นาทีนี้ต้องยอมรับว่า realme กลายแบรนด์ที่ทำมือถือได้คุ้มค่าเกินราคาเครื่องที่สุดแบรนด์หนึ่งเลยก็ว่าได้ หลังจากเปิดตัว realme GT Neo2 5G ในไทย ราคาแค่ 13,900 บาท แต่ให้สเปคมาแบบสุดทางเกินตัวตามฉบับสโลแกน “นักฆ่าเรือธง” ซึ่งถ้าจะเรียกว่าเป็นเรือธงอีกรุ่นหนึ่งไปเลยก็ไม่ได้เว่อร์เกินแต่อย่างใด อยากรู้ว่าจริงแท้แค่ไหนและใช้งานจริงเป็นอย่างไรบ้าง ตามมาพิสูจน์กันได้เลยครับ

หลังจากที่ได้ลองใช้งานอย่างจริงจังมาตลอด 1 เดือนเต็ม ต้องบอกเลยว่ารุ่นนี้เป็นอีกรุ่นที่มีจุดเด่นให้พูดถึงเยอะมาก ซึ่งก่อนจะเข้าเรื่องการใช้งาน ขออนุญาตทบทวนสเปคของเจ้านักฆ่าเรือธงตัวนี้ให้ชมกันอีกรอบครับ

สเปค REALME GT NEO2 5G

  • หน้าจอ AMOLED E4 ขนาด 6.62 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ สัดส่วน 20:9 (2400 x 1080) รีเฟรชเรท 120Hz ค่า Touch Sampling 600Hz
  • ชิปเซ็ต Snapdragon 870 5G ขนาด 7nm (Clock สูงสุด 3.2 GHz)
  • GPU Adreno 650
  • RAM 8GB (รองรับ Virtual RAM หรือ DRE เพิ่มอีก 7GB)
  • ROM 128GB (UFS 3.1)
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    • Wide: 64MP f/1.8 เลนส์ 6 ชิ้น มุมกว้าง 78.6º
    •  Ultra-Wide: 8MP f/2.3 เลนส์ 5 ชิ้น มุมกว้าง 119º
    •  Macro: 2MP เลนส์ 3 ชิ้น โฟกัสใกล้สุด 3 ซม.
  • กล้องหน้าความละเอียด 16MP f/2.5 เลนส์ 5 ชิ้น f/2.5 มุมกว้าง 78º
  • เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
  • Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2, NFC
  • แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับชาร์จไว SuperDart Charge 65W
  • ลำโพงคู่ Stereo รองรับ Hi-Res Audio และระบบเสียง Dolby Atmos
  • ขนาดตัวเครื่อง 162.90 x 75.80 x 8.60 มิลลิเมตร
  • น้ำหนักตัวเครื่อง 200 กรัม
  • ระบบปฏิบัติการ realme UI 2.0 บนพื้นฐาน Android 11

แกะกล่อง ด้านในมีอะไรบ้าง

เปิดออกมาจะเจอกับกล่องใส่คู่มือด้านบนสุด อุปกรณ์เสริมที่ให้มาประกอบด้วย เคสซิลิโคนยาง สีเทาเข้ม วัสดุค่อนข้างดี, สายชาร์จ USB-A to USB-C ยาว 1 เมตร, หัวชาร์จ แบบ SuperDart Charge 65W และเข็มจิ้มซิม น่าเสียดายที่ไม่ได้แถมหูฟังมาให้ แต่โดยรวมถือว่าให้มาค่อนข้างครบ (ฟิล์มกันรอยติดมากับตัวเครื่องแล้ว)

ดีไซน์ตัวเครื่อง

realme GT Neo2 5G เปิดวางขาย 2 สี คือสีฟ้า Neo Blue และเขียว Neo Green ซึ่งสีเขียวที่ได้มานี้มีความพิเศษกว่าคือจะมีแถบคาดสีดำที่เป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์ GT บ่งบอกความเป็นรถแข่งแบบเท่ ๆ วัสดุฝาหลังเป็นแบบกระจก AG ผิวด้านไม่เป็นรอยนิ้วมือง่าย (แต่จะไปเป็นรอยง่ายตรงแถบดำที่ว่านั้นแทน เพราะเป็นผิวแบบเงา)

ดีไซน์กล้องมีการนูนขึ้น ถ้าวางกับโต๊ะเรียบ ๆ อาจจะมีแตะแล้วกระดกบ้างนิดหน่อย แต่ถ้าใส่เคสก็เรียบพอดีเป๊ะ

ขอบด้านข้างตัวเครื่องทำจากอลูมิเนียม งานประกอบเนี้ยบจนเรียกว่าค่อนข้างพรีเมียมมาก ๆ ด้านขวาเป็นปุ่ม Power ฟิลลิ่งการกดกำลังดีไม่ค่อยแข็ง ให้เสียงกดเบา ส่วนด้านซ้ายเป็นปุ่ม Volume ฟีลการกดจะแข็งขึ้นกว่าอีกนิด ๆ เสียงคลิกก็ดังกว่าเล็กน้อย

 

ขอบด้านบนจะมีไมค์ตัดเสียงรบกวนมาให้ 1 ตัว และสุดท้ายขอบด้านล่างเป็นถาดซิม รูไมโครโฟน ช่องเสียบ USB-C และช่องลำโพง Stereo ฝั่งขวา (เรียงจากซ้ายไปขวา) ซึ่งไม่มีรูหูฟัง 3.5 มาให้ตามระเบียบจ้า

 

ถาดซิมให้มาเป็นแบบ 2 ซิม (dual slot) ใส่ได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง น่าเสียดายที่ไม่รองรับ micro SD card และตัวเครื่องก็ไม่ได้รองรับ eSIM ด้วยครับ

ด้านหน้าตัวเครื่องจะเป็นหน้าจอขนาด 6.62 นิ้ว ใช้กระจก Gorilla Glass 5 มีสัดส่วนหน้าจอต่อพื้นที่ด้านหน้า 92.6% มีกล้องหน้าแบบ Punch Hole ตรงมุมบนซ้าย และลำโพงสนทนาหรือลำโพง Stereo ฝั่งซ้าย จะเป็นช่องเล็ก ๆ อยู่ตรงกลางริมขอบจอ (ไม่ใช่แบบฝังใต้หน้าจอ)

ตัวเครื่องขนาด 162.9 x 75.8 x 8.6 mm อาจจะดูค่อนข้างใหญ่ไปนิด แต่ฟีลการจับถือมือเดียวยังถือว่าโอเคไม่กว้างจนเกินไป ด้านหลังทำเป็นกระจกโค้งรับกับมือรูปมือ ถือแล้วไม่รู้สึกว่าเครื่องใหญ่ ตัวเครื่องเบามากเมื่อเทียบกับขนาดจอ ลองเล่นทั้งวันดูแล้วรู้สึกว่าค่อนข้างสะดวก ถือง่าย ไม่ค่อยเมื่อยมือครับ

หน้าจอแสดงผล

สำหรับหน้าจอ AMOLED E4 ของเครื่องนี้ จากสเปคคือให้ค่า Contrast สูงถึง 5,000,000:1 รองรับ HDR10+ เรื่องรายละเอียดสีสันนี่ต้องบอกว่าอยู่ในระดับมือถือ High-End กันเลย เพราะให้สีสันค่อนข้างตรง ดูไม่สดโอเว่อร์จนเกินไป

ความสว่างจอให้มาสูงสุดถึง 1,300 nit สว่างสุดมาก ๆ เปิดออโต้จะปรับแสงอัตโนมัติได้ 10,240 ระดับ เพราะมีเซ็นเซอร์ Smart Sunlight ใช้ตรวจจับแสงรอบตัวเครื่อง 360 องศา โดยภาพรวมเรื่องจอต้องบอกว่าประทับใจมาก ถ้าใครตั้งใจซื้อมาเพื่อดูคอนเทนต์วิดีโอเป็นหลัก ขอเชียร์เลยว่าเป็นอีกรุ่นที่สุดจัดไม่ผิดหวังแน่นอนครับ

อย่างไรก็ดี แอบเสียดายนิดนึงตรงที่แม้หน้าจอจะรองรับ HDR10+ แล้ว แต่ยังไม่สามารถดู Netflix แบบ HDR ได้ ซึ่งอาจจะต้องรอให้ตัวซอฟต์แวร์ของทั้ง Netflix และ realme UI มีการอัปเดตเพิ่มเติมมาซัพพอร์ตกันก่อนครับ

นอกจากนี้ หน้าจอยังให้อัตรารีเฟรชเรทสูงสุดอยู่ที่ 120Hz ซึ่งเป็นแบบ Adaptive ที่ปรับระดับตามการใช้งานให้เองได้ 4 ระดับ คือ 120Hz, 90Hz, 60Hz และ 30Hz (หรือเราจะเข้าไปตั้งให้เป็น 120Hz ตลอดก็ได้เช่นกัน) ข้อดีคือช่วยประหยัดแบตลงได้ค่อนข้างเยอะ

การใช้งานทั่วไป

สำหรับ realme UI 2.0 จากที่ได้ลองใช้งานมาแบบจริงจังตลอด 1 เดือน ความรู้สึกมันเหมือนใช้มือถือเรือธงอยู่มาก ตัว UI ยังไม่เคยแสดงอาการค้างหน่วงใด ๆ ให้เห็น ต้องถือว่าซอฟต์แวร์ทำออกมาได้ค่อนข้างดี บวกกับอานิสงค์จากความเป็น Snap 870 ทำให้ UI ไม่ค่อยค้างจากอาการเครื่องร้อนหรือทำงานหนักนั่นเองครับ

UI ทำออกมาได้ค่อนข้างคลีน สะอาดตา ตั้งค่าได้เกือบทุกอย่างเท่าที่นึกออกสำหรับมือถือ Android เครื่องหนึ่ง หน้า Home Screen สามารถเลือกเป็นมีหรือไม่มี App Drawer ก็ได้

 

การ multitask บน realme UI 2.0 เป็นอะไรที่เด็ดดวงมาก เพราะสลับแอปได้ลื่นและเร็วขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ ส่วนตัวชอบวิธีการเปลี่ยนจากหน้าแอปที่เป็นแนวนอน เช่น จากแอปเกม ไปเป็นหน้าโฮมที่เป็นแนวตั้ง พอ swipe ขึ้นจะกลายเป็นแนวตั้งให้ทันที ไม่ต้องรอแอนิเมชันหมุนกลับหน้าจอก่อน ซึ่งตอนนี้ UI บางแบรนด์ก็ยังทำไม่ได้นะ

ข้อติเล็กน้อยที่เจอก็คือ การตั้งชื่อโฟลเดอร์เวลากรุ๊ปแอปของ realme UI ตัวนี้ยังทำได้ไม่ค่อยดี เช่นเมื่อลองลากเกม Asphat 9 รวมเข้าเป็นโฟลเดอร์เดียวกับเกม Among Us จะขึ้นชื่อเป็นคำว่า “Folder” แทนที่จะเป็นคำว่า “Games” ทั้ง ๆ ที่สองแอปนี้ก็เป็นแอปในหมวดเกมทั้งคู่

ส่วนบัคเล็กน้อยที่เจอนาน ๆ ทีก็อย่างเช่น เวลาเลื่อนลดแสงหน้าจอแล้วจะมีอาการแสงไม่ลดตามบ้าง ซึ่งอาจจะต้องรอให้ซอฟต์แวร์เข้ามาแก้ให้ทีหลังครับ

เรื่องฟีลลิ่งการสัมผัสยกให้เลยว่าในเรทราคานี้เรียกว่าไม่มีใครเกินแล้ว เพราะให้อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัสมาสูงถึง 600Hz เกือบจะเท่ามือถือเกมมิ่งตัวท็อป ๆ อยู่แล้ว ใครเคยชินกับรุ่น Hz ต่ำ ๆ ต้องมาลองใช้ดู จะสังเกตได้เลยว่ามันแตะปุ๊บไปปั๊บไวขึ้นมาก ซึ่งตอนเล่นเกมถ้ายังไม่ชินอาจจะต้องระวังกดเบิ้ลกันซักนิดนึงนะ

นอกจากนี้ภายในยังให้ มอเตอร์สั่นแบบแกน x มา ซึ่งจะให้ความรู้สึกสั่นแบบสั้นกระชับที่ค่อนข้างพรีเมียมในสไตล์มือถือเรือธง เวลาเล่นเกมที่รองรับจะให้ฟีลลิ่งการตอบสนองที่เยี่ยมยอดฟินระเบิดระเบ้อมากครับ

รุ่นนี้ยังรองรับการสแกนนิ้วใต้จอมาให้ด้วย ซึ่งจากที่ลองก็พบว่าสแกนเข้าได้เร็วมาก แถมไม่มีบัคเอ๋อ ๆ ให้เห็นแม้แต่รอบเดียว ขนาดนิ้วเปียกหนัก ๆ ยังสแกนได้ปกติดี แม้จะติดฟิล์มหน้าจอแล้ว (เครื่องติดฟิล์มมาให้เลยจากโรงงาน)

คุณภาพเสียง

ลำโพงเครื่องนี้ให้มาเป็นแบบสเตอริโอคู่ระบบ Dolby Atmos เสียงดังดีมาก เปิดสุดคือไม่แตกและไม่บาดหู รายละเอียดเสียงทำได้ค่อนข้างดี มีเสียงกลางที่พุ่ง ให้เสียงแหลมครบ ส่วนย่านเบสอาจจะแห้งไปนิด ๆ บวกกับมิติและเวทีเสียงก็จะฟังดูแบน ๆ ไม่ได้กว้างมาก แต่โดยรวมยังถือว่าใช้งานได้ดี ดูหนังฟังเพลงได้สบายหายห่วงครับ

การเชื่อมต่อ

การใช้งานทั้ง 4G และ 5G ถือว่าเชื่อมต่อได้ค่อนข้างเสถียรตลอดทั้งวัน ใช้งาน 5G นาน ๆ ไม่มีอาการสูบแบตหรือเครื่องร้อนให้เห็นเลย ถือว่าดีมาก ๆ การรับสัญญาณ Wi-Fi ก็ทำได้กว้างและเสถียร (ลองให้เครื่องอยู่ชั้น 3 เราเตอร์อยู่ชั้น 1 ก็ยังไม่เจออาการหลุด) ทดสอบการจับสัญญาณ WiFi 6 กับเน็ตความเร็ว 1 Gbps ออกมาได้ผลตามนี้

ทางด้าน Bluetooth ลองต่อด้วยหูฟัง True Wireless ที่เป็น aptX ทั่วไป พบว่าเชื่อมได้เร็วไม่ถึง 1 วินาที (รองรับ CODEC สูงสุดถึง LHDC) ใช้ดู YouTube, Netflix ผลลัพธ์คือจับ delay ได้น้อยมาก ส่วนเกมบางเกมเช่น PUBG ยังแอบ delay นิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้น่าหงุดหงิดครับ

การทดสอบประสิทธิภาพ

เมื่อเอา realme GT Neo2 5G ไปทดสอบประสิทธิภาพกับแอป Geekbench, AndroBench และ 3DMarks ได้คะแนนออกมาตามนี้ครับ

 

การทดสอบการนำทางกับแอป GPS Test อันนี้พบว่า realme GT Neo2 5G มีความคลาดเคลื่อนอยู่ที่บวกลบ 3 เมตร ซึ่งถือว่ายังอยู่ในระดับที่ใช้งานได้ดี

แรม 8GB พอมั้ย ?

realme GT Neo2 5G มี 2 รุ่นความจุคือ 8/128GB และ 12/256GB สำหรับรุ่น Ram 8GB คิดว่าเพียงพอต่อการใช้งานมากแล้ว เพราะยังมี Ram จำลองที่ realme เรียกว่า Dynamic Ram Expansion (DRE) ซึ่งเป็นเทคนิคที่ดึง Rom ที่ว่างอยู่มาทำเป็น Ram เพิ่มเติมให้อีก 7 GB รวมกับของเดิม เท่ากับเครื่องนี้มี Ram 15GB เข้าไปแล้ว

จากที่ลองทดสอบเปิดเกมไฟล์ใหญ่ ๆ รวมกันทั้งหมด 8 เกมตามภาพ พบว่าไม่มีอาการโหลดใหม่ สามารถเปิดกลับมาเล่นต่อที่จุดล่าสุดได้ทุกเกมครับ

 

การเล่นเกม

สำหรับการเล่นเกมบน realme GT Neo2 5G ต้องบอกว่าถ้าไม่ติดเรื่องดีไซน์เครื่องที่ออกไปทางมือถือไลฟ์สไตล์หน่อย ๆ สิ่งที่ภายในเครื่องให้มามันแทบจะเป็นมือถือเกมมิ่งเครื่องหนึ่งไปแล้ว

เริ่มตั้งแต่การเป็น Adreno 650 รุ่นรองท็อป แต่ปรับสุดลื่นทุกเกม (บางครั้งรู้สึกว่ามันดีกว่า Adreno 660 ซะอีก) หน้าจอ 120Hz บวกกับ Touch Sampling Rate 600Hz มอเตอร์สั่นแบบกระชับ รองรับ 4D Vibration ระบบเสียง Dolby Atmos ฟังเสียงฝีเท่าได้รอบทิศทาง ไม่มีอะไรจะโดนใจสายเกมไปมากกว่านี้อีกแล้ว

สำหรับเกม RoV ปรับกราฟิก RoV ได้เกือบ Extreme ทุกด้าน ปรับเฟรมเรท 60FPS ได้ เล่นบวกเยอะ ๆ ยังเกาะ 59-60 ได้สบาย ๆ

 

Snap 870 ว่าไม่ค่อยร้อนอยู่แล้ว ยังให้ระบบระบายความร้อนแบบ Stainless Steel Vapour Cooling Plus มาอีก ซึ่งก็สมราคาคุยเค้าจริง ๆ เพราะจากที่ได้ลองเล่น Genshin Impact ต่อเนื่องดูซักชั่วโมงกว่า เต็มที่ก็ประมาณอุ่น ๆ ส่วนเฟรมเรทปรับสุดก็ยังทำได้ค่อนข้างดี มีกระตุกบ้างเวลาบวกหนัก ๆ แต่ก็ยังกดบังคับต่อได้

มีซอฟต์แวร์ GT Mode 2.0 มาให้อีก เมื่อเปิดแล้วจะรัดประสิทธิภาพของ CPU และ GPU ทำให้เกมนิ่งเนียนขึ้นได้อีก นี่มันมือถือเกมมิ่งชัด ๆ แล้ว

แบตเตอรี่

สำหรับแบตเตอรี่ 5000 mAh ที่ให้มา ทาง realme เคลมว่าสามารถเล่นวิดีโอต่อเนื่องนานถึง 24 ชม. (และอื่น ๆ ตามภาพ) ซึ่งจากที่ทดสอบใช้เองระหว่างวันมาเกือบ 12 ชม. ทั้งเล่นโซเชียล, เล่นเกม, ดูยูทูป แบตจากเต็ม 100% ยังเหลืออยู่ที่ 33% เป็นอีกรุ่นที่แบตอึดมาก (แบต 1% สุดท้ายอยู่ได้ 30 นาทีเลย อันนี้เจอกับตัวเองจริง ๆ)

หัวชาร์จแบบ SuperDart Charge 65W ที่ให้มา ในงานเปิดตัวเคลมว่าสามารถชาร์จจาก 0 – 100% ได้ภายใน 36 นาที ซึ่งทดสอบแล้วก็ได้เป๊ะตามนั้นจริง ๆ (ใช้เวลาไป 36 นาที 42 วินาที) เขียนหนึ่งย่อหน้ายังไม่ทันจบ หันมาดูอีกทีเครื่องชาร์จเต็มแล้ว 5555 (แซวตัวเอง)

ฟีเจอร์ที่ชอบอีกอย่างคือระบบ SuperDart Charge นี้ สามารถควบคุมระดับแรงดันการชาร์จให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงเวลาได้ สำหรับใครที่ชอบชาร์จมือถือทิ้งไว้กลางคืน ซอฟต์แวร์จะมีการปรับแรงดันการชาร์จเครื่องให้ต่ำลง คือจะใช้เวลาชาร์จนานขึ้น แต่ตื่นมาแล้วแบตเต็มเหมือนเดิม ข้อดีก็คือจะช่วยถนอมแบตนั่นเองครับ

การถ่ายภาพและวิดีโอ

อีกหนึ่งไฮไลท์หลักของ realme GT Neo2 5G คือเรื่องของกล้อง ที่ให้กล้องหลังมา 3 ตัว โดยใช้เลนส์หลักความละเอียด 64MP, Ultra-Wide 8MP และ Macro 2MB และกล้องหน้า 1 ตัว ความละเอียด 16MP พร้อมโหมดภาพและวิดีโอมากมายที่คุณภาพโดยรวมถือว่ากินขาดมากในเรทราคานี้

กล้องหลัง

ตัวกล้องหน้าสามารถถ่ายซูมได้ตั้งแต่ระยะ 0.6X ไปจนถึง Optical 5X และ Digital 20X เลนส์หลักถ่าย Portrait ได้ มีโหมด Pro, โหมดกลางคืน, Ultra Macro และไฮไลท์เด็ดคือโหมด Street เหมาะสำหรับการถ่ายภาพที่เน้นสถานการณ์รวดเร็ว ใช้ความไวชัตเตอร์สูง เพื่อลดความผิดพลาดของภาพ

ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง

ตัวอย่างภาพระยะซูมกล้องหลัง

(ระยะ 0.6X, 1X, 2X และ 5X เรียงลำดับจากซ้ายไปขวา)

ตัวอย่างวิดีโอกล้องหลัง

Play video

Play video

Play video

กล้องหน้า

ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 16MB ถ่ายได้ทั้งโหมด Portrait และโหมดกลางคืน สามารถถ่ายวิดีโอสูงสุดได้ที่ความละเอียด 1080p ใช้โหมดกันสั่นได้

ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า

ตัวอย่างวิดีโอกล้องหน้า

Play video

สรุปการใช้งาน 

ข้อดี

  • หน้าจอสวยสุด และสว่างสุด สู้แสงกลางแจ้งได้หายห่วง
  • จอ 120Hz, touch sampling rate 600Hz
  • สแกนนิ้วใต้จอเร็วมาก
  • รองรับ virtual ram เพิ่มอีก 7GB
  • แบตเตอรี่อึด
  • ชาร์จไวมาก (36 นาทีจริงไม่มีหลอก)
  • เครื่องไม่ค่อยร้อน
  • ถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K 60fps

ข้อสังเกต

  • ไม่รองรับ eSIM
  • กันน้ำกันฝุ่นที่ IP53
  • ไม่มีรูหูฟัง 3.5
  • ไม่แถมหูฟัง
  • ไม่รองรับ micro SD card

realme GT Neo2 5G เป็นสมาร์ทโฟนราคาหมื่นกลาง ๆ ในสเปคที่แรงไม่แพ้เรือธง แม้จะตัดฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็นบางอย่างออกไปบ้าง แต่ฟีลการใช้งานก็ยังคงใกล้กับเรือธงมาก เรียกว่าเป็นอีกรุ่นในปลายปี 2021 นี้ที่คุ้มค่าตัวสุด ๆ ในราคาเริ่มต้นเพียง 13,990 บาท เหมาะกับการซื้อเป็นของขวัญให้คนใกล้ตัวในช่วงสิ้นปี หรือซื้อเป็นเครื่องหลักใหม่ให้ตัวเองก็ได้เช่นกันครับ

Play video

 

ข้อมูลเพิ่มเติม : realme