วันนี้หลาย ๆ คนที่จองแบบ Blind Booking กันไปก่อนเปิดตัว น่าจะได้สัมผัส Samsung Galaxy S24 Ultra ก่อนใครกันไปบ้างแล้ว แต่ใครที่ยังลังเลอยู่ แล้วยังไม่ได้พรีออเดอร์ ก็ยังเหลือเวลาให้จับจองกันอีก 3 วันก่อนวางขายจริงในวันที่ 31 มกราคม 2567 นี้ และก่อนหน้าที่จะไปจองกัน เราก็ได้รีวิวเพื่อช่วยตัดสินใจให้อีกแรง ว่า AI Phone รุ่นแรกของ Samsung มันเริ่ดจริงรึเปล่า
Galaxy S24 Ultra ดีไซน์เหลี่ยมขึ้น กับวัสดุใหม่
ถึงแม้ว่าดูเผิน ๆ แล้ว Galaxy S24 Ultra จะยังดูคล้ายเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ภาพรวมในรุ่นนี้ถือว่าเปลี่ยนไปพอสมควร กับดีไซน์ที่ถูกเปลี่ยนมาในรูปแบบบาร์สี่เหลี่ยมทรงพลัง และมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งของปุ่ม และช่องต่าง ๆ บนตัวเครื่อง
ที่สำคัญคือในรอบนี้ Galaxy S24 Ultra ยังได้เลือกเปลี่ยนมาใช้เป็นวัสดุไทเทเนียมพื้นผิวด้าน เสริมความพรีเมียมให้กับตัวเครื่อง แต่ทั้งนี้ก็ยังมีเรื่องของเวลาที่จับแล้วด่างอยู่เหมือนกัน ส่วนน้ำหนักก็ถือว่ายังคงใกล้เคียงกับในรุ่นเดิมมาก ๆ
ด้านล่างของตัวเครื่องรุ่นนี้จะมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์จากเดิมนิดหน่อย โดย S Pen จะมีการปรับท้ายปากกาให้ดูเหลี่ยมขึ้น และแบนราบไปตัวเฟรม ส่วนสีจะยังเป็นสีดำล้วนคล้ายเดิม มีเพียงแค่สี Titanium Grey และสี Titanium Orange เท่านั้นที่ได้ปากกาสีเทาตามเฟรมตัวเครื่อง
นอกจากนี้ช่องลำโพงด้านล่างก็เปลี่ยนจากดีไซน์จุดไข่ปลา เป็นลำโพงแบบแนวยาวช่องเดียวแทน และยังมีการย้ายไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนขึ้นไปอยู่ด้านบนตัวเครื่องเป็น 2 ด้วย แต่ภาพรวมส่วนอื่น ๆ นั้นจะยังคงคล้าย ๆ เดิมไม่เปลี่ยนแปลง
จอสว่างขึ้น สะท้อนน้อยลง
สำหรับใครที่ไม่ชอบจอโค้ง 3D เหมือนในรุ่นก่อน ๆ รอบนี้ Galaxy S24 Ultra ได้เปลี่ยนไปใช้กระจกจอที่ลดความโค้งน้อยลงมาก ๆ กลายเป็นจอตรงแบบ 2.5D ไปแล้ว ซึ่งทำให้การใช้งานสะดวก เวลาจับเต็มมือแล้วจอไม่ลั่น แถมยังได้กระจกครอบใหม่ ที่ลดแสงสะท้อนได้ดีกว่ากระจกเจ้าอื่น ๆ ในตลาดตอนนี้ แถมยังเคลมว่าทนรอยขีดข่วนได้ดีกว่าเดิม 4 เท่าด้วย
ส่วนพาเนลนั้นในรอบนี้ยังคงใช้ Dynamic AMOLED X2 อัตรารีเฟรชสูงสุด 1 – 120Hz ขนาด 6.8 นิ้วเหมือนเดิมแต่ได้ลดขอบจอจนทำให้ขนาดตัวเครื่องสั้นลงกว่าเดิมเล็กน้อย รองรับฟีเจอร์ S Pen แบบครบ ๆ เหมือนเดิม
โดยไฮไลต์ของจอรอบนี้คือความสว่างที่ดีดขึ้นไปเป็น 2600 nits มองในที่กลางแจ้งชัดแจ๋ว แถมตัวจอยังรองรับโหมด Super HDR ที่เมื่อเปิดภาพถ่ายหรือวิดีโอแล้ว ตัวจอจะดึงแสงเฉพาะจุด ทำให้ภาพสมจริงมีมิติเหมือนตาเห็นมากขึ้น นอกจากนี้ตัวจอแสดงยังรองรับการใช้งาน Always-On Display แบบเต็มหน้าจอเป็นครั้งแรกด้วย
และแน่นอนว่าจอระดับมือถือเรือธง สามารถรับชมคอนเทนต์คุณภาพสูงได้แบบเต็มที่แน่นอน เพราะรองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ ดู Netflix ที่ความละเอียด HDR รองรับ Spatial Audio แสงสีเสียงจัดเต็ม
ซื้อ Galaxy S24 Ultra แล้ว อย่าลืมปกป้องตัวเครื่องด้วย HI-SHIELD PREMIUM BOXSET
หากใครที่จอง Samsung Galaxy S24 Ultra กันไปแล้ว แต่ยังไม่มีเคส หรือฟิล์มกระจกมาไว้ปกป้องมือถือใหม่จากรอยขีดข่วน หรือป้องกันเวลาตกกระแทก HI-SHIELD เขาก็รู้ใจ ออกบ็อกซ์เซตที่มีอุปกรณ์เสริมมาให้แบบครบ ๆ ซื้อทีเดียวจบอย่าง HI-SHIELD PREMIUM BOX SET FOR Galaxy S24 SERIES ปกป้องตัวเครื่องได้รอบด้านเลย ซึ่งภายในกล่องก็จะประกอบไปด้วย
- ฟิล์มกระจกเต็มจอ Samsung Galaxy S24 Series 2.5D Triple Strong Max
ฟิล์มกระจก HI-SHIELD รุ่น 2.5D Triple Strong Max ที่มาในกล่อง เป็นกระจกทนรอยทนรอยขีดข่วนได้ดี ปกป้องครอบคลุมเต็มจอของ Galaxy S24 Ultra แถมยังผ่านการทดสอบทนแรงกระแทกได้ดีถึงระดับ 9H ทดสอบโดยการปล่อยลูกตุ้มเล็กลงมาในระยะ 2 เมตรแล้วไม่แตก
ตัวฟิล์มเมื่อติดแล้วยังสัมผัส หรือสแกนนิ้วมือได้รวดเร็วเหมือนเดิม และยังใช้ S Pen ได้แบบไม่มีปัญหา แถมตัวฟิล์มยังมีประกันฟิล์มให้อีก 1 ปี หากสามารถฟิล์มแตกแล้วสามารถนำไปเปลี่ยนได้
- กระจกเลนส์กล้อง ALUMINIUM LENS ป้องกันกล้อง Galaxy S24 Ultra อีกขั้น
อย่างที่รู้กันว่ารอบนี้เลนส์กล้องของ Galaxy S24 Ultra นูนขึ้นมาจากรุ่นที่แล้วอีกนิดหน่อย ใครที่ไม่ระวังก็อาจเกิดรอยขีดข่วนง่ายขึ้นไปอีก ภายใน HI-SHIELD PREMIUM BOX SET สำหรับรุ่นนี้เลยมี กระจกกันรอยเลนส์กล้องอย่าง Aluminium Lens แบบแยกชิ้นเลนส์มาให้ 1 ชุด
โดยตัวเลนส์ Aluminium Lens ใช้วัสดุอะลูมิเนียมทนทาน และใช้กระจก 100% มีสีให้เลือกตามสีตัวเครื่อง ติดแล้วช่วยกันรอย กันน้ำ กันฝุ่น ลดรอยนิ้วมือ แถมยังถ่ายภาพสวยชัดไม่สะท้อนเหมือนเดิม
- เคสกันกระแทก Galaxy S24 Ultra รุ่น Magsafe Shockproof Case
แน่นอนว่านอกจากจะมีฟิล์ม มีกระจกเลนส์กล้องแล้ว ภายในกล้องยังมีเคสกันกระแทก Magsafe Shockproof Case มาให้อีก 1 ชิ้น โดยตัวเคสใช้วัสดุเกรดพรีเมียม Bayer TPU จากเยอรมนี ทนแรงกระแทกสูงสุด 3 เมตร เพื่อเสริมความแข็งแกร่งแบบรอบด้านให้สมบูรณ์ และไม่ดันตัวฟิล์มด้วย
ตัวเคสมาในดีไซน์แบบขอบยกมุม และมีขอบกล้องยกสูง ป้องกันทั้งตัวจอ และเลนส์กล้องไม่ให้สัมผัสกับพื้นเวลาตกพื้น มีแถบแม่เหล็ก N52 ดีไซน์วงแหวนดูดแน่น 1000 กรัม ใช้อุปกรณ์เสริมแบบ MagSafe ได้ด้วย
ราคา และโปรโมชั่น
สำหรับใครที่สนใจ สามารถหาซื้อ HI-SHIELD Premium Samsung Galaxy S24 Series Box set ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ในราคาพิเศษเพียง 2,450 บาทเท่านั้น (ราคาเต็ม 3,120 บาท) พิเศษสำหรับรุ่น Galaxy S24 Series ภายในกล่องก็จะมีสายคล้องมือ HI-SHIELD Wrist Strap Lanyard แถมไปอีก 1 ชิ้น ( สินค้ามีจำนวนจำกัดนะ)
สำหรับคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ทาง DroidSans ยังมีโค้ดส่วนลดพิเศษสำหรับสั่งซื้อ Galaxy S24 Series Box Set ผ่าน HI-SHIELD Official Store บน Shopee สามารถกรอกโค้ด HISHDROI1 เพื่อรับส่วนลดเพิ่มเติมอีก 100 บาท
และหากใครที่ซื้อผ่านช่องทางออนไลน์มาแล้วกลัวติดเองไม่เป็น ภายในกล่องยังมี Voucher ให้นำไปใช้สิทธิ์ติดฟิล์มฟรีได้ที่หน้าร้านตัวแทนจำหน่ายของ HI-SHIELD ได้เลย
ลองฟีเจอร์ AI มีอะไรให้เล่นบ้าง?
อีกหนึ่งไฮไลต์เด็ดของรุ่นนี้อยู่ที่ฟีเจอร์ Galaxy AI ที่ให้มาแบบจัดเต็ม ใช้ประโยชน์ได้ทั้งในด้านงานตกแต่งรูปภาพ หรือจะใช้เข้ามาช่วยในการทำงานในชีวิตประจำวันก็ได้ เพราะเจ้า Galaxy AI ทำได้ทั้ง
- Circle search วงกลมค้นหา
- Generative Wallpaper สร้าง Wallpaper จาก AI
- Samsung Internet Summarize Translate สรุปและแปลหน้าเว็บ
- Live Translate แปลภาษาระหว่างโทร
- Samsung Keyboard แปล เขียน ตรวจคำผิด
- Voice Recorder ถอดเสียง พร้อมสรุปเนื้อหา
- Generative Edit แต่งภาพใน Photo
- Note Assist ช่วยจัดการโน้ต
- Photo emoji สร้างสติกเกอร์จากภาพ
- Interpreter ใช้มือถือเป็นล่ามภาษา
ซึ่งหากรีวิวให้ชมกันเป็นภาพอาจจะเข้าใจการทำงานของฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้ยากไปหน่อย ซึ่งทาง DroidSans ก็ได้รีวิวให้รับชมแบบเจาะลึกกันเป็นคลิปเป็นที่เรียบร้อย หากอยากรู้ว่า Galaxy AI จะเก่งสักแค่ไหนสามารถเข้าไปรับชมได้ในคลิปเลย
กล้อง 200MP พร้อมอัปเกรดเลนส์ Periscope ใหม่ ดีขึ้นมั้ย?
ถึงแม้ว่า Samsung Galaxy S24 Ultra จะมาพร้อมชุดกล้องที่มีการปรับปรุงใหม่นิดหน่อย โดยกล้อง 3 ตัวแรกจะยังคงคล้าย ๆ เดิม ประกอบไปด้วย กล้องหลัก 200MP, กล้องอัลตราไวด์ 12MP และกล้องเทเลโฟโต 10MP ระยะซูม 3 เท่า
แต่ที่จะเปลี่ยนไปในรอบนี้คือกล้อง Periscope Telephoto ตัวใหม่ ที่เพิ่มความละเอียดเป็น 50MP แต่มีการปรับลดระยะซูม 5 เท่า แต่ให้เซนเซอร์ใหญ่ขึ้น รูรับแสงกว้างขึ้น พร้อมติดชิ้นเลนส์พิเศษที่มีลักษณะเป็นวงกลมเหนือโมดูล Periscope ซึ่งจะช่วยให้เอฟเฟกต์โบเก้ที่เกิดจากฮาร์ดแวร์ดูเป็นธรรมชาติกว่าในรุ่นก่อน
สเปคกล้อง Samsung Galaxy S24 Ultra
- กล้องหลัก 23 มม.: 200MP (f/1.7)
- ขนาดเซนเซอร์ 1/1.3″
- ขนาดเม็ดพิกเซล 0.6µm
- เซนเซอร์กันสั่น OIS + ระบบโฟกัส multi-directional PDAF + Laser Auto Focus
- กล้อง Ultrawide 13 มม. : 12MP (f/2.2)
- มุมกว้าง 120 องศา
- ขนาดเซนเซอร์ 1/2.55″
- ขนาดเม็ดพิกเซล 1.4µm
- ระบบโฟกัส Dual Pixel PDAF / โหมดกันสั่น Super Steady Video
- กล้อง Telephoto 69 มม. : 10MP (f/2.4)
- ซูม Optical 3x
- ขนาดเซนเซอร์ 1/3.52″
- ขนาดเม็ดพิกเซล 1.12µm
- เซนเซอร์กันสั่น OIS + ระบบโฟกัส Dual Pixel PDAF
- กล้อง Periscope Telephoto 115 มม. : 50MP (f/3.4)
- ซูม Optical 5x / Space Zoom 100x
- ขนาดเซนเซอร์ 1/2.52″
- เซนเซอร์กันสั่น OIS + ระบบโฟกัส PDAF
- กล้องเซลฟี่ 26 มม.: 12 MP (f/2.2)
- ระบบโฟกัส PDAF
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง Samsung Galaxy S24 Ultra
จากที่ได้ลองใช้งานถ่ายภาพใน Samsung Galaxy S24 Ultra ต้องบอกว่ารอบนี้โทนภาพ สีสันต่าง ๆ ได้ฉีกไปจากรุ่นก่อน ๆ อย่างเห็นได้ชัด โดยในรุ่นนี้จะมาในโทนสีที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ให้ค่าสีที่ถูกต้องใกล้เคียงของจริง ลดความจัดจ้านของสีสันต่าง ๆ ลงไป แต่จะได้ Dynamic Range ที่กว้างขึ้น ซึ่งดูแล้วคาแรกเตอร์ภาพจะคล้าย ๆ ฝั่งของ Google Pixel และน่าจะเหมาะกับการนำไปแต่งต่อภายหลังมากกว่า
ส่วนคุณภาพการซูมไกลหลังเปลี่ยนระยะเลนส์ Periscope จาก 10x เป็น 5x แล้ว ต้องบอกว่าค่อนข้างทำได้ใกล้เคียงกับของเดิมในระยะ 10x ซึ่งก็ต้องขอบคุณเอนจิน ProVisual engine และอัลกอริทึม AI Zoom ที่เข้ามาช่วยปรับภาพให้คมขึ้นใกล้เคียงกับการซูมจากเลนส์ Optical จริง ๆ เช่นเดียวกับภาพตอนกลางคืนที่ได้เปรียบได้ด้านเซนเซอร์ที่ใหญ่ขึ้น ทำให้เก็บแสงได้มากกว่า
แต่สำหรับระยะซูมไกล 100 เท่าคุณภาพที่ได้ จะมีความใกล้เคียงกันกับรุ่นก่อนอยู่บ้าง โดยฝั่ง Galaxy S24 Ultra จะเก็บแสงได้สว่างกว่านิดหน่อย แต่การประมวลผลรายละเอียดต่าง ๆ จะออกมาในแนวฟุ้ง ๆ ไม่คมเท่ารุ่นก่อน ซึ่งถ้าซูมดูตัวหนังสือเล็ก ๆ บนฉลากจะเห็นได้ชัดเลยว่า Galaxy S23 Ultra จะยังพออ่านตัวหนังสือได้บ้าง แต่ใน Galaxy S24 Ultra จะเบลอหายไปเลย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า Samsung Galaxy S24 Ultra
กล้องเซลฟี่ของ Galaxy S24 Ultra ก็เริ่มมีคาแรกเตอร์ที่เปลี่ยนไปจากรุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัด เพราะถึงแม้จะได้กล้อง 12MP ตัวเดิมแต่รอบนี้ดูเหมือนว่าจะมีการปรับการประมวลผลภาพ HDR โดยเน้นไปในแนวสมจริง ขุดรายละเอียดผิวออกมามากกว่าเดิม ซึ่งถ้าไม่รู้สึกว่ามันดูเรียบเนียนก็มีโหมดบิวตี้มาให้ปรับเพิ่มเติม
งานวิดีโอเป็นอย่างไร?
งานวิดีโอในรุ่นนี้ได้ปลดล็อกความสามารถใหม่ 2 ฟีเจอร์ด้วยกัน สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K@120FPS (ในโหมด Pro Video) ซึ่งน่าจะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการภาพวัตถุเคลื่อนไหวเร็ว ๆ เพราะถ้านำไปลดความเร็วของวิดีโอลง จะช่วยให้แคปภาพเคลื่อนไหวได้คมชัดง่าย ๆ
นอกจากนี้ Galaxy S24 Ultra ยังรองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 8K@30FPS ในระยะซูม Optical 5 เท่าด้วย ส่วนคุณภาพวิดีโอจะเป็นอย่างไร สามารถเข้าไปดูในคลิปรีวิวได้เลย
ชิป Snapdragon 8 Gen 3 เกมโหด ๆ เอาอยู่หมด
Galaxy S24 Ultra รอบนี้มากับชิปที่แรงที่สุดในฝั่ง Android อย่าง Snapdragon 8 Gen 3 ที่เหลือเฟือต่อการใช้งานทั่วไป จะเล่นโซเชียล ตัดต่อวิดีโอ หรือวาดเขียน สลับใช้ไปมาได้ไม่มีปัญsา ดังนั้นการเล่นเกมกราฟิกโหด ๆ รุ่นนี้จึงทำได้สบาย ๆ ซึ่งเกมกราฟิกสุดโหดที่เราได้ทดสอบกันมามีอยู่ 2 เกม ดังนี้
Arena Breakout
สำหรับเกมใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกราฟิกสุดโหดรองรับระบบ Ray Tracing อย่าง Arena Breakout ในรุ่นนี้ก็ถือว่าเอาอยู่เพราะสามารถเปิดโหมดกราฟิกสูงสุดได้ที่ Ultra HD + เฟรมเรต 120FPS
ส่วนประสบการณ์การเล่นนั้นเรียกได้ว่าดีพอตัว แต่จะให้เกาะที่เฟรมเรต 120FPS ก็น่าจะเหลือเชื่อกันเกินไป โดยตัวเกมสามารถเล่นได้จริงที่ประมาณ 75 – 70FPS ในฉากปิด เมื่อเข้าไปในอาคารต่าง ๆ แต่ถ้ามีการประมวลผลฉากในพื้นที่เปิด จะลดหลั่นลงมาที่ 60 และถ้าหากมีเอฟเฟกต์ฝน หรือระเบิดในเกม เฟรมเรตจะร่วมลงมาที่ 55-58 บ้าง
Genshin Impact
สำหรับเกมกินทรัพยากรตัวเครื่องสุดโหดอย่าง Genshin Impact เมื่อเล่นบน Galaxy S24 Ultra ก็ทำได้ดีมาก ๆ ไม่ว่าจะฉากเล็ก หรือพื้นที่เปิดกว้าง ก็สามารถรันตัวเกมได้ที่ 60 – 58FPS ตลอดการเล่นในโหมดกราฟิกสูงสุดทุกอย่างร่วมชั่วโมง แต่จะมีบางจังหวะที่เอฟเฟกต์สกิล ท่าไม้ตายตัวละครเยอะ ๆ อาจมีร่วงไปที่ 55 – 54FPS แต่โดยรวมก็ถือว่าทำได้ดีไม่ผิดหวัง
Samsung Galaxy S24 Ultra เล่นเกมนาน ๆ แล้วร้อนมั้ย?
เรื่องการระบายอุณหภูมิน่าจะเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนสงสัยกัน แต่จากที่ลองได้นั่งเล่นเกมบน Galaxy S24 Ultra ร่วมชั่วโมงในห้องที่ไม่ได้เปิดแอร์ ตัวเครื่องสามารถประคองความร้อนได้สูงสุดอยู่ที่ประมาณ 43 องศาฯ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเกาะอยู่ที่หลัก 40 – 41 องศาฯ เท่านั้น ซึ่งก็น่าจะเป็นผลมาจากระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ที่ในรุ่นนี้อัปเกรดให้ใหญ่ขึ้นถึง 1.9 เท่าเลย
แบตเตอรี่ 5,000 mAh ยังอึดเหมือนเดิม
Samsung Galaxy S24 Ultra ให้แบตเตอรี่มาที่ 5,000 mAh รองรับชาร์จไวผ่านสาย USB-C สูงสุด 45W และรองรับชาร์จไร้สาย 15W เหมือนเดิม
จากที่ทดลองใช้งานหนัก ๆ ทั้งเล่นเกม Genshin Impact เป็นเวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที ดู YouTube 4K@60FPS HDR ไป 3 ชั่วโมงติดต่อกัน ระหว่างวันก็หยิบมาทดสอบ 3D Mark และใช้งานกล้องถ่ายภาพแบบประปราย ในระยะ Screen-On 7 ชั่วโมง 14 นาที แบตเตอรี่เหลือที่ 5% ดังนั้นรับรองเลยว่าใช้งานได้เต็มวันแน่นอน
สรุปการใช้งาน Samsung Galaxy S24 Ultra
Samsung Galaxy S24 Ultra ยังคงทำได้ดีในฐานะมือถือเรือธง ทั้งในด้านประสิทธิภาพ และในด้านการถ่ายภาพที่เรื่องซูมน่าจะไม่มีใครสู้ได้จริง ๆ ส่วนที่ตีบวกเข้ามาคือเรื่องของฟีเจอร์ AI หลายอย่างที่เข้ามาช่วยให้การทำงานสะดวกขึ้นอีกเป็นกอง แถมในรอบนี้ Samsung ยังการันตีอัปเดต Android ให้ถึง 7 ปี ซื้อทีเดียว ใช้กันไปยาว ๆ เลย
แต่สำหรับใครที่ติดใจภาพถ่ายโทนจัดจ้าน สีสดใสจากในรุ่นที่แล้ว รุ่นนี้อาจจะต้องไปแต่งภาพกันเพิ่มเติมกันอีกนิดหน่อย เพราะรอบนี้ Samsung เหมือนจะหันมาเน้นในโทนที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น สีสันอาจจะดูไม่สดใสเหมือนรุ่นที่แล้ว แต่จะได้ไฟล์ที่แต่งภาพได้ง่ายขึ้นไปแทน นอกจากนี้ยังมีเรื่องของระยะซูมไกลที่ต้องยอมรับตรง ๆ ว่ารายละเอียดมีดรอปจากในรุ่นก่อนนิดหน่อย แต่ในระยะ 10 เท่าบอกเลยว่าแทบไม่ต่างกันมาก
ราคา และการวางจำหน่าย
Samsung Galaxy S24 Ultra จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 มกราคม 2567 ซึ่งใครที่สนใจตอนนี้ Samsung ยังเปิดให้สั่งจอง พร้อมรับโปรโมชั่นสุดคุ้มอยู่ ซึ่งแต่ละความจุมีราคาดังนี้
- รุ่น RAM 12GB + 256GB ราคา 46,900 บาท
- รุ่น RAM 12GB + 512GB ราคา 52,900 บาท
- รุ่น RAM 12GB + 1TB ราคา 62,900 บาท
Comment