วันนี้หลาย ๆ คนที่จองแบบ Blind Booking กันไปก่อนเปิดตัว น่าจะได้สัมผัส Samsung Galaxy S24 Ultra ก่อนใครกันไปบ้างแล้ว แต่ใครที่ยังลังเลอยู่ แล้วยังไม่ได้พรีออเดอร์ ก็ยังเหลือเวลาให้จับจองกันอีก 3 วันก่อนวางขายจริงในวันที่ 31 มกราคม 2567 นี้ และก่อนหน้าที่จะไปจองกัน เราก็ได้รีวิวเพื่อช่วยตัดสินใจให้อีกแรง ว่า AI Phone รุ่นแรกของ Samsung มันเริ่ดจริงรึเปล่า

Galaxy S24 Ultra ดีไซน์เหลี่ยมขึ้น กับวัสดุใหม่

ถึงแม้ว่าดูเผิน ๆ แล้ว Galaxy S24 Ultra จะยังดูคล้ายเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ภาพรวมในรุ่นนี้ถือว่าเปลี่ยนไปพอสมควร กับดีไซน์ที่ถูกเปลี่ยนมาในรูปแบบบาร์สี่เหลี่ยมทรงพลัง และมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งของปุ่ม และช่องต่าง ๆ บนตัวเครื่อง

ที่สำคัญคือในรอบนี้ Galaxy S24 Ultra ยังได้เลือกเปลี่ยนมาใช้เป็นวัสดุไทเทเนียมพื้นผิวด้าน เสริมความพรีเมียมให้กับตัวเครื่อง แต่ทั้งนี้ก็ยังมีเรื่องของเวลาที่จับแล้วด่างอยู่เหมือนกัน ส่วนน้ำหนักก็ถือว่ายังคงใกล้เคียงกับในรุ่นเดิมมาก ๆ

จริง ๆ โมดูลกล้องเป็นสีเหลือง Titanium Yellow นะ แต่มีการติดกระจกเลนส์กล้องเป็นสีดำ

ด้านล่างของตัวเครื่องรุ่นนี้จะมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์จากเดิมนิดหน่อย โดย S Pen จะมีการปรับท้ายปากกาให้ดูเหลี่ยมขึ้น และแบนราบไปตัวเฟรม ส่วนสีจะยังเป็นสีดำล้วนคล้ายเดิม มีเพียงแค่สี Titanium Grey และสี Titanium Orange เท่านั้นที่ได้ปากกาสีเทาตามเฟรมตัวเครื่อง

นอกจากนี้ช่องลำโพงด้านล่างก็เปลี่ยนจากดีไซน์จุดไข่ปลา เป็นลำโพงแบบแนวยาวช่องเดียวแทน และยังมีการย้ายไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนขึ้นไปอยู่ด้านบนตัวเครื่องเป็น 2 ด้วย แต่ภาพรวมส่วนอื่น ๆ นั้นจะยังคงคล้าย ๆ เดิมไม่เปลี่ยนแปลง

จอสว่างขึ้น สะท้อนน้อยลง

สำหรับใครที่ไม่ชอบจอโค้ง 3D เหมือนในรุ่นก่อน ๆ รอบนี้ Galaxy S24 Ultra ได้เปลี่ยนไปใช้กระจกจอที่ลดความโค้งน้อยลงมาก ๆ กลายเป็นจอตรงแบบ 2.5D ไปแล้ว ซึ่งทำให้การใช้งานสะดวก เวลาจับเต็มมือแล้วจอไม่ลั่น แถมยังได้กระจกครอบใหม่ ที่ลดแสงสะท้อนได้ดีกว่ากระจกเจ้าอื่น ๆ ในตลาดตอนนี้ แถมยังเคลมว่าทนรอยขีดข่วนได้ดีกว่าเดิม 4 เท่าด้วย

ส่วนพาเนลนั้นในรอบนี้ยังคงใช้ Dynamic AMOLED X2 อัตรารีเฟรชสูงสุด 1 – 120Hz ขนาด 6.8 นิ้วเหมือนเดิมแต่ได้ลดขอบจอจนทำให้ขนาดตัวเครื่องสั้นลงกว่าเดิมเล็กน้อย รองรับฟีเจอร์ S Pen แบบครบ ๆ เหมือนเดิม

สู้แดดจัด ๆ สบาย

โดยไฮไลต์ของจอรอบนี้คือความสว่างที่ดีดขึ้นไปเป็น 2600 nits มองในที่กลางแจ้งชัดแจ๋ว แถมตัวจอยังรองรับโหมด Super HDR ที่เมื่อเปิดภาพถ่ายหรือวิดีโอแล้ว ตัวจอจะดึงแสงเฉพาะจุด ทำให้ภาพสมจริงมีมิติเหมือนตาเห็นมากขึ้น นอกจากนี้ตัวจอแสดงยังรองรับการใช้งาน Always-On Display แบบเต็มหน้าจอเป็นครั้งแรกด้วย

และแน่นอนว่าจอระดับมือถือเรือธง สามารถรับชมคอนเทนต์คุณภาพสูงได้แบบเต็มที่แน่นอน เพราะรองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ ดู Netflix ที่ความละเอียด HDR รองรับ Spatial Audio แสงสีเสียงจัดเต็ม

ซื้อ Galaxy S24 Ultra แล้ว อย่าลืมปกป้องตัวเครื่องด้วย HI-SHIELD PREMIUM BOXSET

หากใครที่จอง Samsung Galaxy S24 Ultra กันไปแล้ว แต่ยังไม่มีเคส หรือฟิล์มกระจกมาไว้ปกป้องมือถือใหม่จากรอยขีดข่วน หรือป้องกันเวลาตกกระแทก HI-SHIELD เขาก็รู้ใจ ออกบ็อกซ์เซตที่มีอุปกรณ์เสริมมาให้แบบครบ ๆ ซื้อทีเดียวจบอย่าง HI-SHIELD PREMIUM BOX SET FOR Galaxy S24 SERIES ปกป้องตัวเครื่องได้รอบด้านเลย ซึ่งภายในกล่องก็จะประกอบไปด้วย

  1. ฟิล์มกระจกเต็มจอ Samsung Galaxy S24 Series 2.5D Triple Strong Max

ฟิล์มกระจก HI-SHIELD รุ่น 2.5D Triple Strong Max ที่มาในกล่อง เป็นกระจกทนรอยทนรอยขีดข่วนได้ดี  ปกป้องครอบคลุมเต็มจอของ Galaxy S24 Ultra แถมยังผ่านการทดสอบทนแรงกระแทกได้ดีถึงระดับ 9H ทดสอบโดยการปล่อยลูกตุ้มเล็กลงมาในระยะ 2 เมตรแล้วไม่แตก 

ตัวฟิล์มเมื่อติดแล้วยังสัมผัส หรือสแกนนิ้วมือได้รวดเร็วเหมือนเดิม และยังใช้ S Pen ได้แบบไม่มีปัญหา แถมตัวฟิล์มยังมีประกันฟิล์มให้อีก 1 ปี หากสามารถฟิล์มแตกแล้วสามารถนำไปเปลี่ยนได้

  1. กระจกเลนส์กล้อง ALUMINIUM LENS ป้องกันกล้อง Galaxy S24 Ultra อีกขั้น

อย่างที่รู้กันว่ารอบนี้เลนส์กล้องของ Galaxy S24 Ultra นูนขึ้นมาจากรุ่นที่แล้วอีกนิดหน่อย ใครที่ไม่ระวังก็อาจเกิดรอยขีดข่วนง่ายขึ้นไปอีก ภายใน  HI-SHIELD PREMIUM BOX SET สำหรับรุ่นนี้เลยมี กระจกกันรอยเลนส์กล้องอย่าง Aluminium Lens แบบแยกชิ้นเลนส์มาให้ 1 ชุด

โดยตัวเลนส์  Aluminium Lens ใช้วัสดุอะลูมิเนียมทนทาน และใช้กระจก 100% มีสีให้เลือกตามสีตัวเครื่อง ติดแล้วช่วยกันรอย กันน้ำ กันฝุ่น ลดรอยนิ้วมือ แถมยังถ่ายภาพสวยชัดไม่สะท้อนเหมือนเดิม

  1. เคสกันกระแทก Galaxy S24 Ultra รุ่น Magsafe Shockproof Case 

แน่นอนว่านอกจากจะมีฟิล์ม มีกระจกเลนส์กล้องแล้ว ภายในกล้องยังมีเคสกันกระแทก Magsafe Shockproof Case มาให้อีก 1 ชิ้น โดยตัวเคสใช้วัสดุเกรดพรีเมียม Bayer TPU จากเยอรมนี ทนแรงกระแทกสูงสุด 3 เมตร เพื่อเสริมความแข็งแกร่งแบบรอบด้านให้สมบูรณ์ และไม่ดันตัวฟิล์มด้วย

ตัวเคสมาในดีไซน์แบบขอบยกมุม และมีขอบกล้องยกสูง ป้องกันทั้งตัวจอ และเลนส์กล้องไม่ให้สัมผัสกับพื้นเวลาตกพื้น มีแถบแม่เหล็ก N52 ดีไซน์วงแหวนดูดแน่น 1000 กรัม ใช้อุปกรณ์เสริมแบบ MagSafe ได้ด้วย

ราคา และโปรโมชั่น

สำหรับใครที่สนใจ สามารถหาซื้อ HI-SHIELD Premium Samsung Galaxy S24 Series Box set ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ในราคาพิเศษเพียง 2,450 บาทเท่านั้น (ราคาเต็ม 3,120 บาท) พิเศษสำหรับรุ่น Galaxy S24 Series ภายในกล่องก็จะมีสายคล้องมือ HI-SHIELD Wrist Strap Lanyard แถมไปอีก 1 ชิ้น ( สินค้ามีจำนวนจำกัดนะ) 

สำหรับคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ทาง DroidSans ยังมีโค้ดส่วนลดพิเศษสำหรับสั่งซื้อ Galaxy S24 Series Box Set ผ่าน HI-SHIELD Official Store บน Shopee  สามารถกรอกโค้ด HISHDROI1 เพื่อรับส่วนลดเพิ่มเติมอีก 100 บาท 

และหากใครที่ซื้อผ่านช่องทางออนไลน์มาแล้วกลัวติดเองไม่เป็น ภายในกล่องยังมี Voucher ให้นำไปใช้สิทธิ์ติดฟิล์มฟรีได้ที่หน้าร้านตัวแทนจำหน่ายของ HI-SHIELD ได้เลย 

ลองฟีเจอร์ AI มีอะไรให้เล่นบ้าง?

อีกหนึ่งไฮไลต์เด็ดของรุ่นนี้อยู่ที่ฟีเจอร์ Galaxy AI ที่ให้มาแบบจัดเต็ม ใช้ประโยชน์ได้ทั้งในด้านงานตกแต่งรูปภาพ หรือจะใช้เข้ามาช่วยในการทำงานในชีวิตประจำวันก็ได้ เพราะเจ้า Galaxy AI ทำได้ทั้ง

วิธีตั้งค่าเปิดเข้าใช้งานฟีเจอร์ AI ทั้งหมด บนมือถือ Samsung Galaxy S24 Series
  1. Circle search วงกลมค้นหา
  2. Generative Wallpaper สร้าง Wallpaper จาก AI
  3. Samsung Internet Summarize Translate สรุปและแปลหน้าเว็บ
  4. Live Translate แปลภาษาระหว่างโทร
  5. Samsung Keyboard แปล เขียน ตรวจคำผิด
  6. Voice Recorder ถอดเสียง พร้อมสรุปเนื้อหา
  7. Generative Edit แต่งภาพใน Photo
  8. Note Assist ช่วยจัดการโน้ต
  9. Photo emoji สร้างสติกเกอร์จากภาพ
  10. Interpreter ใช้มือถือเป็นล่ามภาษา

ซึ่งหากรีวิวให้ชมกันเป็นภาพอาจจะเข้าใจการทำงานของฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้ยากไปหน่อย ซึ่งทาง DroidSans ก็ได้รีวิวให้รับชมแบบเจาะลึกกันเป็นคลิปเป็นที่เรียบร้อย หากอยากรู้ว่า Galaxy AI จะเก่งสักแค่ไหนสามารถเข้าไปรับชมได้ในคลิปเลย

คลิปรีวิวฟีเจอร์ AI ของ Samsung Galaxy S24 Ultra แบบลงลึกจัดเต็ม

กล้อง 200MP พร้อมอัปเกรดเลนส์ Periscope ใหม่ ดีขึ้นมั้ย?

ถึงแม้ว่า Samsung Galaxy S24 Ultra จะมาพร้อมชุดกล้องที่มีการปรับปรุงใหม่นิดหน่อย โดยกล้อง 3 ตัวแรกจะยังคงคล้าย ๆ เดิม ประกอบไปด้วย กล้องหลัก 200MP, กล้องอัลตราไวด์ 12MP และกล้องเทเลโฟโต 10MP ระยะซูม 3 เท่า

แต่ที่จะเปลี่ยนไปในรอบนี้คือกล้อง Periscope Telephoto ตัวใหม่ ที่เพิ่มความละเอียดเป็น 50MP แต่มีการปรับลดระยะซูม 5 เท่า แต่ให้เซนเซอร์ใหญ่ขึ้น รูรับแสงกว้างขึ้น พร้อมติดชิ้นเลนส์พิเศษที่มีลักษณะเป็นวงกลมเหนือโมดูล Periscope ซึ่งจะช่วยให้เอฟเฟกต์โบเก้ที่เกิดจากฮาร์ดแวร์ดูเป็นธรรมชาติกว่าในรุ่นก่อน

สเปคกล้อง Samsung Galaxy S24 Ultra

  • กล้องหลัก 23 มม.: 200MP (f/1.7)
    • ขนาดเซนเซอร์ 1/1.3″
    • ขนาดเม็ดพิกเซล 0.6µm
    • เซนเซอร์กันสั่น OIS + ระบบโฟกัส multi-directional PDAF + Laser Auto Focus
  • กล้อง Ultrawide 13 มม. : 12MP (f/2.2)
    • มุมกว้าง 120 องศา
    • ขนาดเซนเซอร์ 1/2.55″
    • ขนาดเม็ดพิกเซล 1.4µm
    • ระบบโฟกัส Dual Pixel PDAF / โหมดกันสั่น Super Steady Video
  • กล้อง Telephoto 69 มม. : 10MP (f/2.4)
    • ซูม Optical 3x
    • ขนาดเซนเซอร์ 1/3.52″
    • ขนาดเม็ดพิกเซล 1.12µm
    • เซนเซอร์กันสั่น OIS + ระบบโฟกัส Dual Pixel PDAF
  • กล้อง Periscope Telephoto 115 มม. : 50MP (f/3.4)
    • ซูม Optical 5x / Space Zoom 100x
    • ขนาดเซนเซอร์ 1/2.52″
    • เซนเซอร์กันสั่น OIS + ระบบโฟกัส PDAF
  • กล้องเซลฟี่ 26 มม.: 12 MP (f/2.2)
    • ระบบโฟกัส PDAF

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง Samsung Galaxy S24 Ultra

จากที่ได้ลองใช้งานถ่ายภาพใน Samsung Galaxy S24 Ultra ต้องบอกว่ารอบนี้โทนภาพ สีสันต่าง ๆ ได้ฉีกไปจากรุ่นก่อน ๆ อย่างเห็นได้ชัด โดยในรุ่นนี้จะมาในโทนสีที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ให้ค่าสีที่ถูกต้องใกล้เคียงของจริง ลดความจัดจ้านของสีสันต่าง ๆ ลงไป แต่จะได้ Dynamic Range ที่กว้างขึ้น ซึ่งดูแล้วคาแรกเตอร์ภาพจะคล้าย ๆ ฝั่งของ Google Pixel และน่าจะเหมาะกับการนำไปแต่งต่อภายหลังมากกว่า

ส่วนคุณภาพการซูมไกลหลังเปลี่ยนระยะเลนส์ Periscope จาก 10x เป็น 5x แล้ว ต้องบอกว่าค่อนข้างทำได้ใกล้เคียงกับของเดิมในระยะ 10x ซึ่งก็ต้องขอบคุณเอนจิน ProVisual engine และอัลกอริทึม AI Zoom ที่เข้ามาช่วยปรับภาพให้คมขึ้นใกล้เคียงกับการซูมจากเลนส์ Optical จริง ๆ เช่นเดียวกับภาพตอนกลางคืนที่ได้เปรียบได้ด้านเซนเซอร์ที่ใหญ่ขึ้น ทำให้เก็บแสงได้มากกว่า

แต่สำหรับระยะซูมไกล 100 เท่าคุณภาพที่ได้ จะมีความใกล้เคียงกันกับรุ่นก่อนอยู่บ้าง โดยฝั่ง Galaxy S24 Ultra จะเก็บแสงได้สว่างกว่านิดหน่อย แต่การประมวลผลรายละเอียดต่าง ๆ จะออกมาในแนวฟุ้ง ๆ ไม่คมเท่ารุ่นก่อน ซึ่งถ้าซูมดูตัวหนังสือเล็ก ๆ บนฉลากจะเห็นได้ชัดเลยว่า Galaxy S23 Ultra จะยังพออ่านตัวหนังสือได้บ้าง แต่ใน Galaxy S24 Ultra จะเบลอหายไปเลย

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า Samsung Galaxy S24 Ultra

กล้องเซลฟี่ของ Galaxy S24 Ultra ก็เริ่มมีคาแรกเตอร์ที่เปลี่ยนไปจากรุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัด เพราะถึงแม้จะได้กล้อง 12MP ตัวเดิมแต่รอบนี้ดูเหมือนว่าจะมีการปรับการประมวลผลภาพ HDR โดยเน้นไปในแนวสมจริง ขุดรายละเอียดผิวออกมามากกว่าเดิม ซึ่งถ้าไม่รู้สึกว่ามันดูเรียบเนียนก็มีโหมดบิวตี้มาให้ปรับเพิ่มเติม

งานวิดีโอเป็นอย่างไร?

งานวิดีโอในรุ่นนี้ได้ปลดล็อกความสามารถใหม่ 2 ฟีเจอร์ด้วยกัน สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K@120FPS (ในโหมด Pro Video) ซึ่งน่าจะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการภาพวัตถุเคลื่อนไหวเร็ว ๆ เพราะถ้านำไปลดความเร็วของวิดีโอลง จะช่วยให้แคปภาพเคลื่อนไหวได้คมชัดง่าย ๆ

นอกจากนี้ Galaxy S24 Ultra ยังรองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 8K@30FPS ในระยะซูม Optical 5 เท่าด้วย ส่วนคุณภาพวิดีโอจะเป็นอย่างไร สามารถเข้าไปดูในคลิปรีวิวได้เลย

ชิป Snapdragon 8 Gen 3 เกมโหด ๆ  เอาอยู่หมด

Galaxy S24 Ultra รอบนี้มากับชิปที่แรงที่สุดในฝั่ง Android อย่าง Snapdragon 8 Gen 3 ที่เหลือเฟือต่อการใช้งานทั่วไป จะเล่นโซเชียล ตัดต่อวิดีโอ หรือวาดเขียน สลับใช้ไปมาได้ไม่มีปัญsา ดังนั้นการเล่นเกมกราฟิกโหด ๆ รุ่นนี้จึงทำได้สบาย ๆ ซึ่งเกมกราฟิกสุดโหดที่เราได้ทดสอบกันมามีอยู่ 2 เกม ดังนี้

Arena Breakout

สำหรับเกมใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกราฟิกสุดโหดรองรับระบบ Ray Tracing อย่าง Arena Breakout ในรุ่นนี้ก็ถือว่าเอาอยู่เพราะสามารถเปิดโหมดกราฟิกสูงสุดได้ที่ Ultra HD + เฟรมเรต 120FPS

ส่วนประสบการณ์การเล่นนั้นเรียกได้ว่าดีพอตัว แต่จะให้เกาะที่เฟรมเรต 120FPS ก็น่าจะเหลือเชื่อกันเกินไป โดยตัวเกมสามารถเล่นได้จริงที่ประมาณ 75 – 70FPS ในฉากปิด เมื่อเข้าไปในอาคารต่าง ๆ แต่ถ้ามีการประมวลผลฉากในพื้นที่เปิด จะลดหลั่นลงมาที่ 60 และถ้าหากมีเอฟเฟกต์ฝน หรือระเบิดในเกม เฟรมเรตจะร่วมลงมาที่ 55-58 บ้าง

Genshin Impact

สำหรับเกมกินทรัพยากรตัวเครื่องสุดโหดอย่าง Genshin Impact เมื่อเล่นบน Galaxy S24 Ultra ก็ทำได้ดีมาก ๆ ไม่ว่าจะฉากเล็ก หรือพื้นที่เปิดกว้าง ก็สามารถรันตัวเกมได้ที่ 60 – 58FPS ตลอดการเล่นในโหมดกราฟิกสูงสุดทุกอย่างร่วมชั่วโมง แต่จะมีบางจังหวะที่เอฟเฟกต์สกิล ท่าไม้ตายตัวละครเยอะ ๆ อาจมีร่วงไปที่ 55 – 54FPS แต่โดยรวมก็ถือว่าทำได้ดีไม่ผิดหวัง

Samsung Galaxy S24 Ultra เล่นเกมนาน ๆ แล้วร้อนมั้ย?

เรื่องการระบายอุณหภูมิน่าจะเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนสงสัยกัน แต่จากที่ลองได้นั่งเล่นเกมบน Galaxy S24 Ultra ร่วมชั่วโมงในห้องที่ไม่ได้เปิดแอร์ ตัวเครื่องสามารถประคองความร้อนได้สูงสุดอยู่ที่ประมาณ 43 องศาฯ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเกาะอยู่ที่หลัก 40 – 41 องศาฯ เท่านั้น ซึ่งก็น่าจะเป็นผลมาจากระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ที่ในรุ่นนี้อัปเกรดให้ใหญ่ขึ้นถึง 1.9 เท่าเลย

แบตเตอรี่ 5,000 mAh ยังอึดเหมือนเดิม

Samsung Galaxy S24 Ultra ให้แบตเตอรี่มาที่ 5,000 mAh รองรับชาร์จไวผ่านสาย USB-C สูงสุด 45W และรองรับชาร์จไร้สาย 15W เหมือนเดิม

จากที่ทดลองใช้งานหนัก ๆ ทั้งเล่นเกม Genshin Impact เป็นเวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที ดู YouTube 4K@60FPS HDR ไป 3 ชั่วโมงติดต่อกัน ระหว่างวันก็หยิบมาทดสอบ 3D Mark และใช้งานกล้องถ่ายภาพแบบประปราย ในระยะ Screen-On 7 ชั่วโมง 14 นาที แบตเตอรี่เหลือที่ 5% ดังนั้นรับรองเลยว่าใช้งานได้เต็มวันแน่นอน

สรุปการใช้งาน Samsung Galaxy S24 Ultra

Samsung Galaxy S24 Ultra ยังคงทำได้ดีในฐานะมือถือเรือธง ทั้งในด้านประสิทธิภาพ และในด้านการถ่ายภาพที่เรื่องซูมน่าจะไม่มีใครสู้ได้จริง ๆ ส่วนที่ตีบวกเข้ามาคือเรื่องของฟีเจอร์ AI หลายอย่างที่เข้ามาช่วยให้การทำงานสะดวกขึ้นอีกเป็นกอง แถมในรอบนี้ Samsung ยังการันตีอัปเดต Android ให้ถึง 7 ปี ซื้อทีเดียว ใช้กันไปยาว ๆ เลย

แต่สำหรับใครที่ติดใจภาพถ่ายโทนจัดจ้าน สีสดใสจากในรุ่นที่แล้ว รุ่นนี้อาจจะต้องไปแต่งภาพกันเพิ่มเติมกันอีกนิดหน่อย เพราะรอบนี้ Samsung เหมือนจะหันมาเน้นในโทนที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น สีสันอาจจะดูไม่สดใสเหมือนรุ่นที่แล้ว แต่จะได้ไฟล์ที่แต่งภาพได้ง่ายขึ้นไปแทน นอกจากนี้ยังมีเรื่องของระยะซูมไกลที่ต้องยอมรับตรง ๆ ว่ารายละเอียดมีดรอปจากในรุ่นก่อนนิดหน่อย แต่ในระยะ 10 เท่าบอกเลยว่าแทบไม่ต่างกันมาก

ราคา และการวางจำหน่าย

Samsung Galaxy S24 Ultra จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 มกราคม 2567 ซึ่งใครที่สนใจตอนนี้ Samsung ยังเปิดให้สั่งจอง พร้อมรับโปรโมชั่นสุดคุ้มอยู่ ซึ่งแต่ละความจุมีราคาดังนี้

  • รุ่น RAM 12GB + 256GB ราคา 46,900 บาท
  • รุ่น RAM 12GB + 512GB ราคา 52,900 บาท
  • รุ่น RAM 12GB + 1TB ราคา 62,900 บาท