Samsung เปิดตัวและวางจำหน่ายมือถือระดับกลางตระกูล A อย่าง Galaxy A34 และ Galaxy A54 ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมือถือซีรีส์นี้ยังคงคอนเซปท์มือถือระดับกลางที่มากับสเปคลื่น ๆ กล้องสวย ฟีเจอร์เยอะ ในราคาจับต้องง่ายอยู่เช่นเดิม ส่วน 2 รุ่นนี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง จะคุ้มค่าตัว 11,999 และ 13,999 บาทแค่ไหน
ดีไซน์เครื่อง
รูปร่างหน้าตาของมือถือจาก Samsung ปีนี้ ทั้งรุ่นประหยัด รุ่นกลาง และรุ่นเรือธงเรียกว่ามาแบบเดียวกันหมดเลย รวมไปถึง Galaxy A34 และ A54 ด้วย ทั้งคู่มีฝาหลังที่ใช้พื้นผิวเนียน ๆ ไม่มีโมดูลกล้อง แต่เป็นเลนส์กล้องเพียว ๆ นูนขึ้นมาจากเครื่องเลย โดยเลนส์ของ A54 จะนูนขึ้นมามากกว่า
Galaxy A34 / Galaxy A54
มุมเครื่องโค้งมนในขณะที่ขอบเครื่องออกเหลี่ยมและค่อนข้างหนาแต่ก็ถือได้ถนัดมือดี ขนาดไม่ใหญ่มาก และน้ำหนักอยู่ที่ราว ๆ 2 ขีด ถ้าเทียบกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่แล้วถือว่าปกติ ไม่เบาไม่หนัก สำหรับวัสดุฝาหลังจะแตกต่างกัน เพราะ Galaxy A34 ใช้วัสดุแบบ Glasstic ส่วน Galaxy A54 ใช้วัสดุที่เป็นกระจก
นอกจากนี้ทั้ง 2 รุ่นยังถูกออกแบบมาให้ได้มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP67 อีกด้วย หมายความว่ามันทนน้ำจืดได้ที่ความลึก 1 เมตร เป็นเวลาครึ่ง ชม. (แต่ไม่แนะนำเอาไปเล่น หรือไปถ่ายรูปใต้น้ำนะครับ)
Galaxy A34 / Galaxy A54
Galaxy A34
Galaxy A54
หน้าจอ
Galaxy A54 มีหน้าจอขนาด 6.54 นิ้ว Galaxy A34 มีหน้าจอใหญ่กว่านิดหน่อยที่ 6.6 นิ้ว มีความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรทลื่น ๆ สูงสุดที่ 120Hz แต่ปรับได้แค่ระหว่าง Standard 60Hz และแบบ Adaptive ที่จะปรับรีเฟรชเรทให้อัตโนมัติ
ตัวเครื่องด้านหลังของทั้งคู่ดูผ่าน ๆ แล้วแทบจะแยกไม่ออกเลยว่ารุ่นไหนเป็นรุ่นไหน แต่ถ้าพลิกกลับมาตรงหน้าจอทีนี้จะเห็นความแตกต่างแล้วเพราะ Galaxy A54 ใช้ดีไซน์แบบเจาะรูตรงกลาง ส่วน A34 เป็น Notch หยดน้ำ
Galaxy A34 (บน) / Galaxy A54 (ล่าง)
ทั้งคู่ใช้พาเนลแบบ sAMOLED ทำให้สามารถใช้งานกลางแจ้งได้สบาย ๆ สู้แดดตอนเที่ยงตอนบ่ายได้ดีไม่ต้องเพ่งไม่ต้องเอามือป้องจอ
คอหนังคอซีรีส์หายห่วงเพราะรองรับ Widevine L1 ดู Netflix แบบ HD ชัดแจ๋วทั้ง 2 รุ่นเลย
ลำโพงคู่
Galaxy A54 และ Galaxy A34 มีลำโพงสเตอรีโอให้มาด้วยนะ สำหรับ A54 อาจไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะ แต่ A34 ที่มีค่าตัวแค่ 11,999 บาท แต่ได้ลำโพงสตเอรีโอมาด้วยนี่…บอกเลยว่าคุ้ม จะดูหนังฟังเพลงเล่นเกมก็ได้มิติได้อารมณ์มากกว่าพวกมือถือลำโพงตัวเดียวเยอะเลย
สเปค + การเล่นเกม
ทั้ง 2 รุ่น มากับสเปคที่สามารถใช้งานในปัจจุบันได้แบบลื่น ๆ ทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าจะดูหนังความละเอียดสูง จะเล่นเน็ตเปิดไว้หลาย ๆ แท็บ หรือจะเล่นเกมกราฟิก 3D ก็เหลือเฟือ
สเปค SAMSUNG GALAXY A34 5G
- หน้าจอ : Super AMOLED ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz
- CPU : Dimensity 1080
- RAM : 8GB
- ความจุ : 128GB
- กล้องหลัง 3 ตัว
– กล้องหลัก 48MP (f/1.8), OIS
– กล้อง Ultrawide 8MP (f/2.2)
– กล้อง Macro 5MP (f/2.4) - กล้องหน้า : 13MP (f/2.2)
- สแกนนิ้วใต้จอ
- มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP67
- แบตเตอรี่ : 5000 mAh
- ระบบ Android 13 ครอบด้วย One UI 5.1
Galaxy A34 เล่น ROV ปรับเฟรมเรทสูงได้ ลื่น ๆ
Galaxy A34 เล่น Genshin Impact ค่า Default ปรับเฟรมเรท 60 เล่นได้ลื่น
สเปค SAMSUNG GALAXY A54 5G
- หน้าจอ : Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz
- CPU : Exynos 1380
- RAM : 8GB
- ความจุ : 128GB
- กล้องหลัง 3 ตัว
– กล้องหลัก 50MP (f/1.8), OIS
– กล้อง Ultrawide 12MP (f/2.2)
– กล้อง Macro 5MP (f/2.4) - กล้องหน้า : 32MP
- สแกนนิ้วใต้จอ
- มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP67
- แบตเตอรี่ : 5000 mAh
- ระบบ Android 13 ครอบด้วย One UI 5.1
Galaxy A54 เล่น Genshin Impact ปรับสุดได้ แต่กระตุกเวลาศัตรูเยอะ ๆ
ROV ไม่ต้องพูดถึง ปรับสุดก็เล่นได้ลื่น ๆ
ทดสอบเล่นเกมฮิต ๆ ทั้ง ROV, PUBG และ Genshin Impact ก็สบายทุกเกมหากตั้งค่า Default ตามที่ระบบจัดให้ ซึ่งจริง ๆ ก็สามารถปรับเองได้อีกหน่อยนึง อย่างเช่นการเพิ่มเฟรมเรทอะไรแบบนี้ (A54 ลองปรับสุดแล้วก็พอเล่นได้นะ แต่ถ้าศัตรูมาเยอะ ๆ บอกเลยว่ากระตุกจนหงุดหงิด)
กล้องหลัง-หน้า
กล้องหลังของทั้ง A34 และ A54 สามารถถ่ายภาพนิ่งได้แบบงาม ๆ ในทุกสภาพแสง โดยเฉพาะรุ่นพี่ A54 จะพิเศษกว่าตรงฟีเจอร์ All Pixel Auto Focus ช่วยจับโฟกัสได้แบบแม่นยำและรวดเร็วไม่มีหลุด แถมทั้งคู่ยังมีระบบกันสั่น OIS ที่นอกจากจะช่วยให้ถ่ายวิดีโอได้แบบเนียน ๆ แล้ว ยังช่วยในการโฟกัสภาพในสภาวะแสงน้อยดีขึ้นด้วย
ภาพนิ่ง Galaxy A34
ภาพนิ่ง Galaxy A54
ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ทั้งกล้องหลัง-หน้า
ทั้งคู่สามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K 30fps ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้าเลย ซึ่งการถ่ายวิดีโอเซลฟี่ 4K น่าจะถูกใจหลาย ๆ คนแน่นอน เพราะขนาดมือถือเรือธงหลาย ๆ รุ่นยังไม่ค่อยจะให้มาเลย แต่มือถือระดับหมื่นต้น ๆ ดันไม่หวง ใส่มาให้ใช้กันด้วย ส่วนคุณภาพการถ่ายวิดีโอจะออกมาเป็นยังไง ไปดูจากคลิปรีวิวกันได้ครับ
แบตเตอรี่ + การชาร์จ
แบตเตอรี่ของทั้งคู่ให้มาเท่ากันที่ 5000 mAh ในการใช้งานทั่ว ๆ ไปแต่ละวัน รับรองว่าเหลือเฟือ จะเล่นเน็ตตอนนั่งรถมาทำงาน เล่นเกมตอนพักกลางวัน ดูซีรีส์ระหว่างกลับบ้าน ตอบแชทเรื่อย ๆ ทั้งวัน ถึงบ้านแล้วก็ยังเหลือแบตเตอรี่แบบไม่ต้องลุ้นว่าจะหมดระหว่างวัน ยิ่งถ้าไม่ได้เล่นเกมเยอะ น่าจะลากยาวได้ 2 วันเลยด้วย
ทดสอบแบบจัดหนักด้วยการดูคลิป FHD จากแอป YouTube แบบต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ชม. 40 นาที เชื่อมผ่าน WiFi เปิดความสว่าง 60% ลำโพง 60% พบว่าทั้ง Galaxy A34 และ A54 เหลือแบตเตอรี่อยู่ถึง 61% เลย
ทั้ง 2 รุ่นใช้พลังงานพอ ๆ กัน
ระบบชาร์จของทั้งคู่ยังเป็นข้อด้อยที่สู้คู่แข่งแบรนด์อื่น ๆ ในระดับราคาเดียวกันไม่ได้เพราะยังรองรับแค่ 25W เท่านั้น กว่าจะชาร์จแบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh เต็มก็ใช้เวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งเลย และหัวชาร์จก็ไม่มีแถมมาให้ในกล่องด้วยนะ…ต้องซื้อเอาเอง
สรุป
ข้อดี
- จอ sAMOLED คมชัด สีสวยสดสู้แดด รีเฟรชเรทสูง 120Hz
- กล้องสวยทั้งคู่
- มีระบบกันสั่น OIS ทั้งคู่
- ถ่ายวิดีโอ 4K ได้
- ถ่ายวิดีโอเซลฟี่ 4K ได้
- Galaxy A54 กล้องเซลฟี่ความละเอียดสูงปรี๊ด 32MP
- สเปคเล่นเกมในปัจจุบันได้หมด (ขึ้นกับการตั้งค่า)
- แบตเตอรี่อึด ใช้งานปกติได้ทั้งวันสบาย ๆ ไม่ต้องลุ้น
- มาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น IP67
- ลำโพงสเตอรีโอทั้ง 2 รุ่น
- อัปเดตระบบ Android ยาว ๆ 4 ปี อัปเดตความปลอดภัย 5 ปี
- ราคาไม่แรงมาก
ข้อสังเกต
- ไม่แถมหัวชาร์จในกล่อง
- ระบบชาร์จไวยังตันอยู่แค่ 25W กว่าจะชาร์จเต็มประมาณ ชม. ครึ่ง
- ตัวเครื่องหนาไปหน่อย (ความเห็นส่วนตัว)
- Galaxy A34 ยังใช้หน้าจอแบบ Notch บางคนอาจไม่ชอบดีไซน์แบบนี้
- Galaxy A54 เลนส์กล้องนูนจากตัวเครื่องเยอะ ถ้าไม่ใส่เคสจะเสียว ๆ หน่อยเวลาวางเครื่องหงาย
- ในกล่องไม่แถมอะไรเลย มีแค่สาย USB-C
ใครกำลังมองหามือถือ 5G ราคาไม่แรง ก็แนะนำทั้ง 2 รุ่นนี้เอาไว้ในอ้อมอกอ้อมใจเลย เพราะเทียบสเปคกับราคาแล้วบอกเลยว่าคุ้มจริง ๆ เพราะให้มาครบ ๆ จบ ๆ แถมใช้งานได้อีกยาวด้วยนโยบายการอัปเดตซอฟท์แวร์ของทาง Samsung ส่วนจะเลือกรุ่นไหนดี ก็ต้องถามตัวเองว่าเน้นใช้งานด้านไหนนะครับ ถ้าชอบกล้องสวย ๆ ทั้งถ่ายภาพนิ่ง + ถ่ายวิดีโอก็ไปทาง Galaxy A54 ได้เลย
แต่ถ้าใครไม่ได้ใส่ใจเรื่องกล้องมากมายนัก ขอแค่จอสวย จอลื่น ลำโพงคู่ เล่นเกมได้ แบตอึด กันน้ำ หันมาทาง Galaxy A34 ก็ประหยัดงบไปอีก 2,000 บาท
Comment