอบ ROV นั้นมาเล่นที่เมืองไทยนะครับ (อยู่โน่นกลัวปิงแล้วติด AFK ไปแต้มหายแน่ๆ) ตอนที่กลับมานั้นมีโหมด 10 vs 10 แล้ว ก็เลยจัดให้แบบเต็มๆ ไปเลย ซึ่งตัวเกม ROV นั้น Game Engine รองรับอยู่แล้วด้วย เฟรมเรตเลยนิ่งมาก จากการเปิด Game Space ปรับโหมดเน้นประสิทธิภาพแล้ว บวกกันแค่ไหนเฟรมเรตก็ยังไม่ลดต่ำกว่า 60 เลย อยู่ประมาณ 60-61fps ตลอด
ส่วน PUBG เองก็เปิดกราฟิคสูงสุดได้ที่ HDR และอัตราเฟรมเรต Ultra ระบบทัชนั้นดี ตอบสนองเร็วทั้ง 2 เกม แต่ด้วยความที่ขอบมันบาง อาจจะต้องใช้ความเคยชินในการจับนิดหน่อย และจากที่ลองเล่นมาไม่เจอปัญหาแบบมือถือจอโค้ง ที่บางครั้งกำลังบวกมันๆ แล้วโคนนิ้วชอบไปโดนขอบจอจนระบบทัชเขยื้อน (เวลาผมเล่นเกมบนมือถือจอโค้งต้องแอบกางนิ้วออกมานิดนึง แต่รุ่นนี้ไม่ต้อง)
ดูหนังฟังเพลง
ลำโพงสเตอริโอของ Reno 10x Zoom นั้นเรื่องของความดังและมิตินั้นถือว่าใช้ได้ครับ แต่รายละเอียดเสียงนั้นเบสออกจะบางไปหน่อย เสียงกลางก็ตีกันไปนิด นี่คือพยายามลองปรับ Dolby ไปทั้งโหมดดูหนัง ฟังเพลง หรือมาตรฐานก็แล้ว เนื้อเสียงที่ออกมาก็ต่างกันไม่เยอะ แต่มิตินั้นพอฟังได้ว่าต่างไปในแต่ละโหมด ส่วนการรับชม Netflix HD ไม่ใช่ปัญหา เพราะมาพร้อม DRM Widevine L1
แบตเตอรี่และอายุการใช้งาน
ช่วงที่อยู่ญี่ปุ่นนี่ผมใช้งาน 2 ซิม เปิด WiFi Calling เอาไว้รับสายจากเมืองไทย และเชื่อมต่อกับ Pocket WiFi ทั้งวัน ซึ่งการใช้งานนั้นถือว่าหนักหน่วงกันเลย เพราะใช้เปิด Google Maps นำทางอยู่เรื่อยๆ Search หาร้านอาหาร เปิดกล้องถ่ายรูปรีวิวกันไปเรื่อยๆ ซึ่งในแต่ละวันกว่าจะกลับเข้าที่พักก็ประมาณ 3-4 ทุ่ม แล้วไม่มีวันไหนแบตหมดเลย บางวันเหลือ 30% บางวันที่ใช้กล้องเยอะมากก็อาจจะขึ้นสีส้มเข้า Power Saving Mode บ้าง (ยกเว้นวันนึงที่นอนหลับตอนเล่นเกมแล้วลืมชาร์จ ตื่นมาแบตเหลือแค่ 30% แล้วประมาณเที่ยงๆ มันก็ดับลง)
ซึ่งการชาร์จแบตด้วย VOOC 3.0 นั้นจากที่ลองจับเวลาดูแล้วช่วงต้นๆ ของการชาร์จจะเป็นการชาร์จเร็วสุดจาก 0% เป็น 50% ภายในเวลาประมาณ 30 นาที หลังจากนั้นก็จะวิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ จนเต็ม ซึ่งจะเริ่มชาร์จช้าลงด้วย และถ้าจะปล่อยยาวไปจนเต็ม 100% ที่ 4065 มิลลิแอมป์เลยนั้น จะใช้เวลาประมาณ 90 นาที
สรุปผลการใช้งาน
OPPO Reno 10x Zoom นั้นทำผลงานได้ดีกว่าที่ผมคาดไว้ เรียกว่าตรงกับสโลแกน Renovate ของซีรี่ส์มากๆ คือมีการปรับปรุงใหม่รอบด้าน UI ของ Color OS ปรับแต่งได้มากกว่าเดิม ประสิทธิภาพของชิปเรือธง Snapdragon 855 หน้าจอสีสวยและขอบไม่โค้ง กล้องหลายระยะตั้งแต่ Ultrawide ไปจนถึงซูม 10x ทำให้การถ่ายภาพด้วยมือถือเครื่องเดียวนั้นครบและสนุกกว่าเดิม ไหนจะเรื่องของดีไซน์ที่สวยงามแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ขอสรุปจุดเด่นออกมาเป็นข้อๆ ตามนี้ละกันนะครับ
ข้อดีที่ตอบโจทย์
- ดีไซน์สวย วัสดุและงานประกอบดี
- จอสวย ขอบไม่โค้งน่าจะถูกใจหลายๆ คน
- UI และการใช้งานลื่นไหล
- กล้องหลายระยะ กันสั่นทำงานดีแม้จะถ่ายที่ซูม 10 เท่า
- เติมเมมด้วย micro SD ได้
- แบตอึดกว่าที่คิด (แถมชาร์จเร็วด้วย)
ข้อที่เอาไว้พิจารณา
- ตัวเครื่องใหญ่ หนา แอบหนักกว่าชาวบ้านนิดๆ
- โหมดถ่ายวิดีโอใช้งานได้แค่กล้องหลัก (ถ้ามีอัพเดทให้ใช้กล้องซูมได้ด้วยจะดีมาก)
- ลำโพงคู่สเตอริโอเบสบางไปหน่อย เสียงช่วงกลางตีกันไปนิด (ลองปรับหลายโหมดแล้ว)
- ถ้ามีช่องหูฟัง 3.5 จะครบเครื่องมากๆ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านและชมมาจนจบ Reno 10x Zoom นี่น่าจะเป็นเรือธงที่สมบูรณ์มากๆ เท่าที่ OPPO เคยทำมา โดยรวมผมประทับใจมากกว่า Find X ซะอีก
สุดยอดครับ 🙂 🙂
เอาตาผมดู ไฟล์ภาพแทบทุกรูปจะเหมือนมีสีเทาอมเขียวจางๆฉาบหน้าอยู่
อารมณ์ภาพเหมือนกล้องพานาโซนิครุ่นเก่าๆ
ภาพไม่ใสแบบ ซัมซุง ไอโฟน หัวเหว่ย ไม่แน่ใจว่าเป็นที่กล้องหรือสภาพอากาศ
แต่เดาว่าเหมือนจะเป็นที่กล้องมากกว่า
โทนสีคล้ายๆกล้อง Sony NEX-5 แต่สว่างกว่า ผมชอบนะแบบนี้
ระบบการแจ้งเตือน oppo ดีไหมครับ ตอนนี้ใช้ A50 อยู่ ไม่ประทับใจเลย ดีเลย์บ่อยมาก ยิ่งวางเครื่องเฉยๆ เงียบกริบจนกว่าจะหยิบขึ้นมาดู
ก่อนหน้าใช้ไอโฟนไม่เคยเจอดีเลย์เลย
Pixel2 ผมก็เป็นครับ
รอ Iphone11, Note10, Mate30pro เปิดตัว น่าจะได้ดู Blind Test จะได้รู้ซักทีกล้องไหนเจ๋ง ไม่เอา Pixel4 นะ เทพเกิน ไม่ขอบวก 55555
อยากเห็นพระจันทร์ เทียบกับ p30 pro ครับ