Samsung Galaxy Tab S9 Series แท็บเล็ตสุดปังแห่งปีที่มาพร้อมสเปคสุดแรงเกิด ใครที่เป็นสายทำงานนอกสถานที่หรือว่าจะทำงานกลางแจ้งก็ไม่ต้องกังวล เพราะว่ารุ่นนี้มากับฟีเจอร์กันน้ำ IP68 ที่เราได้ลองเอาไปจุ่มน้ำกันจริงจัง อีกทั้งยังยกขบวนจุดเด่นมาอีกมากมาย ทั้ง จอ DYNAMIC AMOLED 2X การใช้งานแบบ Multitasking, การใช้งานต่อเป็นสองจอ ฯลฯ
ในที่สุดเจ้า Samsung Galaxy Tab S9 และ S9 Ultra ก็มาถึงมือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บอกเลยว่าตื่นเต้นพร้อมนำน้องมาทรมาน เอ้ย! มาลองใช้งานให้ทุกคนได้ดูกันแล้ว
ดีไซน์พรีเมี่ยม งานประกอบเนี้ยบ
Galaxy Tab S9 สีที่อยู่ในมือเราคือสี Beige ส่วน Galaxy Tab S9 Ultra จะเป็นสี Graphite ตัวเครื่องเป็นวัสดุโลหะ งานประกอบพรีเมี่ยม ไม่ก๊องแก๊ง ถือแล้วดูลักซ์ชัวรี่ส์ แบบสมาร์ท เรียบเท่ พื้นหลังสัมผัสแบบแมทท์ เรียบ ๆ จับแล้วลื่นมือ
Galaxy Tab S9 ตัวเครื่องบางเฉียบเพียง 5.9 มม. หนัก 498 กรัม ถือใช้งานนาน ๆ ได้สบายเลย แถมใส่กระเป๋าพกติดตัวเวลาออกเดินทางไปข้างนอกก็ไม่ได้กินน้ำหนักเยอะจนทำไหล่ยอก
ส่วน Galaxy Tab S9 Ultra พูดได้คำเดียวเลยว่าจอใหญ่มาก !!! แบบสะใจ แต่มาพร้อมตัวเครื่องที่บางกว่า ขนาด 5.5 มม. มีน้ำหนักประมาณ 732 กรัม นำออกไปทำงานนอกบ้านได้สะดวก แต่อาจจะไม่เหมาะหิ้วไปไหนมาไหนนาน ๆ ทั้งวันเท่าไหร่ ต้องหาสถานที่ที่เหมาะๆ แล้วนั่งใช้งานยาว ๆ
ทั้ง Tab S9 และ S9 Ultra เมื่อพลิกดูที่ด้านข้างของตัวเครื่อง ทั้งปุ่ม Power ปุ่มเพิ่ม – ลดเสียงและถาดใส่ SD Card จะอยู่ข้างเดียวกันหมด และ POGO Pin และตัวล็อคสำหรับเสียบเคสคีย์บอร์ด
ซึ่งที่รุ่นมาตรฐานเราได้มาจะเป็นรุ่น Wifi อย่างเดียวนะ ส่วนรุ่น Ultra จะเป็น 5G ตัวลำโพงจะอยู่ด้านบนและด้านล่างของตัวเครื่องข้างละ 2 ตัว ด้านหลังจะเป็นแถบชาร์จปากกา S Pen อยู่ในแนวเดียวกับกล้องหลัง ด้านล่างของตัวเครื่องจะเป็นช่องชาร์จ Type C และไม่มีพอร์ตหูฟัง 3.5 มม. มาให้เช่นเคยค่ะ
จอ DYNAMIC AMOLED 2X สวยแจ่ม
รุ่นเริ่มต้นมาพร้อมขนาดจอ 11 นิ้ว ส่วนรุ่น Ultra จะมาด้วยขนาดใหญ่ 14.6 นิ้ว รีเฟรชเรทลื่นปรี๊ด 120Hz รองรับ HDR10+ ในรอบนี้ Samsung ในทุกรุ่นจะได้ใช้หน้าจอ DYNAMIC AMOLED 2X กันทั้งหมด ไม่ว่าจะรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ก็ได้ใช้จอสวย ๆ ทั้งนั้น มอบประสบการณ์แสงสีที่สุดอลังการ คมชัดจัดเต็มเอาใจสายเสพคอนเทนต์อย่างเราสุด ๆ พร้อมทั้งช่วยถนอมสายตาไปในตัว เพราะหน้าจอรุ่นนี้มีแสงสีฟ้าที่ลดลง
มาพร้อมฟีเจอร์ Vision Booster ปรับแสงสว่างหน้าจอแบบอัตโนมัติให้เหมาะสมกับแสงสว่างรอบข้างได้ แม้ว่าเราจะนำเครื่องไปใช้งานกลางแจ้งที่มีแสงแดดแรง ๆ ตัวแท็บเล็ตก็จะใช้อัลกอริทึมตรวจจับแสงของดวงอาทิตย์และเปลี่ยนระดับแสงบนหน้าจอให้สอดคล้องกัน
จากนั้นปรับจอให้พอเหมาะพอดีกับแสงที่อยู่รอบตัวเราขณะนั้น ไม่ว่าเราจะใช้งานแบบ Indoor หรือ Outdoor ก็สามารถรับชมคอนเทนต์ได้แบบชัดเจน
เพิ่มความแกร่งด้วยมาตรฐานทนน้ำ ทนฝุ่น IP68
Galaxy Tab S9 Series เป็นแท็บเล็ตรุ่นแรกของค่าย ที่มาพร้อมความแกร่งด้วยมาตรฐานทนน้ำ ทนฝุ่น IP68 ทั้งตัวเครื่องและปากกาเลย ยิ่งในหน้าฝนแบบนี้ เวลาที่เราเอาตัวเครื่องไปใช้งานข้างนอกแล้วฝนโปรยลงมา หรือว่าเผลอทำน้ำหกใส่ยังไงก็รอด หรือเผลอทำเครื่องเลอะก็เอาน้ำล้างออกได้สบาย (ล้างเครื่องของจริงมันเป็นอย่างงี้สินะ) ซึ่งเราก็ได้ทำการทดสอบให้ดูกันแบบจริงจังเลย
- การใช้งานตอนฝนตก
- นำเครื่องจุ่มน้ำ
ลำโพง AKG 4 ตัว ระบบเสียง Dolby Atmos
นอกจากจอภาพที่สวยสดแล้วนั้น ทั้ง 2 รุ่นยังมาพร้อมลำโพง 4 ตัว ระบบเสียง quad AKG ให้คุณภาพเสียงแบบดังกระหึ่มรอบทิศทางด้วย Dolby Atmos ทำให้ผู้ใช้งานเข้าถึงในสิ่งที่กำลังเปิดอยู่ได้ดีขึ้น จากการทดสอบเปิดเพลงแบบดังสุด 100% ก็พบว่าเสียงดีไม่มีแตก เบสแน่น ไม่มีเพี้ยน ใช้งานเดี่ยว ๆ ได้โดยไม่ต้องพึ่งลำโพงเพิ่ม
ปากกา S Pen จดลื่น วาดเขียนสนุก ใช้งานสะดวก
- การใช้งาน Spen ทั่วไป
ตัวปากกามาพร้อมฟีเจอร์ Air Actions เราสามารถตวัดปากกาไปในทิศทางต่าง ๆ แทนการกดปุ่ม Back, Home, Recent Apps, สลับกล้องหน้า – หลัง, กดปุ่มชัตเตอร์ระยะไกล, เปลี่ยนโหมดกล้อง, กดเปลี่ยนสไลด์ตอนพรีเซนต์งาน, เปลี่ยนเพลง, เปลี่ยนวิดีโอ ฯลฯ
หรือจะใช้งานตอนค้นหาบางอย่างในตัวเครื่องแทนการใช้แป้นพิมพ์ได้เลย ก็คือเอาปากกาไปเขียนตรง Search Bar แค่นั้น
- ใช้งานวาด งานเขียน บน Notes, Goodnotes, Sketchbook
ในการใช้งานปากกา S Pen สำหรับทั่วไป ก็เอาใจสายเน้นจดบันทึกเหมือนเดิม เมื่อหยิบปากกาออกมาใช้งานก็จะมีให้เลือก Air Command มีให้เลือกใช้งานได้หลากหลาย ใครที่เข้าประชุมแบบเร่งรีบแล้วต้องจดรายละเอียดไว ๆ ก็ คือแค่ดึงปากกา S pen ออกมา, กด Create Note และเริ่มเขียนได้เลย
หรือน้อง ๆ นักศึกษาสาย Lecture ก็สามารถใช้งานแอปสุดฮิตอย่าง GoodNotes ได้เลย สามารถใช้งานด้านการจดได้สะดวกมาก ๆ และถ้าหากเขียนผิดก็กดที่ปุ่มของปากกาเพื่อสลับใช้เป็นยางลบได้อย่างรวดเร็ว ในส่วนการใช้งานขีดเส้นไฮไลท์มีการปรับเส้นให้ตรงอัติโนมัติให้เป็นระเบียบด้วย เราแค่ขีดยาว ๆ ตรงที่ต้องการจะเน้นก็พอ
สำหรับสายวาดภาพ เราได้โหลดแอปสำหรับวาดเขียนอย่าง Sketchbook มาลองทดสอบปากกาให้ได้ดูกัน ในการใช้งานวาดภาพถือว่าโอเคเลย สามารถตรวจจับแรงกดในการลากเส้นหรือแรเงาได้ ไม่ว่าจะแรเงาแบบเบาบางหรือว่ากดปากกาจนเข้ม จากนั้นได้ทดสอบลากเส้นตรงก็พบว่าทำออกมาได้ดีเลย ลากแล้วเส้นไม่ขาด ไม่มีโดดไปมา ไม่หน่วงจนตามปากกาไม่ทัน
ใช้งานแบบ Multitasking
- การใช้งานแบ่งหน้าจอ
สำหรับใครที่ต้องการทำหลาย ๆ อย่างไปพร้อม ๆ กันนั้น ตัวแท็บเล็ตสามารถแบ่งหน้าจอใช้งานได้ 3 หน้าจอ จะดูหนัง ดู Youtube + จดงาน + อ่านการ์ตูนในคราวเดียวกันได้ โดยจะแบ่งแบบ บน/ล่าง 1 ฝั่ง และ ด้านข้างแบบเดี่ยว ๆ อีก 1 ฝั่ง
และถึงแม้ว่าจะแบ่งหน้าจอได้แค่ 3 แต่ถ้าอยากไปสุดที่ 4 ก็สามารถเปิด Floating window เพิ่มได้
- การใช้งาน Drag and Drop
เป็นอีกหนึ่งการใช้งานที่ที่ชอบมาก ๆ เพราะรู้สึกว่าสะดวกและง่ายสุด ซึ่งได้ทดลองเปิด Samsung Notes, Pinterest และ Gallery พร้อมกัน เพื่อใช้งานวาดรูป ก็สามารถที่จะดึงภาพจาก Album และโยนใส่ไปใน Notes และวาดต่อได้ทันที หรือจะดึงภาพจาก Google แบบไม่ผ่านการกดโหลดก็ทำได้นะ แต่ตัวภาพจะมาพร้อมข้อความที่เป็นที่มาเลย ต้องมาลบอีกที และนอกจากพวกภาพแล้ว ยังสามารถลากข้อความมาวางโดยไม่ต้องกด Copy และ Paste เลย เพียงแค่ Crop ข้อความที่เราต้องการและลากไปวางในโน้ตเท่านั้น
การใช้งาน Multi Control
อีกหนึ่งฟีเจอร์น่าใช้ในเครื่องนี้ก็คือ Multi Control ส่งไฟล์ข้ามเครื่องไปมา คือเป็นฟังก์ชันที่ทำให้เราทำงานได้สะดวกมาก ๆ เพียงแค่เชื่อมต่อตัวแท็บเล็ตกับ Keyboard ที่มี Touchpad หรือเมาส์ เพื่อไว้ใช้ลากไฟล์ จากนั้นก็เข้า Samsung Account ทั้งใน Galaxy Tab S9 และมือถือ Samsung Galaxy และกดไปที่หน้าต่างแถบแจ้งเตือนด้านบน กดเปิด Multi Coltrol (ทำทั้งสองเครื่องเลยนะ)
เครื่องหลักที่ใช้จะเป็นตัวแท็บเล็ต ให้กดค้างไปที่ Multi Coltrol เพื่อเข้าไปที่หน้าหลักของฟีเจอร์ จากนั้นให้กด Connect Phone และเลือกเชื่อมต่ออุปกรณ์ Samsung ที่เราต้องการลากส่งไฟล์
การใช้งานเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เป็นจอเสริม
ตัวแท็บเล็ตสามารถนำมาต่อเป็นจอที่ 2 ใช้งานได้สบาย ซึ่งการต่อจอแบบไร้สายด้วยวิธีง่ายๆ ให้เข้าที่โน้ตบุ๊คของเราก่อน เริ่มจากไปที่ตั้งค่า > System > Display > Multiple Display > Connect to Wireless display
จากนั้น ก็มากดที่แท็บเล็ตไปที่ Control Center เลือก Secound Screen > เลือกเชื่อมต่อกับโน้ตบุ๊ค ซึ่งหลังจากที่ทดลองใช้งานเป็นจอเสริมโดยรวมก็ถือว่าปกติดี ลื่นไหล เปิดงาน พิมพ์งานได้ตามปกติ ลากเมาส์ไปมาได้ไม่มีปัญหา ส่วนตัวที่ชอบเมื่อใช้งานร่วมกับแท็บเล็ตเลยก็คือจอสวยใส สว่างตา นี่แหละ ยิ่งใช้คู่กับรุ่น Ultra ที่จอใหญ่สูสีกับจอคอมด้วยแล้ว ยิ่งดีต่อใจ
ใช้งาน DeX Mode
สำหรับใครที่ต้องการใช้งานแบบจัดหนักจัดเต็มประหนึ่งใช้งานผ่านโน้ตบุ๊ค ก็สามารถทำได้ไม่มีปัญหาเลย เชื่อมต่อกับเมาส์และคีย์บอร์ดก็คือทำงานได้ปกติ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้งาน Multitasking เปิดแอปพร้อมกันได้หลายหน้าต่างในหน้าจอเดียว พร้อมทั้งปรับยืดหดหน้าต่างนั้นได้ตามขนาดที่ต้องการ หรือจะปรับหน้าต่างนั้นให้เป็นแบบโปร่งแสงก็ยังได้
เล่นเกมลื่น ไม่มีหลุด
ทั้งสองรุ่นใช้ชิปตัวเดียวกัน นั่นก็คือ Snapdragon 8 Gen 2 for Galaxy แน่นอนว่าชิประดับนี้เล่นเกมกราฟิกโหด ๆ ได้แบบเหลือ ๆ มาพร้อมระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ที่ใส่เข้ามาให้ ไม่ว่าจะเกมที่ต้องเล่นแบบเรียลไทม์ ใช้ความแรงตั้งแต่ ROV, PUBG Genshin ที่กราฟิกหนักแบบก็เอาอยู่ ไม่มีร่วง
- Galaxy Tab S9
จากการทดสอบเล่นเกม Genshin แบบปรับกราฟิกสูงสุด 60fps บอกได้เลยว่าลื่นหัวแตกของจริง ปรับหมุนภาพไปมาไม่มีแตก ไม่มีเบลอ ตีมอนไม่มีร่วง หลังจากเล่นต่อเนื่องกันครึ่ง ชม. พบว่าเฟรมเรทอยู่ที่ 60 – 55FPS อุณหภูมิตัวเครื่องอยู่ที่ 30 และขึ้นไปสุดที่ 36 องศา แต่ดูจากที่เล่นมาจะนิ่งอยู่ที่ 35 องศา ในตอนถือเล่นก็มีเมื่อยมือเหมือนกัน แต่ก็ยังหยิบไปนั่งนอนเล่นได้สบาย
ซึ่งจากการทดสอบประสิทธิภาพ Geekbench 6 ก็ได้ผลออกมาประมาณนี้เลย
- Galaxy Tab S9 Ultra
ทดสอบเล่นเกม Genshin แบบปรับกราฟิกสูงสุด 60fps ทุกอย่างสุดเหมือนกันหมด ผลที่ได้ก็คือลื่นไม่ต่างกัน หลังจากเล่นต่อเนื่องกันครึ่ง ชม. พบว่าเฟรมเรทอยู่ที่ 60 – 53FPS จะแอบตกลงไปเยอะกว่ารุ่นเล็กนิดนึง อุณหภูมิคงที่อยู่ที่ 35 องศา แต่การเล่นในจอใหญ่ที่รู้สึกได้ชัดเจนเลยคือภาพที่เห็นมันเต็มตาและเมื่อยสุด ๆ จนถือเล่นไม่ไหว (ตอนเล่นคือต้องตั้งจอละนั่งเล่น)
ซึ่งจากการทดสอบประสิทธิภาพ Geekbench 6 ก็ได้ผลออกมาประมาณนี้เลย
กล้องหน้าคมชัด จัดว่าเด็ด
Galaxy Tab S9 ให้กล้องหน้า 13MP วิดีโอคอลได้ชัดแจ๋วไม่มีเบลอ และกล้องหลัง 12MP อย่างละ 1 ตัว ภาพที่ได้ก็จะประมาณนี้เลยค่ะ
ส่วน Galaxy Tab S9 Ultra จะมาเป็นกล้องคู่ กล้องหน้า 13MP กล้อง Ultrawide 8MP, กล้องหลัง 12MP + กล้อง Ultrawide 12MP เก็บได้ทั้งภาพธรรมดาและภาพมุมกว้างแบบอยู่หมัด ซึ่งภาพที่ได้ก็จะประมาณนี้เลยค่ะ
แบตเยอะ ใช้งานทั้งวันไม่ต้องกังวล
Galaxy Tab S9 ให้แบตเตอรี่มาที่ 8,400mAh ให้มาเยอะพอที่จะใช้งานได้ทั้งวัน จากการทดสอบเล่นตั้งแต่แบตเต็ม 100% นำออกมาทำงาน ดู Netflix ระดับ HD แบบไม่พัก รวมไปถึงเล่นเกมบ้างไรบ้าง รวมแล้วเป็นเวลา 19 ชม. 33 นาที Screen on time 7 ชั่วโมง 27 นาที แบตเตอรี่ลดเหลือ 22%
ส่วน Galaxy Tab S9 Ultra ให้แบตเตอรี่มาที่ 11,200mAh เรียกได้ว่าเยอะแบบใช้งานได้อย่างหายห่วงเลย จากการนำออกมาใช้งานแบบจัดเต็มด้วยการเล่นเกมเกือบทั้งวัน ใช้ทำงาน หรือดูหนังบ้างไรบ้าง รวมเป็นเวลาทั้งสิ้น 6 ชั่วโมง 33 นาที แบตเตอรี่ลดเหลือ 18% (สงสัยจะเล่นหนักจริง ๆ)
สรุป
สำหรับการใช้งาน Galaxy Tab S9 ทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ บอกเลยว่าถูกใจสายดูซีรีส์ที่พ่วงเครื่องไปทำงานนอกสถานที่อย่างเรามาก เพราะว่าสามารถทำได้ครบเครื่องเลย แถมยังกันน้ำกันฝุ่นอีก แต่ในการเล่นเกมจอใหญ่สุดอาจจะไม่เหมาะมือมากนัก แต่ถ้าเอาไว้ดูหนังคือภาพใหญ่สะใจมาก ส่วนในการใช้งานทั่วไปถือว่าทำออกมาได้ดี ค่อนข้างเก่งเหมือนใช้งานผ่านโน้ตบุ๊คเลย
ข้อดี
- จอสวย ดูหนัง ดูคอนเทนต์ได้ฟินสุด ๆ
- ลำโพง 4 ตัว ระบบ AKG และ Dolby Atmos
- รุ่น Ultra จอใหญ่สะใจมาก
- ใช้งานได้ครบ ๆ เอาออกไปข้างนอกแล้วใช้ทำงานได้จริง
- สเปคแรงใช้งานได้เหลือเฟือ
- จอลื่น 120Hz
- ฟีเจอร์แน่น ฟังก์ชันครบ
- กันน้ำ กันฝุ่น IP68
ข้อสังเกต
- กล้องเซลฟี่เป็นแบบแนวนอน สายเซลฟี่อาจจะไม่ถนัด
- รุ่น Ultra จอใหญ่อาจต้องใช้อุปกรณ์เสริม พวกเคสสำหรับวาง
- ราคาสูง
- แบตเยอะ แต่ไม่ได้อึดอย่างที่คิด เพราะจอความละเอียดค่อนข้างสูง
- ถึงแม้จะมีวัสดุเป็นผิวแมทท์ แต่ก็เป็นรอยนิ้วมือง่ายอยู่ดี
ราคาจำหน่าย
Samsung Galaxy Tab S9 ทั้ง 3 รุ่น วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 สิงหาคม 2566 โดยวางจำหน่ายในราคาและรุ่นความจุ ดังนี้
- Galaxy Tab S9 WiFi (8/128GB) : ราคา 28,900 บาท
- Galaxy Tab S9 5G (12/256GB) : ราคา 32,900 บาท
- Galaxy Tab S9+ WiFi (8/256GB) : ราคา 35,900 บาท
- Galaxy Tab S9+ 5G (8/128GB) : ราคา 39,900 บาท
- Galaxy Tab S9 Ultra 5G (12/128GB) : ราคา 49,900 บาท
ความจุของ Tab S9+ นี่ใส่สลับกันไหมครับ หรือว่าถูกแล้ว