Samsung Galaxy Z Fold 6 กลับมารอบนี้ถือว่าเป็นการปรับปรุงหลาย ๆ จุดที่คนร้องขอกันมามากที่สุด ทั้งในเรื่องอัตราส่วนตัวเครื่องที่มีความกว้างมากขึ้น เสริมฟีเจอร์ AI ที่เหมาะกับการทำงานเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการทำงานเอกสาร แต่ไม่อยากพกแท็บเล็ตใหญ่ ๆ ไปไหนมาไหน แต่ถึงอย่างนั้น ตัวกล้องน่าจะเป็นจุดที่คนสงสัยมากที่สุดว่ารุ่นเก่ารุ่นใหม่มันต่างกันอย่างไร วันนี้เราเลยจับมาเทียบให้เห็นกันชัด ๆ ไปเลย
ชมตัวเครื่องสีไฮไลต์ของปี 2024 – Silver Shadow
Samsung Galaxy Z Fold 6 รอบนี้มากีบสีไฮไลต์ใหม่เป็นสีเงิน Silver Shadow เพื่อให้เข้าธีมกับ Galaxy S24 Ultra โดยกระจกฝาหลังเป็นกระจกแบบด้านสีเทาสะท้อนเป็นสีเงิน จับถือแล้วติดลายนิ้วมือค่อนข้างชัด ซึ่งถ้าใส่เคสก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ส่วนวัสดุนั้นจะใช้เป็น Armor Aluminum ที่ทนทานขึ้นกว่าเดิม 10% ส่วนกระจกจอนอก และหลังเครื่องใช้เป็น Gorilla Glass Victus 2
ส่วนตำแหน่งปุ่ม และช่องพอร์ตต่าง ๆ ยังไม่ต่างจากเดิมมาก ด้านบนมีไมโครโฟน 3 ตัว และช่องลำโพงที่เปลี่ยนดีไซน์มาใช้แบบขีดยาว ๆ ส่วนด้านซ้ายมากับถาดซิมแบบ Dual Slot ใส่ได้ 2 ซิมการ์ด ด้านขวาเป็นปุ่มเพิ่มลดเสียง และปุ่ม Power ที่รองรับการสแกนลายนิ้วมือ ด้านล่างมีพอร์ต USB-C 3.2 Gen 1 ช่องลำโพง และไมโครโฟนสนทนาหลัก
จุดที่เปลี่ยนไปของรุ่นนี้คือเรื่องของบานพับที่มีขนาดที่เล็กลงทำให้เมื่อพับแล้วตัวเครื่องบางลงเหลือเพียง 12.1 มม. เท่านั้น และยังถือเป็นครั้งแรกของโลกด้วยที่มือถือจอพับรองรับการกันของแข็งขนาดเล็กสุด 1 มม. และทนน้ำลึก 1.5 เมตร นานสุด 30 นาที มาตรฐาน IP48
ดีไซน์ใหม่แบบ Box ก็ต้องมี Boxset ดี ๆ จาก HI-SHIELD
Samsung Galaxy Z Fold6 เปิดตัวมากับดีไซน์แบบใหม่ในรูปแบบสี่เหลี่ยมแบบ Box และปรับอัตราส่วนจอให้มีความกว้าง ซึ่งหมายความว่าเราจะใช้เคส และ Accessories เก่า ๆ จากรุ่นก่อนไม่ได้อีกต่อไป ซึ่งใครกำลังจะตัดสินใจซื้อเครื่องใหม่ แต่ยังไม่มีเคส หรือฟิล์มเพื่อปกป้องตัวเครื่อง HI-SHIELD ก็จัดชุด Premium Boxset สำหรับ Galaxy Z Fold6 มาให้เลือกซื้อเหมือนเดิม ซึ่งภายในประกอบไปด้วยอุปกรณ์ดังนี้
- ฟิล์มกระจกจอนอกแบบใส HI-SHIELD รุ่น High Definition
ฟิล์มกระจก HI-SHIELD รุ่น High Definition ที่บรรจุมาใน Box Set นั้น เป็นฟิล์มกระจกที่ใช้กับจอแสดงผลรองด้านนอก โดยมาในรูปแบบกระจกใส ไร้ขอบ ติดแล้วไม่ลดทอนคุณภาพการแสดงผล สัมผัสได้ลื่นไหล สามารถปกป้องรอยขีดข่วนได้ถึงระดับ 9H อีกทั้งยังช่วยลดคราบมัน รอยนิ้วมือบนจอด้วย
- Aluminium Lens กระจกป้องกันรอยเลนส์กล้อง
Aluminium Lens รอบนี้มีการดีไซน์ให้ใหญ่ขึ้นตามเลนส์กล้องที่เปลี่ยนไป ตัดขอบสีเลนส์ด้วยโลหะอะลูมิเนียมสีดำกลมกลืนไปกับตัวเครื่อง แถมตัวเลนส์ยังใช้กระจก 100% ทำให้ไม่ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาสีสันผิดเพี้ยน หรือสะท้อนต่างไปจากเดิมแถม ติดแล้วช่วยกันรอย กันน้ำ กันฝุ่น ลดรอยนิ้วมือ
- เคสใสกันกระแทกรุ่น Crystal Shield (หรือเลือกเป็นเคสแม่เหล็ก Case Magsafe ก็ได้)
ถ้าจะให้ครบสูตรปกป้องรอบเครื่อง แน่นอนว่าภายในกล่อง Premium Boxset ก็ต้องมีเคสปกป้องตัวเครื่องมาให้ด้วย โดยมีให้เลือกทั้งเคสใส Crystal Shield และ เคสใสแม่เหล็ก Magsafe
โดยเคสทั้งสองรุ่นเลือกใช้วัสดุ Bayer TPU เกรดดีจากเยอรมนี หุ้มปกป้องตัวเครื่องรอบด้านทั้งกล้อง จอรองด้านนอก และปุ่มต่าง ๆ ทนการกระแทกได้สูงสุดถึง 1.5 เมตร และมีนวัตกรรม Anti Yellow ทำให้เหลืองช้า เคสไม่ดูดเครื่อง ไม่ดันเลนส์และฟิล์ม รองรับการชาร์จไร้สายทั้งสองรุ่น แต่รุ่นแม่เหล็ก Magsafe จะยึดอุปกรณ์ชาร์จไร้สายได้แน่นกว่านั่นเอง
ราคา และโปรโมชั่น
HI-SHIELD Premium Boxset สำหรับ Galaxy Z Fold6 และ Galaxy Z Flip6 มาในราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 1,790 บาทเท่านั้น (ราคาเต็ม 2,650 บาท) ซึ่งราคานี้นอกจากจะได้อุปกรณ์ปกป้องตัวเครื่องแบบครบเซ็ตแล้ว ยังมีอุปกรณ์เสริมน่ารัก ๆ อีก 2 ชิ้น ทั้งสติกเกอร์สำหรับตกแต่งตัวเคส และสายคล้องมือลูกปัด แถมมาให้ใช้งานกันด้วย
สำหรับใครที่ติดฟิล์มไม่เป็นภายในกล่องยังมากับคูปองติดฟิล์มฟรี สามารถนำไปใช้กับร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการได้ และยังมีคูปองส่วนลด 100 บาท สำหรับใช้ซื้อสินค้ากับ HI-SHIELD ในครั้งถัดไป สามารถเข้าไปดูเซ็ทอื่น ๆ เพิ่มเติมหรือสั่งซื้อสินค้าได้ที่เว็บไซต์ HI-SHIELD หรือ HI-SHIELD Official Shop บน Shopee นะ
จอทนขึ้น รอยน้อยลง ลำโพงดีกว่าเดิม
Samsung Galaxy Z Fold6 มากับอัตราส่วนหน้าจอแบบใหม่ เนื่องจากตัวเครื่องมีการปรับให้มีขนาดสั้นลง แต่กว้างขึ้น รวมถึงลดความโค้งมนของขอบจอต่าง ๆ ลง ทำให้จอแสดงผลด้านนอกนั้นมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเล็กน้อยจาก 6.2 นิ้ว เป็น 6.3 นิ้ว ที่ถึงแม้จะยังพิมพ์ยากสำหรับคนนิ้วใหญ่ แต่ดีขึ้นจากรุ่นก่อน ส่วนจอด้านในมาในขนาดเท่าเดิม 7.6 นิ้ว แต่ปรับขอบมุมให้เป็นสีเหลี่ยมตรง ไม่โค้งเหมือนรุ่นก่อน
พาเนลทั้งจอนอกและจอในยังคงใช้ Dynamic AMOLED x2 รองรับรีเฟรชเรต 1 – 120Hz แต่ที่ได้อัปเกรดคือเรื่องของความสว่างที่เพิ่มเป็น 2,600 nits สว่างมากขึ้นเมื่อใช้งานกลางแจ้งทั้งจอนอก และจอใน ส่วนจอนอกตอนนี้รองรับโหมด Always-on Display แสดงผลวอลเปเปอร์แบบเต็มจอในขณะเข้าสู่โหมดสลีปได้ด้วย
จอแสดงผลด้านในรองรับทั้งการแสดงผลคอนเทนต์ HDR10+ และการขีดเขียนด้วยปากกา S Pen for Fold เหมือนเดิม ส่วนจอนอกรอบนี้อัปเกรดให้แสดงผลภาพแบบ Super HDR ดันความสว่างเฉพาะจุดเพื่อแสดงผล Dynamic Range ให้สมจริงมากยิ่งขึ้น
ส่วนเรื่องรอยพับและความทนทานนั้น รอบนี้ Samsung ได้อัปเกรดไปใช้บานพับแบบรางคู่ หรือที่เรียกว่า Dual Rail Hinge ที่ช่วยลดทั้งรอยพับของจอให้ตื้นขึ้น และจางลงแบบรู้สึกได้ อีกทั้งยังเสริมเรื่องความทนทานช่วยซับแรงกระแทก ทนต่อแรงกดทับได้ดีขึ้นถึง 2 เท่าด้วย
ด้านลำโพงถึงแม้ว่าจะเป็นจุดที่ Samsung ไม่ได้กล่าวถึง แต่รุ่นนี้ถือว่ายกระดับคุณภาพเสียงได้ดีขึ้นพอสมควร ฟังแล้วมีมิติ ความกระหึ่มขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็น่าเสียดายที่ยังคงให้ลำโพงมาเพียงแค่ 2 ตัวเหมือนเดิม
ฟีเจอร์ Galaxy AI ใหม่ ๆ มีอะไรบ้าง?
สำหรับฟีเจอร์การใช้งานทั่วไป Samsung น่าจะเป็นค่ายที่สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว UI แอปต่าง ๆ ตอนนี้ก็มีการปรับ Optimize ให้เข้ากับการใช้งานบนมือถือจอพับหมดแล้ว สลับใช้จอเล็กไปจอใหญ่ได้ลื่นไหล มี Flex Mode ควบคุมเครื่องเท่ ๆ ทำงานแบบ Multi-Tasking แบ่งหน้าต่าง โยนไฟล์ข้ามแอป Galaxy Z Fold6 ยังคงมีให้ใช้งานแบบครบ ๆ และยังมี DeX Mode ต่อจอนอกใช้งานในโหมด Desktop PC มาให้เหมือนเดิม
แน่นอนว่าเมื่อเข้าสู่ยุค AI Phone แล้ว Samsung Galaxy Z Fold6 ที่มาพร้อมกับ One UI 6.1.1 ก็ได้เปิดตัวมาพร้อมความสามารถด้าน AI ใหม่ ๆ ที่เข้ามาช่วยในด้านการทำงานอีกเพียบ ทั้ง
- Circle to Search วงแก้โจทย์คณิต สอนเป็นสเต็ปได้, อ่าน QR Code ได้ และแปลภาษาได้ทั้งหน้าทันที
- Dual Screen Mode AI Live Translation ใช้ AI แปลภาษาได้พร้อมกันสองจอ ไม่ต้องก้มดูจอเดียวกันให้เสียบุคลิก
- AI Composer บน Samsung Keyboard ช่วยร่างข้อความ คิดแคปชั่น เขียนอีเมล เปลี่ยนโทนการเขียนได้ตามต้องการ
- Portrait Studio เปลี่ยนภาพคนให้เป็นภาพการ์ตูนสไตล์ต่าง ๆ ด้วย AI ง่าย ๆ
- Sketch to Image เติมวัตถุในภาพ หรือสร้างภาพใน Samsung Notes ด้วยการร่างเส้น
อย่างตัวผู้เขียนเองทำงานสาย Content Creator ที่ต้องคิดแคปชันบนโซเชียล หรือสรุปบทความเป็นโพสต์สั้น ๆ บน Facebook ต้องบอกว่าค่อนข้างประทับใจกับฟีเจอร์ AI บน Samsung Browser เพราะมันเข้ามาช่วยเราสรุปบทความได้ดีมาก ๆ เพียงแค่ไม่กี่วินาที ช่วยลดระยะเวลาการทำงานจากตัวละ 15 นาที เหลือเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น
นอกจากนี้ทาง Samsung ยังได้ไปปรับปรุงแก้ไขภาษาไทยให้มีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น และสามารถฟังคำพูดของเราได้ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น ทำให้ฟีเจอร์ที่ต้องให้ภาษาต่าง ๆ ทำงานได้ดีขึ้นกว่ารอบก่อน ๆ ซึ่งการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไรสามารถดูคลิปรวมฟีเจอร์จาก DroidSans ได้เลย
เทียบกล้องชัด ๆ ความละเอียดเท่าเดิม แต่ภาพต่างกัน
Samsung Galaxy Z Fold6 ถึงแม้ว่าสเปคกล้องจะยังดูเหมือนกับ Galaxy Z Fold5 แต่จริง ๆ แล้วมีการเปลี่ยนเซนเซอร์ใหม่ไปใช้เซนเซอร์ตัวเดียวกับ Galaxy S24 ทั้งชุด (รุ่นเก่าใช้เซนเซอร์ของ Galaxy S23) นอกจากนี้ Samsung ก็ได้หยิบระบบ ProVisual Engine เข้ามาช่วยให้ถ่ายภาพกลางคืนได้สว่างขึ้น และถ่ายภาพ HDR ได้ดีขึ้น
สเปคกล้อง Samsung Galaxy Z Fold6
- กล้องหลัก 23 มม.: 50MP (f/1.7)
- ขนาดเซนเซอร์ 1/1.57″
- ขนาดเม็ดพิกเซล 1.0 – 2.0µm
- เซนเซอร์กันสั่น OIS + ระบบโฟกัส dual pixel PDAF
- กล้อง Ultrawide 13 มม. : 12MP (f/2.2)
- มุมกว้าง 123 องศา
- ขนาดเซนเซอร์ 1/3.2″
- ขนาดเม็ดพิกเซล 1.12µm
- ระบบโฟกัส Fixed Focus
- กล้อง Telephoto 69 มม. : 10MP (f/2.4)
- ซูม Optical 3x / Digital 30x
- ขนาดเซนเซอร์ 1/3.94″
- ขนาดเม็ดพิกเซล 1.0µm
- เซนเซอร์กันสั่น OIS + ระบบโฟกัส PDAF
- กล้องเซลฟี่จอนอก 24 มม.: 10 MP (f/2.2)
- กล้องเซลฟี่จอใน 26 มม.: 4 MP (f/1.8)
สำหรับคุณภาพภาพถ่ายนั้นเมื่อเทียบระหว่าง Galaxy Z Fold6 และ Galaxy Z Fold5 ต้องบอกว่าเหมือนกับตอน Galaxy S24 Ultra เป๊ะ ๆ เพราะมีการปรับโทนให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น ลด Contrast ลง ลดความจัดจ้านของสี ไม่ติดเหลืองโอเวอร์เหมือนรุ่นก่อน ให้ค่าสีที่ถูกต้องใกล้เคียงของจริง แถมแต่ HDR ก็ขุดผิวลึก ดึงรายละเอียดบนหน้าขึ้นมาชัด เข้มมากกว่าเดิมเช่นกัน
นอกจากนี้ด้วยพลัง ProVisual AI Engine ยังช่วยเสริมให้กล้องทั้ง 3 ตัวของ Galaxy Z Fold6 สามารถเก็บ Dynamic Range ได้กว้างมากขึ้นในกล้องทุกระยะ เมื่อซูมดูแต่ละรูปก็สามารถเก็บดีเทลได้ดีกว่า ไม่แตกเป็นเม็ดพิกเซล และลด Noise ไปได้นิดหน่อย
แต่ภาพกลางคืนนั้น Galaxy Z Fold6 จะค่อนข้างได้เปรียบตรงที่สามารถเก็บ Dynamic Range ได้ดีกว่า แต่ถ้าความสว่างนั้น Galaxy Z Fold5 จะสว่างกว่านิดหน่อย แต่อย่างไรก็ตามกล้อง Telephoto ของรุ่นใหม่นั้นกลับเก็บภาพกลางคืนได้ Noise เยอะกว่ารุ่นก่อน ถึงกระนั้น Samsung ก็ได้ให้ระบบสลับมาใช้กล้องหลักในการถ่ายแบบ x3 ในตอนกลางคืนแทน ซึ่งให้ภาพที่ดีกว่ามาก ๆ
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ของจอนอกนั้นกลายเป็นว่าภาพที่ได้จาก Galaxy Z Fold6 ถือว่าใกล้เคียงกับของเดิมมาก ๆ Sharpness เยอะ ขุดรายละเอียดผิว ส่วนสีจะดูเป็นธรรมชาติกว่านิดหน่อย ส่วนกล้องหน้าใต้จอพับนั้นยังคงมาแบบฟุ้ง ๆ ไม่ชัดเหมือนเดิม แต่มีการปรับการประมวลผล AI รุ่นใหม่ให้มีการเบลอผิวขึ้นมาอีกสเตป ซึ่งเวลาถ่ายแล้วดูดีขึ้น เหมือนเปิด Beauty ซะงั้น
ตัวอย่างงานวิดีโอ Galaxy Z Fold6
Galaxy Z Fold6 รองรับงานวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 8K@30FPS เหมือนเดิม ส่วนโหมดกันสั่น Ultra Steady นั้นจะรองรับที่ความละเอียด QHD @ 30FPS ซึ่งจากที่ได้ลองไปถ่ายมา สังเกตถึงความแตกต่างได้คือเรื่องของความสว่างที่ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน แต่ส่วนอื่น ๆ นั้นโดยรวมแล้วยังคงคล้าย ๆ เดิม
สำหรับใครที่อยากนำไปใช้ถ่ายคอนเสิร์ต Galaxy Z Fold6 รองรับการซูมสลับเลนส์สูงสุด 12 เท่าที่ความละเอียด 4K@30FPS หากถ่าย 4K@60FPS จะสลับเลนส์ไม่ได้ และใช้เป็นการซูมแบบดิจิทัลแทน ส่วนคุณภาพจะเป็นอย่างไร สามารถดูได้จากวิดีโอด้านล่างเลย
ชิปใหม่เครื่องแรงขึ้น Vapor Chamber ใหญ่ขึ้น
สเปค Samsung Galaxy Z Fold6
- จอใน: Dynamic AMOLED 2X ขนาด 7.6 นิ้ว
- ความละเอียด QXGA+ (2160 × 1856 พิกเซล)
- อัตรารีเฟรช 1 – 120Hz
- สว่างสูงสุด 2,600 nits
- รองรับ HDR10+
- รองรับปากกา S Pen for Fold
- จอนอก: Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.3 นิ้ว
- ความละเอียด 2376 x 968 พิกเซล
- อัตรารีเฟรช 1 – 120Hz
- สว่างสูงสุด 2,600 nits
- กระจก Gorilla Glass Victus 2
- ชิปเซต : Snapdragon 8 Gen 3 for Galaxy
- RAM LPDDR5x: 12GB
- ROM UFS 4.0: 256GB / 512GB / 1TB
- กล้องหลัง 3 ตัว:
- กล้องหลัก 50MP (f/1.8) ระบบกันสั่น OIS
- กล้องอัลตร้าไวด์ 12MP (f/2.2) มุมกว้าง 123 องศา
- กล้องเทเลโฟโต้ 10MP (f/2.4) ระบบกันสั่น OIS ซูม Optical 3x / Digital 30x
- กล้องเซลฟี่ด้านนอก : 10MP (f/2.2)
- กล้องเซลฟี่ด้านใน (ใต้จอ) : 4MP (f/1.8)
- เสียง : ลำโพงสเตอรีโอ
- แบตเตอรี่ : 4,400 mAh
- รองรับชาร์จไว 25W
- รองรับชาร์จไวไร้สาย 15W
- รองรับ Wireless Reverse Charging 4.5W
- เครือข่าย : 5G
- การเชื่อมต่อ :
- Wi-Fi 6e
- Bluetooth 5.3
- NFC
- USB-C 3.2 Gen 1
- UWB
- รองรับ DeX Mode
- เซนเซอร์ : สแกนลายนิ้วมือ (ข้างตัวเครื่อง) / Accelerometer / Gyro / Proximity / Compass / Barometer
- ความทนทาน : IP48
- ระบบปฏิบัติการ : One UI 6.1.1 บนพื้นฐาน Android 14
- ขนาด :
- เมื่อกาง: 153.5 x 132.6 x 5.6 มม.
- เมื่อพับ: 153.5 x 68.1 x 12.1 มม.
- น้ำหนัก : 239 กรัม
Galaxy Z Fold6 ได้อัปเกรดสเปคใหม่ไปใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 3 ที่ CPU แรงขึ้น 18% และ GPU เรนเดอร์เร็วขึ้น 19% ส่วน NPU ที่ใช้ประมวลผลก็เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 42% ดังนั้น ไม่ว่าใช้งานทั่วไป หรือจะใช้งานแบบฮาร์ดคอร์ก็เอาอยู่ เพราะได้อัปเกรดระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อนถึง 1.7 เท่า ซึ่งจากที่ได้ทดสอบลองเล่น 3 เกมดัง ผลออกมาดังนี้
Zenless Zone Zero
สำหรับเกมใหม่ล่าสุดของค่าย MiHoYo อย่าง Zenless Zone Zero เรียกได้ว่าเล่นได้สบาย ๆ ในโหมดกราฟิกระดับสูงสุด แต่ถ้ากางจอออกมาแล้ว เฟรมเรตจะอยู่ที่ราว ๆ 55 – 50FPS แต่ถ้ามีอัดจอเล่นไปพร้อม ๆ กันจะอยู่ที่ประมาณ 47 – 45 FPS ถ้าอยากเล่นให้ได้ลื่นไหล แนะนำให้เปิดเกมไว้ที่โหมดกราฟิกระดับกลาง
Call of Duty Warzone Mobile
Galaxy Z Fold6 รองรับการดาวน์โหลดทรัพยากรในตัวเครื่องแบบ Peak Graphics Quality ตั้งแต่เริ่มเกม ไม่ต้องเล่นไปเรื่อย ๆ เพื่อสตรีมกราฟิกให้คมชัดเหมือนรุ่นอื่น ๆ อีกทั้งยังรอบรับการปรับตั้งค่าสูงสุดในระดับ Peak เล่นแบบภาพสวย ๆ ได้
แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตัวจอด้านในมีความละเอียดที่ค่อนข้างสูง และค่อนข้างกินแรงประมวลผลเยอะมาก หากตั้งค่าที่โหมดกราฟิกสูงสุด เมื่อเล่นไปสักพักถ้าอุณหภูมิตัวเครื่องสูงขึ้นแตะหลัก 44 องศาเมื่อไหร่ เฟรทเรตจะร่วงลงมาที่ระดับ 26 – 30FPS ทันที ไม่ว่าจะเล่นแบบไม่อัดจอ หรืออัดจอไปพร้อม ๆ กัน เป็นไปได้ว่าอาจเป็นบั๊กที่เกิดขึ้นจากซอฟต์แวร์ที่ยังปรับ Optimize มาได้ไม่สมบูรณ์นัก
PUBG Mobile
ส่วน PUBG Mobile ในรุ่น Galaxy Z Fold6 รองรับการเล่นในโหมด Smooth + เฟรมเรตสูง 120Hz ซึ่งตลอดระยะเวลาการเล่นนั้น สามารถทำเฟรมเรตได้นิ่ง ที่ 119 – 115FPS ถึงแม้จะกางจอออกมาเล่นแบบเต็ม ๆ และอัดจอไปพร้อม ๆ กันก็ตาม แต่อาจจะต้องปรับแต่งตำแหน่งปุ่มกันนิดหน่อย เพราะค่ามาตรฐานที่ตัวเกมตั้งมาให้ปุ่มเล็กมาก ๆ จนกดถูกกดผิด
แบตเตอรี่ Galaxy Z Fold6 อยู่ได้นานรึเปล่า?
Galaxy Z Fold6 ยังคงให้แบตเตอรี่มาเท่าเดิม 4,400 mAh รองรับชาร์จไว 25W และชาร์จไร้สาย 15W ซึ่งจากการทดลองใส่ซิม ใช้งานเป็นเครื่องหลัก กางจอออกมาทำงานในระหว่างวัน ใช้งานแอปโซเชียลเป็นหลัก เล่นเกมระหว่างวันบ้างนิดหน่อย รวมถึงพาไปดูคอนเสิร์ต อัดวิดีโอถ่ายภาพในคอนเสิร์ตด้วยกันตั้งแต่เช้ายันค่ำ
ในระยะ Screen Time ทั้งหมด 3.51 ชั่วโมง ยังเหลือแบตเตอรี่ให้ใช้งานประมาณ 27% ซึ่งก็ถือว่าสามารถใช้งานได้เต็มวัน ถ้าไม่ใช้งานหนักมาก หากให้แค่จอนอกเป็นหลักน่าจะช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานให้นานขึ้นได้
สรุปการใช้งานจริง Samsung Galaxy Z Fold 6
จากที่ทดลองใช้งานเป็นระยะเวลาสั้น ๆ Samsung Galaxy Z Fold 6 เป็นการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นหลาย ๆ อย่างทั้งดีไซน์ที่ช่วยให้ใช้งานจอแสดงผลด้านนอกได้ดีขึ้น น้ำหนักเบาลงจับถือสะดวก จอด้านในรอยพับจางลง ลำโพงดีขึ้นไม่แห้งเหมือนรุ่นก่อน ๆ รวมถึงกล้องที่มีการปรับปรุงให้มีความคมชัดขึ้นนิดหน่อย เพิ่มเติมด้วยฟีเจอร์ Galaxy AI ที่เสริมเรื่องการทำงานมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม หลาย ๆ จุดบกพร่องที่มีในรุ่นก่อน ๆ ทั้งเรื่องจอกางไม่สุด กล้องใต้จอที่ถึงผ่านมาหลายรุ่นคุณภาพยังไม่ได้เปลี่ยนแปลง รวมถึงเรื่องแบตเตอรี่ และการชาร์จ ที่อาจไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานสาย Hardcore User ที่ต้องใช้ทำงานหนัก ๆ ตลอดวัน ซึ่งถ้าในรุ่นหน้าสามารถปรับแก้ตรงจุดเหล่านี้ได้ น่าจะช่วยให้เป็นมือถือจอพับที่สมบูรณ์แบบขึ้นไปอีกได้
ราคา และการวางจำหน่าย
Samsung Galaxy Z Fold6 มีให้เลือกทั้งหมด 3 สีได้แก่ สีเงิน Silver Shadow, สีน้ำเงิน Navy Blue และสีชมพู Pink หากสั่งซื้อผ่าน Samsung Online Store จะมีตัวเครื่องสีพิเศษให้เลือกอีก 2 สี ได้แก่ สีดำลายเคฟล่า Craft Black และสีขาว White พร้อมเปิดให้สั่งจองอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยเปิดราคามาทั้งหมด 3 รุ่น ดังนี้
- 12GB + 256GB ราคา 63,900 บาท
- 12GB + 512GB ราคา 68,900 บาท
- 12GB + 1TB ราคา 78,900 บาท
Comment