มือถือราคาไม่ถึงหมื่นบาทอย่าง Samsung Galaxy A32 เริ่มวางจำหน่ายในบ้านเราไปตั้งแต่เดือนมีนาคมด้วยราคาน่าสนใจที่ 8,499 บาทเท่านั้น แต่สเปค + ฟีเจอร์ต่าง ๆ เรียกว่ายัดมาให้แบบไม่กั๊ก ทั้งหน้าจอ sAMOLED, กล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียดสูงสุด 64MP และแบตอึด ๆ ถึง 5000 mAh มาให้อีกต่างหาก โดยมือถือรุ่นที่มีสเปคและราคาระดับไล่เลี่ยกันก็คือ Vivo Y31 ที่มีเปิดมา 7,499 บาทนั่นเอง ทำให้หลาย ๆ คนอาจสงสัยว่า ทั้ง 2 รุ่นนี้ แต่ละรุ่นมีจุดเด่นหรือจุดด้อยตรงไหนบ้าง…เราก็เลยขอเอามาเปรียบเทียบให้ดูกันครับ
ก่อนอื่นเรามาสเปคโดยรวมของทั้ง Galaxy A32 และ Vivo Y31 กันก่อนเลยดีกว่าครับ ว่าแต่ละรุ่นมีสเปคที่สูสีคู่คี่กันขนาดไหน
สเปค Galaxy A32 / Vivo Y31
สเปค | Galaxy A32 | Vivo Y31 |
![]() | ![]() | |
หน้าจอ | AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ | LCD ขนาด 6.58 นิ้ว ความละเอียด FHD+ |
CPU | Helio G80 | Snapdragon 662 |
GPU | Mali-G52 MP2 | Adreno 610 |
RAM | 8GB | 8GB |
ความจุ | 128GB รองรับ microSD card 1TB | 128GB รองรับ microSD card 1TB |
กล้องหลัง | – กล้องหลัก 64MP (f/1.8), PDAF – กล้อง Ultrawide 8MP (f/2.2) – กล้องจับความลึก 5MP (f/2.4) – กล้องมาโคร 5MP (f/2.4) | – กล้องหลัก 48MP (f/1.79) – กล้องจับความลึก 2MP (f/2.4) – กล้องมาโคร 2MP (f/2.4) |
กล้องหน้า | 20MP (f/2.2) | 8MP (f/2.0) |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, BT 5.0 | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, BT 5.0 |
เซ็นเซอร์ | Fingerprint (ใต้จอ), accelerometer, proximity, compass | Fingerprint (ด้านข้าง), accelerometer, gyro, proximity, compass |
ระบบเสียง | ลำโพงเดี่ยว, รูหูฟัง 3.5 มม., Dolby Atmos (สำหรับหูฟัง) | ลำโพงเดี่ยว, รูหูฟัง 3.5 มม. |
แบตเตอรี่ | 5000 mAh รองรับชาร์จไว 15W | 5000 mAh รองรับชาร์จไว 18W |
ระบบ | Android 11 ครอบด้วย One UI 3.1 | Android 11 ครอบด้วย Funtouch 11 |
ขนาด / น้ำหนัก | 158.9 x 73.6 x 8.4 มม. / 184 กรัม | 163.9 x 75.3 x 8.4 มม. / 188 กรัม |
ราคาเปิดตัว | 8,499 บาท | 7,499 บาท |
ดีไซน์ตัวเครื่อง
Galaxy A32
Galaxy A32 มีขนาดตัวเครื่องที่เล็กกว่า Vivo Y31 อยู่นิดหน่อยที่ 158.9 x 73.6 x 8.4 มม. น้ำหนัก 184 กรัม ด้านหลังเป็นพลาสติกมันวาวสีเรียบ ๆ มีกล้องหลัง 4 ตัว และแฟลช 1 ดวง วางอยู่ตรงมุมซ้ายบน ซึ่งกล้องหลังแต่ละตัวทั้งหมดจะวางอยู่บนฝาหลังเลย ไม่ได้อยู่บนโมดูลเหมือนมือถือรุ่นอื่น ๆ
ขอบเครื่องด้านขวามีปุ่มปรับเสียงและปุ่ม Power ด้านซ้ายมีถาดซิม ด้านล่างมีรูหูฟัง 3.5 มม. พอร์ต USB-C และลำโพง โดยรุ่นนี้จะใช้เซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือแบบฝังไว้ใต้จอครับ
Vivo Y31
Vivo Y31 มีขนาดตัวเครื่องใหญ่ และหนักกว่านิดหน่อยที่ 163.9 x 75.3 x 8.4 มม. น้ำหนัก 188 กรัม ด้านหลังของ Y31 เป็นพลาสติกเหมือนกัน แต่ผิวสัมผัสเป็นแบบด้าน ขอบเครื่องโค้งมน ใช้สีแบบ Gradient และมีกล้อง 3 ตัว พร้อมแฟลชวางอยู่บนโมดูลด้านซ้ายบน นูนออกมาจากเครื่องเล็กน้อย
ขอบเครื่องด้านขวามีปุ่มปรับเสียงและปุ่ม Power ที่ใช้สแกนนิ้วมือด้วย ด้านบนมีถาดซิม ส่วนด้านล่างมีรูหูฟัง 3.5 มม. พอร์ต USB-C และลำโพงเหมือนกัน
หน้าจอ
Galaxy A32
หน้าจอของ A32 มีขนาด 6.4 นิ้ว แม้จะมีขนาดเล็กกว่า Y31 แต่ได้เปรียบตรงที่เป็นพาเนลแบบ OLED ซึ่งให้สีสันที่สดใสกว่า และสว่างกว่า มองเห็นชัดกว่าเมื่อใช้งานกลางแดด ความละเอียดระดับ FHD+ คมชัดตามสเปค ดีไซน์หน้าจอเป็นแบบ Infinity-U มี Notch แบบหยดน้ำรูปตัว U สำหรับวางกล้องเซลฟี่
Vivo Y31
หน้าจอของ Y31 มีขนาดใหญ่กว่า A32 อยู่ที่ 6.58 นิ้ว แต่ใช้พาเนลแบบ LCD ทำให้สีซีดกว่า และไม่สดใสเหมือน A32 อย่างเห็นได้ชัดเมื่อเอามาเปิดเทียบกัน แต่เวลาใช้งานกลางแดดก็ยังคงเห็นได้ชัดเจน ไม่ได้ถือว่าแย่ไปกว่ากันมาก ส่วนความละเอียดเท่ากันที่ FHD+ ดีไซน์หน้าจอก็จะคล้าย ๆ กับ A32 ตรงที่มี Notch หยดน้ำสำหรับวางกล้องเซลฟี่ แต่ Notch ของ Y31 จะโค้งกว่า
ประสิทธิภาพเครื่อง
Galaxy A32
Galaxy A32 ให้สเปคมาแบบพอใช้งานทั่วไปได้สบาย ๆ ด้วยชิป Helio G80 และ RAM ถึง 8GB ทำให้ไม่ว่าจะใช้เล่นเน็ต เล่นโซเชียล ดูหนังดูคลิปความละเอียดสูงได้แบบลื่นปรื๊ด ๆ ไม่มีอาการหน่วงให้รำคาญใจ ส่วนการเล่นเกมกราฟิก 3D ทดสอบด้วยเปิดโหมดเพิ่มประสิทธิภาพเกม ก่อนเข้าเล่น LOL: Wild Rift ปรับกราฟิก Default แต่เพิ่มเฟรมเรทเป็น 60fps และเพิ่มความงามกราฟิกด้วยเส้นหมึกรอบตัวละคร (Inking) พบว่าตอนเข้า Team fight เฟรมเรทร่วงลงมาต่ำสุดที่ราว ๆ 49 – 50fps
ส่วนเกมกินสเปคอย่าง PUBG ตัวเกมจะตั้งค่า Default มาให้ที่ระดับ HD และเฟรมเรทสูง สามารถเล่นได้ลื่นไหล ไม่มีอาการหน่วงหรือกระตุกให้เห็นเวลาไล่ซัดกับผู้เล่นคนอื่น
Vivo Y31
Vivo Y31 ก็ให้สเปคมาสูสีกันด้วยชิป Snapdragon 662 ที่ประสิทธิภาพสูสีคู่คี่กับ Helio G80 ให้ RAM มาเท่ากันที่ 8GB ซึ่งการใช้งานทั่วไปก็ไม่มีปัญหาอะไรเช่นกัน ส่วนการเล่นเกมก็มีโหมดเพิ่มประสิทธิภาพให้ใช้เหมือนกัน ทดสอบเล่น LOL: Wild Rift ปรับกราฟิกแบบเดียวกัน ตอนเข้า Team fight เฟรมเรทร่วงลงมาที่ ประมาณ 40fps ต้น ๆ
ลองเล่น PUBG พบว่าตัวเกมปรับค่ากราฟิก Default มาให้ต่ำกว่าอยู่ที่ระดับ ดี และเฟรมเรทอยู่ในระดับ กลาง ซึ่งตอนเล่นจริงก็ลื่นไหลไม่มีปัญหาครับ
กล้องหลัง / กล้องหน้า
Galaxy A32
กล้องหลังของ Galaxy a32 จะได้เปรียบกว่า Y31 ทั้งสเปคกล้อง และจำนวนกล้องที่ให้มา 4 ตัว คือกล้องหลัก 64MP + กล้อง Ultrawide 8MP + กล้องจับความลึก 5MP + กล้องมาโคร 5MP
ซึ่งจากการทดสอบถ่ายภาพทั่วไปพบว่าให้คุณภาพของภาพถ่ายในระดับใช้ได้ การถ่ายในสภาวะแสงน้อยหรือถ่ายตอนกลางคืนถ้ามือนิ่งหน่อยก็ได้ภาพออกมาคมชัดจัดการกับ Noise ได้ค่อนข้างดี และภาพจะยิ่งสว่างและคมชัดกว่าเดิมหากใช้ Night Mode ส่วนกล้อง Ultrawide ใช้ถ่ายได้แบบพอหอมปากหอมคอ เพราะยังขาดความคมชัด และภาพที่ออกมายังดูหม่น ๆ อยู่ สำหรับกล้อง Macro สามารถโฟกัสวัตถุได้ใกล้สุดที่ 4-5 ซม. ซึ่งก็ชัดเจนดี
- Ultrawide
- Portrait
- Night (Auto)
- Night (Auto)
- Night Mode
- Macro
การถ่ายวิดีโอทำได้สูงสุดที่ 1080p 30fps และยังมากับระบบกันสั่น EIS ช่วยให้ภาพออกมานิ่ง และเนียนกว่าเวลาที่เดินถ่ายด้วยมือเปล่า ไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์เสริมประเภท Stabilizer เลย
กล้องหน้ามีความละเอียดอยู่ที่ 20MP มีโหมดถ่ายเซลฟี่หน้าชัดหลังเบลอ โหมด AR Doodle และโหมดบิวตี้มาให้ แต่ตัวเลือกในการปรับแต่งใบหน้าจะไม่เยอะเท่าของ Vivo Y31
Vivo Y31
กล้องหลังของ Vivo Y31 ให้มาทั้งหมด 3 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลัก 48MP + กล้องจับความลึก 2MP + กล้องมาโคร 2MP ถ้ามองรวม ๆ แล้วสเปคกล้องจะต่ำกว่าของ Galax A32 แถมยังขาดกล้อง Ultrawide อีกด้วย
แต่สำหรับการถายภาพทั่วไป ถือว่ามีประสิทธิภาพอยู่ในระดับโอเคในสภาวะแสงปกติ ส่วนการถ่ายในสภาวะแสงน้อย และตอนกลางคืนก็ไม่ได้แย่ และมี Night Mode มาให้ใช้เหมือนกัน ซึ่งสามารถจัดการกับ Noise ได้ค่อนข้างดี แต่ยังดีไม่เท่า Galaxy A32
- Ultrawide
- Portrait
- Night (Auto)
- Night (Auto)
- Night Mode
- Macro
Vivo Y31 สามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ 1080p 30fps เท่ากัน และมีระบบกันสั่น EIS เวลาถ่ายวิดีโอมาให้เหมือนกันด้วย
กล้องหน้ามีความละเอียด 8MP พร้อมโหมดบิวตี้ที่มีตัวเลือกให้ปรับเล่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความสว่างของผิว, เกลี่ยผิว, หน้าเรียว, ตาโต ฯลฯ ตามสไตล์กล้องเซลฟี่ของ Vivo เค้านั่นแหละ
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จ
Galaxy A32
ทั้ง 2 รุ่นให้แบตเตอรี่มาใหญ่จุใจเท่ากันที่ 5000 mAh เรียกว่าในการใช้งานปกติ แบตเตอรี่ 100% สามารถอยู่ได้ข้ามวันข้ามคืนสบาย ๆ โดยจากการทดสอบดูคลิปใน YouTube ความละเอียด FHD เป็นเวลารวดเดียว 4 ชม. ผ่าน WiFi (ใส่ซิม 4G ไว้ตลอดเวลา) เปิดแสงสว่าง 60% และเล่นเสียงจากลำโพง 60% พบว่าเหลือแบตเตอรี่อีกตั้งราว ๆ 72 – 73%
การชาร์จแบตเตอรี่ของ Galaxy A32 จะเสียเปรียบกว่าตรงที่มันรองรับชาร์จไวสูงสุดที่ 15W โดยมีที่ชาร์จ 15W แถมมาให้ในกล่องเลยด้วยครับ
Vivo Y31
Vivo Y31 ทดสอบดูคลิปเดียวกันในเวลาเท่ากัน และการตั้งค่าอื่น ๆ เหมือนกัน พบว่าแบตเตอรี่เหลืออยู่ที่ 65%
ส่วนระบบชาร์จของรุ่นนี้จะมีภาษีดีกว่า Galaxy A32 เพราะรองรับสูงสุด 18W แถมยังมีที่ชาร์จ 18W ให้มาในกล่องเลยด้วย ไม่ต้องไปหาซื้อเพิ่มเองครับ
สรุป
ข้อดี Galaxy A32
- หน้าจอ AMOLED สีสันสวยสด สู้แดดได้ดี
- สเปคใช้งานทั่วไปได้ลื่น ๆ
- เล่นเกมได้ไม่มีปัญหา (เกมกราฟิกหนัก ๆ ต้องปรับเป็น Low ถึงจะลื่น)
- กล้องหลังคุณภาพใช้ได้
- มีระบบกันสั่น EIS สำหรับถ่ายวิดีโอ
- แบตเตอรี่อึดใช้ได้ข้ามวัน
ข้อสังเกต Galaxy A32
- กล้อง Ultrawide คุณภาพเฉย ๆ
- ระบบชาร์จไวแค่ 15W
ข้อดี Vivo Y31
- หน้าจอขนาดใหญ่เต็มตา 6.58 นิ้ว
- สเปคใช้งานทั่วไปได้ลื่น ๆ
- กล้องหลังคุณภาพใช้ได้
- มีระบบกันสั่น EIS สำหรับถ่ายวิดีโอ
- แบตเตอรี่อึดใช้ได้ข้ามวัน
- รองรับชาร์จไว 18W และแถมที่ชาร์จ 18W มาในกล่องเลย
ข้อสังเกต Vivo Y31
- ไม่มีกล้อง Ultrawide
- ถ่ายภาพแสงน้อยยังไม่ค่อยดี
- กล้องเซลฟี่ความละเอียดแค่ 8MP
- หน้าจอเป็น LCD
ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนแล้วล่ะครับ ถ้าหากใครที่ต้องการมือถือสเปคครบครันจอสวยสู้แดด เล่นเกม 3D ได้สบาย ๆ แบตอึด ๆ พร้อมกล้องหลังคุณภาพดี ก็หันมาทาง Galaxy A32 ได้เลย แต่ถ้าใครที่ไม่ได้ใส่ใจกับประเภทหน้าจอหรือสีสันสด ๆ ขอแค่จอใหญ่คมชัด ใช้งานทั่วไปได้ลื่น ๆ ไม่ต้องการเลนส์ Ultrawide แถมยังมีระบบชาร์จไวกับที่ชาร์จ 18W มาให้ และมีราคาถูกกว่าอีก 1,000 บาท ก็ต้องหันมาทาง Vivo Y31 ครับ
