vivo เปิดตลาดปี 2018 ด้วยมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง vivo V9 ซึ่งมีการปรับดีไซน์ใหม่ตั้งแต่หน้าจอ FullView ที่ขยายไปจนชิดขอบจอบน แทรกกลางมาด้วยติ่งกล้องหน้าและเซนเซอร์ต่างๆ สำหรับการใช้งานอีกเล็กน้อย พร้อมกับสเปคที่อัพเกรดดูดีและคุ้มกว่า V7 เพราะได้ Snapdragon 626 มาใช้งาน และกล้องเซลฟี่ 24MP งานนี้จะคุ้มไม่คุ้มค่าตัว 10,999 บาทหรือไม่ มาอ่านรีวิว vivo V9 ไปพร้อมกันได้เลย

สเปค vivo V9

  • Funtouch OS 4.0 (Android 8.1)
  • ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 626
  • หน้าจอ IPS ขนาด 6.3 นิ่้ว  อัตราส่วน 19:9 FHD+  (2280 x 1080)
  • RAM 4GB
  • ROM 64GB (เพิ่ม micro SD ได้สูงสุด 256GB)
  • กลัองหลังคู่ 16MP+5MP
  • กล้องหน้า 24MP
  • รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K
  • เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ + ปลดล็อคดด้วยใบหน้า
  • ช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Triple slot
  • Bluetooth 4.2, WiFi 2.4GHz/5GHz
  • แบตเตอรี่ 3260 มิลลิแอมป์
  • ขนาดตัวเครื่อง 7.89 x 154.81 x 75.03 มม.
  • น้ำหนัก 150 กรัม
  • สีที่วางจำหน่าย ดำ, ทอง
  • ราคาเปิดตัว 10,999 บาท

แกะกล่อง vivo V9

รอบนี้ vivo V9 มีหน้าจอ FullView ขนาด 6.3 นิ้ว ตัวเครื่องอาจจะใหญ่กว่ารุ่นที่แล้วไม่มากเท่าไหร่ แต่ได้พื้นที่หน้าจอเพิ่มเข้ามา อุปกรณ์ในชุดขายจริงก็มีตามนี้เลยคือตัวเครื่อง (มาพร้อมฟิล์มแปะหน้าจอ) เข็มจิ้มถาดซิม เคสซิลิโคนหนานิดๆ ใส แต่ยืดหยุ่น หูฟังสมอลทอล์ค สาย micro USB (ใช่ครับ ยังใช้ microUSB) และหม้อแปลง

หูฟัง smalltalk มาพร้อมปุ่มรับสายสนทนา นั่นหมายความว่าตัวเครื่องยังรองรับช่องหูฟัง 3.5 มม อยู่นะจ๊ะ

หม้อแปลงจ่ายไฟ 5V 2A ถือเป็นค่าชาร์จไฟมาตรฐานของฝั่ง Android แล้ว และเป็นระบบชาร์จเร็วที่ช้าที่สุด (งงไหม?) เอาเป็นว่าตอนนี้ถ้าหม้อแปลงจ่ายไฟมากกว่า 5V 1A เค้าก็บอกว่าชาร์จเร็วหมดทั้งวงการครับ

 

สำรวจตัวเครื่อง vivo V9

หน้าจอ vivo V9 ที่เปลี่ยนมาใช้ FullView รุ่นใหม่ขนาด 6.3 นิ้วแบบชิดขอบมาให้ โดยมีความละเอียดเพิ่มขึ้นเป็น Full HD+ (แค่หน้าจอก็คุ้มกว่า V7 ที่เปิดตัว 11,990 แพงกว่ารุ่นนี้ซะอีก) ความคมชัดและรายละเอียดดีขึ้น หน้าจอ IPS ช่วยในการมองเห็นได้จากหลายๆ มุม เรียกว่าไม่เจออาการสีเหลือบเวลามองจากด้านข้าง เรื่องความสว่างโอเคเลย (แต่ถ้าเจอแดดแรงๆ ก็มีแอบมืดบ้างนิดหน่อย)

ตัวเครื่องสีดำส่วนของฝาหลังจะมันเงา ต่างกับสีทองที่เป็นแบบด้าน ซึ่งในภาพนี้อาจจะไม่เห็นว่ามันเงาแค่ไหน เพราะพยายามจะโชว์สีจริงของมันให้ได้เห็นกัน

แต่ภาพนี้เห็นได้ชัดเลย มันเงาขนาดสะท้อนได้เกือบจะเรียกว่ากระจกเลยทีเดียว แต่ผิว glossy แบบนี้มีความสวยงามก็จริง แต่ปัญหาที่ต้องเจอแน่ๆ ก็คือรอยนิ้วมือครับ ในภาพมีสแกนนิ้วพอดีก็ขอพูดถึงไปเลยละกันว่าตำแหน่งนั้นกำลังพอดีปลายนิ้วผมเลย แปะปุ้บสแกนปั้บ

ส่วนด้านล่างตัวเครื่องเรียงจากซ้ายไปขวาก็มีพอร์ทหูฟัง 3.5 มม., ไมโครโฟน, ช่อง microUSB และลำโพง ที่หายไปอีกแล้วคือไมโครโฟนตัดเสียง ซึ่งปกติจะอยู่ด้านบน แต่ในรุ่นนี้ไม่มี เหมือน vivo ชอบสลับไปสลับมา บางรุ่นจะมีก็ใส่มาให้ บางรุ่นจะไม่มีก็หายไปซะเฉยๆ

ปุ่มกดต่างๆ อยู่ทางด้านขวา (จอหันหาเรา) ตรงกลางเครืองคือปุ่มพาวเวอร์ และถัดขึ้นไปเป็นปุ่มปรับเสียง

กล้องคู่ด้านหลังความละเอียด 18 ล้านพิกเซล และ 5 ล้านพิกเซล เอาไว้สำหรับทำ Portrait หรือหน้าชัดหลังเบลอเป็นหลัก

ถาดซิมอยู่ทางด้านซ้ายบน ต้องเอาเข็มจิ้มออกมา โดยเป็นถาดแบบ triple slot คือมีช่องใส่ nano SIM ได้ 2 ช่่อง และใส่ micro SD ได้อีกหนึ่งช่อง เรียกว่าแยกกันไม่ต้องแย่งสลอต

ใส่ซิมแล้วใช้งาน 4G พร้อมกับ 3G ได้ โดยสามารถเลือกได้ว่าจะให้ซิมไหนเกาะ 4G หรือ 3G

แถมภาพเคสซิลิโคนที่แถมมา ความหนากำลังดีคือไมใช่ซิลิโคนบางๆ ที่ใช้ไปแล้วมันจะยุ่ย ตัวนี้ดูแข็งแรงทนทาน

ส่วนด้านล่างมีจุกปิดช่อง micro USB ให้ด้วยซึ่งก็คงทำมาเพื่อกันฝุ่น สำหรับใครไม่สบายใจกลัวฝุ่นเข้าเครื่องอะไรแบบนั้น

 

ฟีเจอร์น่าสนใจของ vivo V9

แน่นอนว่าอย่างแรกที่ต้องพูดถึงคือตำแหน่งของกล้องหน้า และจอ FullView ใหม่ที่มีพื้นที่ด้านข้างขึ้นมาด้วย เนื่องจากหน้าจอขยายเป็น 19:9 เนื้อหาทั้งหมดของตัวเครื่องก็จะยังอยู่บนพื้นที่จอ 18:9 ส่วนแถบด้านบนนั้นถือเป็นส่วนเสริมเข้ามา เรียกว่าย้ายเอาแถบแจ้งเตือน การแจ้งสัญญาณเครือข่ายและแบตเตอรี่ต่างๆ ไปไว้ด้านบนแทน

ฟีเจอร์ถัดมาคือระบบสแกนใบหน้าของ vivo V9 ที่ทดสอบแล้วก็มีความแม่นยำใช้ได้ แต่ที่เจอคือมันปลดล็อคไม่ค่อยเร็วเท่าไหร่ ในเวอร์ชั่นแรกๆ ที่เปิดเครื่องมานี่เจอปัญหาไม่เจอหน้าบ่อยมาก แต่จนถึงตอนนี้มีิอัพเดทแก้บั๊กไป 3 รอบแล้ว ก็ค่อยๆ ดีึขึ้น

ที่สำคัญคือตอนสแกนใบหน้าครั้งแรก ต้องพยายามหาที่สว่างพอ เพื่อจะได้เก็บข้อมูลและรายละเอียดบนใบหน้าเราได้แม่นยำมากขึ้น

ระบบแบ่งหน้าจอหรือ Multi Windows ของ vivo นั้นจะถูกเรียกว่า Picture in Picture ซึ่งแอปไหนแบ่งได้นั้น สามารถเข้ามาดูในการตั้งค่าและเลือกเปิดปิดได้ แต่เท่าที่เห็นคือค่อนข้างจะจำกัดแอปที่แบ่งได้อยู่พอสมควร

ส่วนวิธีการเรียกแอปที่ 2 ขึ้นมาแบ่งหน้าจอก็คือการลาก 3 นิ้วลงมาบนหน้าจอ ก็จะขึ้นหน้าต่างแบบนี้ให้เราเลือกเปิดแอปที่ 2 ได้

อีกฟีเจอร์คือหน้าต่าง pop up สำหรับพิมพ์ข้อความตอบกลับ ปกติแล้วเวลาเราเล่นเกม ดูหนัง หรือทำอะไรบนหน้าจอแนวนอนแล้วมีแจ้งเตือนเข้ามา เราก็ต้องสลับแอปออกไปตอบ แต่ถ้าเปิดใช้งานแล้วมีข้อความเข้ามา ก็สามารถแตะเพื่อแบ่งจออัตโนมัติได้ทันที ลักษณะจะเหมือนกับ Pictrue-in-Picture

จากที่ทดสอบแล้วก็รองรับแอปแชทอย่าง Line, Whatsapp, Messenger นอกจากนั้นยังสามารถไปตั้งค่าเพิ่มใน Game Mode ได้ ซึ่งขณะที่เล่นเกมก็จะมีหน้าต่าง Pop up ขึ้นมาเล็กๆ ให่เราพิมพ์ตอบกลับไปได้ ซึ่งในบางเกมก็คงไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่ถ้าเกมที่ต้องบังคับอยู่ตลอดเวลาเช่นเกมแข่งรถ หรือเกมฟุตบอล อันนี้ก็แนะนำให้ปิดไว้จะดีกว่า

อีกฟีเจอร์นึงคือการทวงพื้นที่หน้าาจอคืนมา คือเอาปุ่มนำทางด้านล่างออกไป แล้วเปลี่ยนการใช้งานเป็นแบบ Swipe ทั้งหมด ซึ่งตอนแรกๆ นี่โคตรจะงง ต้องใช้เวลาเรียนรู้สักพัก ว่าสไลด์ทางซ้ายคือเปิด แผง shortcut, สไลด์ตรงกลางคือกลับหน้าโฮม, สไลด์ตรงกลางแล้วค้างคือการดูรายการแอปทั้งหมด และสไดล์ทางขวาคือปุ่มย้อนกลับ

 

ประสิทธิภาพตัวเครื่อง vivo V9

ชิป Snapdragon 626 นั้นถือว่าเป็นชิปต่อยอดจาก Snapdragon 625 ที่ขึ้นชื่อเรื่องประสิทธิภาพดำและกินแบตน้อย โดยในรุ่น 626 นั้นก็เป็นรุ่นปรับเล็กคือเพ่ิมความเร็วในการทำงานขึ้นนิดหน่อย (clock speed) และรองรับหน้าจอ 18:9 / 19:9 นั่นเอง

ผลทดสอบประสิทธิภาพ Antutu ได้ออกมาที่ 89443 คะแนน (อย่าลืมว่าเป็น Antutu 7) ส่วนเซนเซฮร์ต่างๆ ก็ถือว่าให้มาครบหมด Accelerometer, Gyroscope, Magnetometer สามารถใช้งานได้ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ว่าจะเป็นการเอาไปใช้กับแว่น VR หรือเล่นเกม AR

ส่วนของ GPS นั้นเปิดมาเต็มครับ รองรับดาวเทียม + Glonass เห็นกันเป็นหลัก 30-40 ดวง ส่วนจะเลือกจับได้เท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับความแรงสัญญาณและพื้นที่ว่าเปิดโล่งแค่ไหน จากที่ทดลองมาก็ใช้นำทางได้ บวกกับมี Magnetometer แม่เหล็กที่ทำหน้าที่แบบเข็มทิศ ก็จะสามาถรระบุทิศทางหรือหันหัวเราได้แม่นยำขึ้น

หน่วยความจำ 64GB ถ้าเปิดเครื่องมาเปล่าๆ เลยก็เหลือพื้นที่ให้ใช้งานราวๆ 50GB ครับ

ส่วนเรื่องของการเล่นเกมต่างๆ นั้น ดูเหมือนว่าตัว ROM ของ vivo V9 ยังรีดประสิทธิภาพชิปออกมาได้ไม่เต็มเท่าไหร่ คือจากที่เคยเล่นเครื่องที่ใช้ Snapdragon 625 มาหลายรุ่น กราฟิคและการเคลื่อนไหวในเกมจะเนียนตากว่านี้ แต่จากที่ลองเกมเดียวกันบน vivo V9 นั้นบางจังหวะเหมือนจะมีสะดุดและสะอึกบ้างนิดๆ หน่อยๆ ไม่ถึงกับน่ารำคาญ แต่มันควรจะทำได้เนียนตากว่านี้ แต่โดยรวมแล้วก็เล่นได้ทุกเกมสบายๆ

ปัญหาแอปไม่เต็มจอ การแก้ไขเบื้องต้นคือต้องไปเปิดในการตั้งค่าการแสดงผล แล้วเลือกเป็นรายแอปตามนี้

แต่กลับมีบั๊กอีกอย่างที่คิดว่าทาง vivo ควรจะแก้คือหน้าจอแสดงผลแบบ FullView ที่มันควรจะเว้นที่ว่างด้านของติ่งกล้องให้เป็นแถบดำที่เห็นอยู่ทางด้านขวานั่นแหละ คือควรจะไปอยู่ทางซ้าย แล้วดันหน้าจอเข้ามา

แต่มาแบบนี้กลายเป็นจอ 18:9 โดนติ่งบัง เหลือที่ว่าง 1:9 เอาไว้เป็นแถบดำๆ ที่ไม่เกิดประโยชน์

 

กล้องถ่ายภาพ vivo V9

กล้องหลังคู่ความละเอียด 18 ล้านพิกเซล + 5 ล้านพิกเซลนั้นจุดเด่นคือการถ่าย Portriat หน้าชัดหลังเบลอ ซึ่งมันออกแบบมาให้เหมาะกับการถ่ายคนมากกว่า เพราะมีเรื่องของระยะห่างอย่างน้อย 2 เมตร

แต่จากที่ลองเอามาถ่ายพวกอาหารหรือวัตถุอย่างอื่นก็พอใช้งานได้เหมือนกัน และหลังจากถ่ายก็สามารถปรับค่าเบลอพื้นหลังได้อีกที่เรียกว่า Shot Refocus

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง

แต่จากที่ทดลองใช้งานมาพบว่ากล้องหลังนั้นถ่ายภาพคนสู้กล้องหน้าไม่ได้ เพราะตัวเซนเซอร์คนละตัว การรับแสงทำได้ไม่ดีเท่านั่นเอง

ส่วนไฮไลท์จริงๆ แน่นอนว่าต้องเป็นกล้องหน้า 24 ล้านพิกเซล ที่มีระบบ AI ในการปรับจูนใบหน้าให้เนียนใส อมชมพูเหมือนตูดเด็ก ซึ่งจากที่ลองดูโหมดใบหน้าสวยแบบ Auto นั้นก็ทำออกมาได้ดีเลย นอกจากนั้นก็ยังมี AR Selfie ให้เล่นขำๆ ถ่ายภาพ คิวท์ๆ ด้วย

 

ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า

สรุปประสบการณ์ใช้งาน

การใช้งานทั่วไปนี่ถ้าไม่ได้ติดเกมหรือโซเชียลอะไรแบบที่ต้องคอยออนไลน์ตลอดเวลานี่ คือถือไปเลย 2 วันได้ ไม่ต้องชาร์จ แน่นอนถ้าเป็นสายโหดเล่นดุๆ ตกเย็นยังไงก็ต้องวิ่งหาปลั๊กอยู่ดี จริงๆ ถ้าปรับสเปคอีกนิดให้รองรับ fast charge (ที่เร็วกว่านี้) ได้ก็คงจะดี ส่วนปัญหาในการใช้งานอื่นๆ เช่นเรื่อง Facebook หาไม่เจอติดตั้งไม่ได้ ตอนนี้ทาง vivo ก็เริ่มแก้ไขแล้ว ส่วนเรืองแอปเต็มจอนั้นก็อย่างที่บอกว่าอาจจะต้องไปเปิดเอาเอง แต่ก็อยากให้แก้ในเรื่องของหน้าจอ FullView ที่มีการวางตำแหน่งจอดำไปผิดด้านสักหน่อย จะได้ลงตัวกว่านี้

โดยรวมก็ค่อนข้างพอใจกับ vivo V9 คือมันเป็นการพัฒนาจาก V7 เยอะพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปคกับราคาที่เปิดมาได้คุ้มค่าน่าสนใจ หน้าจอใหญ่เต็มตาสวยงาม ตัวเครื่องออกแบบมาได้เบามากๆ จนไม่คิดว่าข้างในนี้มีแบตเตอรี่ขนาด 3,260 มิลลิแอมป์อยู่จริงๆ คือบางเครื่องที่แบตเล็กกว่านี้แต่หนักกว่าก็มี แน่นอนว่าจุดขายคือกล้องหน้านั้นทำออกมาได้ดีขึ้นมากๆ ระบบ AI Face Beauty ทำให้หน้าดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ซึ่งใครที่กำลังเล็งๆ จาก V7 หรือรุ่นอื่นๆ แล้วมองหากล้องหน้าดีๆ สเปคเล่นเกมได้ รุ่นนี้ก็ถือว่าน่าสนใจ ในงบประมาณหมื่นนิดๆ ครับ