รอกันมานานกับ Xiaomi Mi 5 สมาร์ทโฟนเรือธงจากผู้ผลิตแบรนด์จีน Xiaomi หลังจากที่ห่างหายไปเป็นเวลาเกือบ 2 ปี ตอนนี้ภาคต่อของ Mi 4 ก็ปรากฏตัวแล้ว โดย Mi 5 ใช้การผสมผสานกันระหว่าง กระจก โลหะ และ สเปคที่จัดเต็ม แถมราคาก็ไม่ได้โหดร้ายจนกระเป๋าฉีกแบบสมาร์ทโฟนเรือธงบางเจ้า แต่การใช้งานจริงของ Mi 5 นั้นจะดีแบบราคาหรือไม่นั้น มาชมรีวิวของ Mi 5 กันเลยดีกว่าครับ
ก่อนที่จะเริ่มการรีวิวก็ขอบอกก่อนว่า Xiaomi ได้เปิดตัว Mi 5 มาด้วยกัน 3 รุ่น Standard, High และ Pro ที่แตกต่างกันที่ ความเร็วของ CPU, RAM, ROM และ วัสดุที่ใช้ โดยก่อนหน้านี้เราได้ทำการแกะกล่องรุ่น Standard กันไปแล้ว แต่ครั้งนี้รุ่นที่เรานำมารีวิวนั้นเป็นรุ่น High ที่มาพร้อมกับ RAM 3GB และ ROM 64GB ครับ
สเปคของ Xiaomi Mi 5 รุ่น High มีดังนี้
- OS: Android 6.0 Marshmallow with MIUI 7
- หน้าจอ: IPS LCD 5.15 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080 x 1920 พิกเซล
- CPU: Qualcomm Snapdragon 820 quad-core 2.15GHz
- GPU: Adreno 530
- RAM: 3GB
- หน่วยความจำภายใน: 64GB ไม่รองรับ microSD การ์ด
- กล้องหลัง: 16 ล้านพิกเซล, f/2.0, PDAF, 4-axis OIS, เซนเซอร์ 1.12 µm
- กล้องหน้า: 4 ล้านพิกเซล, f/2.0, เซนเซอร์ 2.0 µm
- การเชื่อมต่อ:
- Wi-Fi: 802.11 a/b/g/n/ac
- Bluetooth: 4.2
- GPS: A-GPS, GLONASS, BDS
- NFC
- IR Blaster
- USB Type-C
- Fingerprint sensor
- SIM: รองรับ 2 ซิม Full NetCom 3.0 (dual-SIM dual-active)
- เครือข่าย:
- 2G: 800/850/900/1800/1900/2100
- 3G: 850/900/1900/2000/2100
- 4G: 1800/1900/2100/2300/2500/2600
- แบตเตอรี่: 3,000 mAh ถอดเปลี่ยนไม่ได้ รองรับ QC 3.0
- สัดส่วน: 144.6 x 69.2 x 7.3 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก: 129 กรัม
ดีไซน์
หากว่าใครที่ติดตาม Xiaomi มาตลอด ก็คงจะสังเกตุเห็นได้ว่า Mi 5 นั้นมีความเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนั่นก็คือปุ่มโฮมที่ทำหน้าที่เป็นตัวสแกนลายนิ้วมือด้วย เพราะก่อนหน้านี้ Xiaomi นั้นใช้ปุ่มสแกนลายนิ้วมืออยู่ด้านหลังเครื่องมาโดยตลอด
ขนาดตัวเครื่องของ Mi 5 มีขนาดที่กำลังพอดีมือ ด้วยหน้าจอขนาด 5.15 นิ้ว ซึ่งมีขนาดที่กำลังดี ไม่เล็ก ไม่ใหญ่ จนเกินไป และด้วยน้ำหนักที่เบาเพียง 129 กรัม ทำให้สามารถถือได้เป็นระยะเวลานานโดยไม่เมื่อย แต่ตัวเครื่องค่อนข้างจะลื่น
การผสมผสานกันระหว่าง กระจก และ โลหะ ทำให้ Mi 5 นั้นดูมีความพรีเมี่ยม พร้อมทั้งด้านหลังยังมีขอบโค้ง แต่อย่าให้หน้าตาหลอกคุณ.. เพราะกระจกด้านหลังของ Mi 5 ให้ความรู้สึกเหมือนกับพลาสติกมากกว่าที่จะเป็นกระจก และงานประกอบก็ยังไม่เนี๊ยบเท่าที่ควร ฝาหลังกับขอบข้างดูเหมือนมีร่องอยู่เล็กน้อย และถ้าหากว่าซื้อสีดำมาละก็ เตรียมใจกับลายนิ้วมือให้พร้อมเลยครับ เพราะติดง่ายมาก
ถ้ามอง Mi 5 แบบผ่านๆ ก็เหมือนจะเห็นภาพซ้อนกับ Galaxy S7 อยู่พอสมควร อาจจะเพราะปุ่มโฮมที่เพิ่มเข้ามา ส่วนด้านข้างของปุ่มโฮมก็คือ ปุ่ม recent apps และ ปุ่ม back แบบ capacitive ซึ่งปุ่มทั้ง 2 ไม่ได้ทำเป็นสัญลักษณ์ให้เห็น แต่ว่าเป็นเพียงแค่ไฟ LED จุดเล็กๆ เท่านั้น ใช้แรกๆ ก็อาจจะไม่คุ้น
ด้านบนก็จะเจอกับ โลโก้ mi, ไฟ LED, เซนเซอร์วัดระยะ และ วัดแสง, ลำโพงสนทนา และ กล้องหน้าความละเอียด 4 ล้านพิกเซล
ขอบเครื่องโลหะของ Mi 5 ทั้ง 4 ด้าน นั้นไม่มีการปล่อยให้ว่างเปล่า ซึ่งถูกใช้งานทั้งหมด
- ด้านบน: รูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, IR Blaster และ รูไมโครโฟนตัวที่ 2
- ด้านขวา: ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และ ปุ่มพาวเวอร์
- ด้านล่าง: รูไมโครโฟนสนทนา, USB Type-C และ ลำโพง
- ด้านซ้าย: ช่องเสียบถาดซิม รองรับ 2 ซิม แบบ nanoSIM
สิ่งที่ขาดหายไปของ Mi 5 ก็คือ ไม่มีช่องให้ใส่ microSD การ์ด แต่ว่าสิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาและเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในตอนนี้เลยก็คงจะไม่พ้นเรื่องการรองรับ Full NetCom 3.0 ที่ทำให้ Mi 5 รองรับ 4G/3G พร้อมกันได้ทั้ง 2 ซิมนั่นเองครับ ถ้าหากว่าอยากรู้จักเกี่ยวกับ Full NetCom 3.0 เพิ่มเติมก็อ่านได้จากลิ้งค์นี้เลย
หน้าจอ
ถึงแม้ว่าเรือธงในตอนนี้ใช้หน้าจอความละเอียด Quad HD กันเกือบหมดแล้ว (ยกเว้น Z5 Premium ที่เป็น 4K) แต่ Mi 5 นั้นยังใช้หน้าจอ Full HD อยู่ ซึ่งส่วนตัวแล้วก็คิดว่า Full HD นั้นพอเพียงต่อการใช้งานสำหรับสมาร์ทโฟนในตอนนี้แล้ว เพราะนอกจากที่เราจะมองความแตกต่างแทบจะไม่ออก ก็ยังช่วยประหยัดแบตได้อีกด้วย
หน้าจอขนาด 5.15 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080p ของ Mi 5 นั้นเป็น IPS LCD ซึ่งให้สีสันที่สวยงามเป็นอันดับต้นๆ ในตลาดสมาร์ทโฟนตอนนี้เลยก็ว่าได้ มุมมองของหน้าจอก็กว้าง สามารถมองได้ชัดเจนในเกือบทุกมุม และมีความสว่างที่เพียงพอกับการสู้แสงแดดจ้าๆ
การปรับแสงอัตโนมัติของ Mi 5 ก็ทำได้อย่างดี ระหว่างการใช้งานนั้นแทบจะไม่ต้องไปปรับความสว่างด้วยตัวเองเลยครับ แต่ที่ติดใจก็คือขอบการหลอกตาของขอบข้าง ที่ตอนแรกนึกว่า Mi 5 จะไร้ขอบ แต่ดันมีขอบดำซะงั้น
ประสิทธิภาพการทำงาน
ถ้าจะให้หาจุดที่ทำให้ Mi 5 นั้นเป็นสมาร์ทโฟนเรือธง ก็คงจะหนีไม่พ้นชิป Snapdragon 820 ที่ขับเคลื่อนเจ้า Mi 5 ซึ่งเป็นชิปเรือธงที่แรงที่สุดจากทางค่าย Qualcomm ในตอนนี้ และเมื่อเทียบกับ Snapdragon 810 ก็ถือว่ามีการพัฒนามาเยอะมาก สำหรับผล benchmark ต่างๆ ของ Mi 5 จาก AnTuTu, Geekbench และ 3D Mark ก็ได้ตามนี้เลย
ด้วยความช่วยเหลือจาก Snapdragon 820 ทำให้ Mi 5 นั้นมีความลื่นไหล เปิดแอพได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน และ RAM 3GB ก็ถือเยอะพอสำหรับการใช้งาน แต่ว่าก็ยังเจอกับปัญหาแอพค้าง และปิดตัวเองอยู่บ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งก็คงจะเป็นที่รอมมากกว่าครับ
การเล่นเกมที่มีกราฟฟิคสูงๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับ Mi 5 เพราะชิป Snapdragon 820 นั้นมาพร้อมกับ GPU Adreno 530 สามารถเล่น Asphalt 8 ได้อย่างสบายๆ
ตัวสแกนลายนิ้วมือที่ทำหน้าที่เป็นปุ่มโฮมของ Mi 5 นั้นสามาถทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากๆ เรียกได้ว่าไม่เป็นสองรองใครเลย
กล้อง
Xiaomi Mi 5 มาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.0 ซึ่งภายในงานเปิดตัว นาย Hugo Barra ก็ได้อวดกล้องของ Mi 5 ว่ามาพร้อมกับกันสั่นถึง 4 แกน และกันสั่น 4 แกน ก็ถือว่าสามารถช่วยในการถ่ายภาพได้เป็นอย่างดี
แอพกล้อง MIUI ของ Mi 5 นั้นดูเรียบง่าย เลื่อนไปทางขวาจะมี filter ให้เลือก สำหรับคนที่ชอบความสร้างสรรค์ ส่วนเลื่อนไปทางซ้ายก็จะมีโหมดให้เลือกใช้อยู่ 9 โหมด ด้วยกัน
ภาพจากกล้องหลังเมื่อถ่ายในที่มีแสงนั้นได้ภาพที่สวย คมชัด และมี dynamic range ที่กว้าง ได้สีที่สมจริง ไม่เว่อร์จนเกินไป แต่เมื่ออยู่ในสภาพแสงน้อย จะเห็นได้ชัดว่าภาพนั้นมี noise ปรากฏขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน
กล้องหน้าของ Mi 5 มีความละเอียดอยูที่ 4 ล้านพิกเซล f/2.0 ซึ่งถือว่าน้อยเกินไปแล้วสำหรับสมาร์ทโฟนเรือธงในสมัยนี้ โหมดของกล้องหน้าก็มีเพียงแค่โหมด beautify อยู่ 3 ขั้น low, medium และ high แต่ว่าเราสามารถที่จะเลือกเปิดลูกเล่นอย่าง การเช็คอายุและเพศ ได้ แถมยังมีโหมด magic mirror ที่เอาไว้เช็คความเป๊ะของหน้าเรา ด้วยการให้คะแนน
ซอฟต์แวร์
MIUI 7 ของ Mi 5 ถูกพัฒนาอยู่บน Android 6.0 Marshmallow แต่ว่าให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าใช้ iOS มากกว่า เพราะหน้าตาที่คล้ายกับทางฝั่งผลไม้นั่นเอง ซึ่งสมาร์ทโฟนแบรนด์จีนหลายๆ เจ้าก็ทำแบบนี้เช่นเดียวกัน แต่ด้วยความที่เป็น Android ก็เลยสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ลง launcher เอา
เนื่องจากว่า Mi 5 รุ่นที่ได้นำมารีวิวนั้นเป็นเครื่องจากจีน ทำให้ไม่มี Google Play Service อยู่ในเครื่องเลย เราเลยจำเป็นที่จะต้องทำการลงเอาเอง ซึ่งระหว่างการลงก็พบปัญหาอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น contacts นั้นไม่ sync หรือ โหลดแอพไม่ได้ ก็แนะนำว่าถ้าซื้อ Mi 5 ก็ควรจะลงรอมอินเตอร์ไปเลย เพราะว่ามาพร้อมกับ Google Play Service แบบครบครันครับ
ถึงแม้ว่า MIUI 7 ของ Mi 5 จะเป็น Android 6.0 แล้ว แต่ว่าฟีเจอร์บางอย่างของ Android 6.0 ก็ยังขาดหายไปอยู่บ้าง อย่างเช่น Google Now on Tap เป็นต้น
Theme
ขาดไม่ได้เลยกับฟีเจอร์ theme ในตอนนี้ เพราะว่าแต่ละคนก็มีสไตล์ความชอบเป็นของตัวเอง โดยแอพ theme ของ Mi 5 นั้นเป็นภาษาจีน ซึ่งก็มี theme ให้เลือกอยู่มากมาย มีทั้งแบบฟรีและเสียเงินให้เราสามารถเลือกปรับแต่งได้ตามใจชอบครับ แต่ว่าเราต้องมี Mi Account ในการดาวน์โหลด
Notification bar
แถบการแจ้งเตือนของ Mi 5 แบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน โดยส่วนแรกจะเป็นการแจ้งเตือน ในส่วนที่สองนั้นจะเป็นปุ่ม quick settings ต่างๆ พร้อมทั้งยังสามารถควบคุมการเล่นเพลงได้ด้วย
เราสามารถที่จะเปลี่ยนปุ่ม quick settings ต่างๆ ได้ด้วยการไปที่ Settings > Notifications > Toggle positions ครับ
ปุ่ม
การที่ Mi 5 นั้นทำปุ่ม capacitive เป็นเพียงแค่จุดไฟนั้นไม่ใช่ว่าจะทำให้สับสนแต่อย่างใด แต่เพราะว่าเราสามารถที่จะสลับด้านของปุ่ม recent apps และ ปุ่ม back โดยตอนแรกนั้น ปุ่ม recent apps จะอยู่ทางด้านซ้าย ส่วนปุ่ม back จะอยู่ทางด้านขวา แต่ถ้าใครไม่ชินก็เปลี่ยนให้ ปุ่ม back มาอยู่ทางด้านซ้ายแทนได้ครับ
แบตเตอรี่
Mi 5 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 3,000 mAh ท่ีไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งถ้าใช้งานปกติก็สามารถอยู่ได้แบบเต็มวัน โดยมีเวลาการใช้งาน screen-on time อยู่ที่ประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง ถึง 4 ชั่วโมง ถ้าหากว่าใช้ไม่เยอะก็สามารถอยู่ได้วันกว่าๆ เลยทีเดียว
พอร์ตการชาร์จของ Mi 5 นั้นเป็น USB Type-C ที่รองรับการชาร์จเร็ว Quick Charge 3.0 แต่ว่าตัวชาร์จที่แถมมานั้นเป็นแค่ Quick Charge 2.0 แต่ยังสามารถชาร์จได้ไว ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่นัก การชาร์จจาก 0 – 100 ใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 75 – 80 นาที
สรุป
Xiaomi Mi 5 แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาของ Xiaomi ที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างเรื่อยๆ ซึ่งถ้าเรานำสเปคของ Mi 5 มาเทียบกับราคาของมัน ก็ไม่ต้องบอกเลยว่า Xiaomi นั้นน่ากลัวขนาดไหน เพราะว่าด้วยสเปคที่จัดเต็ม แต่ว่าราคาใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนราคาระดับกลางบางเจ้า ทำให้ Mi 5 เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว การทำงานของ Mi 5 ก็สามารถทำได้อย่างลื่นไหล และอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่ว่าก็ยังมีบางจุดที่ยังคงต้องปรับปรุงอยู่บ้างครับ ถ้าหากว่าใครซื้อมาก็แนะนำว่าให้ลงรอมอินเตอร์เลยนะครับ เพราะจะประหยัดเวลาชีวิต และสะดวกสบายมากขึ้นอย่างแน่นอน
ข้อดี:
- หน้าจอคมชัด สีสันสวยงาม
- แบตอึด อยู่ได้เต็มวัน
- กล้องหลังได้ภาพที่คมชัดในที่มีแสง
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือทำงานได้เร็วและแม่นยำ
- สเปคจัดเต็ม ใช้งานได้อย่างลื่นไหล
- รองรับ Full NetCom 3.0
ข้อเสีย:
- ไม่รองรับ microSD การ์ด
- ถ่ายภาพตอนแสงน้อยจะมี noise เยอะมาก
- MIUI ยังคาดฟีเจอร์หลักๆ ของ Android อยู่
- งานประกอบยังไม่ค่อยดีนักก
มาดูผล speed test และความร้อนเมื่อเทียบกับ s7 ครับ
https://www.youtube.com/watch?v=bfdbmIgYPz8
เจออันนี้ดีกว่าครับ หักง่ายอย่างกะหักขนมปังกรอบ
[youtube]d2jav7UdQtE[/youtube]
ตามนั้นเลยครับ กล้องดีนะ แต่ยังห่างกับค่ายเกาหลีตัว Topๆ อยู่
– กล้องหลังแสงกวางวันยังพอแข่งกับเค้าได้บ้าง แต่ถ้าเปนแสงน้อยกับกลางคืน ห่างดันแบบชัดเจนครับ
– กล้องหน้ายังสู้ไม่ได้
ถ้าจะซื้อเอง ให้ร้านลง rom global มา ดีแล้วครับ หรือลง play store มาให้
เพราะ rom จีน Android 6.0 ลง play store อย่างยากหน่อยอะ contract ก็ไม่ sync ต้องมั่วอยุ่หลายรอบ
..แต่พอลง global ROM ฟินเลยครับ เมนูไทยก็มี
แต่ body ผมว่าเบาบางจริง ถือง่ายสำหรับคนมะชอบของหนัง
สุดท้ายผมว่า Mi5 ได้ที่ความคุ้มราคามากกว่าครับ
รอ ดูรีวิวZUK Z2 Pro อยุ่ครับ
ผมสั่งร้าน AOB ไปละตัว32 ราคา 14000บาทนับว่าคุ้มเกินราคาครับ
[size=20]ผมหาใน lazada ถูกกว่า เอา code เพิ่ม จากบัตรเครดิตได้ cashback คืนด้วยคับ ผมใช้ Kbank คับ
www.lazada.co.th/shop-mobiles/xiaomi
ผมใช้โปรลดอันนี้คับ > โปรลด Kbank หรือไม่ก้อ KrugSri[/size]
ใครดูตัวต่ำกว่าหมื่นแนะนำ Xiaomi mi max คับลองหาคับ..ผมว่าตัวนี้น่าเล่นกว่า ถ้าคนงบน้อย
ไม่หรือ Xiaomi ตัว Redmi Note3
ยังคงลังเลตัว High กับ Nexus 5x อยู่ TT
ลง global rom ยังไงครับ
เท่าที่ลองตัว 64 มาสี่วันกว่าๆ
วัสดุเยี่ยมครับ งานประกอบโอเค ด้วยสเปคแล้วก็ใช้งานได้ลื่นไหล กล้องพอสู้ตัวกลางๆค่อนๆบนได้อยู่ เรื่องเสียงนี่ Mi note ดีกว่าพอสมควร ตอนนี้ปล่อยไปแล้วครับ อยากโดน HTC
BDS คือไรหรอ
BDS คือ BeiDou Navigation Satellite ครับ
เป็นระบบ GPS ของประเทศจีนเค้านะครับ
ใครช่วยไปรีเควสในเวป mi ทีว่า contact แม่มห่วยแตกมากช่วยแก้ให้ display แบบคัสตอมได้ที่หน่อยเหอะ จะได้หาซื้อมาใช้บ้าง
miui ถ้าจำไม่ผิด มันตั้งค่าให้แสดงผลรายชื่อจากซิม จากเครื่อง จาก account ได้อยู่นะครับ และสามารถปิดรายชื่อที่ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ได้ด้วย (ประมาณพวกรายชื่อที่เป็นอีเมล์) ส่วนเข้าไปกดตั้งค่ายังไง ตรงนี้ผมจำไม่ได้นะครับ เพราะไม่ค่อยได้เล่น
ผมนี่ รอดู Mi Note / Mi Note Pro ตัวใหม่ครับผม
รองรับ 3CA ของ TRUE-H หรือเปล่าครับ
ถ้าไม่รองรับ สามารถทำ 2CA 2100+1800 ได้ไหมครับ
รบกวนทดสอบหน่อยได้ไหมครับ
ขึ้น 4G+ ครับ อยุ่ใน กทม. ครับ แถวรัชดา + รามคำแหง
แต่ก็ยังสวิ้ง ไป 4G บ้าง 4G+ บ้าง บางจังหวะ
..แต่ความเร็ว net ก็ตามสภาพครับ ช่วงเย็นๆก็ไม่ได้เร็วมากมาย
ใจอยากได้ mi5 แตกล้องรอบนี้สู้ S7 ไม่ได้จริงๆ
สู้ตัวท๊อปปีนี้ไม่ได้ทุกตัวเลยครับ
แต่เรื่องราคาก็ยังคุ้มค่าอยู่
ถ้าดูตามราคา(ในจีน) สู้ไม่ได้หรอกครับ
ตอนกลางคืน/แสงน้อย noise บาน ครับ
แต่ตอนมีแสงก็โอเคอยุ่นะ
รออัพเดท เผื่อกล้องจะดีกว่านี้
แต่ที่ผิดหวังสุดคือ ois 4แก่น ..ตอนในงานเปิดตัวผมดู Live อยู่ คือแหม่..เมพมากอะ
..แต่ความเป็นจริง ผมว่ากันสั่นได้นิดหน่อยเองตอนถ่ายวีดิโออะครับ
ดูแล้ว ผมว่า Meizu pro6 แซ่บกว่า
แค่เจอ zuk z2 pro มาชนก็แย่แล้วครับ
รายนั่นมี HR ด้วย
ตอนแรกเปิดตัว ชอบdesignของPro6
แต่พอมาจับMi5 จริงๆก็ดูหรูหราใช้ได้นะครับ
..แต่ Mi5 สู้ Pro6 เรื่องเสียงมะได้จริงๆ แฮ่
รบกวนทดสอบตอนที่ซิมนึงใช้ data อยู่แล้วอีกซิมสามารถโทรได้เลยหรือไม่
ไม่ชอบ อย่างเดียว ขอบจอสีดำ
สวย เบา แต่บอบบางเกิน
1.ถ้าให้เทียบระหว่าง oppo F1 plus กับ xiao mi 5 หรือกับ zuk z2 pro ทุกท่านคิดว่าตัวไหนน่าใช้กว่ากันครับ
2.ผมเองก็เพิ่งบอกให้เพื่อนหิ้ว mi 64 มาให้ จากจีน การลงรอมอินเตอร์ทำอย่างไรบ้างเหรอครับ
ผมติดอย่างเดียว คือ เรื่อง GPS โอเคหรือป่าวครับ
อยากได้ สีชมพูอ่าาาาาา >.<