หากพูดถึง โน้ตบุ๊กเกมมิ่ง 2-in-1 ที่แรงที่สุดในตอนนี้ คงไม่มีรุ่นไหนโดดเด่นไปกว่า ROG Flow Z13 รุ่นล่าสุดจาก ASUS ที่มาพร้อมชิป AMD Ryzen AI MAX+ 395 สุดแรงที่มาพร้อมกับ iGPU Radeon 8060S 40CU ที่ให้พลังเทียบชั้น RTX 4060 แถมยังมาในรูปทรงแท็บเล็ตแบบบางเบา พกพาสะดวก
หลายคนอาจสงสัยว่า แท็บเล็ตเครื่องนี้จะแรงพอสำหรับเล่นเกมหรือทำงานหนัก ๆ ได้จริงหรือไม่? วันนี้เราจะพาไปเจาะลึกประสบการณ์ใช้งานจริง ว่ามันจะสมราคาค่าตัว 79,990 บาท หรือไม่ และจะแรงขนาดไหนเมื่อเทียบกับเกมมิ่งโน้ตบุ๊กตัวใหญ่ ๆ ไปดูกัน

ดีไซน์บางเบา สไตล์โน้ตบุ๊ก 2 in 1
ROG Flow Z13 ยังคงคอนเซปต์โน้ตบุ๊ก 2-in-1 เหมือนเดิม สามารถถอดคีย์บอร์ดออกใช้เป็นแท็บเล็ตจอสัมผัสได้ งานออกแบบยังให้ฟีลลิ่งเกมมิ่งสุดล้ำ ด้านหลังมีแถบโปร่งใสโชว์ภายในเครื่อง พร้อมไฟ RGB ที่ช่วยเพิ่มความเท่แบบไซเบอร์ ๆ ล้ำ ๆ ตามแบบฉบับ DNA ของ ROG

ถ้าเทียบกับเกมมิ่งโน้ตบุ๊กอาจจะไม่ได้มีไฟ RGB เยอะขนาดนั้น แต่ถ้าเทียบกับแท็บเล็ตทั่วไป บอกเลยว่าอารมณ์เกมมิ่งมาเต็ม
ด้านซ้ายมาพร้อมกับไฟแสดงสถานะ ช่อง USB-C 40 Gbps จำนวน 2 ช่อง รองรับทั้งต่อจอแยก DP และชาร์จไฟ PD HDMI ตัวเต็ม และช่องเสียบชาร์จไฟ และช่องอ่าน Micro-SD Card

ด้านขวามีช่องต่อหูฟัง 3.5 USB-A 10 Gbps และปุ่มเรียกเมนูลัด ScreenXpert ปุ่มเพิ่มลดเสียง และปุ่ม power ตามสไตล์แท็บเล็ต

ด้านบนของตัวเครื่องไม่มีพอร์ตอะไรมีแค่ช่องระบายลมร้อน 2 ช่อง เท่านั้น

ด้านล่างเป็นช่องสำหรับเชื่อมต่อกับตัวคีย์บอร์ด

ด้านหลังเครื่อง มาพร้อมกับช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่บริเวณด้านซ้าย กล้องหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิเซล และด้านขวาของตัวเครื่อง ตรงกลางมีแถบโปร่งใสแสดงให้เห็นด้านในตัวเครื่องพร้อมไฟ RGB และด้านล่างมีขาตั้ง Kick Stand ที่กางได้เกือบ 180 องศา

ตัวพอร์ตให้มาครบดีและเป็นพอรตความเร็วสูงทั้งหมด ในขนาดเครื่องที่เล็กและมีพื้นที่จำกัด แม้ว่าจะให้มาไม่เยอะเท่าไหร่เหมือนกับโน้ตบุ๊กบางเบาบางรุ่นเลย และระยะห่างระหว่างพอร์ต USB-C ที่ใกล้กันเกินไปหน่อยทำให้เวลาจะเสียบอะไรที่ชิ้นใหญ่ ๆ ทำได้ยาก

ลำโพงมาให้ 4 ตัว ด้านหน้า 2 ตัว ด้านข้างอีก 2 ตัว รองรับ Dolby Atmos เสียงดังใช้ได้ แต่แนวเสียงออกแนวแห้ง ๆ เบสไม่ค่อยแน่น ใครซีเรียสเรื่องเสียง แนะนำให้ใช้หูฟังเพิ่มอรรถรส

ตัวอะแดปเตอร์จ่ายไฟ 200W มีขนาดใหญ่มากหากคิดว่าเป็นของแท็บเล็ต แต่ถ้าคิดว่าเป็นโน้ตบุ๊กเกมมิ่งก็เป็นขนาดที่กำลังดีไม่ใหญ่จนเกินไป

งานประกอบแน่น วัสดุโลหะทั้งตัวจับแล้วให้ความรู้สึกแข็งแรงไม่ยวบยาบ น้ำหนักเครื่องเปล่า 1.2 กก. พอรวมคีย์บอร์ดเข้าไปอีก 0.39 กก. กลายเป็น 1.6 กก. ซึ่งถือว่าไม่เบาเลยสำหรับแท็บเล็ตไซส์นี้

โดยรวมแล้ว ROG Flow Z13 (2025) คือเกมมิ่งแท็บเล็ตที่แรงสุดในตลาดตอนนี้ การออกแบบยังคงล้ำ มีเอกลักษณ์ พกพาได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยน้ำหนักที่เยอะกว่าปกติ ใครกำลังมองหาอุปกรณ์ที่พกง่าย แต่ยังคงพลังระดับเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก ตัวนี้คือตัวเลือกที่น่าสนใจ

หน้าจอสัมผัสที่โคตรลื่น 180 Hz
ROG Flow Z13 มาพร้อมหน้าจอสัมผัส 13.4 นิ้ว ROG Nebula Display สัดส่วน 16:10 ความละเอียด 2.5K (2560 x 1600) ขนาดถือว่าใหญ่สำหรับแท็บเล็ต สีสันสดใสเพราะใช้ IPS พาเนล, DCI-P3 100%, Dolby Vision, ความสว่างสูงสุด 500 nits Corning Gorilla Glass 5 ที่มีความทนทานสูง และเคลือบผิว DXC ช่วยลดแสงสะท้อน ใช้ทำงานหรือเล่นเกมก็ดีหมด

จอเป็นแบบ กระจก (Glossy Display) ให้ภาพคมชัดสุด ๆ แต่ก็มีเงาสะท้อนตามสไตล์จอแบบนี้ Refresh Rate 180Hz พร้อม AMD FreeSync Premium จะเล่นเกม ท่องเน็ต หรือไถฟีดโซเชียล ลื่นตาแตกแน่นอน บอกเลยว่านี่คือแท็บเล็ตที่มีหน้าจอลื่นที่สุดเท่าที่เคยจับมา แถมรองรับปากกาสำหรับการวาดเขียนด้วย

ด้านบนของจอมี กล้องหน้า 5MP + กล้อง IR + ไมค์ตัดเสียง 2 ตัว รองรับ Windows Hello คุณภาพโอเคกว่ากล้องเว็บแคมทั่วไป แต่ยังไม่ถึงระดับมือถือ ส่วนกล้องหลัง 13MP คุณภาพประมาณมือถือระดับกลางเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ถ่ายงานทั่วไปพอไหว แต่ถ้าแสงน้อย Noise มาเต็ม

โดยรวมแล้ว หน้าจอให้สีสันสวยงาม แสดงสีได้ลึกและมีมิติ รายละเอียดดีกว่าจอ IPS ธรรมดาทั่วไป แม้ว่าในการตั้งค่า Windows จะไม่ได้รองรับ HDR แต่ภาพที่แสดงออกมาคล้ายกับจอ HDR เหมือนมีการปรับ Auto HDR มาให้โดยอัตโนมัติ จึงเหมาะทั้งสำหรับเล่นเกมและทำงานที่ต้องการความแม่นยำของสี
คีย์บอร์ดและทัชแพด
คีย์บอร์ดของ ROG Flow Z13 มาใน Layout 80% ตามสไตล์โน้ตบุ๊กจอ 13 นิ้วทั่วไป จุดเด่นคือ ถอดแยกชิ้นได้ และยังมี ไฟ RGB แบบโซนเดียว เพิ่มอารมณ์เกมมิ่งเข้าไปอีก สามารถปรับระดับการวางได้ 2 แบบ ยกขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้พิมพ์สะดวกขึ้น
วัสดุเป็นหนังเทียมและยาง จับแล้วไม่ลื่นมือ แต่ระยะยาวอาจมีปัญหาเรื่องลอกหรือเปื่อยได้ ควรรักษาความสะอาดดี ๆ แม้ว่าจะถอดเปลี่ยนได้ แต่คาดว่าราคาอะไหล่น่าจะเอาเรื่องอยู่

น้ำหนักคีย์บอร์ดประมาณ 400 กรัม ซึ่งถือว่าหนักพอสมควรเมื่อเทียบกับอุปกรณ์ 2-in-1 ทั่วไป งานประกอบแน่นหนา แข็งแรง แต่มีจุดที่ต้องระวังคือ ปุ่ม Power อยู่บนชุดคีย์บอร์ด ทำให้บางครั้งอาจกดพลาดได้
ปุ่มต่าง ๆ ให้มาครบเหมือนโน้ตบุ๊กเกมมิ่งรุ่นอื่น ๆ ของ ASUS แต่ ไม่มีปุ่มพิเศษแยกออกมา เวลาจะใช้ฟังก์ชันต่าง ๆ ต้องกดปุ่ม Fn คู่กัน มี ปุ่ม Delete มาให้ แต่ ปุ่มลูกศรมีขนาดเล็กและไม่ได้แยกจากแป้นหลัก ทำให้เวลาคลำเล่นเกมอาจกดผิดบ่อย

ฟีลลิ่งการพิมพ์ดีเกินคาด ระยะกดลึกกำลังดี ใกล้เคียงกับโน้ตบุ๊กบางเบา พิมพ์แรง ๆ แล้วไม่สะท้านมาก แต่ตัวคีย์บอร์ดมีอาการยวบลงเล็กน้อยตามสไตล์คีย์บอร์ดแยก ไม่ได้แข็งแรงเท่ากับคีย์บอร์ดที่ติดมากับโน้ตบุ๊กปกติ ส่วนการเล่นเกมอาจไม่ถนัดเท่า Mechanical Keyboard เพราะเป็นแบบ Chiclet แบน ๆ
ทัชแพดคุณภาพดี ลื่นและแม่นยำ ให้ฟีลใกล้เคียงกับโน้ตบุ๊กปกติ ไม่เหมือนพวก 2-in-1 รุ่นอื่นที่ใส่มาแค่พอมีให้ครบ ๆ ใช้งานจริงได้ดีเลย

การจับถือและการใช้งาน
ROG Flow Z13 สามารถใช้งานได้ทั้งแบบโน้ตบุ๊กปกติและแท็บเล็ต เพราะคีย์บอร์ดสามารถถอดออกได้ โหมดโน้ตบุ๊กทำออกมาได้ดี หน้าจอปรับองศาได้หลายระดับ ขาตั้งแข็งแรง คีย์บอร์ดและทัชแพดตอบสนองดี แต่เวลากดพิมพ์จะมีการให้ตัวเล็กน้อย ต่างจากโน้ตบุ๊กปกติที่แน่นหนากว่า
แต่ปัญหาหลักคือการใช้งานบนตัก ด้วยโครงสร้างที่แยกเป็นสองชิ้น ทำให้เวลาวางบนพื้นที่ไม่มั่นคงแล้วรู้สึกไม่แข็งแรง แนะนำให้หาพื้นโต๊ะรองก่อนใช้งาน หรือถอดคีย์บอร์ดออกแล้วใช้จอสัมผัสแทน อาจจะสะดวกกว่า

ข้อดีอีกอย่างของการที่คีย์บอร์ดแยกออกจากตัวเครื่องคือบริเวณคีย์บอร์ดไม่สะสมความร้อนเลย แม้จะเล่นเกมเป็นเวลานาน ต่างจากโน้ตบุ๊กเกมมิ่งทั่วไปที่ฮาร์ดแวร์หลักอยู่ใต้คีย์บอร์ด ทำให้เกิดความร้อนสะสม แต่ใน ROG Flow Z13 ทุกส่วนถูกย้ายไปที่หน้าจอ ทำให้คีย์บอร์ดยังคงเย็นสบายตลอดการใช้งาน
โหมดแท็บเล็ตทำได้ดี หน้าจอใหญ่ ใช้งานสะดวก มีขาตั้งปรับระดับได้เหมือนแท็บเล็ตใส่เคส แต่การถือมือเดียวค่อนข้างลำบาก เพราะเครื่องหนักและมีพอร์ต ช่องระบายความร้อน ทำให้ไม่คลีนเหมือนแท็บเล็ตทั่วไป แต่ยังจับถนัดมือพอสมควรในทุกมุม ความร้อนที่แผ่ออกมาก็สูงกว่าแท็บเล็ตปกติเล็กน้อย
ข้อสังเกตเล็กน้อย: ปุ่ม Power กดยาก เพราะไม่มีความนูนหรือผิวสัมผัสที่ช่วยให้หาได้ง่าย นอกจากนี้ คีย์บอร์ดไม่มีโหมด Bluetooth ทำให้ไม่สามารถใช้งานแบบแยกชิ้นอิสระได้

ลองใช้บนรถไฟฟ้าแล้วพบว่าไม่สะดวกเลย ตัวเครื่องใหญ่ ใช้ลำบาก พอถอดคีย์บอร์ดแล้วก็กลัวหล่นหรือไปกระแทกอะไร แต่ถ้าใส่คีย์บอร์ด ก็หนักมากและพกพายาก ต่างจากแท็บเล็ตที่ใส่เคส
จอสัมผัสให้สัมผัสไม่ลื่นเท่าแท็บเล็ต Android และไม่มีฟีเจอร์ Always On ทำให้ต้องปลุกเครื่องด้วยปุ่ม Power และใช้เวลาตื่นนานกว่าอุปกรณ์พกพาอื่น ๆ
ข้อดีคือพก Windows ไปกับตัว ใช้ที่ไหนก็ได้ เหมือนคอมพิวเตอร์เต็มรูปแบบ ข้อเสียคือหนัก พกพายาก ใช้งานบางสถานการณ์ไม่สะดวก

เป็นการ์ดจอออนบอร์ดที่แรงที่สุดตั้งแต่เคยจับมา
ROG Flow Z13 มาพร้อมกับ AMD Ryzen AI MAX+ 395 ซีพียู 16 คอร์ 32 เธรด ที่เป็นกลุ่ม AI รุ่นใหม่ล่าสุดของปี 2025 ตัวนี้ ไม่มีการ์ดจอแยก แต่จัดเต็ม iGPU แบบ 40 GPU Compute Units พร้อม TDP รวมสูงถึง 120W เรียกได้ว่าแรงและกินไฟแบบซีพียูเดสก์ท็อปเลยทีเดียว


แรมให้มาแบบจัดเต็ม 32GB LPDDR5X-8000 Quad Channel ไม่สามารถอัปเกรดเพิ่มได้ แต่จากสเปคที่ให้มา บอกเลยว่านี่คือโน้ตบุ๊กไม่มีการ์ดจอแยกที่แรงที่สุดเท่าที่เคยเจอมาเลย

ผลทดสอบประสิทธิภาพ
- Cinebench R23 Multi Core: 30,673 คะแนน และ Single Core: 2,036 คะแนน
- Cinebench 2024 Multi Core: 30,673 คะแนน และ Single Core: 2,036 คะแนน
- 3DMark Fire Strike Extreme: 12,039 คะแนน
- 3DMark Steel Nomad: 1,931 คะแนน
- 3DMark Time Spy: 10,401 คะแนน
- PCMark 10: 9142 คะแนน
- Geekbench 6 Multi Core: 20,715 คะแนน และ Single Core: 2,973คะแนน







คะแนนสูงระดับเดียวกับเกมมิ่งโน้ตบุ๊กเครื่องใหญ่ ๆ หนา ๆ แรงจนลืมไปเลยว่านี่คือแท็บเล็ต

การ์ดจอออนบอร์ด Radeon 8060S 40CU เป็น iGPU ที่ให้ Compute Units มาเยอะที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทำให้ความแรงพุ่งไปเทียบเท่ากับ RTX 4060 (TGP 140W) ได้เลย เล่นเกมส่วนใหญ่ที่ความละเอียด 2K ได้ แต่อาจปรับกราฟิกในเกมที่กินสเปกเยอะ ๆ ได้ไม่สุดเท่าไหร่
ทดสอบการเล่นเกมความละเอียด 2K
- Cyberpunk 2077 (Ray Tracing Ultra, FSR 3 : Performance + Frame Gen) ได้ไป 27.09 FPS
- Cyberpunk 2077 (Ray Tracing Low, FSR 3 : Performance + Frame Gen) ได้ไป 59.55 FPS
- Valorant (High) ประมาณ 200-400 FPS
- DOTA 2 (Best looking) อยู่ในช่วง 100-120 FPS
- MONSTER HUNTER WILDS (Ultra + Ray Tracing High) ได้ไป 7411 คะแนน เฟรมเฉลี่ย 43.55 FPS
- GTA V Enhanced (Maximum RT + FSR 3 Performance) ประมาณ 40 FPS
- Forza Horizon 5 (Extreme, FSR : Auto) ได้ไป 61 FPS
- Black Myth: Wukong (High, FSR) 43 FPS
- Genshin Impact (Highest) 60 FPS
- Zneless Zone Zero (High) 60-120 FPS
- 3DMark Time Spy Extreme 9,390 คะแนน
- 3DMark Steel Nomad 4,652 คะแนน




ลองทดสอบเล่นเกมแบบไม่เสียบปลั๊ก พบว่าสามารถเล่นได้ในบางเกม โดยเกมที่ไม่กินสเปกมากอย่าง Genshin Impact หรือ Zenless Zone Zero ยังเล่นได้ลื่น ๆ แต่สำหรับเกม AAA อาจไม่เหมาะเท่าไหร่ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า หากในอนาคตเครื่องเล่นเกมพกพาอย่าง ROG Ally ได้นำชิป AMD Ryzen AI MAX+ 395 ไปใช้ บนหน้าจอ Full HD ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ๆ เลย
ROG Flow Z13 มาพร้อมกับ SSD 1TB NVMe PCIe 5.0 ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ล่าสุด ทดสอบด้วย Crystal Disk Mark 8 พบว่าความเร็วอ่านอยู่ที่ 6,100 MB/s และเขียนที่ 5,300 MB/s เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป รวมถึงการเล่นเกมที่ต้องโหลดไว ๆ ไม่มีปัญหาแน่นอน

อุณหภูมิสูงสุดของซีพียูขณะทดสอบอยู่ที่ 95°C (ในห้องแอร์ 26°C) ซึ่งถือว่าสูงแต่ยังไม่ถึงขั้นมีปัญหากับประสิทธิภาพ ด้วยความที่เป็นแท็บเล็ต มีพื้นที่จำกัด ระบบระบายความร้อนเลยถูกออกแบบมาให้จัดเต็มเท่าที่จะทำได้ โดยใช้ Vapor Chamber ที่ใช้โลหะเหลว และพัดลม Arc Flow Fans รุ่นที่ 2 ทำให้แม้จะร้อนแต่ก็ไม่มีอาการเฟรมเรตดรอปหรือความเร็วซีพียูตกเลย ยังเอาอยู่สบาย ๆ แต่ต้องบอกว่าเสียงพัดลมดังพอสมควร ถ้าจะเล่นเกมหนัก ๆ อาจต้องใส่หูฟังช่วย

ส่วนความร้อนที่แผ่ออกมาที่ตัวเครื่องด้านนอก ก็ตามคาดว่าร้อนชัดเจน โดยเฉพาะหลังจากเล่นเกมหนัก ๆ อาจต้องหามุมจับดี ๆ ไม่งั้นรู้สึกได้แน่นอน

ตัวเครื่องรองรับ Wi-Fi 7 ของ MediaTek ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ล่าสุด รองรับคลื่น 6 GHz ที่มีสัญญาณสะอาด ไร้คลื่นรบกวน เหมาะกับการเล่นเกมออนไลน์มาก ๆ ถ้าจะเล่นเกมผ่าน Wi-Fi แนะนำให้ใช้คลื่น 6 GHz เพราะ Ping ต่ำ เสถียร ไม่เจออาการดีเลย์ ใครที่มีเราท์เตอร์รองรับ Wi-Fi 7 บอกเลยว่าโคตรลื่น

แบตใหญ่ให้มาไม่กั๊ก
แบตเตอรี่ใส่มาให้ในความจุ 70Whr ใหญ่มากเมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง แถมเป็นโน้ตบุ๊กแบบ 2 in 1 ด้วย ทีมงานได้ทดสอบดู YouTube ผ่าน Microsoft Edge เป็นเวลา 1 ชม. ถอดคีย์บอร์ด เปิดความสว่าง และเสียงลำโพง 30% เปิดโหมดประหยัดพลังงาน
พบว่าสามารถใช้ได้ประมาณ 11 ชม บอกเลยว่าอึดใช้ได้เลย แม้ว่าจะไม่ได้อึดเวอร์วังแบบ Ryzen AI รุ่นอื่น แต่ก็เข้าใจได้ เพราะตัวเครื่องมีขนาดเล็ก แถมใช้ชิปสุดแรงตัวท็อปอีก ได้เท่านี้ก็โอเคมาก ๆ แล้ว

สรุป
ROG Flow Z13 เป็นโน้ตบุ๊กเกมมิ่งที่แรงเกินตัว สามารถเล่นเกมได้ทุกเกมแบบปรับเกือบสุด แม้จะไม่มีการ์ดจอแยก สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือ ชิป AMD Ryzen AI MAX+ 395 ซึ่งให้พลังประมวลผลระดับเดียวกับเกมมิ่งโน้ตบุ๊กตัวใหญ่ ๆ แถมยังมาพร้อม iGPU Radeon 8060S 40CU ที่แรงที่สุดตั้งแต่เคยมีมา จนเทียบชั้นกับการ์ดจอแยก แม้จะมาในร่างแท็บเล็ต แต่ความแรงเกินกว่าที่คาด
วัสดุและงานประกอบแน่นหนาให้สัมผัสพรีเมียม คีย์บอร์ดพิมพ์ได้ดีใกล้เคียงโน้ตบุ๊กปกติ หน้าจอสัมผัสลื่น ทัชแม่น รองรับแรงกด 4096 ระดับ พอร์ตเชื่อมต่อมีให้พอสมควร โดยแต่ละพอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุด เช่น HDMI 2.1 และ USB 4

หน้าจอ ROG Nebula Display คืออีกจุดที่น่าประทับใจ ทั้ง Refresh Rate 180Hz และสีตรงระดับ DCI-P3 100% ใช้เล่นเกมหรือทำงานด้านสีสันได้ดี
จุดสังเกตคือน้ำหนัก แม้จะเบากว่าเกมมิ่งโน้ตบุ๊กตัวใหญ่ แต่เมื่อรวมคีย์บอร์ดก็อยู่ที่ 1.6 กก. เท่ากับ ROG Zephyrus G14 เลย ซึ่งถือว่าไม่น้อย พกพาอาจไม่สะดวกนัก แต่ด้วยแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวพอประมาณนึง ลดความกังวลเรื่องที่ชาร์จเมื่อเดินทางไปได้บ้าง ไม่ไดลดไวฮวบ ๆ

ลำโพงให้เสียงธรรมดา ๆ ไม่ได้เด่นมาก ต่างจาก ROG รุ่นอื่นที่เสียงดีกว่า ซึ่งเข้าใจได้เพราะขนาดตัวเครื่องเล็กทำให้ใส่ลำโพงคุณภาพสูงได้ยาก
สุดท้ายด้วยสเปกที่แรง ความร้อนและเสียงพัดลมจึงเป็นสิ่งที่ต้องทำใจ พัดลมดังกระหึ่ม แต่ระบบระบายความร้อนยังทำหน้าที่ได้ดี ไม่มีปัญหาเฟรมเรตตกหรือเครื่องร้อนจนประสิทธิภาพลด

ROG Flow Z13 คือคำตอบสำหรับใครที่มองหา โน้ตบุ๊ก 2-in-1 ที่แรงที่สุดในโลก ถ้าต้องการเครื่องแรงในฟอร์มแฟคเตอร์แท็บเล็ตพร้อมหน้าจอสัมผัส ไม่มีรุ่นไหนเหนือกว่านี้
สามารถหาซื้อได้ผ่าน ASUS Online Store, Lazada, Shopee หรือร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ในราคา 79,990 บาท (รุ่น 32GB / 1TB) พร้อม ASUS Exclusive Care รับประกัน 3 ปี เคลมได้ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึง ประกันอุบัติเหตุ 1 ปี ที่ครอบคลุมค่าอะไหล่ 80%

ข้อดี
- ประสิทธิภาพแรงเกินตัวใช้ชิป AMD Ryzen AI MAX+ 395 เล่นเกมได้ทุกเกมแม้ไม่มีการ์ดจอแยก
- ดีไซน์พรีเมียมงานประกอบแข็งแรง ตัวเครื่องวัสดุดี ขาตั้งปรับได้หลายระดับ คีย์บอร์ดถอดออกได้ และให้สัมผัสพิมพ์ที่ดี
- หน้าจอเทพ สีตรง DCI-P3 100% ลื่นตาแตก 180 Hz ใช้ทำงานและเล่นเกมได้ดี
- คุมความร้อนอยู่ ใช้ในห้องร้อนๆ ความแรงไม่ตก
- แบตอึดใช้ได้นาน 11 ชม. ใช้งานระหว่างวันได้ดี ไม่ต้องพึ่งที่ชาร์จตลอดเวลา
- หน้าจอสัมผัส + รองรับปากกา
- มีพอร์ตครบครัน
- ใช้งานแท็บเล็ตได้จริง ถอดคีย์บอร์ดออกแล้วใช้จอสัมผัสได้สะดวก ขาตั้งปรับระดับได้หลายมุม
- พกพา Windows ไปได้ทุกที่ ใช้ทำงานและเล่นเกมได้เต็มรูปแบบเหมือนโน้ตบุ๊กปกติ
ข้อสังเกต
- ลำโพงให้คุณภาพเสียงธรรมดา ๆ ถ้าตามมาตรฐาน ROG ต้องเสียงดีกว่านี้
- คีย์บอร์ด ปุ่มลูกศรวางชิดกันเกินไป ทำให้กดผิดบ่อย
- กล้องหน้ากล้องหลังคุณภาพโน้ตบุ๊ก ไม่ใช่คุณภาพแท็บเล็ต
- พัดลมระบายความร้อนทำงานเสียงดัง
- UI/UX Windows ใชงานร่วมกับจอสัมผัสไม่ดีเท่า Android
- น้ำหนักยังค่อนข้างเยอะ แม้เบากว่าเกมมิ่งโน้ตบุ๊กทั่วไป ก็หนักอยู่ดี
- การใช้งานบนตักไม่สะดวก เพราะขาตั้งและคีย์บอร์ดเป็นชิ้นแยกกัน ทำให้ไม่มั่นคง
- การใช้งานในพื้นที่จำกัดไม่ง่าย เช่น บนรถไฟฟ้า เครื่องใหญ่ไป ใช้งานลำบาก
- ราคาสูง
สเปคของ ROG Flow Z13
- Model name: ROG Flow Z13 (2025) GZ302, GZ302EA-RU087WA
- ระบบปฏิบัติการ : Windows 11 Home
- ชิปประมวลผล : AMD Ryzen™ AI MAX+ 395 Processor 3.0GHz (80MB Cache, up to 5.1GHz, 16 cores, 32 Threads)
- กราฟิก: AMD Radeon 8060S Graphics (Up to 80W)
- NPU: AMD XDNA™ NPU up to 50TOPS
- หน้าจอ:
- ROG Nebula Display
- 13.4-inch
- 2.5K (2560 x 1600, WQXGA), 16:10 aspect ratio
- IPS-level glossy display
- DCI-P3: 100%
- Refresh Rate: 180Hz
- Adaptive-Sync
- Pantone Validated
- Support Dolby Vision HDR
- แรม:
- 32GB LPDDR5X 8000 on board
- พื้นที่เก็บข้อมูล:
- 1TB PCIe® 4.0 NVMe™ M.2 SSD (2230)
- Expansion Slots: 1x M.2 PCIe
- พอร์ตการเชื่อมต่อ:
- 1x 3.5mm Combo Audio Jack
- 1x HDMI 2.1 FRL
- 1x USB 3.2 Gen 2 Type-A
- 2x Type-C USB 4 with support for DisplayPort™ / power delivery (data speed up to 40Gbps)
- 1x card reader (microSD) (UHS-II)
- Keyboard และ Touchpad:
- Backlit Chiclet Keyboard RGB
- กล้อง:
- กล้องกลัง 13MP
- กล้องหน้า 5MP IR
- ระบบเสียง:
- Smart Amp Technology
- Dolby Atmos
- Hi-Res certification
- Built-in 3-microphone array
- 2x 2W dual-force speakers with Smart Amp Technology
- การเชื่อมต่อไร้สาย:
- Wi-Fi 7(802.11ab) (Triple band) 2*2
- Bluetooth® 5.4 Wireless Card (*Bluetooth® version may change with OS version)
- Battery:
- 70WHrs, 4S1P, 4-cell Li-ion
- Power Adapter:
- Rectangle Conn, 200W AC Adapter
- Output: 20V DC, 10A, 200W
- Input: 100-240V AC, 50/60Hz universal
- ไฟ RGB : Aura Sync Light Bar รอบเครื่อง
- น้ำหนัก: 1.20 Kg
- ขนาดคัวเครื่อง (W x D x H): 30.0 x 20.4 x 1.29 ~ 1.49 ซม.
- โปแกรมที่แถมาด้วย
- Windows 11 Home
- Microsoft Office Home 2024 + Microsoft 365 Basic
- Xbox Game Pass for PC 3 months
- ระบบรักษาความปลอดภัย :
- BIOS ใส่รหัสผ่านได้
- Trusted Platform Module (Firmware TPM)
- McAfee® 30 days free trial
- ราคา : 79,990 บาท
Comment