เราน่าจะเคยได้ยินฟีเจอร์ Find My iPhone กันมาบ้าง เพราะถือเป็นฟีเจอร์ที่ถูกพูดถึงมาเยอะและค่อนข้างบ่อย มีไว้สำหรับการเอาไว้ตามหา อุปกรณ์ของ Apple เช่น iPhone, iPad, เครื่อง Mac แต่วันนี้เราอยากจะมาแนะนำเพื่อนๆกันก็คือฟีเจอร์ Find My Mobile จากทางค่าย Samsung ที่เป็นบริการสำหรับให้เราสามารถใช้หาอุปกรณ์มือถือ Galaxy ที่หายได้เหมือนกัน
สำหรับบริการ Find My Mobile เราสามารถใช้เพื่อตามหาเฉพาะมือถือ ของ Samsung พวกตระกูล Galaxy ได้เท่านั้นนะ ส่วนวิธีใช้จะเป็นยังไง เราจะมาแนะนำกันในบทความนี้ รวมถึงใครที่อาจจะกังวลว่าวันนึงจะทำมือถือหายหรือเปล่า แล้วจะทำยังไงดี บอกเลยว่า สิ่งที่เราเอามาแนะนำ เหมือนฉีดวัคซีนไว้ก่อน เป็นตัวช่วยก่อนเกินปัญหาจริงได้บ้างแน่นอน
สมัคร Samsung account เพื่อเริ่มใช้งาน
สำหรับใครที่ใช้มือถือ Samsung ก็แนะนำให้ทำการสมัครตัวบัญชีของทาง Samsung ก่อนเลยเพื่อความสะดวกในการใช้งานบริการ Find My Mobile หรือจะ Sign in ผ่าน Google account ก็ได้ แต่สำหรับใครที่ยังไม่มีสามารถเข้าไปสมัครได้ตามวิธีที่จะแนะนำได้เลย
วิธีการสมัครสามารถเข้าไปใน Setting และเลือก Samsung account > และเลือกที่ Create account เพื่อทำการสร้างบัญชี หรือ เลือก Sign in ด้วย Google
ตั้งค่าความปลอดภัยในเครื่องเพื่อเปิดใช้งาน Find my mobile
เมื่อได้ บัญชี Samsung และ Sign in เรียบร้อยแล้ว เข้าไปที่ “Setting การตั้งค่า” >เลือกที่ “Biometric and Security หรือ ชีวมาตรและความปลอดภัย” > และเลือกที่ “Find My Mobile หรือ ค้นหาโทรศัพท์ส่วนตัว”
แนะนำว่าให้เปิดทุกอย่างในหน้านี้หมดเลย เพราะแต่ละฟีเจอร์ที่ให้เปิดได้จะช่วยให้เราค้นหาโทรศัพท์ของเราได้ง่ายขึ้น
- ทั้งการปลดล็อกระยะไกล > ที่ช่วยให้เราปลดล็อกโทรศัพท์ได้จากระยะไกล หรือจะใกล้ก็ได้นะ สำหรับใครที่ลืมรหัสปลดล็อกจอก็สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ลบรหัสออกได้ด้วย
- ส่งตำแหน่งล่าสุด > โทรศัพท์จะส่งตำแหน่งเครื่องล่าสุดก่อนที่แบตเตอรี่จะหมด ทำให้เรารู้ตำแหน่งสุดท้ายก่อนเครื่องดับได้ถ้าเราเข้ามาดูที่ Find My Mobile
- การค้นหาแบบ Offline > อันนี้แนะนำให้เปิดมาก เพราะถึงแม้เครื่องเราจะโดนปิด หรือ ดึงซิมการ์ดออก โทรศัพท์เราจะใช้ ตัว Bluetooth จับสัญญาณกับเครื่อง Galaxy อื่นๆที่อยู่รอบๆระยะใกล้ๆ แล้วส่งสัญญาณกลับมาตอนเราหาเครื่องได้ว่าตอนนี้เครื่องของเราอยู่ไหน
และให้สังเกตลิงค์ findmymobile.samsung.com ไว้นะ เพราะมันจะใช้เป็นลิงค์สำหรับเอาไว้ติดตามมือถือของเราเราจะต้องใช้บริการผ่านลิงค์นี้ เท่านี้ก็เรียบร้อยพร้อมใช้งาน Find My Mobile แล้ว
ค้นหามือถือ Samsung ที่หาย
ถ้าเราจะทำการค้นหาเครื่องที่หายสามารถเข้าไปที่ลิงค์ findmymobile.samsung.com จะเข้าผ่านอุปกรณ์อะไรก็ได้นะ ทั้ง Android, iOS, PC, Laptop ขอแค่ให้เข้า Browser ได้เป็นพอ เมื่อเข้ามาแล้วก็จะเจอกับหน้าตอนรับของบริการนี้ก่อนเลยให้เราเลือกกด “เข้าสู่ระบบ” ได้เลย เมื่อเข้ามาแล้ว ทำการพิมพ์รหัส บัญชี Samsung account ของเราที่สร้างไว้แล้วจากนั้นเราจะเจอกับหน้าตาของฟีเจอร์ Find My Mobile ทั้งหมดเลย
จะเห็นว่าหน้าตารวมๆหลังจาก Log in เข้ามาแล้วเราจะเห็นชื่อโทรศัพท์ของเราและชื่อรุ่น มีการบอกตำแหน่งว่าอยู่ที่ไหนและสถานะว่าตอนนี้ Online หรือ Offline อยู่ และถ้า Online อยู่และมีการเชื่อมต่อผ่าน Wifi จะบอกว่า Wifi ที่เชื่อมต่อชื่อว่าอะไร และก็จะมีแผนที่พร้อมตำแหน่งขึ้นให้ดูเลยว่าอุปกรณ์ที่สูญหายของเราตอนนี้อยู่ที่ไหน และด้านล่างจะเป็นฟีเจอร์ของบริการนี้ทั้งหมดว่าสามารถทำอะไรได้บ้างในการค้นหาเครื่องที่หายส่วนฟีเจอร์ที่มีมาให้จะทำงานยังไงและทำอะไรได้บ้าง เรามีอธิบายให้เพื่อนๆอ่านกันด้านล่างเพิ่มเติมด้วย
ข้อสังเกตในการใข้งาน
- ไม่มีฟีเจอร์ที่สามารถกดนำทางไปยัง Location เครื่องหาย ที่แสดงใน Find My Mobile ได้ เราจะต้องจำ ตำแหน่งที่แสดงอยู่ แล้วไปค้นหา ผ่านแอปแผนที่อย่างเช่น Google Maps เอาเอง
- ไม่มีแอป Find My Mobile ให้ดาว์นโหลดใน Play Store หรือ App store การใช้งานต้องใช้ผ่าน Browser เท่านั้น
- ต้องทำการ ตั้งค่า เปิดใช้การค้นหาโทรศัพท์ก่อน ถึงจะค้นหาที่หลังได้
ฟีเจอร์ทั้งหมดที่ Find My Mobile มีมาให้
1.Ring เล่นเสียงเพื่อตามหา
ฟีเจอร์นี้เมื่อกด Ring จะทำให้โทรศัพท์ที่เรากำลังตามหาเล่นเสียงแบบดังสุดๆ มา 1 นาที ก็อาจจะเหมาะกับคนที่ทำหายในบ้านแล้วหาไม่เจอและไม่ได้อยู่ในระยะไกลมาก ก็จะทำให้เราหาเจอจากเสียงได้ แต่ถ้าเครื่องเราไม่ได้ Online อยู่ไม่สามารถกดให้มีเสียงได้นะ
2.Lock ล็อกหน้าจอเพื่อเสริมความปลอดภัย
ถึงหน้าจอเราจะล็อกอยู่แล้ว ถ้าเราเปิดฟีเจอร์นี้เพิ่มเข้าไปจะทำให้หน้าจอล็อกของเราทำการเเสดงรายชื่อหรือข้อความฉุกเฉินที่เราตั้งไว้ได้, โทรศัพท์จะระงับ Samsung Pass ทั้งหมดไม่ให้เข้าถึงได้, และ ที่น่าสนใจมากๆก็คือ จะล็อกเพื่อไม่ให้สามารถปิดเครื่องหนีได้ด้วย! เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องกลัวการทำหาย แล้วปิดเครื่องหนีเรื่องเงียบถ้าเราเปิดฟีเจอร์นี้ไว้
3.Location tracking ติดตามตำแหน่งเครื่องทุก 15 นาที
ฟีเจอร์นี้เจ๋งมากๆ เพราะมันจะช่วยให้เรา Track ตำแหน่งของเครื่องที่หายได้แทบจะตลอดเวลาเลย เพราะมีการอัพเดท ตำแหน่งทุกๆ 15 นาทีถ้าเราเปิดฟีเจอร์นี้ไว้จะทำให้รู้ว่า โทรศัพท์ของเรามีการเคลื่อนที่ ไปที่ไหนบ้าง ความเจ๋งยิ่งกว่าคือ ถึงแม้ว่า ตัวเครื่องของเรา Offline อยู่หรือปิดเครื่อง แล้วดันทำหายขึ้นมา ตัวเครื่องจะสามารถใช้โทรศัพท์ Samsung ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงจับสัญญาณ Bluetooth เพื่อใช้อัพเดทตำแหน่งได้ด้วย แต่ว่าต้องเปิด Bluetooth ไว้ด้วยนะ
ส่วนการเปิดใช้งานคือเลือกกดที่ “ติดตามตำแหน่ง” > จะมีการอัพเดทให้เราดูตามเวลาว่าช่วงเวลาไหนจับตำแหน่งเครื่องเราได้จากจุดไหนบ้าง
4.ลบข้อมูลจากระยะไกล
เป็นฟีเจอร์ที่สั่งลบข้อมูลทั้งเครื่องจากระยะไกล ส่วนตัวคิดว่าฟีเจอร์นี้เหมาะสำหรับคนที่คิดว่าเครื่องตัวเองหายแล้วไม่ได้คืนแน่ๆ หรือใครที่กังวลเรื่องข้อมูลในเครื่องมากกว่ามูลค่าเครื่องคือ “เครื่องหายไม่เป็นไร แต่อย่าได้ข้อมูลอะไรไปเลยก็พอ” ก็จะทำอุ่นใจตรงนี้ไปได้เพราะสามารถกดลบข้อมูลได้เลย แต่ว่าโทรศัพท์จะต้อง Online อยู่เท่านั้น
ส่วนการลบข้อมูลทำได้โดยกดที่ “ลบข้อมูล” > จะมีให้เรากดยืนยันรหัส (อันนี้เป็นจุดสังเกตในการใช้งานฟีเจอร์นี้เพราะว่าทาง Samsung ให้เรายืนยันรหัสจากเครื่องที่สูญหายแต่ว่าเราไม่สามารถเอารหัสมายืนยันจากเครื่องสูญหายได้อยู่แล้ว) และยังมีวิธีอื่นที่ให้เรายืนยันตัวตนได้อีก > รหัสแบ็คอัพ เมื่อเราใส่รหัสสำหรับ แบ็คอัพลงไปยืนยัน เครื่องจะทำการลบข้อมูลทั้งหมดทันที
5.Back up ข้อมูล
Find My Mobile ยังให้ความสามารถในการสำรอง Back up ข้อมูลมาด้วย ทำให้อย่างน้อยๆ เราก็ยังมั่นใจว่าข้อมูลสำคัญๆของเราจะไม่หายตามเครื่องไป ถ้าเกิดว่าเราไม่ได้เครื่องคืนมาจริงๆ การแบ็คอัพจะทำได้ต่อเมื่อโทรศัพท์ Online อยู่เท่านั้น
ส่วนการสำรองข้อมูลให้เลือกที่ “แบ็คอัพ” > จะมีขึ้นรายการของข้อมูลที่เราต้องการสำรองมาให้เลือก แต่หลักๆจะเป็นข้อมูลสำคัญๆในเครื่องเช่น ข้อความ, รายชื่อ, บันทึกการโทร, รายชื่อ, การตั้งค่า, และข้อมูลการโหลดแอป เราสามารถเลือกได้ว่าต้องการจะสำรองส่วนไหนบ้าง และ กด “แบ็คอัพ”ได้เลยทันที > จะมีหน้าต่างอีกหน้าขึ้นมาแสดงสถานะการสำรองข้อมูล เมื่อโหลดเสร็จก็ถือว่าเรียบร้อยแล้ว
6.เรียกดูประวัติการโทร / ข้อความ
ถือว่า Samsung ให้ฟีเจอร์มาเยอะจริงๆในบริการของ Find My Mobile มีฟีเจอร์ที่เรียกดูเบอร์โทรและข้อความล่าสุดได้มากถึง 50 รายการ ทำให้เราพอจะแอบดูเบอร์สำคัญๆของเพื่อนหรือครอบครัวเราเพื่อขอความช่วยเหลือได้ด้วย เพราะในบันทึกจะมีการแสดงเบอร์โทรและชื่อผู้ติดต่อให้เราดูบางทีเราไม่สามารถจำเบอร์พวกเขาได้ เพราะ 50 รายการล่าสุดแน่นอนว่าเราต้องติดต่อกับคนใกล้ตัวของเราอยู่แล้วแน่นอน
เราสามารถกดดูได้จาก “เรียกการโทร/ข้อความ” ได้เลย
7.ปลดล็อกรหัส Pin
ฟีเจอร์นี้อาจจะไม่ได้ออกแบบมาให้สำหรับคนที่จะตามหาเครื่องหายนะ เพราะมีไว้สำหรับปลดล็อกหน้าจอ ถ้าเราใช้ฟีเจอร์นี้ใครที่ได้เครื่องเราไปก็น่าจะยิ้มเลยทันที แต่ที่ทาง Samsung ให้ฟีเจอร์นี้มาก็เพราะเจ้าของเครื่องล้วนๆเลย เพราะบางทีก็มีเคสที่ เจ้าของโทรศัพท์เกิดลืมรหัส Pin ที่ใช้ในการปลดล็อกหน้าจอขึ้นมา ก็ทำให้เข้าโทรศัพท์ตัวเองไม่ได้ เค้าก็เลยมีฟีเจอร์นี้ขึ้นมา แต่ถ้าหากโทรศัพท์ของเรา Offline เราจะไม่สามารถปลดล็อกรหัส Pin ได้นะ
สามารถปลดล็อกได้ด้วยการไปที่ “ปลดล็อก” > ในหน้าต่างนี้กดที่ “ปลดล๊อก” อีกที
8.เปิดโหมดยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่
ถ้าเรากำลังทำการ Track ตำแหน่งของมือถือเราอยู่แน่นอนว่าปัญหาที่จะเจอคือแบตเตอรี่จะลดลงเร็วกว่าปกติแน่นอน เพราะว่ามีการใช้งาน Location อยู่ตลอดเวลา ซึ่งถ้าเรากลัวว่าแบตจะหมดหละก็ แนะนำให้เปิดโหมดนี้ไว้เลย เพราะถ้าแบตเตอรี่หมดหละก็เราจะรู้แค่ตำแหน่งสุดท้ายก่อนเครื่องดับ หลังจากนั้นเราก็ไม่รู้เลยว่าเครื่องของเราไปอยู่บริเวณไหนแล้ว (ถึงแม้จะยัง Track ตำแหน่งตอนปิดเครื่องได้แต่ถ้าแบตหมดจะไม่สามารถ Track ตำแหน่งได้ต่อ)
การเปิดโหมดยืดอายุแบตเตอรี่ กดที่ “ยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่” > “ยืดเวลา” > หน้าตาของโทรศัพท์เราจะกลายเป็นเหมือนตอนที่เปิดโหมดประหยัดพลังงาน
9.โหมดผู้ปกครอง
ฟีเจอร์นี้มองจากทั้งหมดแล้วดูเหมือนจะเป็นฟีเจอร์ที่ทาง Samsung ให้มาแล้วเกี่ยวข้องกับการค้นหาโทรศัพท์น้อยที่สุด เป็นโหมดการเพิ่มรายชื่อความเป็นผู้ปกครองเข้าไปเพื่อคอยดูติดตามโทรศัพท์ได้ เหมือนอารมณ์พ่อแม่เอาไว้คอยดูลูกว่า ตอนนี้อยู่ตรงไหนมากกว่า
การเข้าไปฟีเจอร์นี้คือ กดไปที่ “ตั้งค่าผู้ปกครอง” > ทำการเพิ่ม Email ที่จะแต่งตั้งใหม่เข้าไป
ส่วนตัวเลย ผู้เขียนคิดว่า Samsung ให้ฟีเจอร์มาในบริการ Find My Mobile ค่อนข้างคลอบคุลมและก็มาซัพพอร์ท ผู้ใช้ในการค้นหาโทรศัพท์ที่หายได้ถือว่าดีเลย ก็จะมีส่วนข้อสังเกตที่เล่าไปด้านบนบ้างที่ยังเป็นจุดที่ควรปรับปรุง ยังไงก็หวังว่าทุกคนจะได้ลองเข้าไปเล่นบริการนี้ดู แต่ขอให้ไม่มีใครที่จะต้องเจอเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องใช้บริการนี้จริงๆจังๆกันนะ ผู้เขียนก็ขอแนะนำให้ดูแลมือถือเราให้อยู่ในสายตา อยู่กับตัวตลอดเวลาก็จะเป็นการแก้ปัญหาต้นเหตุที่ดีกว่าเยอะเลย ฮ่าๆ
Comment