สำหรับชาวอารยธรรมในปีนี้ Sony ประเทศไทยยังไม่ห่างหายกันไปไหน เพราะเพิ่งวางจำหน่ายมือถือ 2 รุ่นใหม่มาพร้อมกัน Sony Xperia 1 V และ Xperia 10 V และถึงแม้ทั้งสองรุ่นจะมาในดีไซน์ที่ถอดแบบกันมาเกือบ 100% แต่สเปค และฟีเจอร์ต่าง ๆ ก็ถือว่าแตกต่างกันอยู่พอสมควร หากใครที่กำลังจะตัดสินใจเข้าสู่สาวกอารยธรรม แต่ยังไม่รู้ว่ารุ่นไหนตอบโจทย์การใช้งาน วันนี้เราจะมาชี้ให้เห็นถึงข้อแตกต่างของแต่ละรุ่นกันไปเลย
ดีไซน์คล้ายกัน กับวัสดุที่แตกต่าง
Sony Xperia 1 V และ Xperia 10 V มาพร้อมกับดีไซน์ Bar Type ที่ดูยาว และผอมกว่าสมาร์ทโฟนในท้องตลาดทั่วไป แถมตัวเครื่องทั้งสองรุ่นยังมีความเพรียวบางเท่ากันที่ 8.3 มม. และน้ำหนักค่อนข้างเบามาก ๆ (1 V 187 กรัม / 10 V 159 กรัม) ทำให้จับถือใช้งานมือเดียวได้สะดวกมาก ๆ แถมตัวเครื่องยังทนน้ำมาตรฐาน IP68 ด้วย
นอกจากนี้ทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมกับปุ่มเพิ่ม / ลด เสียงขนาดเล็กกว่าสมาร์ทโฟนปกติ ด้านล่างมีปุ่ม Power ที่ฝังเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใช้ปลดล็อกตัวเครื่องได้ มีช่องเชื่อมต่อหูฟัง 3.5 มม. ที่ในยุคนี้มือถือระดับกลาง – เรือธงหลาย ๆ แบรนด์ได้พร้อมใจกันตัดออกกันไปเกือบหมดแล้ว นอกจากนี้ยังมีความพิเศษอยู่ที่ถาดใส่ซิมการ์ดที่สามารถดึงออกมาได้ด้วยตัวเองไม่ต้องใช้เข็มจิ้มซิม แถมยังรองรับ microSD Card เหมือนกันทั้งสองรุ่นด้วย เรียกได้ว่าอะไรที่แบรนด์อื่น ๆ ตัดออกไป Sony เขายังให้มาแบบครบ ๆ ไม่ทิ้งกัน
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดที่สุดของทั้งสองรุ่นคือวัสดุ เพราะในรุ่น Xperia 10 V จะใช้วัสดุเป็นพลาสติกที่สัมผัสดีมาก ๆ ฝาหลังดูเผิน ๆ แล้วคล้ายกระจกแบบด้าน และตัวกล้องจะมาในดีไซน์แบบแคปซูลมีกระจกครอบกั้น 1 ชั้น และมีขนาดเล็กกว่ารุ่นพี่อยู่พอสมควร ส่วนหน้าจอยังใช้ Gorilla Glass Victus ทนแรงขีดข่วนสูงระดับเรือธง พอรวมกันแล้วทำให้รุ่นเล็กนี้มีดีไซน์ที่ค่อนข้างดูสนุก แล้วดูไม่ดุเท่ารุ่นเรือธง
ด้าน Xperia 1 V ที่เป็นรุ่นเรือธงนั้นจะกระโดดมาใช้ขอบเฟรมตัวเครื่อง และโมดูลครอบเลนส์กล้องวัสดุโลหะ ที่มีพื้นผิวเป็นเส้นรอบตัวเครื่องช่วยให้จับได้กระชับมือ ส่วนด้านหลังตัวเครื่องใช้วัสดุกระจก Gorilla Glass Victus แบบด้านที่มีการสลักพื้นผิวจุดเล็ก ๆ ไว้เต็มแผ่นกระจก ทำให้ลดรอยนิ้วมือได้ดี แถมยังช่วยไม่ให้ตัวเครื่องลื่นหลุดมือง่าย ๆ เวลาใช้งาน ส่วนกระจกจอจะใช้เป็น Gorilla Glass Victus 2
สิ่งพิเศษที่มีเฉพาะในรุ่น 1 V คือปุ่มชัตเตอร์ 2 ระดับ เหมาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปมาก ๆ เมื่อกดค้างไว้แล้วสามารถเข้าสู่โหมดกล้องได้อย่างรวดเร็ว เมื่อกดเบา ๆ ตัวกล้องจะทำการโฟกัส และเมื่อกดลงไปอีกครั้งจะเป็นการถ่ายรูป นอกจากจะใช้ถ่ายรูปแล้ว ยังเป็นปุ่มอเนกประสงค์สามารถตั้งค่าเพื่อใช้แคปภาพหน้าจอในขณะเล่นเกมได้ด้วย
จอ OLED เหมือนกัน แตกต่างกันยังไง?
ทั้งสองรุ่นนี้มาพร้อมจอ OLED อัตราส่วนยาว 21:9 ที่สีสันจัดเต็ม สีดำก็มืดสนิท ไม่มีใครยอมใคร เมื่อเปิดรูปเดียวกันเทียบด้วยตาเปล่าแล้วแทบไม่เห็นความแตกต่าง แถมจอยังไม่มีติ่งกล้อง หรือจุดอะไรมากวนสายตาขณะใช้งาน แต่อย่างไรก็ตามหากดูที่สเปคลึก ๆ แล้ว บอกได้เลยว่าจอของ Xperia 1 V และ Xperia 10 V มีความต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเกือบทุกแง่มุม
Xperia 1 V จะมาพร้อมจอแสดงผลระดับท็อปขนาด 6.5 นิ้ว ขอบจอทั้งสองฝั่งมีความบางมาก ๆ มาในความละเอียดจอ 4K แถมยังรองรับคอนเทนต์ HDR ทำให้ภาพขณะรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ มีความคมชัดสูง แถมยังมีเทคโนโลยี BRAVIA HDR Remaster ช่วยอัปสเกลภาพให้สวยสมจริงกว่าเดิม นอกจากนี้ยังรองรับรีเฟรชเรทระดับสูง 120Hz แต่น่าเสียดายที่ไม่รองรับการปรับค่าแบบ Adaptive ทำให้ค่อนข้างกินแบตเตอรี่เวลาที่เปิดใช้งาน เพราะตัวระบบจะล็อกไว้ที่ 120Hz ตลอดเวลา
ความพิเศษของ Xperia 1 V ที่ในรุ่น Xperia 10 V ไม่มีคือโหมดจอแสดงผลสำหรับ Creator ที่เมื่อเปิดแล้วช่วยทำให้จอแสดงผลมีสีที่เหมือนจริงมากขึ้น ครอบคลุมมาตรฐานช่วงสี BT2020 และ HDR 10-bit ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในด้านคอนเทนต์ที่ต้องการจอที่แสดงผลสีสันต่าง ๆ ได้เที่ยงตรงแม่นยำ
สำหรับจอแสดงผลนั้น Xperia 10 V จะมาในจอขนาด 6.1 นิ้ว เล็กกว่ารุ่นพี่ที่มีขนาด 6.5 นิ้วเล็กน้อย มาในขอบจอที่หนากว่า ความละเอียดน้อยกว่าที่ Full HD+ อีกทั้งยังรองรับรีเฟรชเรทที่ระดับมาตรฐาน 60Hz เท่านั้น ซึ่งในมือถือราคาระดับนี้ อาจจะให้มาค่อนข้างน้อยไปสักหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นข้อดีอย่างหนึ่ง เพราะช่วยให้ตัวเครื่องประหยัดพลังงานขึ้นนั่นเอง
ส่วนโหมดภาพ Xperia 10 V มีให้เลือกปรับเพียง 2 โหมดเท่านั้นคือโหมดมาตรฐานที่ช่วยรีดช่วงสี และความสดของภาพให้ดูดีกว่าเดิม และมีโหมด Original ที่จะปรับสีจอให้เที่ยงตรงขึ้นตามมาตรฐานช่วงสีแบบ sRGB นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี TRILUMINOS DISPLAY ที่ยกระบบมาจากทีวีของ Sony เข้ามาช่วยในเรื่องสีสัน และความสว่างให้ดียิ่งขึ้น
เอนเตอร์เทนเมนต์จัดเต็ม ลำโพงดีทั้งคู่
เรื่องลำโพงคู่ของทั้ง Sony Xperia 1 V และ Xperia 10 V บอกเลยว่าเสียงดี ตามมาตรฐานของ Sony ด้านรุ่นเล็กเสียงจะออกทุ้ม ๆ แต่รายละเอียดไม่สู้ Xperia 10 V ที่เก็บรายละเอียดดนตรีต่าง ๆ ได้ครบ เสียงมีมิติกว่า แถมยังดังกว่าด้วย และทั้งสองรุ่นจะมาพร้อมกับเทคโนโลยี DSEE Ultimate ที่เมื่อเปิดใช้งานแล้วก็จะใช้ AI ช่วยอัปสเกลคุณภาพไฟล์เสียงให้เต็มอิ่มมากยิ่งขึ้น
สำหรับการฟังเพลงผ่านหูฟัง ทั้งสองรุ่นรองรับหูฟัง และไฟล์ระดับ Hi-Res ทั้งผ่านสาย 3.5 มม. และไร้สาย ดังนั้นใครที่มีหูฟังที่รองรับ Hi-Res ก็จะได้รับคุณภาพเสียงที่จัดเต็มแน่นอน แต่รุ่นเรือธงอย่าง Xperia 10 V จะเก่งยิ่งกว่าเพราะรองรับการถอดรหัส LDAC ที่รับส่งข้อมูลเสียงได้ดีกว่าระบบ Bluetooth ธรรมดาถึง 3 เท่า ทำให้การลดทอนรายละเอียดน้อยลง ดังนั้นการฟังเพลงผ่านหูฟังไร้สายจึงได้คุณภาพใกล้เคียงเหมือนฟังผ่านหูฟังแบบสายมากที่สุด
ซ้าย : Xperia 1 V ขวา : Xperia 10 V
นอกจากนี้ทั้งสองรุ่นยังรองรับระบบเสียงรอบทิศทาง 360 Reality Audio มีระบบ Upmix ที่สามารถเปลี่ยนเพลงสตอริโอธรรมดาให้กลายเป็นเพลงระบบเสียงรอบทิศทางได้แบบ Real-Time แต่ Xperia 1 V จะพิเศษกว่าหน่อยที่จะสามารถฟังได้ผ่านลำโพงโดยตรง แต่ Xperia 10 V จะต้องฟังผ่านหูฟังที่รองรับระบบที่ว่านี้เท่านั้น
ด้านงานภาพ Xperia 1 V แน่นอนว่าต้องจัดเต็ม สามารถรับชมคอนเทนต์บนความละเอียดสูงสุด 4K HDR@60FPS ส่วน Xperia 10 V จะรองรับการชมคอนเทนต์บน YouTube ความละเอียดสูงสุดแค่ 1080P@60FPS เท่านั้น ไม่สามารถรับชมแบบ HDR ได้ ทั้ง ๆ ที่ตัวพาเนลจอรองรับมาตรฐาน 10-bit คาดว่าน่าจะเป็นข้อจำกัดจากตัวชิปที่ไม่รองรับการถอดรหัสภาพแบบ HDR และ 4K
ระบบกล้องเป็นอย่างไร ต่างกันมากมั้ย
กล้องถ่ายภาพถือเป็นจุดที่แตกต่างที่สุดของ Sony Xperia 1 V และ Xperia 10 V เพราะทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับระบบการถ่ายภาพที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยรุ่นใหญ่อย่าง Xperia 1 V จะเน้นไปที่ระบบการถ่ายภาพที่สมจริงเหมือนถือกล้อง Sony Alpha ในขนาดย่อส่วน ส่วนรุ่นเล็กอย่าง Xperia 10 V จะเน้นการถ่ายภาพง่าย ๆ แบบมือถือไลฟ์สไตล์ทั่วไป ลดความซับซ้อนของ UI เพียงแค่กดปุ่มถ่ายก็ได้รูปสวย ๆ ทันที
กล้อง Xperia 1 V เป็นอย่างไร
สำหรับรุ่นเรือธงอย่าง Xperia 1 V จะมาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว แยกแอปกล้องออกเป็น 3 ตัว เพื่อเจาะลึกไปในการใช้งานในแง่มุมต่าง ๆ แบบมืออาชีพ ได้แก่ Photo Pro สำหรับถ่ายภาพ, Video Pro สำหรับถ่ายวิดีโอระดับมืออาชีพ และ Cinema Pro ถ่ายวิดีโอในระดับภาพยนต์
การถ่ายภาพในแอป Photo Pro นั้น ส่วนตัวที่เป็นผู้ใช้งานสายธรรมดาที่มีความรู้เรื่องกล้องค่อนข้างน้อย ต้องบอกตรง ๆ ว่าค่อนข้างตกใจกับหน้าตา UI ของแต่ละแอป เพราะค่อนข้างซับซ้อน ไม่ค่อย User Friendly และการใช้งานการตั้งค่าต่าง ๆ ถือว่ายากพอสมควร แต่ถ้าใครที่เป็นช่างภาพมืออาชีพบอกได้เลยว่าต้องถูกใจแน่นอน เพราะตัวแอปแทบจะถอดแบบจากกล้อง Sony Alpha แบบ 100% มีทั้งหมด Auto, P, S, M และ MR ให้เลือกปรับกันได้อย่างอิสระ
ใครที่ไม่ค่อยชำนาญด้านกล้องก็มีโหมด Basic ให้ได้ใช้งานกัน ซึ่งภาพในรีวิวนี้จะมาจากโหมด Basic เป็นหลัก โดยสเปคกล้องของรุ่นนี้จะมาพร้อมกับกล้องหลักเซนเซอร์ Exmor T 52MP + กล้อง Ultrawide Exmor Rs 12MP + กล้อง Telephoto Exmor Rs 12MP ที่ซูมแบบ Optical ได้ 2 ระยะ 85mm – 125mm ในตัวเดียวกัน
สำหรับงานภาพที่โหมด Basic ปรับให้มาอัตโนมัติต้องบอกว่าสีสันอาจจะไม่ได้จัดจ้านเท่ามือถือแบรนด์จีนที่มี AI โหด ๆ ค่อยปรับช่วย ทำให้ภาพที่ได้จากกล้อง Xperia 1 V ค่อนข้างออกมาในโทนสีที่ดูเป็นธรรมชาติ เก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน สีสันสมจริงเหมือนตาเห็น
ด้าน Night Mode ก็ทำได้ดีในระดับมาตรฐาน สามารถเรียกแสงกลับมาได้ในระดับหนึ่ง รายละเอียดต่าง ๆ ยังอยู่ครบ แต่จะมีจุดสังเกตแปลก ๆ อยู่เรื่องหนึ่ง คือ Night Mode จะไม่สามารถกดเปิดเองแบบ Manual ได้ มีให้เลือกแค่เมนู Auto เปิดอัตโนมัติ กับปิดเท่านั้น ไม่สามารถเปิดค้างไว้ได้ตลอดได้เหมือนรุ่นเล็ก
ส่วนการซูมนั้นรุ่นนี้จะรองรับการซูมได้สูงสุดที่ 15.6 เท่า โดยการซูมแบบ Optical จะอยู่ที่ระยะ x3.5 – x5.2 ซึ่งเมื่อมีการเปลี่ยนจากระยะ 3.5 เท่า เป็น 5.2 ก็จะส่งผลให้ค่ารูรับแสงจาก f/2.2 เปลี่ยนเป็น f/2.8 ด้วย ส่วนตัวคิดว่าการซูมระยะไกล ๆ ภาพดูมีความฟุ้ง เก็บรายละเอียดได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ด้านกล้องหน้าในรุ่นนี้ให้มาที่ความละเอียด 12MP ซึ่งรายละเอียด สีผิวต่างๆ ถือว่าทำได้เป็นธรรมชาติ แต่พวกลูกเล่นโหมดบิวตี้ต่าง ๆ จะไม่มีให้ปรับ มีเพียงฟิลเตอร์หน้าเนียนคอยปรับให้ผิวดูดีขึ้นมา 1 ระดับไม่ดูเวอร์จนเกินไป
งานวิดีโอ
งานวิดีโอในโหมด Basic จะรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K@30FPS พร้อมเปิดโหมดกันสั่นแบบสูงสุดเท่านั้น (ถ้าอยากถ่ายที่ 120FPS ต้องใช้แอป Video Pro) ส่วนคุณภาพต้องบอกว่าดีสมคำคุย เพราะตัวกันสั่นทำได้น่าทึ่งมาก ๆ เหมือนมีไม้ Gimbal ติดมือถือ แต่เรื่องการซูมอาจจะมีจุดสังเกตนิดหน่อย เพราะการเปลี่ยนระยะเลนส์ทำได้ค่อนข้างช้า และเวลาซูมจะเห็นได้ชัดเลยมีการเปลี่ยนระยะเลนส์
กล้อง Xperia 10 V เป็นอย่างไร
Xperia 10 V มาพร้อมกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว ครบทุกระยะ ได้แก่กล้องหลัก 48MP เซนเซอร์ระดับเรือธง Exmor Rs มีระบบกันสั่นแบบ Hybrid + กล้อง Telephoto 8MP ซูม Optical ได้ 2 เท่า + กล้อง Ultrawide 8MP มุมมองกว้าง 120 องศา
ด้านซอฟต์แวร์กล้องของ Xperia 10 V จะลดความเป็นมืออาชีพลง หน้าตาแอปซับซ้อนน้อยลง ยุบทุกการถ่ายภาพ และวิดีโอลงมาเหลือเพียงแค่แอป Camera เพียงเดียว ซึ่งตัวแอปจะหน้าตาออกไปในโทนมือถือไลฟ์สไตล์มากขึ้น เน้นกดถ่ายอย่างเดียวไม่ต้องปรับแต่งอะไรมาก แต่ในความง่ายนี้ทำให้ฟีเจอร์ที่ควรจะมีหลาย ๆ อย่างหายไป
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัก
สำหรับภาพถ่ายที่ได้จากกล้องหลักบอกได้เลยว่าคุณภาพในที่กลางแจ้งสู้ตาย ถ่ายออกมาได้สวย โทนสีของภาพค่อนข้างออกมาธรรมชาติ รายละเอียดคมชัดครับถ้วน แต่จะมีปัญหาเรื่อง Overexposure บ้างในบางครั้ง ด้านโหมด Portrait ก็ยังไม่เนียนเท่าไหร่ การเก็บขอบตามมุมต่าง ๆ อาจจะยังมีความเพี้ยน ๆ กินตัววัตถุหรือบุคคลเข้าไปบ้าง
เทียบภาพจากเลนส์ 3 ระยะ Ultrawide / กล้องหลัก / Telephoto
ตัวอย่างภาพจากกล้อง Telephoto
ตัวอย่างภาพจากกล้อง Ultrawide
ส่วนเลนส์ Telephoto และ Ultrawide ด้วยความที่ว่าความละเอียดไม่สูงเท่ากล้องหลัก คุณภาพอาจจะยังไม่นิ่งสักเท่าไหร่ สังเกตได้จากเรื่องของ White Balance ที่สีภาพจะมีความอมฟ้ามากกว่าเลนส์หลัก ส่วนเรื่องรายละเอียดต่าง ๆ มีความฟุ้ง ๆ ตามขอบวัตถุ หากวัตถุในภาพสีจัดมาก ๆ รายละเอียดภาพบางส่วนแทบจะกลืนไปเลยก็มี
ด้าน Night Mode ในรุ่นนี้ยังทำได้ไม่ค่อยดีเช่นกัน เมื่อเปิดใช้งานแล้วสามารถเรียกแสงกลับมาได้เพียงเล็กน้อย แถมรายละเอียดยังหายไปพอสมควร และใช้เวลาในการ Process ภาพด้วย AI ที่ค่อนข้างนาน ในสภาวะที่พอมีแสงบ้างจะใช้เวลาถ่ายประมาณ 2 – 3 วินาที และต้องรอ AI ประมวลผลอีกราว ๆ 3 วินาที กว่าจะชมภาพได้ แต่ถ้าสภาวะแสงที่มืดมาก ๆ อาจต้องรอสูงสุด 5 – 7 วินาทีเลยทีเดียว
ส่วนกล้องหน้าในรุ่นนี้ให้ความละเอียดมาที่ 8MP เท่านั้น ซึ่งถ้าสังเกตจากภาพจะเห็นได้ว่า Noise ค่อนข้างเยอะ ตัว UI กล้องไม่มีโหมดบิวตี้ให้ปรับ มีเพียงโหมดหน้าเนียนที่ช่วยชีวิตปัญหาผิวขึ้นมาได้ 1 ระดับเท่านั้น
งานวิดีโอ
งานวิดีโอนั้นน่าเสียดายที่ในรุ่นนี้มีข้อจำกัดด้านชิปที่ค่อนข้างเก่า ทำให้จำกัดความละเอียดวิดีโอสูงสุดไว้ที่ 1080P@60FPS เท่านั้น แต่ทาง Sony ก็ได้ทดแทนมาด้วยโหมดกันสั่นระดับเทพ Optical SteadyShot ที่การรวมพลังระหว่าง OIS + EIS ทำให้อาการภาพย้วยค่อนข้างน้อยมาก ๆ สามารถใช้งานได้จริง จังหวะการแพนกล้องก็ไม่มีกระตุก ทำให้กลายเป็น 1 ในจุดเด่นสุดเทพในรุ่นนี้
ส่วนวิดีโอกล้องหน้าจะรองรับที่ความละเอียด 1080P@30FPS มีโหมดกันสั่น EIS ให้อีก 1 สเต็ป แต่คุณภาพที่ได้มายังอยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่หวือหวา กันสั่นแบบมีย้วยบ้างบางจังหวะ
ประสิทธิภาพเป็นไง ยังร้อนอยู่มั้ย?
ด้านประสิทธิภาพเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่แตกต่างกันมากที่สุดของทั้งสองรุ่นเพราะ Xperia 1 V จะมาพร้อมกับชิปเรือธงใหม่ล่าสุดอย่าง Snapdragon 8 Gen 2 แต่ใน Xperia 10 V จะใช้ชิประดับกลางที่ค่อนข้างมีอายุแล้วอย่าง Snapdragon 695 ทำให้ประสบการณ์การใช้งานค่อนข้างห่างกันมากโข
Xperia 1 V
แน่นอนว่าในเมื่อมากับชิปเซ็ตประมวลผลที่ใหม่ที่สุด และแรงที่สุด ทำให้การใช้งานโดยรวมไม่มีติดขัด จะสลับแอปไปมา แบ่งหน้าจอใช้งานก็สบาย แถมยังมาพร้อม Android 13 แบบคลีน ๆ ไม่มีขยะ Bloatware หรือโฆษณาบนหน้า UI ใด ๆ ให้มารบกวนการใช้งานเลย
สเปค SONY XPERIA 1 V
- หน้าจอ OLED ขนาด 6.5 นิ้ว 4K ความละเอียด FHD+ (1644 x 3840) รีเฟรชเรท 120Hz (HDR BT 2020 )
- CPU : Snapdragon 8 Gen 2
- RAM : 12GB
- ความจุ : 256 GB
- กล้องหลัง 3 ตัว
- กล้องหลักความละเอียด 52 MP (f/1.9) เซนเซอร์ Exmor T
- กล้อง Ultrawide ความละเอียด 12 MP (f/2.2) เซนเซอร์ Exmor Rs
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 12 MP (f/2.3-2.8) เซนเซอร์ Exmor Rs ซูม optical ระหว่าง 85mm – 125mm
- กล้องหน้า : 12MP (f/2.0)
- การเชื่อมต่อ : 5G, Wi-Fi6 802.11 a/b/g/n/ac/6e/7, tri-band, Wi-Fi Direct, DLNA , BT 5.3, NFC
- กันน้ำ กันฝุ่น IPX5/IPX8/IP6X
- เซนเซอร์ : Fingerprint (side-mounted), accelerometer, gyro, proximity, barometer, compass, color spectrum
- ระบบเสียง : 360 Reality Audio ลำโพงสเตอริโอ, มีรูหูฟัง 3.5 มม.
- แบตเตอรี่ : 5000mAh , รองรับชาร์จแบบมีสาย 33 W และไร้สาย
- ระบบ Android 13
แต่สำหรับใครที่สงสัยเรื่องความร้อน ในรุ่นนี้ก็ “อาจจะมีบ้างนิดหน่อย” เพราะด้วยขนาดตัวเครื่องที่มีความบางอยู่พอสมควร ทำให้การจัดการกับอุณหภูมิความร้อนทำได้ค่อนข้างยาก ซึ่งจากที่ได้ทดลองใช้งานทั่วไปนอกบ้าน เช่นเล่นโซเชียล อ่านเว็บต่าง ๆ ดู YouTube ความละเอียดสูงสุด 4K@60FPS ในอุณภูมิห้อง ตัวเครื่องมีความอุ่นมือแบบรู้สึกได้
สำหรับการเล่นเกม ขึ้นชื่อว่าชิป Snapdragon 8 Gen 2 ก็การันตีได้เลยเล่นได้ทุกเกม ปรับสุดได้เต็มพิกัดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะ PUBG ROV Genshin Impact หรือแม้กระทั่งเกมฮิตใหม่ล่าสุดอย่าง Undawn ก็ทำได้ลื่น ๆ ไม่มีปัญหา อัดหน้าจอไป เล่นไปพร้อมกันได้ เฟรมเรทไม่ตก แต่ส่วนตัวคิดว่าอัตราส่วนจอแบบ 21:9 อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับการเล่นเกมสักเท่าไหร่ เพราะตัวจอจะค่อนข้างยาว และผอมมาก ทำให้ตำแหน่งปุ่มต่าง ๆ มีความเล็กลง และกดได้ไม่ถนัดมือมากนัก
และใน Xperia 1 V มีความพิเศษตรงที่ทาง Sony เขามีระบบสำหรับการเล่นเกมอย่าง Game Enhancer ที่ช่วยปรับประสิทธิภาพตัวเครื่องให้เหมาะกับการเล่นเกม แสดงสถานะการใช้งานฮาร์ดแวร์ ค่าเฟรมเรท หรือความร้อนต่าง ๆ มีปุ่มคีย์ลัดต่าง ๆ เพื่อแคปภาพ อัดจอ หรือสตรีมเกมได้อย่างรวดเร็ว แถมยังช่วยจัดการแจ้งเตือน หรือปิดฟีเจอร์ต่าง ๆ เพื่อไม่ใช้ไปรบกวนการเล่นเกมได้ด้วย
Xperia 10 V
สำหรับการใช้งานทั่วไป Xperia 10 V ที่ใช้ชิประดับกลางอย่าง Snapdragon 695 ก็ถือว่าทำได้ดีเช่นกัน การตอบสนองต่าง ๆ เป็นไปอย่างลื่นไหล สลับแอปใช้งาน เปิดหน้าต่าง Pop-Up แบ่งจอต่าง ๆ ก็ทำได้ครบ ๆ ส่วนเรื่องการควบคุมอุณหภูมิก็ทำได้ดีมาก ๆ ตลอดการทดสอบใช้งานนอกบ้านทั้งวัน ไม่มีงอแง
สเปค SONY XPERIA 10V
- หน้าจอ OLED ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 1080 x 2520 รีเฟรชเรท 60Hz
- CPU : Snapdragon 695
- RAM : 8GB
- ความจุ : 128GB
- กล้องหลัง 3 ตัว
- กล้องหลัก Exmor Rs ความละเอียด 48 MP (f/1.8) กันสั่น OIS+EIS
- กล้อง Ultrawide ความละเอียด 8 MP (f/2.2)
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 8 MP (f/2.2) ซูม optical 2x
- กล้องหน้า : 8MP (f/2.0)
- การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, BT 5.1, NFC
- พอร์ต : USB Type-C 2.0
- กันน้ำ กันฝุ่น IP68
- เซนเซอร์ : Fingerprint (side-mounted), accelerometer, proximity, compass
- ระบบเสียง : ลำโพงสเตอริโอ 360 Reality Audio, มีรูหูฟัง 3.5 มม. รองรับหูฟัง Hi-Res
- แบตเตอรี่ : 5000mAh , รองรับชาร์จไว 21 W
- ระบบ Android 13
สำหรับประสิทธิภาพการเล่นเกม ถึงแม้ว่าชิปจะไม่ได้แรงขนาดรุ่นเรือธง และชิปมีอายุที่เรียกได้ว่าเก่าแล้ว แต่ก็ยังสามารถเล่นเกมได้อย่างครบ ๆ ทุกเกม แต่ก็ต้องปรับกราฟิกให้เหมาะสม ส่วนเรื่องอุณหภูมิตัวเครื่องก็แค่อุ่น ๆ เท่านั้น ไม่เจอปัญหาเรื่องความร้อนเลย ถึงแม้ว่าจะอัดจอไปด้วย เล่นไปด้วยก็ตาม แต่น่าเสียดายที่ในรุ่นนี้ไม่รองรับโหมด Game Enhancer ทำให้เราไม่สามารถดูเฟรมเรทได้ และเกมที่เราทำการทดสอบนั้นมีด้วยกันทั้งหมด 4 เกมดังนี้
Genshin Impact
เมื่อตั้งค่าในโหมด Low Setting ตามที่ตัวเกมแนะนำ พร้อมปรับรีเฟรชเรทให้อยู่ที่ 60 FPS พบว่าตัวเกมสามารถเล่นได้ลื่น ๆ ไม่มีสะดุด แต่ถ้ามีการอัดจอ เฟรมเรทจะตกลงไปอยู่ในระดับมาตรฐาน แต่ก็ยังสามารถเล่นได้ ภาพไม่กระตุกให้หงุดหงิด
ROV
ROV เป็นอีก 1 เกมที่สามารถเล่นได้สบาย ๆ ถึงแม้จะมีการปรับกราฟิกให้สูงที่สุดเท่าที่เกมจะรองรับ แต่ก็ยังไม่มีอาการกระตุกเฟรมเรทนิ่ง ๆ ที่ 58 – 60 FPS ถ้าอัดจอแล้วลองเล่นไปด้วยเฟรมเรทก็ไม่มีท่าทีว่าจะตกด้วย
PUBG MOBILE
สำหรับ PUBG MOBILE จะรองรับการปรับกราฟิกสูงสุดที่ HD และเฟรมเรทระดับสูง (30FPS) เท่านั้น แต่ถ้าอยากเล่นเกมลื่น ๆ แนะนำว่าให้ปรับกราฟิกไปที่โหมดสมดุล พร้อมเฟรมเรทแบบ Ultra จะดีกว่า เพราะตัวเกมจะล็อกค่าเฟรมเรทไว้สูงกว่าที่ 45 FPS ทำให้การเล่นเกมเป็นไปได้อย่างลื่นไหล
จากที่ได้ทดลองเล่นในโหมดกราฟิกสมดุล + เฟรมเรท Ultra ก็พบว่าตัวเกมได้แบบลื่นมาก ๆ ไม่มีท่าทีกระตุกแต่อย่างใด เมื่อลองเล่นพร้อมอัดหน้าจอก็ยังคงลื่น ๆ เล่นได้แบบไม่มีปัญหา เพราะฉะนั้นเกมนี้ถือว่าทำได้ดีหายห่วง
Undawn
เกมใหม่แกะกล่อง กินสเปคโหด ๆ อย่าง Undawn ก็ถือว่าทำได้ดีเช่นกัน โดยตัวเกมได้ล็อกค่ากราฟิกไว้ที่โหมด Super Fast + เฟรมเรท Ultra High ซึ่งจากการทดสอบในโหมดดังกล่าวก็เล่นได้โอเคมาก ๆ ตัวเกมลื่นไหล เล่นแล้วไม่หงุดหงิด แต่อาจจะมีกระตุกบ้างหากต้องวิ่งผ่านพื้นที่ที่มีวัตถุเยอะ ๆ ส่วนการอัดจอไป เล่นไปพร้อมกันก็ไม่ใช่ปัญหา สามารถเล่นได้ปกติ ไม่กระตุกจนเวียนหัว
แบตเตอรี่เท่ากัน อึดเหมือนกันรึเปล่า
ทั้ง Xperia 1 V และ Xperia 10 V มาพร้อมความจุแบตเตอรี่ 5,000 mAh เท่ากันทั้งสองรุ่น แต่การใช้งานต้องบอกเลยว่าไม่เท่ากัน เพราะมีปัจจัยหลายอย่างมากทั้งชิปประมวลผลที่ใช้งาน เรื่องจอแสดงผลที่ความละเอียด และค่ารีเฟรชเรทไม่เท่ากัน ทำให้ Xperia 10 V มีภาษีที่ดีกว่า ใช้งานได้นานกว่ามาก ๆ ในระยะ Screen Time ที่พอ ๆ กัน +- ประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งจากการทดสอบผลแบบละเอียดออกมาดังนี้
Xperia 10 V
ตัวเครื่องได้ตั้งค่าแสงจอแบบ Adaptive Brightness พร้อมใส่ซิมใช้อินเทอร์เน็ตเล่นโซเชียล ดู TikTok ผ่าน 4G VolTE พร้อมเชื่อมต่อหูฟัง Bluetooth ฟังเพลงผ่านแอปสตรีมมิ่งเป็นเวลา 1 ชั่วโมงติดกันระหว่างเดินทางไปทำงาน พบว่าแบตเตอรี่จาก 100% เหลืออยู่ที่ 89% หลังจากนั้นระหว่างวันก็ได้ปล่อย Standby ไว้ทั้งวันเป็นเวลา 9 ชั่วโมง จาก 89% เหลือที่ราว ๆ 84%
จากนั้นขากลับจากทำงานก็ใช้งานวนเวียนตามพฤติกรรมเหมือนเมื่อช่วงเช้าเป็นเวลา 1 ชั่วโมงติดกันแบตเตอรี่จาก 84% เหลืออยู่ที่ประมาณ 75% หลังจากถึงบ้านก็ได้เชื่อมต่อ Wi-Fi พร้อมเปิด Bluetooth ไว้ตลอด ปรับแสงจอภาพ และเสียงลำโพงให้อยู่ที่ 50% หลังจากนั้นก็ยิงยาวทดสอบชมคลิป YouTube ที่ความละเอียดสูงสุด 1080P@60FPS เป็นเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง แบตเตอรี่จาก 75% เหลืออยู่ที่ 61%
หลังจากนั้นก็ได้หยิบมาทดสอบเล่นเกมต่อพร้อมสลับอัดจอเป็นเวลารวมเกือบ ๆ 2 ชั่วโมง ในระยะเวลา Standby กว่า 17 ชั่วโมง และใช้เวลา Screen Time ไปร่วม 6 ชั่วโมง 20 นาที แบตเตอรี่จาก 100% เหลืออยู่ที่ 32% รองรับการใช้งานทั่วไปต่อได้อีกสัก 1 – 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว เรียกได้ว่าแบตเตอรี่อึดแบบเหลือ ๆ
Xperia 1 V
สำหรับรุ่นเรือธงนั้นการทดสอบก็คล้าย ๆ กันคือ ในช่วงเช้าขณะเดินทางไปทำงาน ตัวเครื่องได้ตั้งค่าการแสดงผลจอไว้ที่ 120Hz พร้อมปรับแสงไว้แบบ Adaptive Brightness ใส่ซิมพร้อมใช้งานอินเทอร์เน็ต 4G VoLTE ท่องเว็บ เล่นโซเชียล Facebook IG TikTok เปิดกล้องทดสอบถ่ายภาพนิดหน่อย พร้อมฟังเพลงผ่านหูฟัง Bluetooth เป็นเวลาติดกัน 1 ชั่วโมงพบว่าแบตเตอรี่จาก 100% เหลืออยู่ที่ 80% หลังจากนั้นระหว่างวันก็ได้ปล่อย Standby ไว้ทั้งวันเป็นเวลา 7 ชั่วโมง เหลือแบตเตอรี่อยู่ที่ 78%
และแน่นอนว่าขากลับจากทำงานช่วงเย็นเราก็ได้วนใช้งานด้วยพฤติกรรมเดิมเป็นเวลา 1 ชั่วโมงติดกันแบตเตอรี่จาก 78% เหลืออยู่ที่ 62% เมื่อกลับถึงบ้านก็ทำการเชื่อมต่อกับ Wi-Fi พร้อมปิด Bluetooth ทันที หลังจากนั้นก็ได้ปรับแสงจอ และลำโพงไว้ที่ 50% ดูคลิปความละเอียดสูงสุด 4K HDR @ 60FPS บน YouTube เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง แบตเตอรี่จาก 62% เหลืออยู่ที่ประมาณ 39%
หลังจากนั้นก็ได้นำมาทดสอบเล่นเกมทั้ง ROV Genshin Impact และ Undawn พร้อมสลับอัดจอไปด้วยเป็นเวลา 1 ชั่วโมงนิด ๆ ในระยะเวลา Standby พอ ๆ กันกว่า 17 ชั่วโมง และใช้เวลา Screen Time ไปน้อยกว่าที่ 5 ชั่วโมง 33 นาที แบตเตอรี่จาก 100% เหลืออยู่ที่ 7% เท่านั้น การใช้งานทั่วไปนั้นสามารถอยู่ได้เต็มวันแน่นอน แต่ถ้ามีการเล่นเกมหรือดูหนังระหว่างวันด้วย อาจจะมีหืดขึ้นคอกันนิดหน่อย
สรุป Xperia 1 V และ Xperia 10 V แตกต่างกันอย่างไร รุ่นไหนเหมาะกับใคร
ถึงแม้ว่าทั้งสองรุ่นจะเป็นพี่น้องคลอดออกมาพร้อมกัน แต่ด้วยความที่ไม่ได้อยู่ใน Segment ทำให้สเปคต่างกันมาก ๆ โดย Xperia 1 V จะตอบโจทย์คนที่ต้องการใช้งานกล้องระดับมืออาชีพ รักการถ่ายภาพด้วยการปรับค่าต่าง ๆ ตัวเอง เพราะซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ที่ใส่มาในรุ่นนี้เรียกได้ว่าจัดเต็มที่สุด และละเอียดที่สุดเท่าที่มือถือเรือธงรุ่นหนึ่งจะทำได้ เปรียบเสมือนกับกล้อง DSLR ที่อยู่ในไซส์บางเฉียบ พกพาได้ง่าย ส่วนการใช้งานก็ทำได้ครบ ๆ เพราะได้สเปคเหมือนมือถือเรือธงทุกอย่าง
ส่วน Xperia 10 V จะตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการมือถือไลฟ์สไตล์ที่ใช้งานง่าย ๆ UI คลีน ๆ ตัวเครื่องขนาดเล็ก น้ำหนักเบาบาง ใช้งานมือเดียวได้สะดวก ในดีไซน์ไม่โหลเหมือนมือถือทั่วไปในตลาดตอนนี้ จะดูหนังฟังเพลงก็ดี เพราะได้ทั้งจอ OLED และลำโพงคู่ที่เสียงดีมาก ๆ รองรับ Hi-Res แถมยังใช้งานได้ยาวนานเพราะแบตเตอรี่อึด ใช้งานได้เต็มวันแน่นอน แต่สำหรับใครที่เน้นการถ่ายภาพ รุ่นนี้อาจจะยังไม่ตอบโจทย์เพราะซอฟต์แวร์ที่ใส่มาในรุ่นนี้ค่อนข้างขาดอะไรหลาย ๆ อย่างที่มือถือในท้องตลาดรุ่นอื่น ๆ มี เช่นโหมดบิวตี้
ใครที่ต้องการมือถือที่มีดีไซน์แตกต่าง มาพร้อมระบบการใช้งานที่เน้นความเรียบง่าย คลีน ๆ ใช้งานมือเดียวได้สะดวก มีฟีเจอร์ที่หลาย ๆ แบรนด์ได้ตัดออกไป Sony Xperia ยังเป็น 1 ในแบรนด์ที่ยังยืนใส่จุดเด่นเหล่านี้เอาไว้ ดังนั้นใครที่ชอบความไม่เหมือนใคร Xperia 1 V และ Xperia 10 V ถือว่าเป็นตัวเลือกเดียวที่หาไม่ได้ในตลาดมือถือไทยตอนนี้แล้วจริง ๆ
ราคา และการวางจำหน่าย
Xperia 1 V มีให้เลือกด้วยกัน 2 สี ได้แก่สีดำ Black และสีเขียว Khaki Green ในราคา 48,990 บาท และในช่วงนี้ยังมีโปรโมชั่นพิเศษ เมื่อสั่งซื้อภายในวันนี้ – 31 ก.ค. 2566 สามารถเลือกเป็นส่วนลด หรือของแถมได้ 1 อย่างดังนี้
- เลือกรับส่วนลด: ลดค่าเครื่องทันที 9,000 บาท เหลือเพียง 39,990 บาทเท่านั้น
- เลือกรับของแถม: รับฟรีหูฟัง Sony WH1000XM5 ฟรี มูลค่า 14,990 บาท (มีให้เลือกเฉพาะสีดำ)
ส่วนรุ่นเล็กอย่าง Xperia 10 V มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่สีดำ Black และสีม่วง Lavender ขายในไทยอยู่ที่ราคา 16,990 บาท และเมื่อซื้อในวันนี้ – 31 ก.ค. สามารถเลือกรับโปรโมชั่นพิเศษได้ 1 อย่างเช่นกัน ดังนี้
- เลือกรับส่วนลด: ลดค่าเครื่องทันที 2,000 บาท เหลือเพียง 14,990 บาทเท่านั้น
- เลือกรับของแถม: รับฟรีหูฟัง Sony WF-C700N ฟรี มูลค่า 4,490 บาท (สีเดียวกับมือถือที่ซื้อ)
ใครสนใจ 2 มือถือรุ่นล่าสุดจาก Sony สามารถหาซื้อได้ที่ร้านโซนี่สโตร์ทุกสาขา, Sony Online Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมโปรโมชั่นได้เลย
Comment