Samsung คว้าอันดับ 1 ยอดจัดส่งมือถือในไทยไตรมาส 3 ทะยานคว้าส่วนแบ่งตลาด 24%

Samsung คว้าอันดับที่ 1 ส่วนแบ่งตลาดมือถือในประเทศไทย ด้วยส่วนแบ่งที่สูงถึง 24% ในขณะที่ Apple อยู่ในลำดับที่ 4 แสดงให้เห็นถึงส่วนแบ่งตลาดมือถือในไทยที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าจะเน้นขายตลาดสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมเป็นหลักก็ตาม

รายงานล่าสุดจาก Omdia (Canalys) เผยว่า ตลาดสมาร์ทโฟนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) มียอดการจัดส่งมือถือรวม 25.6 ล้านเครื่อง ในไตรมาส 3 ปี 2025 ซึ่งลดลงถึง 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าลดลงมาติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สาม

อย่างไรก็ตาม Samsung ก็ยังสามารถครองส่วนแบ่งในตลาดได้ในอันดับที่ 1 ด้วยยอดจัดส่งมือถือ 4.6 ล้านเครื่อง และส่วนแบ่งตลาดโดยรวมในตลาด SEA อยู่ที่ 18% โดยมีกลุ่มสามาร์ทโฟนจากบริษัท TRANSSION ตามมาด้วยยอดจัดส่งเท่ากันที่ 4.6 ล้านเครื่อง

ในขณะที่ Xiaomi อยู่ในอันดับสามของตาราง ด้วยยอดจัดส่งมือถือจำนวน 4.3 ล้านเครื่อง (ส่วนแบ่งตลาด 17%) ส่วนแบรนด์อื่น ๆ อย่าง OPPO และ vivo จะอยู่ในอันดับสี่กับอันดับที่ห้าตามลำดับ

**TRANSSION คือบริษัทที่ผลิตมือถือ เช่น Itel, Infinix และ TECNO

ส่วนแบ่งการตลาดมือถือในประเทศไทย Q3 ปี 2025

สิ่งที่น่าสนใจคือจำนวนการส่งออกมือถือหรือส่วนแบ่งตลาดของแบรนด์ต่างๆ ในแต่ละประเทศแถบ SEA โดยเฉพาะใน ประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดที่มีราคาขายเฉลี่ยของสินค้า (ASP) สูงกว่าประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเดียวกัน

Samsung ขึ้นเป็นอันดับที่ 1 ด้วยส่วนแบ่งตลาดมือถือในประเทศไทย 24% เป็นผลมาจากกลยุทธ์ของแบรนด์ที่เน้นขายโปรดักส์หรือสินค้าระดับพรีเมียมในตลาดที่มีกำลังซื้อสูง ไปจนถึงการเปิดมือถือรุ่นใหม่อย่าง Galaxy A07 กับ Galaxy A17 เพราะมีราคาที่เข้าถึงได้ง่าย

ต่อเนื่องมาที่อันดับ 2 อย่าง OPPO ซึ่งมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 17% ตามมาด้วย Xiaomi ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 3 คว้าส่วนแบ่งไปได้ 15% สำหรับอันดับที่ 4 กับ 5 ก็คือ Apple และ vivo ตามลำดับ โดยสิ่งที่น่าสนใจก็คือการที่ Apple สามารถไต่ลำดับขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 4 แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีสำหรับยอดขายหรือการทำตลาดประเทศไทย

นักวิเคราะห์จาก Omdia ระบุว่า ตลาดมือถือกำลังเผชิญกับความท้าทายจาก ต้นทุน Bill of Materials (BoM) ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะราคาต้นทุนของหน่วยความจำและพื้นที่เก็บข้อมูลที่สูงขึ้นอย่างมาก

จากปัญหาเบื้องต้น ทำให้มือถือราคาถูกต้องเจอกับแรงดดันในด้านการตั้งราคา ผู้ผลิตจากแต่ละแบรนด์จำเป็นจะต้องตัดสินใจว่า จะยอมลดต้นทุนและลดสเปคลง หรือจะปรับเพิ่มราคาขึ้นให้สูงกว่าเดิมเพื่อรักษากำไรเอาไว้