ช่วงนี้เราอาจจะไม่ค่อยได้เห็นข่าวคราวของค่ายมือถือจากเมืองน้ำหอมอย่าง Wiko (วีโก) กันซักเท่าไหร่ แต่ว่า Wiko ก็ไม่ได้หายไปไหนนะครับ เพราะว่าตอนนี้เราได้เจ้า Wiko Upulse มาอยู่ในมือแล้ว ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ที่เพิ่งจะวางจำหน่ายไปไม่นาน โดยมาพร้อมกับตัวเครื่องสีสันสะดุดตา ก็เลยจัดรีวิวมาให้ดูกันว่ามือถือราคา 4,990 บาท ตัวนี้จะคุ้มค่าเกินราคามั้ย

สเปคของ Wiko Upulse

  • OS: Android 7.0 Nougat
  • หน้าจอ: IPS 5.5 นิ้ว ความละเอียด HD 1280 x 720 พิกเซล (267 PPI)
  • CPU: MediaTek MT6737 Quad-core 1.3GHz
  • GPU: Mali-T720
  • RAM: 3GB
  • หน่วยความจำภายใน: 32GB รองรับ microSD การ์ด สูงสุด 128GB
  • กล้องหลัง: 13 ล้านพิกเซล, f/2.0, LED flash, Autofocus
  • กล้องหน้า: 8 ล้านพิกเซล, f/2.0, LED flash
  • การเชื่อมต่อ:
    • Wi-Fi 802.11 b/g/n
    • Bluetooth 4.0
    • GPS, A-GPS, GLONASS
    • รองรับ 4G LTE
    • Dual Micro SIM (แยกช่องกับ microSD การ์ด)
  • เซนเซอร์
    • Accelerometer
    • Magnetic sensor
    • Gyroscope
    • Proximity
    • Light
  • มี Fingerprint Scanner
  • แบตเตอรี่: 3,000 mAh ถอดเปลี่ยนไม่ได้
  • สัดส่วน: 153.5 x 77.5 x 8.5 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก: 167 กรัม
  • สี: Cherry Red, Black, Gold
  • ราคา: 4,990 บาท

 

Hardware ตัวเครื่อง

หน้าจอ IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ของ Upulse มีความละเอียดอยู่ที่ HD 1280 x 720 พิกเซล โดยมีความสว่างสูงถึง 500 nits ทำให้สามารถสู้แสงได้ดี ส่วนตอนกลางคืนก็มืดกำลังดี ไม่สว่างจ้าจนแสบตา

เหนือหน้าจอมี ไฟแจ้งเตือน LED สองสี คือ สีเขียว และ สีแดง มีเซนเซอร์รับแสงและวัดระยะ กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ลำโพงสนทนา และ ไฟแฟลชกล้องหน้า

ปุ่ม navigation นั้นเป็นแบบ on-screen โดยเราสามารถที่จะเลือกสลับตำแหน่งของปุ่ม back กับ recent app ได้ ถัดลงมาก็คือสัญลักษณ์ Wiko

ด้านขวาของตัวเครื่องมี ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และ ปุ่มพาวเวอร์ โดยปุ่มพาวเวอร์นั้นจะมีการทำพื้นผิวขรุขระนิดๆ เพื่อให้ความรู้สึกที่แตกต่างจาก ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง (นิดเดียวจริงๆ)

ส่วนด้านบนมีเพียงแค่รูเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร เท่านั้น

ไมโครโฟนสนทนา และ ช่องพอร์ท microUSB นั้นอยู่ทางด้านล่างของตัวเครื่อง รวมไปถึง ที่แกะฝาหลัง

ฝาหลังของ Upulse นั้นเป็นกึ่งโลหะ ที่บอกว่าเป็นกึ่งโลหะก็เพราะว่าบริเวณขอบรอบๆ นั้นเป็นพลาสติกทั้งหมด มีแค่บริเวณตรงกลางเท่านั้นที่เป็นโลหะ ด้วยตัวส่วนที่เป็นโลหะนั้นมีการขัดลวดลายที่เรียกว่า hairbrush โดยเราสามารถที่จะแกะฝาหลังออกได้ สำหรับกล้องหลังของ Upulse มีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มีไฟแฟลช LED หนึ่งดวง และมีตัวสแกนลายนิ้วมืออยู่ถัดลงมา

บริเวณฝาหลังที่เป็นโลหะนั้นให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างดี แต่ว่าถ้าเรากดลงไปจะได้ยินกร๊อบแกร๊บอยู่บ้าง เพราะว่าบริเวณฝาหลังกับตัวเครื่องนั้นไม่ได้ชิดกันอย่างสมบูรณ์ครับ

เมื่อแกะฝาหลังออกมาก็จะเจอกับช่องใส่ซิมแบบ Micro-SIM สองซิม และมีช่องใส่ microSD การ์ด แยกมาอีกช่อง นอกจากนี้ก็ยังพบกับแบตเตอรี่ขนาด 3,000 mAh ที่ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้

 

Performance ประสิทธิภาพการใช้งาน

Wiko เลือกที่จะใช้ชิป MediaTek MT6737 ซึ่งถือว่าเป็นชิประดับล่าง เพื่อควบคุมราคาให้ไม่สูงจนเกินไป โดยการใช้งานทั่วไปก็ถือว่าอยู่ในระดับที่สามารถใช้งานได้ มีอาการหน่วงให้เห็นบ้างเป็นบางครั้ง RAM 3GB นั้นช่วยให้การเปิดแอพนั้นรวดเร็ว สามารถสลับแอพได้โดยไม่ต้องรอการโหลดใหม่

ชิปประมวลผลกราฟฟิกนั้นเป็น Mali-T720 ซึ่งเอาจริงๆ แล้วไม่เหมาะกับการเล่นเกมกราฟฟิกหนักๆ ซักเท่าไหร่ เท่าที่ลองเล่นกับ RoV ก็มีเกิดอาการหัวร้อนอยู่บ่อยครั้ง เพราะว่าเวลาเล่นนั้นเจออาการเฟรมเรทตก ทำให้เวลาบวกนั้นกระตุกสุดๆ (rank ตกเลย ฮ่าๆ) เล่น Lineage 2 ก็ต้องปรับให้ต่ำหมดถึงจะพอเล่นได้ แต่ว่าการเล่นเกมเบาๆ ทั่วไปก็ไม่เจอปัญหาอะไรครับ

 

ผลการทดสอบ benchmark ของ AnTuTu นั้นได้คะแนนอยู่ที่ประมาณ 28000 คะแนน ส่วนหน้าจอนั้นรองรับมัลติทัชได้ 5 จุด ซึ่งถือว่าดีเลยในสมาร์ทโฟนราคาประหยัดแบบนี้

GPS

การจับตำแหน่งดาวเทียมของ Upulse นั้นค่อนข้างช้า มองเห็นดาวเทียมได้ประมาณ 12 ดวง และใช้งานจริงประมาณ 8 ดวง ส่วนการคลาดเคลื่อนของตำแหน่งอยู่ที่ประมาณ 8 เมตร

Battery

แบตเตอรี่ขนาด 3,000 mAh ของ Upulse อยู่ในระดับที่กลางๆ สามารถใช้งานได้เต็มวันถ้าหากว่าไม่เล่นเกม โดยการใช้งานทั่วไปของผมคือ เล่นเฟส แชท อ่านข่าว ฟังเพลง และมีเล่นเกมบ้าง ก็สามารถใช้งานหน้าจอได้ประมาณ 4 ชั่วโมง กลับถึงบ้านก็จะเหลือแบตเตอรี่ประมาณ 20% ครับ ถ้าเล่นหนักหน่อยก็อาจจะมีต้องชาร์จก่อนกลับบ้านซักนิด แต่ถ้าใช้งานเบาๆ ก็จะอยู่ได้นานกว่านี้

 

Software ซอฟต์แวร์

Wiko Upulse มาพร้อมกับ Android 7.0 Nougat ซึ่งตอนนี้ก็ถือว่าเป็นมาตรฐานสำหรับมือถือรุ่นใหม่ๆ แล้ว หน้าตาของ launcher นั้นถูกครอบด้วย My Launcher ของ Wiko อีกที โดยจะมี My Apps ทำหน้าที่เป็น App Drawer

เรื่อง UI ส่วนใหญ่นั้นใกล้เคียงกับ Pure Android อยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็น แถบ notification และ quick settings รวมไปถึงหน้าตั้งค่าอีกด้วย

Smart Action เป็นฟีเจอร์ที่ทำให้เราสามารถทำท่าทางต่างๆ เพื่อเรียกใช้เมนูทางลัด อย่างเช่น การเคาะหน้าจอสองครั้งเพื่อเปิด-ปิดจอ ยกมือถือมาแนบหูเพื่อรับสาย เป็นต้น

Smart Gesture เราสามารถที่จะวาดเป็นตัวหนังสือต่างๆ เพื่อเข้าถึงแอพนั้นๆ ได้อย่างรวดเร็ว วาด O เพื่อเข้ากล้อง วาด M เพื่อเปิดแอพฟังเพลง วาด C เพื่อเปิดแอพโทรศัพท์ หรือเราจะเพิ่มการวาดของเราเข้าไปเองก็ได้ครับ

นอกจากนี้ก็ยังรองรับการใช้งาน วิทยุ FM ด้วยนะเออ เผื่อใครถามหา

 

Camera กล้อง

มาพูดถึงเรื่องกล้องกันบ้างครับ โดยเราจะเริ่มจากกล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล กันก่อน สำหรับหน้าตา UI กล้องของ Wiko Upulse นั้นเรียบง่าย แถมมีตัวเลือกให้เล่นเยอะอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการปรับ HDR ฟิลเตอร์ รวมไปถึงโหมดต่างๆ มากมาย อย่างเช่น Super Pixel ที่จะเพิ่มความละเอียดขึ้นไปถึง 52 ล้านพิกเซล ทำให้สามารถซูมเข้าไปได้สุดๆ ถึง 32x

นอกจากนี้ก็มีเรื่องของการแนะนำให้เปิดโหมดต่างๆ ตามสถานการณ์อีกด้วย สมมุติว่าถ่ายภาพตอนกลางคืนก็จะมีให้เลือกเปิด Night mode หรือว่าถ่ายคนก็จะมีให้เลือกเปิด Portrait mode เพื่อทำการถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอ แต่ว่า Portrait mode สำหรับกล้องหลังนั้นไม่มีให้เลือกเปิดเองซะงั้น ต้องให้มันตรวจจับเองถึงจะขึ้น

โหมด Professional สามารถปรับในเรื่องของ Saturation, EV, ISO, White Balance, Focus และ Sharpness ได้ แต่ว่าไม่มีให้ปรับ Shutter Speed นะ

ภาพจากกล้องหลังของ Wiko Upulse

ภาพเปรียบเทียบ HDR Off / HDR On

ภาพ HDR นั้นช่วยดึงรายละเอียดกลับมาได้เยอะพอสมควร แต่ตอนถ่ายก็ต้องมือนิ่งอยู่เหมือนกัน เพราะไม่งั้นภาพจะออกมาเบลอๆ ครับ

กล้องหน้าของ Upulse ก็มีโหมดให้เลือกใช้งานเยอะเหมือนกัน โดยเราสามารถเลือกเปิด HDR สำหรับกล้องหน้าได้ด้วย หรือจะเปิดไฟแฟลชเซลฟี่ก็ยังได้ นอกจากนี้ก็มีโหมด Portrait สำหรับถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ (กล้องหลังกลับไม่มีให้เลือกเปิดเองซะงั้น) แต่ว่าก็ยังเบลอได้ไม่เนียนเท่าไหร่

ส่วนโหมดบิวตี้มีค่าเริ่มต้นให้เลือก 3 แบบ แต่ว่าเราสามารถที่จะเลือกปรับเอาเองก็ได้ โดยตัวเลือกที่ให้ปรับก็จะมี การปรับหน้าเนียน ตาโต และเหลาคาง ปรับสุดนี่เอเลี่ยนกันเลยทีเดียว

ภาพจากกล้องหน้าของ Wiko Upulse

 

สรุป

โดยรวมแล้ว Wiko Upulse ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจในช่วงราคาต่ำกว่าห้าพัน ซึ่งจุดเด่นก็คือ ตัวเครื่องด้านหลังที่เป็นแบบกึ่งโลหะ พร้อมกับสีสันที่ค่อนข้างแตะตา โดยเฉพาะสีแดง Cherry Red  ถึงแม้ว่าจะให้ RAM มา 3GB สำหรับการเปิดแอพที่รวดเร็ว แต่ชิปนั้นไม่แรงพอทำให้การใช้งานทั่วไปนั้นมีกระตุกให้เห็นอยู่บ้าง ส่วนคุณภาพกล้องก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีในช่วงราคานี้ 

ในตอนนี้ Wiko ก็เริ่มวางจำหน่าย Wiko Upulse ในวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยจะเป็นสี ดำ และ ทอง ก่อน ส่วนสีแดงจะมาช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ครับ ทั้ง 3 สี มีราคาเท่ากันหมดที่ 4,990 บาท ครับ