Xiaomi จัดให้อีกแล้ว! สำหรับคนชอบของคุ้ม ๆ ด้วยมือถือ POCO F5 และตัวท็อป POCO F5 Pro ที่ต้องบอกเลยว่าทั้งคู่เป็นมือถือสำหรับคนชอบของแรงแต่ราคาเป็นมิตรสุด ๆ เพราะทั้งคู่มากับหน้าจอ AMOLED สวยสดรีเฟรชเรทสูง สเปคเร็วแรงใช้งานครอบคลุมทุกอย่างได้อีกยาว ๆ และยังมีกล้องหลังจัดเต็มความละเอียดสูงพร้อมกันสั่น OIS ให้มาอีกต่างหาก…บอกแค่นี้อาจจะไม่รู้ว่าเจ๋งแค่ไหน ไปดูรีวิวการใช้งานเต็ม ๆ เลยดีกว่า

ดีไซน์เครื่อง / หน้าจอ AMOLED

POCO F5 ทั้งสองรุ่นมีขนาดหน้าจอเท่ากันที่ 6.67 นิ้ว และใช้พาเนลแบบ AMOLED รีเฟรชเรท 120Hz ทั้งคู่แต่จะต่างกันตรงความละเอียด เพราะรุ่น Pro มีความละเอียดสูงถึงระดับ WQHD+ ส่วนรุ่นธรรมดามีความละเอียดระดับ FHD+ ใช้ดีไซน์แบบเจาะรูกล้องตรงกลางด้านบน ถ้าหงายเครื่องวางเทียบกันจะเห็นความแตกต่างเล็กน้อยตรงที่รุ่น Pro มุมเครื่องมีความโค้งมากกว่านิดหน่อย

พอพลิกดูด้านข้างจะเริ่มเห็นความแตกต่าง เพราะรุ่นธรรมดามีขอบเครื่องที่เหลี่ยมกว่า และขอบเครื่องด้านขวามีปุ่ม Power ที่เป็นเซนเซอร์สแกนนิ้วมือด้วย ส่วนรุ่น Pro ขอบเครื่องด้านหลังจะโค้งมนเข้ามือ และปุ่ม Power ไม่มีเซนเซอร์เพราะใช้สแกนนิ้วมือบนหน้าจอแทน

POCO F5 (บน) / POCO F5 Pro (ล่าง)

POCO F5 ยังมีรูหูฟัง 3.5 มม. อยู่ที่ขอบเครื่องด้านบนด้วย ส่วนรุ่น Pro ไม่มีให้นะครับ

POCO F5 (บน) / POCO F5 Pro (ล่าง)

มาด้านหลังเครื่องทีนี้จะเห็นว่าต่างกันแบบเห็นชัด ๆ เลย โดยรุ่นธรรมดามีลวดลายแบบเคฟลาร์ กล้องหลังมุมขวาบนมี 3 ตัว เป็นเลนส์เพียว ๆ นูนขึ้นมาจากตัวเครื่อง รุ่น Pro มีลายแบบเคฟลาร์เหมือนกันแต่จะมีตรงแค่ขอบ ๆ ซ้าย-ขวาเท่านั้น ตรงกลางเครื่องเป็นสีเรียบ ๆ ส่วนมุมซ้ายบนมีโมดูลกล้องสี่เหลี่ยมผืนผ้า และมีกล้อง 3 ตัว เรียงเป็นแนวตั้ง

POCO F5 Pro (ซ้าย) / POCO F5 (ขวา)

ทั้งคู่มีฝาหลังแบบมันวาวซึ่งเป็นรอยนิ้วมือง่ายสุด ๆ แตะนิดแตะหน่อยก็เละแล้ว…แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะยังไงก็คงใส่เคสกันอยู่แล้วล่ะเนอะ

POCO F5

POCO F5 Pro

กล้องหลัง 64MP มี OIS ถ่าย 8K ได้

หนึ่งในจุดเด่นของมือถือทั้ง 2 รุ่นนี้ก็คือกล้องหลัง 3 ตัวที่ใช้สเปคเดียวกัน ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 64MP มีระบบกันสั่น OIS + กล้อง Ultrawide ความละเอียด 8MP + กล้อง Macro ความละเอียด 2MP ซึ่งภาพที่ถ่ายออกมาอาจต่างกันบ้างเล็กน้อยเนื่องจากการประมวลผลของ CPU ที่ใช้คนละรุ่นนั่นเอง แต่รวม ๆ แล้วแทบไม่เห็นความแตกต่างครับ โดยประสิทธิภาพกล้องในการถ่ายภาพก็ดูกันได้จากตัวอย่างด้านล่างนี้เลย

แม้สเปคกล้องจะเหมือนกันแต่ความแตกต่างก็ยังมีอยู่ เพราะรุ่น Pro สามารถถ่ายวิดีโอได้ความละเอียดสูงสุดถึง 8K 24fps / 4K 60fps ส่วนรุ่นธรรมดาถ่ายได้สูงสุดที่ 4K 30fps ตัวอย่างก็ดูได้จากข้างล่างครับ ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 16MP ที่ยังคงจำกัดความละเอียดในการถ่ายวิดีโอเซลฟี่เอาไว้ที่ 1080p 30/60fps เหมือนเดิม

Play video

Play video

Play video

Play video

Play video

ปกติการถ่ายวิดีโอทั่วไปก็จะใช้ความสามารถของระบบกันสั่นจากฮาร์ดแวร์ OIS ร่วมกับกันสั่นจากซอฟท์แวร์ EIS ช่วยอยู่แล้ว แต่เรายังสามารถปรับโหมด Steady Video เพื่อเพิ่มความนิ่งให้มากขึ้นไปอีก แต่จะจำกัดความละเอียดเอาไว้ที่ 1080p 30fps เท่านั้น แต่จากที่ลองวิ่งถ่ายพบว่ายังไม่ได้นิ่งขนาดนั้น เพราะเวลาลงเท้าจะเห็นได้ชัดเลยว่าภาพมันจะดูวูบ ๆ แปลก ๆ

Play video

สเปคแรง เล่นเกมสบาย

สเปคของทั้ง 2 รุ่น รวม ๆ จะแตกต่างกันอยู่ที่ตัวชิป และขนาดแบตเตอรี่เล็กน้อยเท่านั้น โดย POCO F5 ใช้ชิป Snapdragon 7+ Gen 2 และ POCO F5 Pro ใช้ชิปแรงกว่าเป็น Snapdragon 8+ Gen 1 ทั้งคู่ใช้ RAM แบบ LPDDR5 ขนาด 12GB และความจุแบบ UFS 3.1 ขนาด 256GB กับ 512GB (เฉพาะรุ่น Pro)

สเปค POCO F5

  • จอภาพ : Flow AMOLED  ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz
  • CPU : Snapdragon 7+ Gen 2
  • RAM LPDDR5 : 12GB (รองรับ Dynamic RAM Expansion 3.0)
  • ROM UFS 3.1 : 256GB (ไม่รองรับ microSD Card)
  • กล้องหลัง 3 ตัว :
    – กล้องหลัก 64MP (f/1.79), ระบบกันสั่น OIS+EIS
    – กล้องอัลตราไวด์ 8MP (f/2.2)
    – กล้อง Macro 2MP (f/2.4)
  • กล้องหน้า : 16MP (f/2.42)
  • การเชื่อมต่อ : 5G Dual SIM / Wi-Fi 6 / Bluetooth 5.3 / NFC / IR Blaster / USB Type-C 2.0
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ด้านข้าง), Optical Distance Sensor, Ambient Light Sensor, Acceleration Sensor, Gyroscope, Electronic Compass
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอ Dolby Atmos
  • มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP53
  • แบตเตอรี่ : 5,000 mAh รองรับชาร์จไว 67W
  • ระบบปฏิบัติการ : MIUI 14 บนพื้นฐาน Android 13
  • ขนาด / น้ำหนัก : 161.11 มม. x 74.95 มม. x 7.9 มม. / 181 กรัม

สเปค POCO F5 PRO

  • จอภาพ : Flow AMOLED  ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด WQHD+ รีเฟรชเรท 120Hz
  • CPU : Snapdragon 8+ Gen 1
  • RAM LPDDR5 : 12GB (รองรับ Dynamic RAM Expansion 3.0)
  • ROM UFS 3.1 : 256GB / 512GB (ไม่รองรับ microSD Card)
  • กล้องหลัง 3 ตัว :
    – กล้องหลัก 64MP (f/1.79), ระบบกันสั่น OIS+EIS
    – กล้องอัลตราไวด์ 8MP (f/2.2)
    – กล้อง Macro 2MP (f/2.4)
  • กล้องหน้า : 16MP (f/2.42)
  • การเชื่อมต่อ : 5G Dual SIM / Wi-Fi 6 / Bluetooth 5.3 / NFC / IR Blaster / USB Type-C 2.0
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ใต้จอ), Optical Distance Sensor, Ambient Light Sensor, Acceleration Sensor, Gyroscope, Electronic Compass, Color spectrum
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอริโอ Dolby Atmos
  • มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP53
  • แบตเตอรี่ : 5,160 mAh รองรับชาร์จไวมีสาย 67W / ไร้สาย 30W
  • ระบบปฏิบัติการ : MIUI 14 บนพื้นฐาน Android 13
  • ขนาด / น้ำหนัก : 162.78 มม. x 75.44 มม. x 8.59 มม. / 204 กรัม

แน่นอนว่าสเปคระดับนี้ ทั้งคู่สามารถเล่นเกมในปัจจุบันได้แบบสบาย ๆ ไม่ว่าจะเป็น ROV สำหรับรุ่นธรรมดาปรับเฟรมเรทสูงสุดนัวกันเละเทะเฟรมเรทก็ยังนิ่งที่ราว ๆ 59 – 60fps ส่วนรุ่น Pro ที่แรงกว่าก็ไม่ต้องสงสัยเลย เล่นลื่นปรื๊ดดดเหมือน ๆ กัน

ลองเกมกราฟิกโหด ๆ อย่าง Genshin Impact รุ่น Pro ที่ใช้ Snapdragon 8+ Gen 1 นี่ไม่มีปัญหาอะไรเลย ปรับกราฟิกระดับ Medium เฟรมเรท 60 สามารถเล่นได้แบบลื่น ๆ ส่วนรุ่นธรรมดาค่ากราฟิกแบบ Default จะตั้งไว้ที่ระดับ Low แต่ยังสามารถปรับเฟรมเรทเป็น 60 แล้วเล่นได้แบบลื่น ๆ เช่นกันครับ

แบตเตอรี่อึด มีชาร์จไร้สาย

แบตเตอรี่ของทั้งคู่มีขนาดต่างกันแค่เล็กน้อยเท่านั้นโดยรุ่นธรรมดา 5000 mAh และรุ่น Pro ขนาด 5160 mAh ซึ่งการใช้งานจริงนี่แทบจะแยกไม่ออกอยู่แล้ว สำหรับการใช้งานทั่วไปใช้ซิม 5G ระหว่างเดินทางมาทำงาน เล่นเน็ตดูคลิปบ้าง+ฟังเพลงไปด้วย ถึงออฟฟิศต่อ WiFi แชททั้งวัน เล่นเกมบ้าาง ถ่ายรูปบ้าง กลับบ้านค่ำ ๆ แบตเตอรี่ยังเหลือเฟือ (รุ่น Pro ปรับความละเอียดจอไว้ที่ FHD+) ทดสอบแบบจัดหนักด้วยการเปิดคลิป YouTube ผ่าน WiFi ความละเอียด FHD แบบเต็มจอ ความสว่างและเสียงลำโพง 60% เล่นไปยาว ๆ 6 ชม. แบตเตอรี่ยังเหลืออีกถึง 70% กว่า ๆ เลยทีเดียว

POCO F5 / POCO F5 Pro

ระบบชาร์จไว 67W เรียกว่าเหลือเฟือเลย เพราะชาร์จแบตเตอรี่จากราว ๆ 10% จนเต็ม 100% ใช้เวลาแค่ไม่ถึง 1 ชั่วโมงเท่านั้น ส่วนรุ่น Pro จะพิเศษกว่าตรงที่มีระบบชาร์จไร้สาย 30W มาให้ด้วย

ลำโพงสเตอรีโอ เสียงกระหึ่ม

ทั้ง 2 รุ่น ได้ลำโพงสเตอรีโอพร้อมระบบเสียง Dolby Atmos ที่สามารถเปิดใช้ร่วมกับลำโพงเพื่อเพิ่มความกระหึ่มและความตึ้บขึ้นมา (บางรุ่นจะได้ใช้แค่เวลาเสียบหูฟัง) ทดลองเปิดเสียงจนสุดพบว่าดังลั่นห้องเลยล่ะ แต่ถ้าเปิดแบบ 100% เสียงจะพร่านิด ๆ แนะนำว่าเปิดแค่ 80% ก็พอแล้วครับ…เป็นการถนอมลำโพงด้วย

ตัวเครื่องทนน้ำทนฝุ่น IP53

ทั้งคู่ได้มาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น IP53 ซึ่งกันได้ทั้งฝนตกหรือน้ำสาดใส่ ก็นับว่าอุ่นใจเลยล่ะ สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่กลัวฝน ไม่กลัวน้ำหกใส่อะไรทั้งนั้น หยิบมาสะบัด ๆ แล้วเช็ดให้แห้งก็เรียบร้อย

น้ำหกใส่ก็บ่ยั่น

สรุป

ข้อดี

  • สเปคคุ้มค่ากับราคา
  • สเปคแรงใช้งานได้ทุกอย่างในปัจจุบันได้แบบลื่น ๆ
  • หน้าจอสีสวยสว่างสู้แดด รีเฟรชเรทสูงด้วย
  • กล้องหลังถ่ายสวยในทุกสภาพแสง
  • ถ่ายวิดีโอโหมดปกติค่อนข้างนิ่งเพราะมี OIS+EIS
  • รุ่น Pro ถ่ายวิดีโอ 8K ได้
  • ลำโพงคู่เสียงดัง เสียงดี ใช้ Dolby Atmos กับลำโพงได้
  • รุ่นธรรมดามีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตเตอรี่อึด
  • ชาร์จไวใช้ได้
  • รุ่น Pro มีชาร์จไร้สาย
  • มาตรฐานทนน้ำ IP53 ใช้เครื่องได้อุ่นใจในชีวิตประจำวัน
  • ติดฟิล์มกันรอยหน้าจอมาให้เลย, แถมเคส, แถมหัวชาร์จ 67W มาด้วย

ข้อสังเกต

  • กล้องหน้าถ่ายวิดีโอได้แค่ 1080p 60fps
  • โหมดถ่ายวิดีโอ Steady ยังไม่ได้นิ่งเนียนขนาดนั้น
  • ฝาหลังเป็นรอยนิ้วมือง่ายสุด ๆๆๆ (แต่ใส่เคสกันอยู่แล้ว เลยไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร)
  • ไม่รองรับ microSD Card
  • รุ่น Pro ไม่มีรูหูฟัง
  • รุ่นธรรมดาถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K 30fps

ทั้ง POCO F5 และ POCO F5 Pro เป็นมือถือระดับกลางที่ต้องบอกเลยว่ามีสเปค+ราคาที่คุ้มค่า แถมยังมีกล้องสวยอีกต่างหาก ถ้าใครไม่ได้สนใจจะถ่ายวิดีโอระดับ 8K และไม่ได้อยากจะจัดกราฟิกหนัก ๆ กับเกม Genshin Impact จะเลือกรุ่นธรรมดาก็เหลือ ๆ ด้วยค่าตัวแค่ 13,990 บาท

แต่หากใครอยากจัดเต็มกว่าด้วยกล้องถ่ายวิดีโอ 8K และสเปคที่แรงขึ้นมาอีกขั้น และอยากใช้ชาร์จไร้สายด้วย ก็เพิ่มเงินขึ้นมาอีกหน่อยจัดตัว Pro ไปได้เลย โดยรุ่นนี้มีให้เลือกความจุ 2 ขนาดคือ 12GB / 256GB ราคา 16,990 บาท และ 12GB + 512GB ราคา 18,990 บาท ครับ…รับรองว่าใช้งานแบบลื่น ๆ ไปได้อีกยาวเลยล่ะ