เปิดตัวไปเรียบร้อยกับ Galaxy S9 / S9+ มือถือเรือธงระดับพรีเมี่ยมที่หลายๆคนรอคอย โดยหลายๆอย่างค่อนข้างเหมือนกับข่าวหลุดที่ออกมาก่อนหน้านี้ ทั้งในเรื่องของสเปคและดีไซน์ จนทำให้เราแทบจะไม่ต้องลุ้นอะไรมาก จะเหลือที่น่ารู้ก็แต่ฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ออกมาว่ามันจะเจ๋งได้เท่าที่คุยเอาไว้ตอนเปิดตัวรึเปล่าเท่านั้นแหละ… ซึ่งทางเราก็ได้ลอง Galaxy S9 / S9+ มาก่อนแล้วสักพักนึง เลยจะขอเอาประสบการณ์มาเล่าให้ฟังกัน

สเปคแบบเป็นทางการของ Samsung Galaxy S9 / S9+

Galaxy S9Galaxy S9+
หน้าจอSuper AMOLED 5.8 นิ้ว QHD+ (570ppi)Super AMOLED 6.2 นิ้ว QHD+ (529ppi)
CPUExynos 9810 (4 x 2.9GHz, 4×1.9GHz)Exynos 9810 (4 x 2.9GHz, 4×1.9GHz)
GPUMali-G72Mali-G72
RAM4GB6GB
ความจุ64GB รองรับ MicroSD Card 400GB64GB รองรับ MicroSD Card 400GB
กล้องหลัง12MP (f/1.5, f/2.4)12MP (f/1.5, f/2.4) + 12MP (f/2.4)
วิดีโอ2160p@30fps, 1080p@60fps, HDR, dual-video rec, Super Slow Motion 960fps 720p2160p@30fps, 1080p@60fps, HDR, dual-video rec, Super Slow Motion 960fps 720p
กล้องหน้า8MP (f/1.7)8MP (f/1.7)
ลำโพงStereo บนล่างStereo บนล่าง
การเชื่อมต่อWi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4/5GHz), VHT80 MU-MIMO, 1024QAMWi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4/5GHz), VHT80 MU-MIMO, 1024QAM
เซ็นเซอร์Accelerometer, Barometer, Fingerprint Sensor, Gyro Sensor, Geomagnetic Sensor, Hall Sensor, Heart Rate Sensor, Proximity Sensor, RGB Light Sensor, Iris Sensor, Pressure SensorAccelerometer, Barometer, Fingerprint Sensor, Gyro Sensor, Geomagnetic Sensor, Hall Sensor, Heart Rate Sensor, Proximity Sensor, RGB Light Sensor, Iris Sensor, Pressure Sensor
กันน้ำ / กันฝุ่นIP68IP68
ขนาดตัวเครื่อง 147.6 x 68.7 x 8.4 มม.157.7 x 73.8 x 8.5 มม.
แบตเตอรี่3000 mAh รองรับ Quick Charge 2.03500 mAh รองรับ Quick Charge 2.0A
ระบบAndroid 8.0Android 8.0

 

ดีไซน์และวัสดุประกอบตัวเครื่อง

ตามสเปคของ Galaxy S9 ที่มีขนาดหน้าจอ 5.8 นิ้ว ส่วน S9+ Plus มีขนาดหน้าจอ 6.2 นิ้ว มีขอบโค้งทั้ง 2 ฝั่ง และมีดีไซน์ที่แทบจะไม่ต่างจาก S8 / S8+ ซักเท่าไหร่เลย แต่หลายๆ คนน่าจะดีใจเมื่อเห็นเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือของ S9 / S9+ ย้ายจากตำแหน่งแปลกๆ ในรุ่น S8 / S8+ และ Note 8 มาอยู่ด้านล่างกล้องแทนแล้ว ทำให้ไม่แตะผิดแตะถูกไปโดนเลนส์กล้องเข้าเหมือนตอนที่ตัวเซ็นเซอร์อยู่ข้างๆ กล้อง

ส่วนขนาดของตัวเครื่องก็แทบไม่ต่างจากรุ่นที่แล้วเลย (ใส่เคสเดียวกันได้ แต่รูกล้องจะไม่ตรง) ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป จับถนัดมือดี แต่ปุ่ม Bixby เจ้าปัญหาก็ยังคงอยู่ให้กดผิด (เวลาจะลดเสียง) เหมือนเดิมอะนะ

สำหรับวัสดุที่ใช้ในการประกอบเครื่อง Galaxy S9 / S9+ ยังคงใช้กรอบเครื่องเป็นโลหะ และฝาหลังเป็นกระจก ดูหรูหราสวยงามเช่นเคย แน่นอนว่าฝาหลังกระจกแบบนี้มันดูสวยก็จริงแต่มันก็เป็นรอยนิ้วมือง่ายมากๆ เลยล่ะ (ถ้าไม่คิดจะใส่เคส)

 

หน้าจอ Infinity Display ที่ดู Infinity มากกว่าเดิม

หน้าจอของ Galaxy S9 / S9+ นั้นจะเป็นหน้าจอแบบ Infinity Display ที่มีความกว้างจนเกือบสุดขอบตัวเครื่อง ส่วนความละเอียดของทั้ง 2 รุ่น เป็น QHD+ โดยรุ่น Galaxy S9 จะมีขนาดหน้าจอที่ 5.8 นิ้ว ส่วน S9+ นั้นจะมีขนาดหน้าจอที่ 6.2 นิ้ว ซึ่งสัดส่วนหน้าจอของ Galaxy S9 / S9+ นั้นยังใช้สัดส่วนหน้าจอที่ 18.5 : 9 เหมือนเดิมกับในรุ่น Galaxy S8 / S8+ และ Note 8 นอกจากนี้ หน้าจอของ S9 / S9+ มีการเคลือบฟิล์มจอแบบใหม่ โดยบริเวณจอจะมีสีที่ดำขึ้นใกล้เคียงกับขอบจอ ทำให้หน้าจอดูเนียนกลมกลืนไปกับขอบจอเป็นผืนเดียวกัน

ลำโพงสเตอรีโอในมือถือ และระบบเสียง Dolby Atmos รุ่นแรกของแบรนด์

ถือเป็นสิ่งที่แฟนๆ โหยหากันมานานมากแล้ว สำหรับลำโพงสเตอรีโอ ที่กี่รุ่นๆ Samsung ก็ไม่เคยจัดมาให้แฟนๆ เลย และในรุ่น Galaxy S9 / S9+ Samsung ก็จัดให้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งคราวนี้เป็นลำโพงคู่บน-ล่าง (ปรับแต่งเสียงโดย AKG) ที่ใช้ช่องลำโพงแยกด้านล่าง 1 ตัว บวกกับลำโพงด้านบนที่ใช้ลำโพงตัวเดียวกับลำโพงสำหรับคุยโทรศัพท์

ที่ลูกศรชี้คือตำแหน่งลำโพง

Galaxy S9 / S9+ ยังมาพร้อมกับระบบเสียงแบบ Dolby Atmos เพิ่มมิติเสียงให้กับการดูหนังให้กระหึ่ม และสมจริงกว่าเดิมอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีข่าวดีสำหรับหลายๆ คน เพราะ Samsung ยังไม่ยอมตามกระแสเหมือนแบรนด์อื่นๆ ที่ตัดรูหูฟัง 3.5 มม. ทิ้งไป แต่ยังคงเหนียวแน่นใส่รูหูฟังดังกล่าวมาให้ใช้อยู่เหมือนเดิม (เฮฮฮฮฮ)

 

กล้องหลัง

ในเรื่องของกล้อง คราวนี้จะมาแปลกซักหน่อย เพราะว่าในรุ่นที่ผ่านมาอย่างเช่น Galaxy S6 / S6 Edge, S7 / S7 Edge และ S8 / S8+ นั้น จะแตกต่างกันที่ขนาดตัวเครื่อง ขนาดหน้าจอ และขอบจอโค้งไม่โค้งเท่านั้นเอง แต่สำหรับรุ่น Galaxy S9 / S9+ นอกจากสิ่งที่บอกไปแล้ว ยังมีความแตกต่างในเรื่องของ RAM และกล้องอีกด้วย โดย Galaxy S9 จะมี RAM อยู่ที่ 4GB และ S9+ อยู่ที่ 6GB และสิ่งที่ต่างกันชัดๆ เลยก็คือ กล้องหลังของ S9 จะมีกล้องความละเอียด 12MP เพียงตัวเดียวที่มาพร้อมกับระบบ Dual Pixel ส่วน S9+ จะมีกล้องคู่ความละเอียด 12MP + 12M พร้อมระบบ Dual aperture ที่สามารถเก็บแสงและรายละเอียดในที่มืดได้ดีกว่าเดิม

 

Super Slow Motion

สำหรับผู้ที่ชื่อชอบการถ่ายวิดีโอแปลกๆ แหวกแนว ต้องถูกใจกับฟีเจอร์ Super Slow Motion แน่นอน เพราะสามารถถ่ายได้ที่ 960fps ความละเอียด 720p เลยนะ ซึ่งอัพเกรดขึ้นจากรุ่น S8 / S8+ และ Note 8 ที่ถ่ายได้แค่ 240fps เท่านั้นเอง แถมยังมีโหมดตรวจจับการเคลื่อนไหวในเฟรมกล้องได้เอง คือถ้ามีการเคลื่อนไหวของวัตถุอะไรเกิดขึ้นที่หน้ากล้อง มันจะทำการจับภาพตรงช่วงนั้นให้เป็นแบบสโลว์โมชั่นเองเลย

ลากกรอบสี่เหลี่ยมไปตรงจุดที่จะมีวัตถุเคลื่อนที่ผ่าน

ซึ่งการใช้งานระบบ Super Slow Motion นี้ ในการใช้งานแรกๆ เราอาจต้องทำความเข้าใจกับมันซักนิดนึงเพราะเนื่องจากข้อจำกัดของมัน ทำให้การถ่ายวิดีโอแบบสโลว์ทำได้แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ระบบของมันก็เลยมีโหมด Auto ให้เลือก เพื่อจับภาพสโลว์เฉพาะเมื่อมีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นภายในเฟรมกล้อง เมื่อเราเลือกที่โหมด Super Slow Motion แล้ว ที่หน้าจอมือถือจะมีกรอบสี่เหลี่ยมสีเหลืองขึ้นมา เมื่อมีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นในกรอบนั้น มันถึงจะบันทึกภาพเป็นแบบสโลว์ให้นั่นเอง (เราสามารถปรับขนาดและย้ายที่กรอบเหลืองนั้นเพื่อดักทางของวัตถุที่จะเคลื่อนผ่านกล้องได้)

Play video

แต่ข้อเสียอย่างเดียวที่เจอในตอนนี้ก็คือ เราไม่สามารถย้ายช่วงเวลาที่มันปรับภาพสโลว์ได้หลังจากถ่ายเสร็จ (น่าจะเป็นที่ข้อจำกัดบางอย่างของซอฟท์แวร์) ทำให้เราไม่สามารถแก้ไขได้ หากมันสโลว์ผิดจังหวะที่เราต้องการ ต้องถ่ายใหม่อย่างเดียว

 

AR Emoji

หนึ่งในฟีเจอร์ที่ Galaxy S9 / S9+ ใส่เข้ามาเพื่อเพิ่มลูกเล่นแนวๆ ให้เล่นกัน ก็คือ AR Emoji ที่เราสามารถสร้าง Emoji 3 มิติ เป็นรูปหน้าของตัวเอง หรือจะเป็นหน้าตัวการ์ตูนก็ได้ โดยเจ้าตัว Emoji พวกนี้ยังสามารถขยับหน้าขยับปากได้ตามเราแบบ Real Time อีกด้วย (จะคล้ายๆ กับ Animoji ของ iPhone X นั่นแหละ แต่เพิ่มเติมที่เราสร้างตัวละครเองได้)

นอกจากนี้มันยังสร้างสติ๊กเกอร์เคลื่อนไหวแบบ GIF ให้เราอีก 18 แบบ เอาไว้ส่งในแอปแชทต่างๆ

 

 

ระบบสแกนใบหน้า + ม่านตาที่เร็วและง่ายกว่าเดิม

ปกติแล้วระบบสแกนม่านตาในรุ่น Galaxy S8 / S8+ และ Note 8 ก็ถือว่ารวดเร็วและปลอดภัยมากอยู่แล้ว แต่ในรุ่น Galaxy S9 / S9+ ได้นำเอาการสแกนใบหน้ามารวมไว้กับการสแกนม่านตาทำให้ระบบการปลดล็อคเครื่องไวมากขึ้น และสะดวกมากขึ้นไปอีก เพราะบางทีในสภาพแสงที่จ้าเกินไป การสแกนม่านตาจะทำได้ไม่ค่อยดีนัก มันก็จะเปลี่ยนมาสแกนหน้าของเราแทน กลับกันถ้าเราอยู่ในสภาพแสงน้อยจนไม่สามารถสแกนใบหน้าได้ชัดเจน มันก็จะเปลี่ยนมาสแกนม่านตาแทน

ทั้งหมดนี้คือฟีเจอร์เด่นๆ ที่เพิ่มเข้ามาใน Galaxy S9 / S9+ ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นฟีเจอร์ที่แฟนๆ เรียกร้องกันมาจากรุ่นก่อนนั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็นลำโพงคู่ที่น่าจะใส่มาให้ตั้งนานแล้ว หรือจะเป็นการเปลี่ยนตำแหน่งของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่คราวนี้อยู่ในตำแหน่งที่ไม่น่าหงุดหงิดเหมือนเดิมแล้ว ตามด้วยฟีเจอร์ AR Emoji ที่ Samsung เตรียมเอามางัดกับ Animoji ของ Apple เต็มๆ ใครที่สนใจก็เตรียมจองกันได้เลยตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ. – 5 มี.ค. 2561 นี้