Zack Nelson จอมทารุณกรรมมือถือจากช่อง JerryRigEverything ออกคลิปชำแหละ Galaxy S24 Ultra เพื่อตรวจสอบดูว่ามือถือเรือธงรุ่นล่าสุดจาก Samsung รุ่นนี้ มีไทเทเนียมเป็นส่วนประกอบอยู่มากแค่ไหน และใช้ไทเทเนียมเกรดอะไรในการผลิต – ผลคือ Galaxy S24 Ultra มีไทเทเนียมที่หนาแทบจะเท่ากับ iPhone 15 Pro Max แต่เป็นไทเทเนียมคนละเกรด และกระบวนการเชื่อมวัสดุของแชสซีก็แตกต่างกัน

จากการสแกนแชสซี Galaxy S24 Ultra ด้วยเครื่องมือ X-ray fluorescence หรือ XRF ที่ใช้วิเคราะห์หาชนิดและปริมาณธาตุด้วยเทคนิคการเรืองรังสีเอกซ์ พบว่า โลหะบริเวณส่วนกลางของแชสซี Galaxy S24 Ultra ใช้วัสดุอะลูมิเนียม 6061 ส่วนไทเทเนียมจะมีอยู่เฉพาะบริเวณรอบเฟรมเครื่องเป็นไทเทเนียมเกรด 2 และ Samsung ใช้วิธีเชื่อมโลหะสองชนิดนี้เข้าด้วยกันโดยมีพลาสติกเป็นตัวยึด

ในขณะที่ iPhone 15 Pro Max ของ Apple นั้นใช้ไทเทเนียมเกรด 5 และใช้กระบวนการ thermomechanical ในการผสานไทเทเนียมกับอะลูมิเนียมเป็นเนื้อเดียวกันแบบไร้รอยต่อ ตัวเครื่องจึงไม่สูญเสียน้ำหนักไปกับวัสดุที่ต้องใช้ในการเชื่อมอย่างสิ้นเชิง และเชื่อมติดกันได้แน่นหนากว่าวิธีการปกติ

ไทเทเนียมเกรด 2 และไทเทเนียมเกรด 5 ต่างกันยังไง

ข้อดีของไทเทเนียมนั้นเป็นที่ทราบโดยทั่วกันคือความเบาและความทนทาน แต่ไทเทเนียมแต่ละเกรดจะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันออกไปอีก โดยไทเทเนียมเกรด 2 จะเป็นไทเทเนียมที่มีความบริสุทธิ์สูงเกือบ 100% แทบไม่มีโลหะชนิดอื่นเจือปน มีจุดเด่นในแง่ของความเหนียวของเนื้อโลหะ สามารถขึ้นรูปได้ง่าย และทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดีต่อตัวกลางหลายประเภท จึงเป็นไทเทเนียมเกรดที่ได้รับความนิยมและถูกนำไปใช้งานอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อุปกรณ์การแพทย์ และอุปกรณ์กีฬา

ส่วนไทเทเนียมเกรด 5 เป็นโลหะที่ผสมระหว่าง ไทเทเนียม 90% อะลูมิเนียม 6% และวาเนเดียม 4% ซึ่งจะมีความแข็งแกร่งและทนทานต่ออุณหภูมิได้มากกว่าเมื่อเทียบกับไทเทเนียมเกรด 2 ถึงแม้จะมีน้ำหนักมากกว่ากันเล็กน้อย แต่ก็ยังถือว่าเบากว่าโลหะชนิดอื่นอยู่ดี โดยไทเทเนียมเกรด 5 เป็นโลหะที่ถูกนำไปใช้งานในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ รวมถึงนาฬิกาหรู ๆ

ไทเทเนียมเกรด 2 และไทเทเนียมเกรด 5 ราคาเท่าไหร่

Nelson บอกว่า โดยทั่วไป ไทเทเนียมเกรด 5 จะมีราคาแพงกว่าไทเทเนียมเกรด 2 ประมาณ 4 เท่า เมื่อพิจารณาจากปริมาณไทเทเนียมที่ใช้แล้ว ค่าต้นทุนไทเทเนียมของ Galaxy S24 Ultra และ iPhone 15 Pro Max จะอยู่ที่ประมาณ 3 – 5 ดอลลาร์ และ 10 – 15 ดอลลาร์ ตามลำดับ (นับเฉพาะต้นทุนจากวัสดุอย่างเดียว ไม่นับรวมกระบวนการขึ้นรูปและอื่น ๆ)