Galaxy Note 10+ นั้นเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของ Samsung ที่รองรับการชาร์จเร็วสูงสุดมากถึง 45 วัตต์ ที่ใช้ชื่อว่า Super Fast Charge 2.0 45W ซึ่งหากเทียบกับหม้อแปลงที่แถมมาในกล่อง Note 10+ ซึ่งจ่ายไฟ 25 วัตต์แล้วก็เหมือนว่าดูจะห่างกันเยอะถึง 20 วัตต์ ว่าแต่ความต่างในการจ่ายไฟตรงนี้จะส่งผลกับการชาร์จแบต Note 10+ ให้เต็ม 100% ได้เร็วขึ้นมากน้อยแค่ไหน และคุ้มค่าเงิน 1290 บาทที่ต้องลงทุนไปซื้อเพิ่มมาใช้หรือเปล่า droidsans ขอรีวิวทดสอบให้ดูกันไปเลยครับ

แกะกล่อง Samsung Super Fast Charge 45W

บอกก่อนว่าตัว Fast Charge 45W นี่ผมไม่ได้เสียเงินซื้อ เพราะได้มาจากแคมเปญ Blind Booking จองก่อนเปิดตัวของ Samsung ครับ ไปรับ Note 10+ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาแล้วก็ต้องต่อคิวรับของแถมตัวนี้มาด้วย ซึ่งขนาดกล่องที่เห็นตอนแรกก็ดูค่อนข้างใหญ่

พอเปิดออกมาเจอตัวหม้อแปลง มันก็ใหญ่ไม่แพ้กล่องเลย เกือบ 2 เท่าของที่แถมมาในกล่องเลยก็ว่าได้ ซึ่งจุดนึงที่ผมชอบคือแม้ว่า Samsung จะใช้ชื่อ Super Fast Charge ก็จริง แต่รูปแบบการจ่ายไฟนั้นเป็นมาตรฐานของ USB PD 3.0 ที่สามารถรองรับระบบการชาร์จแบบ PDO และ PPS ได้ทัังคู่ ทำให้เราสามารถนำมันไปใช้กับอุปกรณ์ที่รองรับ USB PD ได้ทุกตัวในตลาด ^ ^

การจ่ายไฟ

  • PDO : 5V 3A หรือ 9V 3A หรือ 15V 3A หรือ 20V 2.25A
  • PPS : 3.3-11V 4.05A หรือ 3.3-16V 2.8A หรือ 3.3-21V 2.1A

หลายๆ คนอาจจะงงว่าทำไมถึงมี 2 มาตรฐาน PDO คือ Power Delivery Output ส่วน PPS คือ Programmable Power Supply ซึ่งอย่างหลังนั้นจะจ่ายกระแสไฟได้แม่ยำกว่าด้วยการใช้ชิปควบคุมรวมถึงช่วยลดความร้อนระหว่างการชาร์จได้ด้วย

สายชาร์จที่แถมมาในกล่องก็มีความหนามากกว่าปกติ พร้อมตัวเลขกำกับว่ารับไฟได้ 5 แอมป์ เพราะฉะนั้นเวลาใช้งานก็ควรจะจับคู่กันเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดนะ

หากลองเทียบขนาดกับสายในกล่อง Note 10+ นั้นจะเห็นได้ชัดถึงความหนาและใหญ่กว่า

เทียบขนาดหม้อแปลงดูให้เห็นกันด้วย ใหญ่กว่ากันเกือบเท่าตัว และหนักกว่าพอสมควรเลยทีเดียว แต่ถ้าเทียบกับหม้อแปลงทั่วไปที่จ่ายไฟได้ระดับ 45 วัตต์แล้วก็ถือว่าเล็กอยู่นะ (หากสังเหตุดีๆ ตัวหม้อแปลง 25 วัตต์ของ Samsung ก็รับ USB PD 3.0 ที่รองรับ PPS ด้วยเหมือนกัน)

คราวนี้เราก็จะมาลองชาร์จเทียบกันดูว่ามันจะเร็วกว่าแค่ไหน เพราะหากดูจากข้อมูลที่ Samsung ได้เคยระบุเอาไว้นั้นตัว 45 วัตต์ที่ต้องซื้อเพิ่มนั้น ไม่ได้ชาร์จเร็วกว่าตัว 25 วัตต์สักเท่าไหร่ ลองไปอ่านดูได้ที่ เปรียบเทียบชาร์จไว Galaxy Note 10+ (25W) ประสิทธิภาพและความแรงชน 40W ของค่ายอื่น

 

ทดสอบความเร็ว Samsung Super Fast Charge ระหว่าง 25W และ 45W

การทดสอบนี้ขอเป็นเวอร์ชั่นสั้นสรุปให้ดูแบบง่ายๆ ก่อนนะครับ (ตัวเต็มเอาไว้รอดูในคลิปที่เราทำครบ 3 รุ่น) จะเห็นว่า Galaxy Note 10+ กับแบตเตอรี่ความจุ 4300 มิลลิแอมป์ ตัวที่เสียบด้วยหม้อแปลง 45 วัตต์นั้นแบตเตอรี่พุ่งขึ้นไปถึง 73% หลังจากชาร์จไปแค่ 30 นาที ส่วนตัวที่ใช้หม้อแปลง 25 วัตต์นั้นตามมาไม่ไกลนักที่ 67%

และใช้เวลารวมในการชาร์จไปทั้งหมดจนเต็มก้อนแค่ 56 นาที 51 วินาทีเท่านั้น เรียกได้ว่าเร็วมากๆ แต่ถ้าสังเกตดีๆ ตัวที่ใช้หม้อแปลงแถมก็ได้แบตเตอรี่มาถึง 96% แล้ว และแบตเตอรี่ก็เต็มภายในเวลาชั่วโมงนิดๆ เท่านั้น

 

สรุป Samsung Super Fast Charge 45W จำเป็นต้องซื้อไหม?

หลังจากที่ทดสอบด้วยตัวเองและเห็นมากับตาแล้ว จุดเด่นของตัวชาร์จ 45 วัตต์คือการจ่ายไฟในช่วงแรกที่เร็วและแรงกว่า พูดง่ายๆ ว่าสปีดต้นนั้นกินขาด สามารถอัดแบตไปได้ถึง 70-80% ภายในเวลาไม่ถึง 40 นาที

จุดเด่น Super Fast Charge 45W

  • ความเร็วในการชาร์จช่วง 30 นาทีแรกเร็วมาก
  • เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาชาร์จสั้นๆ บ่อยๆ

ข้อควรพิจารณา Super Fast Charge 45W

  • ต้องซื้อเพิ่ม เพราะไม่แถมมา ราคา 1,290 บาท
  • มีน้ำหนักมากกว่าหม้อแปลงที่แถมมา
  • หากชาร์จจนเต็มใช้เวลาไม่ต่างจากของที่แถมมาในกล่องสักเท่าไหร่

แต่หากดูเวลาโดยรวมชาร์ตแบตจนเต็มก้อนของ Galaxy Note 10+ นั้น ตัวหม้อแปลงที่แถมมา 25 วัตต์ก็ใช้เวลาต่างกันไม่มาก ราวๆ 5-10 นาทีเท่านั้น ทำให้ผมรู้สึกว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซื้อหม้อแปลง 45 วัตต์ ที่มีราคาถึง 1,290 บาท เว้นแต่คุณจะเป็นคนที่ต้องไปไหนมาไหนตลอด และมีเวลาชาร์จแบตแต่ละครั้งไม่นานมากนัก อันนี้ตัว 45 วัตต์น่าจะช่วยตอบโจทย์ได้ครับ