เปิดตัวกันไปอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ Galaxy Buds Live หูฟัง True Wireless หน้าตาไม่เหมือนใคร และ Galaxy Watch 3 ในงาน Galaxy UNPACKED ที่เพิ่งจบลงไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว โดยทั้งคู่เป็นอุปกรณ์เสริมที่มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากมาย สำหรับมาใช้กับอุปกรณ์เรือธงตัวใหม่ที่เปิดตัวมาพร้อม ๆ กันอย่าง Galaxy Note 20, Galaxy Tab S7 และ Galaxy Z Fold 2

Galaxy Buds Live

หูฟัง True Wireless หน้าตาสวยแปลกไม่เหมือนใครที่มาในรูปร่างเมล็ดถั่ว ที่ทาง Samsung เคลมว่าเป็นสรีระที่ใส่สบายเหมาะกับหูคนส่วนมากที่สุด ด้วยแถบ Pogo Pin ด้านบนของตัวหูฟังทำให้หูฟังใส่สบายและแนบสนิท มาพร้อมกับไดรเวอร์เสียงขนาด 12 มม. ที่ถูกออกแบบโดย AKG เพื่อคุณภาพเสียงระดับไฮเอนด์ อีกทั้งยังมี Bass Duct ที่ช่วยให้ย่านเสียงเบสมีอิมแพคที่ดีขึ้นอีกด้วย

คราวนี้ Galaxy Buds Live มาในรูปแบบของหูฟัง Earbuds ต่างกับ Galaxy Buds+ ที่มาในรูปแบบของ In-Ear ทำให้มีมิติเสียงที่กว้างขึ้น อีกทั้งตัวหูฟังยังมีน้ำหนักเพียง 5.6 กรัม โดย Galaxy Buds Live สามารถฟังได้ต่อเนื่อง (ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง) ถึง 6 ชั่วโมง แบบเปิดระบบ ANC และหากชาร์จรวมกับเคสหูฟัง ก็สามารถฟังได้ยาวๆ รวมกันสูงสุดถึง 21 ชั่วโมงเลยทีเดียว

Galaxy Buds Live มาพร้อมกับระบบตัดเสียงรบกวน ANC ผ่านไมค์ที่อยู่ด้านนอกที่จะคอยจับเสียงด้านนอก แล้วปล่อยคลื่นเสียงที่มีความถี่ตรงกันข้ามเพื่อหักล้างเสียงรบกวนเหล่านั้น โดยทาง Samsung เคลมว่าระบบ ANC ของตัวหูฟังสามารถตัดเสียง Low-Band (เสียงย่านความถี่ต่ำ อารมณ์แบบเสียง White Noise) ได้มากถึง 97% เลยทีเดียว อีกทั้งยังมี AR Sensor สำหรับจับสัญญาณเวลาถอดหรือใส่หูฟังได้อีกด้วย

มากไปกว่านั้น Galaxy Buds Live ยังมีมีระบบตัดเสียงรบกวนขณะคุยสนทนา หรืออัดเสียงทำให้เสียงคุยดัง และเคลียร์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยในงานเปิดตัวได้มีการเปรียบเทียบไมค์ของ Galaxy Buds Live และหูฟัง TWS อื่น ๆ ในตลาดปรากฎว่าไฟล์เสียงของ Buds Live นั้นชัด และเสียงรบกวนน้อยกว่าอีกด้วย

Galaxy Buds Live มีมาให้เลือกด้วยกันถึง 3 สี นั่นคือสี ขาว, ดำ, และ ทองแดง โดยเปิดตัวในเว็บไทยที่ราคา 6,990 บาท

Galaxy Watch 3

เปิดตัวมาพร้อมกันติด ๆ กับ Galaxy Watch 3 สมาร์ทวอทช์ พร้อมฟีเจอร์มากมาย ที่จะมาเสริมสร้าง Ecosystem ของอุปกรณ์ Samsung ทั้งการจัดการ Notifications, โหมดออกกำลังกาย และฟีเจอร์ในการตรวจสุขภาพต่าง ๆ มากมาย

Galaxy Watch 3 มาพร้อมกับฟีเจอร์ติดตามการออกกำลังกาย โดยผู้ใช้งานจะสามารถติดตามข้อมูลการออกกำลังกายต่าง ๆ เช่นระยะเวลาการวิ่ง, ระยะทาง, แคลอรี่ที่เผาผลาญไป และอัตราการเต้นของหัวใจ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ในการติดตามการนอนหลับที่จะให้ข้อมูลการนอนหลับของคุณว่าคุณนอนหลับลึกกี่ชั่วโมง, อัตราการเต้นของหัวใจเท่าไหร่ และข้อมูลจิปาถะมากมาย

Galaxy Watch 3 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ตรวจร่างกายอย่างเครื่องวัดคลื่นหัวใจ (เปิดให้ใช้แค่บางประเทศ) , เซ็นเซอร์วัดระดับออกซิเจนในเลือด, และเซ็นเซอร์ตรวจจับการล้มเมื่อเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย

คราวนี้ Galaxy Watch 3 มาพร้อมกับตัวนาฬิกาที่บางลงถึง 14% เล็กลง 8% และเบาลงถึง 15% สวนทางกับหน้าจอใหญ่ขึ้น โดยมีสีมาให้เลือกถึง 3 สี ได้แก่ สีเงิน Mystic Silver, สีทอง Mystic Bronze และสีดำ Mystic Black

มากไปกว่านั้น Galaxy Watch 3 ยังมากับ Watch Face ให้เลือกมากมายถึง 80,000 แบบ (หาดาวน์โหลด Google Play Store ข้างนอก) อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ในการถ่ายรูปชุดที่แต่งตัวเพื่อที่จะไปสแกนหาหน้าปัดนาฬิกาที่มีโทนสีแมทช์กับเครื่องแต่งกายได้ ถูกใจสายแฟชั่นแน่นอนครับ 😆

สเปค Galaxy Watch 3

  • ระบบปฏิบัติการ Tizen Watch OS 5.5
  • หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 1.2 นิ้ว ความละเอียด 360×360 พิกเซล
  • กระจกนิรภัย Corning Gorilla Glass DX
  • ชิปเซ็ต Exynos 9110
  • RAM 1GB
  • ความจุ 8GB
  • มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68
  • แบตเตอรี่ 247mAh (41 มม.) 340mAh (45 มม.)
  • มีไมโครโฟน และลำโพงสำหรับโทร-รับสายผ่านตัวนาฬิกาโดยตรง

โดยราคาของ Galaxy Watch 3 จะมีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่น 2 ขนาดหน้าปัด ได้แก่

  • รุ่น WiFi หน้าปัด 41 มม. ราคา 429 ยูโร หรือประมาณ 15,800 บาท
  • รุ่น WiFi หน้าปัด 45 มม. ราคา 459 ยูโร หรือประมาณ 16,900 บาท
  • รุ่น LTE หน้าปัด 41 มม. ราคา 479 ยูโร หรือประมาณ 17,600 บาท
  • รุ่น LTE หน้าปัด 45 มม. ราคา 509 ยูโร หรือประมาณ 18,900 บาท

แต่ราคาเมื่อเข้าไทยจะเป็นเท่าไหร่น้้นก็ต้องรอติดตามกันต่อไปครับ ส่วนตัวชอบรูปทรง Galaxy Buds Live มาก ยิ่งไม่มีส่วนก้านยิ่งสวยแอบใส่ได้ไม่มีใครเห็นเลยครับ 😁