พอดีได้ลองใช้ Galaxy Note 3 ตอนไปเที่ยวญี่ปุ่น เลยได้ทดสอบเรียกว่าแทบจะทุกฟีเจอร์ จริงๆไม่ค่อยอยากจะเรียกรีวิวเท่าไหร่ แต่เป็นการเอามาเขียนแชร์สิ่งที่เจอให้คนที่กำลังเล็งๆอยู่ได้ทราบกันเพื่อประกอบการตัดสินใจ และจนถึงตอนนี้ก็ไม่ใช่ผมคนเดียวแล้วที่ได้ลองใช้ มีคนอีกเพียบที่ก็จับมาร่วมเดือนไม่ต่างกัน ฉะนั้นแต่ละข้อที่ผมเขียนไปใครอยากเสริมหรือแย้งอะไร ขอเชิญได้เลยนะครับ 🙂

เรื่องราวที่เอามาแชร์นี้จะขอเน้นไปที่การใช้งานจริงเป็นหลัก ไม่ขอเน้นไปที่สเปคอะไรมากมาย โดยจะเจาะเป็นหัวข้อๆตามนี้นะครับ

  1. ประสิทธิภาพการใช้งานทั่วไป
  2. ขนาด หน้าจอ สีสัน และความคมชัด
  3. การใช้งานโทรศัพท์
  4. กล้อง และการถ่ายภาพ
  5. การเล่นเกม อ่านเว็บ โซเชียล แชท ฯลฯ
  6. ทดสอบเล่น Features ต่างๆ
  7. ความยาวนานในการใช้งาน Battery
  8. การพัฒนา UI/UX จาก Note 2
  9. ภาพรวม

แนะนำสำหรับคนที่ไม่อยากอ่านเยอะ ขอให้อ่านข้อ 6 และภาพรวมพร้อมบทสรุปครับ

 

1. ประสิทธิภาพการใช้งานทั่วไป
CPU/GPU/RAM/Android:
Samsung Exynos 5420 Octa-Core (Qual-core 1.9GHz Cortex-A15 & Quad-core 1.3GHz Cortex-A7) / Mali T628 MP6 / 3GB LPDDR3 / Android 4.3 

รุ่นที่ได้มาทดสอบเป็น Galaxy Note 3 เวอร์ชั่น Exynos ตัวเดียวกับที่วางขาย ในที่นี้ไม่ขอยุ่งเรื่องปัญหาชิพเซทที่เป็นที่ถกเถียงกันระหว่าง Exynos และ Snapdragon ว่าอะไรดีกว่ากัน เพราะคิดว่าตัวแปรสำคัญที่ทำให้เครื่องไหนๆดีไม่ดี อยู่ที่ซอฟท์แวร์มากกว่าฮาร์ดแวร์

ข้อดี
– เสปคจัดเต็ม ให้แรมมาสูงถึง 3GB และเป็น Android 4.3 ตัวแรกๆของตลาด
– การใช้งานทั่วไปเร็วดีสมกับเป็นรุ่นท็อป แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแตกต่างอะไรกันมากในระดับการใช้งานทั่วไปเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ 

ข้อสังเกต
– ใช้งานหนักๆมาเป็นระยะเวลาหนึ่งก็พบปัญหาค้าง หน่วง จนบ้างครั้งต้องรีสตาร์ทหรือถอดแบตเลยทีเดียว ซึ่งเพื่อนๆในบอร์ดก็เจอเหมือนกัน (https://droidsans.com/node/142801)
– แรม 3GB ที่มีใน Note 3 อาจจะไม่ได้เยอะอย่างที่คิด เมื่อตัวระบบเองก็กินแรมไปมากกว่า 1.8GB แล้ว ทำให้เหลือพื้นที่จริงไม่มากเท่าไหร่

2. ตัวเครื่อง ขนาดหน้าจอ สีสัน และความคมชัด
Size/Type/Resolution/material
5.7” / SuperAMOLED / FHD (1080×1920) ~386ppi / วัสดุเครื่องพลาสติกและหนังสังเคราะห์

ตัวเครื่องนี้ต้องเรียกว่าเป็น Hilight นึงของ Galaxy Note 3 เลยทีเดียวเพราะมีความเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างชัด ด้วยขนาดหน้าจอที่เพิ่มขึ้นจาก Galaxy Note 2 (5.5” → 5.7”) แต่ว่าเครื่องแทบจะเท่าเดิม รวมถึงฝาหลังที่เป็นวัสดุ Faux Leather ซึ่งหลายๆคนชอบสัมผัสที่ได้มาก เพราะเหมือนหนังจริงๆพอสมควร แต่เครื่องที่ผมได้มันเป็นสีดำ เลยไม่รู้ว่าสีขาวมันจะดำง่ายขนาดไหน

ข้อดี
– ชอบวัสดุเคสด้านหลังที่ดูให้สัมผัสเหมือนหนัง หนืดมือดี ไม่ร่วงหล่นง่าย
– หน้าจอใหญ่ ขอบบาง ดูหนัง ถ่ายถาพอะไรเห็นรายละเอียดเยอะดี
ขอบโครเมียมสามารถเปลี่ยนแยกชิ้นได้ ไม่ลำบากกระเป๋าตังค์ ถ้าทำเครื่องตกแล้วอยากเปลี่ยนอะไหล่ โดยแบ่งเป็นส่วนบนล่าง ซึ่งมีการซ่อนรอยต่อระหว่างชิ้นได้เนียนมากจนดูไม่ออกเลย เห็นว่ามีคนเอาไปเปลี่ยนแล้วบอกว่าเปลี่ยนแยกชิ้นไม่ได้ แต่บางคนก็บอกว่าได้…สรุปคือท่าทางจะแล้วแต่ศูนย์แล้วแต่ช่าง -__-” (ไปดูราคาอะไหล่ Galaxy Note 3)

ข้อสังเกต
– ความความที่เครื่องใหญ่ขอบบาง ทำให้มือไปโดนหน้าจอโดยไม่ตั้งใจ
– หน้าจอ AMOLED จะให้สีสันที่สดใสมากจนทำให้หลายๆครั้งที่เราแชร์ภาพออกไปหรือว่าส่งให้คนอื่นจะรู้สึกว่าคุณภาพลดลงไปเยอะมาก

3. การใช้งานโทรศัพท์ และการรับสัญญาน
SIM/Support Network/Bluetooth/WiFi
microSIM / 3G: 850/900/1900/2100MHz / 4G ไม่รองรับ / Bluetooth v4.0 / 802.11 a/b/g/n/ac

ด้วยความที่ชิพเซท Exynos ที่วางขายในไทยนี้เป็นรุ่นที่ไม่รองรับ 4G จึงทำให้เป็นที่ถกเถียงกันไม่น้อย แต่ยังดีว่า 3G รองรับเป็น Quadband ไม่แยกค่ายเหมือนแต่ก่อน ไม่งั้นคงได้เห็นมหาดราม่าแน่นอน

เรื่องการคุยโทรศัพท์ทั่วไปไม่มีปัญหาอะไร มีไมค์ตัดเสียงรบกวนช่วยให้คุยรู้เรื่องในสภาพเสียงเอะอะได้ซึ่งก็มีในรุ่นท็อปของทุกยี่ห้ออยู่แล้ว สัญญานโทรศัพท์รับได้ดี ไม่มีปัญหาหลุดจาก network ให้เห็น

Bluetooth v4.0 ประหยัดพลังงานดี ตามคำโฆษณา เปิดเอาไว้ทั้งวันก็ไม่ได้รู้สึกว่ากินแบตแต่อย่างไร

WiFi ของ Note 3 ก็เป็นเรื่องที่โดนบ่นเยอะที่สุดเรื่องนึง ซึ่งก็เจอปัญหานี้เองกับตัวเช่นกัน โดยแบ่งเป็นสองส่วนคือ 1. สัญญานอ่อนกว่าชาวบ้าน เมื่อวางเทียบกัน ของแบรนด์อื่นจับได้ดีกว่าเล็กน้อย 2. สัญญานอ่อนแล้วหลุด ทำให้ประสบปัญหาใช้งานไม่สะดวก ซึ่งปัญหาที่สองนี้เมื่ออัพเดทเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดแล้ว และไปปิด Auto Network Switch ก็จะอาการดีขึ้นเยอะครับ (ลองเข้าไปอ่านเพิ่มเติมในบอร์ดได้ มีเพื่อนๆมาถามกันเยอะเหมือนกันครับ https://droidsans.com/node/142389)

 

4. กล้องและการถ่ายภาพ
หลัง13MP + Autofocus + Flash, หน้า 2MP 

ภาพของกล้องจาก Galaxy Note 3 หลังจากที่ได้ลองยึดเป็นกล้องเดียวที่ใช้ทั้งทริป ก็จัดว่าพอใจอยู่ ทำได้ดี-ไม่ดีในสภาพแสงต่างๆ โดยผมขอสรุปเป็นสองกรุ๊ปใหญ่ๆตามนี้ละกัน

ถ่ายสวย – สภาพแสงกลางวันเจอแดด ภาพมาโคร พานอราม่า ภาพกลางคืน

 

 

ดูภาพตัวอย่างเพิ่มเติมที่
– Panorama ของดีที่ถูกลืมในกล้อง Note 3 
– ขอแชร์ภาพถ่ายจาก Galaxy Note 3 ครับ 🙂 

ถ่ายได้ไม่ประทับใจ แสงสลัวๆ ท้องฟ้ามีเมฆมาก แสงธรรมชาติในร่ม

  

สองภาพนี้ถ่ายในทีเดียวกัน แต่ภาพซ้ายถ่ายแบบ Auto ไม่ปรับแต่ง จะได้สีที่เพี้ยน แต่ด้านขวาจะปรับ EV- เพื่อให้ WB มันออกมาถูกต้องมากขึ้นครับ

ตัวอย่างภาพเพิ่มเติม
– ปัญหาของภาพถ่ายจาก Galaxy Note 3 

และที่สำคัญคือต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าภาพที่เปิดในหน้าจอ SuperAMOLED ของ Galaxy Note 3 จะสีสันคมชัดสดใสกว่าจออื่นๆ เรียกว่าถ้าเอาไปเปิดบนจอ LCD บนหน้าจอคอม หรืออัพแชร์ไปเปิดบนจออื่นแล้ว สีจะดรอปลงทันตาเห็น จากสวยๆอาจจะเป็นบ้านๆดาดๆได้ครับ

ซึ่งถ้าดูภาพแล้วถูกใจอยากรู้เทคนิค เดี๋ยวผมมาเขียนเทคนิคการถ่ายภาพด้วยมือถือให้ได้อ่านอีกทีครับ

การถ่ายวิดีโอ

ชิพเซท Exynos สามารถถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 1080p ที่ 30fps และ 60fps และถ่ายภาพ Slow motion ที่ 720p@120fps แต่ไม่สามารถถ่ายที่ความละเอียด 4K ได้ตามที่หลายๆคนน่าจะทราบดีอยู่แล้ว ซึ่งบอกตรงๆว่าผมเฉยๆวิดีโอ 4K มากๆเพราะว่าแค่ 1080p มันก็สูบพื้นที่หน่วยความจำได้โคตรน่ากลัวแล้ว และวิดีโอ 4K ก็มีอุปกรณ์รองรับไม่ได้เยอะนักในตอนนี้ รวมถึงราคาก็แพงมโหฬารด้วย

สำหรับการถ่ายวิดีโอด้วย Galaxy Note 3 จัดอยู่ในระดับน่าพอใจ มีระบบกันสั่นที่ทำให้ภาพไม่ส่ายไปมาจนน่าปวดหัวเกินไป แต่ว่ามีข้อสังเกตที่เมื่อไหร่ที่เรากดบันทึกภาพเมื่อไหร่ มันจะทำการซูมภาพเข้าไปอัตโนมัติ ต้องกะเกณฑ์ระยะดีๆก่อนถ่ายด้วย ไม่งั้นจะต้องมาเดินเข้าๆออกๆเพื่อให้ได้ภาพที่พอดีครับ

Play video

ทดสอบอัดวิดีโอในที่เสียงรบกวนเยอะ

Play video

เปรียบเทียบภาพถ่าย Slow Motion 1080p@120fps

5. การเล่นเกม อ่านเว็บ โซเชียล แชท นำทาง ฯลฯ
Internal Memory/GPS
32GB + microSD up to 64GB / A-GPS + GLONASS

การเล่นเกมบน Galaxy Note 3 ยังไม่เจอปัญหาอะไร พอดีไม่ค่อยได้เล่นเกมแนวฮาร์ดคอร์ต้องการกราฟฟิคแรงๆอะไรขนาดนั้น แต่สังเกตว่ายังไม่มีใครบ่นโวยวายอะไรนะ ส่วนตัวจะชอบที่จอใหญ่ เล่นเกมสนุกและสบายตาดี ไม่ต้องเพ่งมากครับ

อ่านเว็บบน Galaxy Note 3 ด้วย Chrome ก็แสดงผลได้ถูกต้องและอ่านง่ายดี ส่วนที่ชอบก็คือมันแก้ไขปัญหาสระลอยและตัดคำไทยสมบูรณ์แล้วใน Chrome รวมถึงทั้งหน้าจอใหญ่ ทำให้อ่านสบายตาขึ้นเยอะเลย 

ส่วนเรื่องการเล่น Facebook Twitter Line อะไรพวกนี้ก็เล่นได้ปกติดี ถ่ายรูปแชร์ออกไปก็สะดวก และที่ประทับใจที่สุดคือตัวคีย์บอร์ดที่มากับ Galaxy Note 3 ซึ่งพัฒนาขึ้นกว่าเดิมมาก ไว้จะอธิบายความเจ๋งให้อีกทีครับ

ส่วนเรื่อง GPS ต้องบอกว่าประทับใจกับ Galaxy Note 3 มากๆ จับได้แม่นยำดี และได้ตำแหน่งที่ค่อนข้างละเอียดด้วย ที่ตกใจสุดคือสามารถจับสัญญานได้แม้กระทั่งตอนอยู่บนเครื่องบิน รู้หมดเลยว่ากำลังบินอยู่ตรงไหน ความเร็วเท่าไหร่ ระดับความสูงกี่เมตร ชอบๆๆ

 

 

6. ทดลองเล่นฟีเจอร์ต่างๆ

จุดเด่นของซีรีย์ส Galaxy Note ไม่ใช่แค่เรื่องของสเปคที่ยัดใส่ให้มาเต็มที่ในทุกๆครั้งที่มันเปิดตัว แต่เป็นปากกา S Pen และฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น เพราะปัจจุบันการใช้งานทั่วไป รุ่นท็อปแต่ละแบรนด์ก็ทำออกมาได้ดีพอๆกันหมดแล้ว ส่วนที่สร้างความแตกต่างและต้องพิจารณาในแต่ละแบรนด์จริงๆคือฟีเจอร์เสริมเหล่านี้นั่นเอง และสำหรับคนที่ไม่เคยใช้ หรือไม่คุ้นชิน การใช้งานปากกากับ SmartPhone อาจจะต้องพยายามปรับตัว ใช้ความสามารถปากกาให้เต็มที่ ถึงจะดึงประสิทธิภาพที่แท้จริงของ Galaxy Note 3 ออกมาได้อย่างเต็มที่ครับ

Galaxy Note 3 ทำฟีเจอร์ต่างๆที่เกี่ยวกับปากกา S Pen ให้ออกมาใช้งานได้ง่ายขึ้น กระตุ้นให้อยากใช้งานกว่า Note I และ Note 2 พอสมควร รวมถึง S Note และ Multi Windows ที่พัฒนาเพิ่มเติมจนน่าใช้กว่าเดิมเยอะ แต่ว่าจะขอแชร์ประสบการณ์ใช้งานฟีเจอร์ต่างๆนี้ในอีก Blog นึงแทน เพราะมันจะค่อนข้างยาว และน่าจะต้องอัดวิดีโอประกอบให้เห็นภาพด้วย https://droidsans.com/review-galaxy-note3-features

ขอสรุปสั้นๆเกี่ยวกับฟีเจอร์ของ Galaxy Note 3 ว่าถ้าใช้งานเป็น ดึงปากกามาใช้บ่อย จดโน็ตประจำ ชอบทำงานหลายหน้าต่างแล้วล่ะก็ Galaxy Note 3 จะทำให้คุณฟินมากกว่าการใช้งานโทรศัพท์รุ่นอื่นๆเลยล่ะ


 

7. ความยาวนานของการใช้งาน
แบตเตอรี่ 3,200mAh

ซีรีย์ส Galaxy Note เป็นซีรีย์สที่สร้างชื่อมาตั้งแต่แรกเริ่มว่าเป็นรุ่นที่ทำแบตออกมาได้ทนทาน ใช้งานได้ในหนึ่งวันครบสบายๆ (ในกรณีที่เครื่องไม่มีปัญหาอะไรนะ) ซึ่ง Galaxy Note 3 ก็ยังคงทำออกมาได้ดีเกินมาตรฐาน Android ทั่วไปอยู่ ทดลองใช้งานแบบไม่ได้บีบมันมากก็หนึ่งวัน 14-15 ชม. ผ่านไปได้แบบไม่ต้องห่วง

แต่เคยอัดแบบเต็มๆในทริปญี่ปุ่น ทั้งเปิดจอค้างไว้เกือบตลอด เปิดGPS นำทาง และเล่นเน็ต 3G ไปด้วย เพื่อหาข้อมูลและกันหลงทาง แบตทั้งก้อน 3200mAh หมดใน 5 ชม. และเล่นแบบนี้ตั้งแต่เช้ายันราวๆ 4 ทุ่ม Battery Pack 9000mAh ทั้งก้อนก็หมดตามไปด้วย โดยตัวที่กินแบตมากที่สุดก็หน้าจอ SuperAMOLED ตามเดิม

เท่าที่มีข้อมูลเปรียบเทียบออกมา Galaxy Note 3 ก็ยังทำได้ไม่ดีกว่า Galaxy Note 2 หรือว่า iPhone อยู่ดี เพราะด้วยหน้าจอและชิ้นส่วนบางตัวที่ก็กินไฟเยอะนั่นเอง

กล่าวคือผมไม่ได้ประทับใจอะไรกับแบตของ Galaxy Note 3 เท่าไหร่ ถือว่าดีตามมาตรฐานครับ

 

8. การพัฒนา UI/UX จาก Galaxy Note 2

 

สำหรับคนที่ไม่ได้ใช้งานฟีเจอร์ตามข้อ 6 และปากกา S Pen น่าจะไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดมากนัก UI/UX แทบจะไม่ต่างจากเดิมเลย จะมีก็คือเรื่องฟีเจอร์การถ่ายภาพที่ Galaxy Note 3 ได้รับจาก Galaxy S4 มาแล้ว และถ้า Samsung ไม่กั๊ก Galaxy Note 2 ก็น่าจะได้อัพเดทตามออกมาด้วย

ส่วนถ้าอยากอ่านเปรียบเทียบ Galaxy Note 2 vs Note 3 แนะนำไปดู Blog เก่าที่เคยเขียนเอาไว้แล้ว ซึ่งก็มีรายละเอียดครบอยู่ ถ้าให้ผมสรุปส่วนที่เปลี่ยนไปหลักๆก็คือเรื่องของวัสดุและงานประกอบของ Galaxy Note 3 ที่น่าจับน่าใช้กว่า Galaxy Note 2 ครับ

 

9. ภาพรวม

Galaxy Note 3 เป็นโทรศัพท์ที่มาพร้อมกับ Spec จัดเต็มสมกับเป็นรุ่นท็อปจากทาง Samsung แต่ปัญหาเรื่องการใช้ชิพเซท Exynos ก็ยังเป็นเรื่องที่ค้างคาใจหลายๆคนอยู่ แต่เท่าที่ใช้งานมา Exynos ก็ไม่ได้แย่อะไร 4G ที่หลายๆคนร้องหา ความครอบคลุมของสัญญานและความเสถียรก็จัดอยู่ในระดับไม่น่าสนใจ และปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับ Galaxy Note 3 คิดว่า Exynos ไม่ได้เป็นต้นเหตุเพียงอย่างเดียว คุณภาพซอฟท์แวร์ที่เหมือนจะยังไม่สมบูรณ์ 100% มากกว่าที่เป็นต้นเหตุ เพราะเครื่องทดสอบที่ได้มาผมก็เจออาการค้างและรีสตาร์ทอยู่เรื่อยๆ และปัญหาหยุบหยิบหลายๆอย่าง ซึ่งตรงนี้ทางเราได้รวบรวมปัญหาแจ้งในฟอรั่มแล้ว ลองเข้าไปดูกันได้ (https://droidsans.com/galaxy-note-3-problems) แต่เชื่อว่าปัญหาเหล่านี้จะเป็นแค่ระดับ Software ซึ่ง Samsung ก็มักจะมีตัวแก้ปล่อยตามออกมาให้เสมอ ฉะนั้นก็น่าจะเบาใจได้ในระดับนึงครับ

 

สรุป

จุดเด่น

  • จอใหญ่ 5.7” แต่ขนาดไม่เทอะทะจนจับถือลำบากเกินไปนัก
  • วัสดุ Faux Leather ที่ทำมาคล้ายหนัง ได้สัมผัสดี
  • S Pen และ S Note ที่ทำงานได้ดี เหมาะกับคนชอบใช้ปากกา
  • ซอฟท์แวร์เฉพาะทางที่มีแถมมาให้ในเครื่อง

ข้อควรพิจารณา

  • Software ณ วันนี้ (22 ตุลาคม 56) ยังคงพบปัญหายิบย่อยอยู่มาก

Galaxy Note 3 อาจจะไม่ใช่มือถือที่เพอร์เฟค แต่ก็จัดว่าเป็นมือถือที่น่าซื้อไปใช้อยู่ โดยเฉพาะคนที่ชอบหน้าจอใหญ่ๆ และใช้ปากกาขีดเขียน ซึ่งถ้าดึงความสามารถมันออกมาได้ครบ มันก็คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป แต่ถ้าคิดว่าซื้อไปแล้วกะว่าจะไม่ใช่งานปากกาเลย ราคา 23,500 บาทก็อาจจะดูไม่คุ้มค่าเท่าใดนักครับ

ยังไงรออ่านตอน 2 ที่จะมาพูดถึงฟีเจอร์ต่างๆของ Galaxy Note 3 นะครับ ผมว่าน่าจะเห็นประโยชน์และความน่าสนใจของ Galaxy Note 3 มากขึ้นเยอะเลย

คำถามที่ได้ยินบ่อย และเห็นคนพยายามเชียร์เครื่องนอกกันเยอะ ผมยังคิดว่า Exynos ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ผมกลับมองว่าการประกันที่ได้รับเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า เพราะเห็นเพื่อนๆในบอร์ดเจอปัญหาซื้อมาแล้วเครื่องเน่าและต้องรอส่งไปซ่อมถึง 3 เดือนแล้วก็ถอดใจล่ะครับ -*- แต่ยังไงมันก็เงินของคุณ เลือกตัดสินใจตามที่ต้องการครับ 🙂

[updated 10/11/12]

รีวิวฟีเจอร์ Galaxy Note 3 ใช้ได้จริงหรือไม่เราไปดูกัน

Samsung ประเทศไทยเตรียมเอา Galaxy Note 3 รุ่น 4G LTE Snapdragon เข้ามาขายแล้ว

 

รวมลิงก์ที่เกี่ยวข้องกับ Samsung Galaxy Note 3

ราคาอะไหล่ Note 3
Galaxy Note 3 เครื่องนอกซื้อมาแล้วดับ เปิดไม่ติด
เปรียบเทียบ Galaxy Note 2 vs Note 3 
วิธีแก้ปัญหา wifi Galaxy Note 3 ติดๆดับๆ
รวบรวมปัญหาของ Galaxy Note 3