สื่อจากประเทศเกาหลีใต้ ให้ข้อมูลว่าทีม Immersive ที่ Samsung ก่อตั้งขึ้นมาเป็นการเฉพาะกิจภายใต้แผนก Mobile Experience เมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว ตอนนี้มีพนักงานในทีมเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 100 คนแล้ว (จากที่ช่วงต้นมีเพียงไม่กี่คน) เพื่อเร่งการพัฒนาเฮดเซต Galaxy XR ให้ทันเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หลังมีรายงานว่าคู่แข่งอย่าง Apple สามารถขายแว่น Apple Vision Pro ไปได้ถึง 2 แสนชุด ภายในเดือนเดียว
Samsung ประกาศความร่วมมือกับ Google และ Qualcomm ในการพัฒนาอุปกรณ์ XR ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2023 ในงานเปิดตัว Galaxy S23 series แล้ว โดยในตอนแรกมีข่าวลือว่า Samsung วางแผนจะเปิดตัว Galaxy XR ในปลายปีนั้น แต่พอ Apple Vision Pro เผยโฉมออกมาด้วยฮาร์ดแวร์ที่เหนือกว่าในบางด้าน เช่นหน้าจอแสดงผลที่มีความละเอียดสูงกว่า Samsung จึงพับแผนการเปิดตัว Galaxy XR ไว้ชั่วคราว แล้วกลับไปอัปเกรดฮาร์ดแวร์มาใหม่ให้ทัดเทียม (หรือเหนือกว่า) ทาง Apple ทำให้การเปิดตัว Galaxy XR ต้องเลื่อนออกไปเป็นครึ่งหลังของปี 2024 แทน
ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวก่อนหน้านี้ระบุว่า Galaxy XR เลือกใช้หน้าจอ OLEDoS ที่มีความหนาแน่นพิกเซลสูงถึง 3,500 ppi ผลิตโดยบริษัท eMagin ที่ Samsung พึ่งเข้าซื้อกิจการไปเมื่อปีก่อน เฮดเซตจะมีเซนเซอร์กล้องหลายตัวสำหรับการแสดงผลแบบ passthrough เป็นสีเต็มรูปแบบ โดยมีความหน่วงแฝงอยู่ที่ 12 มิลลิวินาที นอกจากนี้ยังมากับ GPU, NPU และ ISP ที่ทรงพลังของ Qualcomm ซึ่งได้รับการยืนยันแล้วว่าจะเป็นชิป Snapdragon XR2+ Gen 2 ตัวล่าสุดที่พึ่งเปิดตัวไปสด ๆ ร้อน ๆ เดือนที่แล้ว
หากพิจารณาจากไทม์ไลน์แล้ว อย่างเร็วที่สุด Samsung อาจเปิดตัว Galaxy XR พร้อมกับ Galaxy Z Flip6 และ Galaxy Z Fold6 ประมาณเดือนสิงหาคม แต่ยังไม่มีข้อมูลเรื่องราคา
ที่มา : Hankyung
Apple Vision Pro มันเป็นกระแส hype ของแฟนบอยแฟนเกิร์ลเขาหรอก
แว่น VR แบบสวมหัวปิดหน้าปิดตารู้สึกว่ามันยังไม่โอเคเท่าไหร่ หนักและเทอะทะ
ถ้ามันเบากว่านี้เหลือสัก 300g จะดีมาก
แต่ก็นะทำออกมาเพื่อเก็บ use case เอาไปพัฒนาต่อยอดในรุ่นถัดๆ ไป
ซื้อบริษัทแบบ Viture one แว่นแบบ AR glass มาทำต่อดีกว่า ใส่กล้องเข้าไปตัวเล็กๆ ไว้อ่านมือ แบบไม่ต้องสัมผัสโทรศัพ์ สั่งงานด้วยมือได้้แบบ apple samsung มี dex ที่ได้เปรียบยุแล้ว เสียบสายใช้ไฟกับมือถือ ไม่ใช้ก้อใส่เล่นๆ ได้ ใช้ในชีวิตจริงไฮเทคแบบไม่ตะโกนกว่า vision pro เยอะ