ทุกวันนี้มือถือสมาร์ทโฟนรุ่นกลางๆ ที่รองรับ 2 SIM ในตลาดมีให้เราเลือกหลากหลายแบรนไม่ว่าจะเป็น house brand หรือ inter brand ตั้งแต่ราคาหลักพันต้นๆ จนไปถึงเกือบๆ หมื่น

ในวันนี้ผมจะมาแนะนำสมาร์ทโฟน 2 SIM ขนาดกะทัดรัดอย่าง Samsung Galaxy S Duos 2 เป็นมือถือ 2 SIM ที่ต่อยอดมาจาก Galaxy S Duos โดยรูปร่างหน้าตาเหมือนกันกับรุ่นแรกยังกับแกะ แทบจะไม่ได้มีการเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอก แต่มีการปรับปรุงฮาร์ดแวร์ภายในซอฟแวร์ให้ทันสมัยขึ้น จาก CPU single core ในรุ่นแรกถูกอัพเกรดเป็น dual core และมาพร้อมกับ Android JellyBean 4.2 ในราคาถูกลงครึ่งนึงจาก 9900 บาทในรุ่นแรกเหลือเพียง 4990 บาทเท่านั้น

หมายเหตุ บทความนี้จะไม่ออกเชิงรีวิวซักเท่าไร จะเน้นบอกเล่าประสบการณ์หลังจากที่ได้ทดลองใช้มากว่า 1 สัปดาห์ว่ามันมีข้อดีข้อเสียอย่างไร

ฮาร์ดแวร์และรูปลักษณ์

  • CPU 1.2 GHz Dual Core
  • Ram 768
  • หน่วยความจำภายใน 4 GB
  • รองรับ microSD Card ได้สูงสุด 64 GB
  • หน้าจอ TFT 4 นิ้ว ความละเอียด 800×480 พิกเซล (223 ppi)
  • รองรับมัลติทัชได้สูงสุด 2 จุด
  • กล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิเซล รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดระดับ HD (720p)
  • กล้องหน้าความละเอียดระดับ VGA รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดระดับ VGA (640×480)
  • แบตเตอรี่ Li-Ion 1500 mAh 
  • รองรับ Bluetooth 4.0
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดพร้อมกันภายในเครื่องเดียว (Dual SIM : Dual Standby)
  • รองรับ 3G แบบ WCDMA/HSDPA Dual Band (900/2100 MHz สำหรับ S7582 และ 850/2100 MHz S7582L)
  • รองรับความเร็ว 3G สูงสุดที่ 21 Mbit/s (HSDPA)
  • Android 4.2.2 (Jelly Bean) 

Galaxy S Duos 2 ตัวเครื่องมีขนาดเล็กกะทัดรัดหน้าจอขนาด 4 นิ้ว ไม่เล็กไม่ใหญ่กำลังพอดีมือ เหมาะสำหรับเป็นเครื่องสำรองไว้ใช้งานเล็กๆ น้อยๆ อย่างตอบรับอีเมล ใช้งานอินเตอร์เน็ตทั่วไป และเปิดเอกสารอ่าน หน้าจอความละเอียดระดับ WVGA (800×480) ถือว่าเหมาะสมกับจอขนาด 4 นิ้ว ไม่ละเอียดน้อยเกินไปจนภาพหน้าจอหยาบ ไม่ละเอียดมากเกินไปจนส่งผลให้กินทรัพยากรเครื่องจนเครื่องกระตุก รันแอพช้า

 

แต่หน้าจอของ Galaxy S Duos 2 มีข้อด้อยอยู่ 2 อย่าง สิ่งแรกคือหน้าจอสู้แดดไม่ได้ และอย่างที่สองไม่มีเมนูปรับตั้งค่าความสว่างหน้าจออัตโนมัติได้ ต้องคอยปรับความสว่างเอง แต่ยังดีที่แถบปรับค่าความสว่างของหน้าจออยู่บนแถบแจ้งเตือน (รูปด้านขวา) ทำให้สะดวกต่อการเปลี่ยนค่า

ซึ่งตัวผมเองก็ไม่แน่ใจว่าในตัวเครื่อง Galaxy S Duos 2 นั้นมีเซ็นเซอร์วัดแสง (light sensor) หรือไม่ เพราะด้านบนตรงรู 2 รู ระหว่างลำโพงสนทนากับกล้องหน้า รูนึงน่าจะเป็น proximity sensor และอีกรูนึงน่าจะเป็น light sensor ซึ่งถ้ามีจริงตัวเครื่อง Galaxy S Duos 2 ก็ควรที่จะมีเมนูปรับตั้งค่าความสว่างหน้าจออัตโนมัติ แต่เมนูการตั้งค่าในเครื่องกลับไม่มี

กล้องมีความละเอียดอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล ถ่ายได้ดีในสภาวะแวดล้อมที่มีแสงพอเหมาะ แต่ในสภาวะที่มีแสงน้อยๆ ต้องถือกล้องให้นิ่งๆ เข้าไว้ เพราะตัวกล้องจะเปิด sensor รับแสงไว้นานขึ้นทำให้ใช้เวลาถ่ายภาพนานขึ้น ถ้าเราไม่มือไม่นิ่งพอ จะทำให้ภาพที่ถ่ายในสภาวะแสงน้อยออกมาเบลอ รายละเอียดเรื่องกล้องและตัวอย่างรูปภาพเราจะกล่าวถึงในหัวข้อถัดไป

เนื่องจาก Galaxy S Duos 2 มีหน่วยความจำมาให้เพียงน้อยนิด ยังดีที่ตัวเครื่องรองรับ microSD card ได้สูงถึง 64 GB

ช่อง SIM แต่ละช่องรองรับ 3G ได้หมดทุกช่อง จะเปลี่ยนไปใช้ 3G กับ SIM ไหนไม่จำเป็นต้องปิดเปิดเครื่องเพื่อสลับ SIM สามารถเปลี่ยนได้ง่ายๆ ในเมนูการตั้งค่า โดยช่อง SIM แรกจะอยู่ด้านบนส่วนช่อง SIM ที่สองอยู่ด้านล่าง

ระบบและการตั้งค่า 2 SIM (การตั้งค่า -> อุปกรณ์ส่วนตัว -> ตัวจัดการ SIM การ์ด)

  • การโทรและวิดีโอคอล

      

    ตรงแถบแจ้งเตือน (รูปด้านซ้าย) จะมีทางลัดสำหรับการเลือกใช้เครือข่ายว่าเราจะใช้เครือข่ายจาก SIM ไหนเป็นเครือข่ายหลัก ซึ่งตรงนี้จะมีผลกับการโทรออกและวิดีโอคอลถ้าหากเราตั้งค่าให้ SIM การ์ดเลือกการโทรออกหรือวิดีโอคอลเป็น “เครือข่ายปัจจุบัน”

    แต่ถ้าเรามีการแบ่งแยกชัดเจนว่า SIM ไหนใช้สำหรับการโทร SIM ไหนใช้สำหรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต เราอาจจะกำหนดตายตัวได้เลยก็ได้ว่าจะใช้ SIM นี้ทุกครั้งที่โทร
     

  • การแสตนบาย (stand by)

    Galaxy S Duos 2 รองรับการ stand by ได้ 2 SIM พร้อมๆ กัน แต่ถ้ามีการใช้ SIM ไหนโทรออกหรือรับสาย อีก SIM นึงจะไม่สามารถโทรออกและรับสายได้ ถ้าไม่อยากพลาดการเชื่อมต่อต้องตั้งค่าการ “ใช้ SIM คู่เสมอ” 

     
     
    การตั้งค่าการ “ใช้ SIM คู่เสมอ” เป็นการตั้งค่าให้โอนสายไปให้อีก SIM ที่กำลัง active อยู่ ซึ่งตรงนี้ไม่ฟรี จะมีค่าบริการตามแต่โปรโมชั่นและเครือข่ายผู้ให้บริการเป็นผู้กำหนด
     

  • การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต

     

    การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ไม่สามารถเชื่อมต่อพร้อมกันได้ 2 SIM เลือกเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ SIM เดียวเท่านั้น แต่เราสามารถเลือกหรือสลับ SIM ที่จะเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้โดยไม่จำเป็นต้องปิดเปิดเครื่องเพื่อสลับช่อง SIM เพราะทุกช่องสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต 3G ความเร็วสูงสุด 21 Mbps ได้ทั้งหมด ซึ่งเราสามารถตั้งค่าได้ในเมนู การตั้งค่า -> อุปกรณ์ส่วนตัว -> ตัวจัดการ SIM -> เครือข่ายบริการข้อมูล

    หมายเหตุ การปรับค่าตรงนี้เป็นเพียงแค่จะเลือกว่าใช้ SIM ไหนจะเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ถ้าจะเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตต้องไปเปิดอีกทีในเมนูการตั้งค่าหรือตรงทางลัดที่แถบแจ้งเตือน (รูปด้านขวา)

ประสิทธิภาพและความเร็ว

 

 
ถึงแม้ Galaxy S Duos 2 จะให้ CPU มาในระดับ dual core แต่ RAM ที่น้อยนิดเพียง 768 MB (ใช้ได้จริง 717 MB) ดูเหมือนว่ามันจะไม่เพียงพอกับการรันหลายๆ แอพพร้อมๆ กัน เพราะแค่แกะกล่องเปิดเครื่องออกมาโดยที่ยังไม่ทันได้ทำอะไร RAM จาก 717 MB ถูกใช้ไปถึง 637 MB มีเหลือให้ใช้เพียง 80 MB เท่านั้น (รูปด้านซ้าย) แต่เมื่อกดลบความจำออกจาก RAM ก็ได้กลับคืนมาเกือบๆ ประมาณ 200 MB
 
ทำให้การใช้งานหลายๆ แอพพร้อมๆ กันมีอาการหน่วงในระหว่างการสลับแอพ (แต่ในบางครั้งก็พบอาการหน่วงหรือกระตุกในขณะที่ใช้แอพด้วย) อย่างเช่นผมใช้ Facebook, Twitter, Line, Browser (Chrome), Skype และ Hangout พร้อมๆ กับ ถ้าเกิดว่าหน่วยความจำใน RAM เหลือน้อย ระบบแอนดรอยด์จะปิดแอพที่เราเปิดค้างไว้ เพื่อให้มีหน่วยความจำเพียงพอกับแอพที่เรารันอยู่ในขณะนั้น ทำให้เมื่อเราสลับแอพกลับไปยังแอพที่เราเคยเปิดค้างไว้ จะต้องเสียเวลารอมันเปิดใหม่อีกครั้งนึงอย่างเช่น Line จะสังเกตว่า Line จะโหลดขึ้นมาเป็นรูปโลโก้เหมือนเพิ่งเปิดแอพขึ้นมาใหม่
 
หรือที่เห็นได้บ่อยๆ เมื่อกดปุ่ม home เพื่อกลับมาหน้า home screen จะเห็นได้ว่ามีอาการหน่วง เหมือนต้องรอให้เครื่องโหลดหน้า home screen ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
 
มัลติมีเดีย
 

 

 
ทดสอบกับการเล่นวิดีโอกับแอพที่ติดมาในเครื่องด้วยไฟล์ที่มีความละเอียด 720p ไม่พบอาการกระตุกให้เห็นลื่นไหลเป็นปกติ ส่วนแอพเล่นเพลงที่ติดมากับเครื่องนั้นมีฟีเจอร์ motion and gesture กับเค้าด้วย สามารถคว่ำหน้าจอเพื่อปิดเสียงได้ทันที นอกจากนี้ยังมี equalizer (การปรับแต่งเสียง) และการปรับระดับเสียงอัตโนมัติ ทำให้แต่ละเพลงจะถูกเล่นด้วยระดับเสียงที่เท่ากัน หมดปัญหาเสียงเพลงที่ดังเบาไม่เท่ากัน
 
GPS และการนำทาง
 

 

 
ค่อนข้างประทับใจกับความเร็วในการจับสัญญาณ GPS ที่สามารถใช้ได้จริง ค่อนข้างแม่นยำ สามารถนำไปเล่นเกม Ingress ได้อย่างไม่มีปัญหา หรือจะนำมาวัดระยะทางเพื่อวัดแคลอรีสำหรับออกกำลังกายผ่าน Endomondo ก็ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจเพราะหาได้ยากในสมาร์ทโฟนรุ่นล่างๆ ที่สามารถจับ GPS ได้เร็วขนาดนี้
 
การถ่ายภาพและวิดีโอ
 
 
 
กล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซลของ Galaxy S Duos 2 ถึงตัวกล้องจะเป็นแบบ auto focus ก็จริง แต่ไม่โฟกัสให้เองโดยอัตโนมัติ เราต้องจิ้มเลือกจุดโฟกัสเอง แถมยังโฟกัสช้าด้วย ภาพที่ได้ถือมีคุณภาพตามราคามือถือ กล้อง Galaxy S Duos 2 จะถ่ายภาพได้ดีในสภาวะแสงปกติ ภาพที่ได้ออกมามีสีสันสดใสดี
 
 
แต่ในสภาวะแสงน้อยมักจะพบเจอกับปรับสมดุลแสงขาวอัตโนมัติ (AWB) ที่ผิดเพี้ยน นอกจากนี้ต้องอาศัยความนิ่งของมือ ถ้ามือไม่นิ่งพอภาพที่ได้จะออกมาเบลอ (ดังรุปด้านบน) ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียดแค่ระดับ VGA มีไว้เพื่อรองรับวิดีโอคอลเท่านั้น ไม่แนะนำให้นำมาถ่าย selfie สามารถตามไปดูตัวอย่างภาพทั้งหมดได้ที่นี่
 
 
วิดีโอรองดับการถ่ายวิดีโอที่ละเอียดสูงสุด 720p แต่ตัวกล้องเก็บรายละเอียดของวิดีโอได้ไม่ค่อยดีซักเท่าไร
 
สิ่งที่ประทับใจ
  • ระบบ 2 SIM
  • GPS จับไวใช้ได้จริง
  • แบตเตอรี่อยู่ทนใช้ได้ สามารถใช้งานเต็มวันได้สบายๆ
 
สิ่งที่ไม่ประทับใจ
  • ไม่มีเมนูการตั้งค่าปรับแสงสว่างหน้าจออัตโนมัติ
  • RAM ให้มาน้อย ไม่เพียงพอกับการรันหลายๆ แอพพร้อมกัน (multi-task)
  • หน่วยความจำที่ให้มาน้อยเกินไป
สรุป
 
ใครที่มองหาเครื่องสำรองที่รองรับ 2 SIM หรือสมาร์ทโฟนราคาไม่แพงและรองรับ 2 SIM ซักเครื่อง ไม่ได้เน้นด้านการเล่นเกม เน้นท่องอินเตอร์เน็ต เล่น Social ชอบแชท Galaxy S Duos 2 ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ช่วงนี้มือถือ 2 SIM ราคาไม่แพงมีตัวเลือกเยอะขึ้นอย่าง Zenfone จาก ASUS ที่เปิดตัวราคาต่ำสุดแค่ 3000 บาทและมีสเปกใกล้เคียง (อาจจะดีกว่า) Galaxy S Duos 2 หรือ Huawei Honor 3C ที่เพิ่มเงินอีก 600 (5590 บาท **ราคาโปรโมชั่นสำหรับคนที่สั่งจอง) ก็จะได้สเปกที่ดีกว่า Galaxy S Duos 2 เกือบสองเท่า
 
แต่การเลือกซื้อมือถือไม่ได้ดูแค่สเปกเพียงอย่างเดียว สิ่งที่ทำให้ Samsung ได้เปรียบกว่าแบรนอื่นๆ ก็คือศูนย์บริการที่มีอยู่ทั่วประเทศ ทำให้เวลามีปัญหาส่งซ่อมได้ง่ายกว่า นอกจากนี้ยังถือเป็นแบรนที่มีบริการหลังการขายที่ดี (?) แบรนหนึ่งอีกด้วย