นอกจากไฮไลท์เด็ดของซัมซุงอย่าง Galaxy Note 4 และ Galaxy Note Edge ที่เป็นดาวเด่นในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของซัมซุงในงาน IFA 2014 แล้ว ในวันนี้ซัมซุงยังเปิดตัวนาฬิกาอัจฉริยะตัวที่ 6 อย่าง Gear S ซึ่งถือเป็นนาฬิกาอัจฉริยะตัวที่ 4 ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Tizen
การเปิดตัว Gear S ของซัมซุงในครั้งนี้ ถือว่าเตรียมตัวมาดีพอสมควร เพราะนอกจากการออกแบบที่เรียบเฉียบดูหรูหราแล้ว สเปกก็ถือว่าจัดเต็ม มีทั้งเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพและการนำทาง (GPS) ซึ่งรวมไปถึงรองรับการใส่ซิมแล้วโทรออกได้เลย และนอกจากนี้ซัมซุงได้จับมือกับผู้ผลิตแอพหลายรายจนทำให้ Gear S มีแอพอยู่บน Store กว่าพันแอพ จนทำให้ในตลาดนาฬิกาอัจฉริยะในตอนนี้ Gear S ถือว่าเป็นนาฬิกาอัจฉริยะที่ดีสุดในเวลานี้
รูปลักษณ์และหน้าตา
Gear S มาพร้อมกับหน้าจอที่โค้งมน ความกว้างขนาด 2 นิ้ว ความละเอียด 360×480 (เป็นความละเอียดของมือถือสมาร์ทโฟนในยุคเริ่มแรก) ความหนาแน่นของพิกเซลสูงถึง 300 ppi หน้าจอใช้เทคโนโลยี Super Amoled ทำให้แสดงสีสันได้สดใสและแสดงผลในหน้าจอกลางแจ้งได้ดี ด้านหน้ามีปุ่ม Home เหมือนในมือถือของ Samsung Galaxy
ตัวสายกับตัวเครื่องของ Gear S ไม่สามารถแกะแยกออกจากกันได้เหมือนกับ Gear รุ่นก่อนหน้านี้ ด้านหลังของ Gear S จะมีเซ็นเซอร์สำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจและช่องสำหรับใส่ SIM Card ซึ่ง Gear S นั้นรองรับแค่เพียง 3G เท่านั้น โดย Gear S จะแบ่งย่อยออกเป็นสองรุ่นตามการรองรับคลื่นความถี่ของ 3G ได้แก่ รุ่นรองรับคลื่น 3G 900/2100 และ รุ่นรองรับ 3G 850/1900 นอกจากนี้ Gear S ยังกันน้ำกันฝุ่นในระดับ IP67 อีกด้วย
ซัมซุงยังได้จับมือกับ Swarovski จะทำสายรัดข้อมือที่ประดับคริสตัลเพื่อเจาะตลาดผู้หญิงโดยเฉพาะ (ข่าวเก่า) ซึ่งในตรงนี้ทำให้เกิดความสับสนว่า Gear S จะสามารถเปลี่ยนสายได้หรือไม่ เพราะในเว็บต้นทางที่เราอ้างอิงมาบอกว่า Gear S และสายข้อมือไม่สามารถแกะแยกออกจากกันได้
สเปกของ Gear S
- หน้าจอ 2 นิ้ว Super AMOLED (360 x 480)
- หน่วยประมวลผล Dual-core 1GHz
- RAM 512MB
- หน่วยความจำภายใน 4GB
- รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 4.1, USB 2.0, 802.11n
- มี A-GPS และ GLONASS ไว้สำหรับการนำทาง
- รองรับ 2G: 900/1800 หรือ 850/1900MHz
- รองรับ 3G:900/2100 หรือ 850/1900MHz
- ระบบปฏิบัติการ Tizen
- แบตเตอร์รี่ Li-Ion 300mAh สามารถอยู่ได้นานถึง 2 วันต่อการชาร์จประจุครั้งนึง
- ขนาด 39.8 x 58.3 x 12.5 mm
- กันน้ำและฝุ่น IP67
แอพพิลเคชันและหน้าตา UI
นอกจากรูปลักษณ์และสเปกที่ดีแล้ว อีกส่วนที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือแอพพลิเคชันที่จะทำให้ Gear S น่าใช้ขึ้น โดยซัมซุงได้มีการเตรียมพร้อมจับมือกับผู้ผลิตแอพ จนทำให้มีแอพใน Gear Store กว่าพันแอพ นั่นจึงทำให้ Gear S สามารถทำงานได้อย่างเป็นเอกเทศ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสมาร์ทโฟน
Here Maps หนึ่งในแอพนำทางชื่อดังที่ซัมซุงจับมือกับ Nokia เข็นให้มันมาอยู่บน Gear S โดย Here Maps บน Gear S สามารถนำทางแบบโค้งต่อโค้ง (turn by turn) ได้โดยด้วยตัวมันเอง และสามารถโหลดแผนที่เพื่อนำมาใช้แบบออฟไลน์โดยไม่จำเป็นต้องต่ออินเตอร์เน็ตตลอดเวลา
Fleksy คีบอร์ด QWERTY ที่มีแถมมาให้บนตัว Gear S ทำให้เราพิมพ์แชทหรือจดบันทึกได้โดยตรงผ่าน Gear S แต่ถ้าจะให้ดีควรรองรับการสั่งการหรือพิมพ์ด้วยเสียงน่าจะดีกว่า
วิดีโอด้านบนเป็นพรีวิวจากเว็บ Android Central ซึ่งดูแล้วสำหรับผมถือเป็นนาฬิกาอัจฉริยะตัวแรกที่ผมเห็นแล้วมีความรู้สึกว่าอยากได้อย่างจริงจัง แต่ข้อเสียของ Gear S คงไม่พ้นต้องถูกบังคับให้ใช้ร่วมกับมือถือ Samsung เหมือนอย่าง Gear รุ่นก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่า Gear S จะถูกออกแบบมาให้ใช้อย่างเอกเทศได้ เพราะมีช่อง SIM การ์ดให้เสียบไว้สำหรับต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน 3G ได้ แต่เชื่อว่าคงไม่มีใครยอมเสียค่าบริการสองต่อระหว่างสมาร์ทโฟนกับ Gear S คงจะเลือกให้ Gear S เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านสมาร์ทโฟนมากกว่า
ทิ้งท้าย
ถึงแม้ว่า Android Wear กำลังเป็นกระแสหลักในตลาดนาฬิกาอัจฉริยะ แต่ซัมซุงผู้ที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาด Android อันดับหนึ่งที่รู้สึกว่าตัวเองพึ่งพา Google มากเกินไป ทำให้ในหลายๆ ครั้งเราได้เห็นความพยายามของซัมซุงที่จะลดการพึ่งพาของ Google ไม่ว่าจะเป็นการสร้างระบบปฏิบัติการใหม่สำหรับสมาร์ทโฟนขึ้นมาเอง (Bada, Tizen) หรือพยายามสร้าง Store ขึ้นมาเอง แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
และ Gear S ก็เป็นความพยายามอีกครั้งที่พยายามจะดัน Tizen ในรูปแบบของนาฬิกาอัจฉริยะ และเชื่อได้ว่าถ้าซัมซุงทำสำเร็จในระดับนึง ซัมซุงคงจะโยก Tizen ให้ขึ้นมาอยู่บนสมาร์ทโฟน ดังที่ซัมซุงวางแผนไว้ครั้งแรก
ที่มา Android Central
ตัวสายสามารถแกะได้เหมือน Gear Fit นะครับ
เหมือนปลอกข้อมือคุมความประพฤติเบย
ขนาด Asus ยังราคา 199 ยูโร แล้ว ซัมซุงเกียร์เอส จะราคาเท่าไรไม่อยากจะคิด แต่อยากได้ คงได้แค่มอง T-T
ไม่มีกล้องชิมิ
ขาดอย่างเดียวกล้อง ไม่งั้นครบ
รอมน้อยไปนิด
ชอบตรง Here Maps นี้ละคับ ไม่รู้จะทำลง Gear 2 หรือเปล่า
ดูไม่เหมือนนาฬิกาสักเท่าไร -*-
คงแพงเท่า smartphone เครื่องนึงเลย มีทั้ง 3G wifi จอ super แค่ Gear เชื่อมต่อมือถือธรรมดายัง 9 พัน
ชอบตรงที่ออกกำลังกายแบบ Stand Alone ได้
แต่ปัญหาคือ แบตจะอยู่ได้นานแค่ไหน
Moto เคยทำ Motoactv นาฬิกาออกกำลังกาย Android เหมือนกัน
ปัญหาคือ เปิด GPS ต่อ Bluetooth ฟังเพลง และวิ่งไปได้ด้วย แบตไหลเป็นน้ำเลย
จนนักวิ่งส่ายหน้า ไปเล่น GPS Watch จริงๆ จังๆ ดีกว่า เฮ้อ..
แต่ถ้าต่อ Endomondo วิ่ง+ฟังเพลงไปด้วยได้สัก 10-12 ชม.
ผมว่า GPS Watch ค่ายอื่นอีกหนาว..
ฟันธง ตายตรงแบตไม่รอดวันแน่นอน ยัดมาทั้งจอใหญ่ Wifi 3G แบบนี้
หลงรักเลย แม้จะไม่ครบเท่าไรแต่ตอบโจทย์คนใข้ได้ทุกทางเลย อย่าแพงมากเลยนะ ตะสอยแน่นอน
ตอนแรกว่าจะปล่อย Gear2 มารอ Gear S แต่พอเปิดตัวมาแบบนี้
มันคือกำไลชัดๆ ใหญ่โคตร ทำไมไม่ทำสเปคเต็มๆมาบนขนาดเท่าเดิม
ใส่ Gear 2 ตอนนี้ ยังรู้สึกว่าอีกนิดเดียวก็ใหญ่เกินแล้ว เพราะตอนนั่งพิมพ์งาน
ยังรู้สึกติดคีร์บอร์ด พอมาเจอ Gear S โห ใหญ่อลังการ คงเกะกะน่าดู
คำเดียว…ซื้อแน่!
มันคือ Smartphone ในร่างนาฬิกาข้อมือครับ คิดว่า Samsung เองน่าจะทำมาจับอีกตลาด แยกกับ Smarphone หรือ Tablet นะครับ ไม่เน้นใช้คู่กัน
ส่วนหนึ่งเพราะมันทำงานได้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องมี Smartphone อีกเครื่องเลย ผมมองว่าเหมาะมากๆเวลาไปออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมใดๆ ที่พก Smartphone ได้ลำบาก
ส่วน Spec. ด้วยความที่กระแส SmartWatch กำลังเติบโต อาจเรียกได้ว่าเริ่มตั้งไข่ ผมว่าก็ดูลงตัวดีครับ คล้ายกับยุค Smartphone iOS กับ Android ยุคแรกละครับ ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ หาจุดเด่นจุดด้อย แล้วปรับปรุงทำรุ่นใหม่มาดูดเงินเราในอนาคต เหอๆ *0*
คิดเหมือนผมเลยว่ามัน ตอบโจทย์ในการเอาไปใช้ในการออกกำลังกายมากๆ
เพราะมีปัญหาในการพกโทรศัพท์ไปออกกำลังกาย ยิ่งใช้คู่กับ "Gear circle"
ตัวใหม่ ยิ่งสะดวกไปใหญ่
ว่าแต่ถ้าใส่ตอนขับรถ คุณตำรวจจะจับมั้ยครับ อิอิ
ไม่น่าจับนะครับ เพราะว่าไม่ได้ถือ แต่ใส่อยู่ที่ข้อมือ