Redmi Note 8 มือถือสุดคุ้มที่พึ่งจะวางจำหน่ายในบ้านเราไปเมื่อเดือนที่แล้วในราคาเริ่มต้นแค่ 4,999 บาทเท่านั้น แต่สเปคแต่ละอย่างที่ได้มาถือว่าคุ้มค่าสุดๆ ไม่ว่าจะกล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียด 48MP, ชิป Snapdragon 665 ที่ใช้งานทั่วไปได้สบายๆ แถมยังได้จอ FHD+ ขนาด 6.3 นิ้ว มาอีกต่างหาก
Redmi Note 8 ในบ้านเรามีวางจำหน่ายทั้งหมด 3 รุ่น เริ่มต้นจากรุ่นเล็กสุดซึ่งมีหน่วยความจำ 3GB/ 32GB ราคา 4,999 บาท, รุ่น 4GB / 64GB ราคา 5,999 บาท และรุ่นท็อป 4GB / 128GB ราคา 6,999 บาท โดยรุ่นที่เรารีวิวคือรุ่นกลางที่ให้ RAM มา 4GB และความจุ 64GB นะครับ
สเปค REDMI NOTE 8
- หน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080) อัตราส่วน 19.5 : 9
- CPU : Snapdragon 665
- GPU : Adreno 610
- RAM : 3GB / 4GB
- ความจุ : 64GB / 128GB รองรับ MicroSD Card 256GB
- กล้องหลัง : 48MP + 8MP + 2MP + 2MP
- กล้องหน้า : 13MP
- มีรูหูฟัง 3.5 มม.
- การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, BT 4.2, USB-C
- เซ็นเซอร์ : Fingerprint (ด้านหลัง), accelerometer, gyro, proximity, compass
- แบตเตอรี่ : 4,000 mAh รองรับชาร์จไว 18W
- ระบบ Android 9 ครอบด้วย MIUI 10
รูปร่างหน้าตาของ Redmi Note 8
Redmi Note 8 มีราคาค่าตัวอยู่ที่ 4,999 – 6,999 บาท แต่ตัวเครื่องถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว ด้วยเฟรมเครื่องที่เป็นพลาสติกเนื้อแน่นแข็งโป๊ก ฝาหลังเป็นกระจกโค้ง 2.5D ที่ Xiaomi เคลมว่าสามารถทนทานต่อการขีดข่วนได้ดีสุดๆ แม้ใช้ตะไบไถ หรือสว่านก็เจาะไม่เข้า เรียกว่าวัสดุประกอบเครื่องดีแข็งแรงทนทานไม่ก๊องแก๊ง แถมยังมีดีไซน์โดยรวมที่ไม่มีอะไรบ่งบอกเลยว่าเป็นมือถือราคาแค่ 5,000 – 7,000 บาท
เฟรมเครื่องของ Redmi Note 8 เป็นพลาสติกที่เคลือบด้วยสีเงินวาววับ ด้านขวามีปุ่มปรับเสียง + ปุ่ม Power ด้านซ้ายมีช่องใส่ถาดซิมและ MicroSD Card
ขอบบนมีแค่ IR Blaster หรือช่องยิงแสงอินฟราเรด ขอบล่างมีลำโพง, ไมโครโฟน, รูหูฟัง 3.5 มม. และพอร์ท USB-C
หน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว มี Notch แบบหยดน้ำสำหรับวางกล้องเซลฟี่ 13MP อยู่ที่ขอบจอบน, ขอบจอด้านข้างซ้าย-ขวาถือว่าบางอยู่ ส่วนขอบล่างจะหนากว่าด้านอื่นเล็กน้อย และมีโลโก้ Redmi แปะอยู่
ประสิทธิภาพในการใช้งานและเล่นเกม
สเปคของ Redmi Note 8 ที่ให้มาทั้งชิป Snapdragon 665 และ RAM 3GB – 4GB เรียกได้ว่าสามารถใช้งานทั่วไปได้อย่างสบายๆ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเว็บ, เล่นโซเชียล, ดูหนังระดับ FHD หรือจะเล่นเกม ก็ไม่มีอาการกระตุกหรือหน่วงให้เกิดอาการเซ็งจิตแต่อย่างใด โดยวัดประสิทธิภาพจากแอป AnTuTu ออกมาได้ตามนี้
หน่วยความจำของ Redmi Note 8 เป็นแบบ eMMC 5.1 ซึ่งวัดประสิทธิภาพในการอ่าน-เขียนข้อมูลด้วยแอป Androbench ออกมาได้ตามนี้ครับ
ส่วนการเล่นเกมกราฟฟิคหนักๆ จากการทดสอบด้วยเกมสุดฮิตอย่าง ROV พบว่าสามารถปรับโหมดเฟรมเรทสูงได้ และปรับกราฟฟิคอื่นๆ ได้เกือบสุด จะเหลือก็แค่ “การแสดงผล” ที่สามารถปรับได้แค่เกือบสุดที่ระดับสูงเท่านั้น พอเข้าไปเล่นเกมก็สามารถเล่นได้สบายๆ โดยตอนที่นัวๆ กัน เฟรมเรทจะร่วงลงไปที่ราวๆ 45 fps แต่ก็ไม่ได้กระทบกับการเล่นเกม หรือทำให้เสียอารมณ์ นอกจากนี้ระบบทัชก็ไม่มีอาการเพี้ยนหรือทัชหลุดแต่อย่างใด
เกมกินสเปค PUBG ตอนเข้าเล่นครั้งแรก ตัวเกมจะปรับมาให้ที่ระดับต่ำสุด แต่สามารถปรับได้เองสูงสุดที่ Balanced และเฟรมเรทได้ที่ระดับกลาง ซึ่งก็เล่นได้ลื่นๆ ไม่มีปัญหาอะไร
ทดสอบอีกหนึ่งเกมคือ Call of Duty ปรับกราฟฟิคได้สุดที่ High และเฟรมเรทที่ High (สูงสุดคือ Very High) ก็พบว่าเล่นได้ลื่นๆ ไม่มีปัญหาอีกเช่นกัน
กล้องหลัง 4 ตัว
กล้องของ Redmi Note 8 ทั้ง 4 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียดสูง 48MP + กล้อง Ultrawide 8MP + กล้องมาโคร 2MP + กล้องจับความลึก 2MP
โหมดถ่ายภาพจะมีให้เลือกทั้งการถ่ายภาพปกติที่มีให้เลือกทั้งการถ่ายแบบซูม 2x และ Ultrawide 0.6x ซึ่งในโหมดนี้ยังเปิดระบบ AI สำหรับช่วยจำแนก Scene, โหมดมาโครสำหรับถ่ายวัตถุระยะใกล้ ส่วนโหมดถ่ายภาพแบบเต็มความละเอียด 48MP ที่ไม่มีฟีเจอร์ให้เลือก มีแค่ฟิลเตอร์เปลี่ยนสีเท่านั้น
Night Mode ที่ช่วยให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยสว่างขึ้นมาได้อีกหน่อย (ไม่ถึงกับว่าถ่ายในที่มืดสนิทได้เหมือนมือถือในระดับที่สูงกว่า)
การถ่ายวิดีโอทำได้สูงสุดถึง 4K 30fps สำหรับการถ่ายแบบธรรมดาและถ่ายซูม 2x แต่เมื่อสลับมาใช้เลนส์ Ultrawide จะถ่ายได้แค่ 720p – 1080p 30fps
ความละเอียด 4K 30fps
ความละเอียด FHD เลนส์ Ultrawide
นอกจากนี้ยังมีโหมดกันสั่นสำหรับถ่ายวิดีโอระดับ 1080p 30fps อีกด้วย ซึ่งคุณภาพก็ถือว่าพอใช้ได้ เนียนขึ้นกว่าตอนไม่ได้เปิดเยอะเลย แต่สีและความละเอียดเหมือนจะลดลงไปนิดหน่อย
ความละเอียด FHD ปิดระบบกันสั่น
ความละเอียด FHD เปิดระบบกันสั่น
กล้องหน้า 13MP
กล้องหน้าของ Redmi Note 8 มีความละเอียด 13MP มีทั้งโหมดบิวตี้ปรับหน้าเนียน, หน้าเล็ก, ตาโต และถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ด้วย
แต่ UI กล้องจะแปลกๆ นิดนึง เพราะโหมดการถ่ายภาพต่างๆ ระหว่างกล้องหลังและกล้องหน้าดันไม่ได้แยกกัน ต้องเลื่อนดูเองว่าโหมดนี้ใช้ได้กับกล้องไหนบ้าง บางทีถ่ายเซลฟี่อยู่ดีๆ สลับไปโหมดนี้มันก็เด้งไปกล้องหลังซะอย่างนั้น
(ซ้าย) ถ่ายภาพปกติจะมีตัวเลือกให้เปลี่ยนกล้องหน้า-หลังได้ (ขวา) โหมด 48MP ถ่ายได้เฉพาะกล้องหลัง
ดูหนัง Netflix แบบ HD ได้
สำหรับแฟนๆ หนังหรือซีรีส์จาก Netflix รับรองว่าต้องถูกใจกันแน่นอน เพราะ Redmi Note 8 นอกจากจะมีหน้าจอความละเอียดระดับ FHD แล้ว มันยังรองรับ Widevine L1 ทำให้สามารถดูคอนเทนท์จาก Netflix ได้ที่ความคมชัดระดับ HD แบบไม่มีปัญหา ส่วนแอปอื่นๆ ทั้ง YouTube, iflix หรือ VIU ก็ดูแบบ 1080p ได้สบายๆ เช่นกัน
หน้าจอของ Redmi Note 8 ถึงแม้ว่าจะเป็นหน้าจอแบบ IPS LCD แต่ถือว่าให้สีสันได้สวยงามไม่ซีดเซียว แถมยังมีความคมชัดอีกด้วย
GPS
การใช้งาน GPS ในการนำทางถือว่าปกติดี ยังไม่เคยเจออาการเพี้ยนเมื่อขับรถใต้สะพานหรือทางด่วน ส่วนความแม่นยำก็โอเคเลยล่ะ คลาดเคลื่อนไม่เกิน 3 – 4 เมตร
แบตเตอรี่ 4000 mAh
Redmi Note 8 ให้แบตเตอรี่มาแบบจุใจที่ 4000 mAh ซึ่งรองรับการชาร์จไว 18W ด้วย ส่วนความอึดก็ถือว่าอยู่ในระดับดีใช้งานได้ 1 วันสบายๆ หรืออาจจะลากได้ซักวันครึ่งถ้าไม่ได้ใช้งานหนักหน่วง แต่ก็ไม่ได้อึดถึกทนจนถึงกับว้าว เพราะจากการใช้งานจริงหลังจากชาร์จเต็ม 100% ใน 1 วัน (เปิด 4G ไว้ตลอด และเชื่อมต่อ WiFi เวลาอยู่บ้าน) ดูหนัง Netflix ระดับ HD เป็นเวลา 2 ชม. กว่าๆ, เล่นเกม PUBG + COD ราวๆ 40 นาที, ดูวิดีโอ 1080p จาก YouTube ไปราวๆ 1 ชม. เล่นเน็ต + โซเชียล เป็นระยะ, ถ่ายรูปประมาณ 20 รูป พอหมดวันก็เหลือแบตเตอรี่ที่เกือบๆ 30%
สรุป
ข้อดี
- สเปคโดยรวมใช้งานทั่วไปได้สบายๆ
- หน้าจอให้สีสันค่อนข้างดี แม้เป็น IPS LCD
- กล้องหลังถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอได้ดีเมื่อเทียบกับค่าตัว
- แบตเตอรี่ใช้งานได้สบายๆ ในหนึ่งวัน
- รองรับ Widevine L1 ดู Netflix แบบ HD ได้
- รองรับ WiFi 5GHz
- งานประกอบแข็งแรง วัสดุไม่ก๊องแก๊งราคาถูก
- ราคาคุ้มค่า
ข้อติ
- Notch ค่อนข้างใหญ่
- UI กล้องหน้า-หลัง ใช้งานไม่ค่อยไม่สะดวก
- ให้ ROM หรือหน่วยความจำภายในมาน้อยกว่าคู่แข่งในราคาใกล้เคียงกัน
Redmi Note 8 นับว่าเป็นมือถือที่มีราคาค่าตัวคุ้มจริงๆ ด้วยรุ่นเริ่มต้น 4,999 บาท จนถึงตัวท็อป 6,999 บาท แต่ได้มือถือที่ครบเครื่องต่อการใช้งานมากๆ ซึ่งถ้าจะแนะนำละก็รุ่น RAM 3GB/ ROM 32GB นั้นให้ข้ามไปเถอะเพราะดูแล้วน่าจะใช้งานไม่พอ แนะนำให้เริ่มจัดที่ตัว 5,999 ที่เราได้มาลองกับ RAM 4GB / ROM 64GB นั้นจะใช้ได้สบายๆ กว่า ทั้งหน้าจอ FHD ที่ดู Netflix HD ได้, กล้องหลัง 4 ตัว ที่มีคุณภาพในระดับโอเคทั้งการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ, รองรับ WiFi 5GHz ฯลฯ เอาจริงๆ คือถ้าเทียบกับราคาแล้ว หาข้อด้อยมาติมือถือรุ่นนี้ลำบากอยู่เหมือนกัน ถ้าจะมีคงเป็นเรื่องขนาดของตัว ROM หรือหน่วยความจำภายในนี่แหละครับ ที่ให้มาพอๆ หรือน้อยกว่าคู่แข่งแบรนด์อื่นๆ แม้จะราคาใกล้เคียงกัน ยังไงก็ลองไปเลือกกันดูครับ ในช่วงราคานี้ตอนนี้ก็มีตัวเลือกออกมาเพียบเลย
ดีแทบทุกอย่างยกเว้นตกรุ่นไวไป และตกจากเตียงจอก็ร้าวแล้ว
สเป็คกับราคาดีอยู่ครับ 🙂 🙂
รอ AIS เอามา ทำโปร 599 แบบ Redmi note 7
เดี่๋ยวรอ 12/12 น่าจะมีราคาดีๆให้จับ
ผมใช้ Redmi Note 8 อยู่ครับ …. ข้อเสียที่ผมไม่ชอบเลย คือมันบันทึกเสียงการโทรไม่ได้ รุ่น Redmi Note 7 ยังบันทึกได้อยู่เลย ผม Update เป็น MIUI 11 แล้วก็ยังไม่มีความสามารถนี้อยู่ดี
การถ่ายภาพ หากใช้ Google Camera แทนแอปของเครือง จะถ่ายภาพ Night shot ได้ดีมากๆ ภาพสว่าง แล้วชัดขึ้นมาก อันนี้ประทับใจเลย และเมื่อ up เป็น MIUI 11 จะบันทึกวีดิโอ 1080p 60fps ได้
น่ารักครับ