Samsung ได้ออกมาเปิดเผยรายงานผลกำไรของตัวเองในช่วงไตรมาสที่ 2 ซึ่งสามารถทำไปได้ถึง 52.2 พันล้านดอลลาร์ ถ้าไม่ได้เอาไปเปรียบเทียบกับที่ผ่านๆ มาอาจจะดูเหมือนเยอะ…แต่จริงๆ แล้วผลกำไรล่าสุดนี้ถือเป็นช่วงที่แย่ที่สุดในรอบ 12 เดือน ที่ผ่านมาสำหรับ Samsung เลยทีเดียว

สำหรับเหตุผลที่ Samsung กำไรหดหายไปในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ หลักๆ เลยมาจากอัตราการขายมือถือ และหน้าจอที่น้อยลงมาก แต่กลับกันในส่วนของสินค้าประเภทหน่วยความจำยังสามารถทำกำไรให้กับ Samsung ได้ดีเหมือนเดิม

โดยยอดขายจากมือถือของ Samsung ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ถือว่าหดลงถึง 20% คิดเป็นเงินประมาณ 21 – 26 พันล้านดอลลาร์ เลยทีเดียว โดยมีการคาดการณ์ว่าเป็นเพราะการลงทุนไปกับมือถือเรือธงอย่าง Galaxy S9 / S9+ และมือถือรุ่นล่างๆ บางรุ่นที่ขายไม่ค่อยดีนั่นเอง

แต่ถึงยังไง Samsung ก็ยังคงมั่นใจว่าจะสามารถทำกำไรได้มากขึ้นในช่วงไตรมาสหน้า จากการเปิดตัวของว่าที่เรือธงรุ่นล่าสุดอย่าง Galaxy Note 9 นอกจากนี้ในช่วงปลายปียังคาดว่าจะมีคำสั่งซื้อแผงหน้าจอ OLED จากแบรนด์อื่นๆ ที่จะเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ๆ ในปีหน้าเข้ามาอีกด้วย

ส่วนแผนกที่ทำกำไรได้ดีที่สุดของ Samsung ก็ยังคงเป็นแผนกชิปหน่วยความจำประเภท NAND และ DRAM อยู่เหมือนเดิม ซึ่งในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ถือว่าเป็นช่วงที่ทำกำไรได้มากที่สุด นับเป็นผลกำไรสูงถึง 80% จากทั้งหมดของแบรนด์ Samsung เลยทีเดียว

ก็ต้องมารอดูกันว่า Galaxy Note 9 ที่กำลังจะเปิดตัวในอีกไม่กี่วันนี้ จะเข้ามาช่วยกอบกู้ผลกำไรจากแผนกมือถือที่ผลกำไรหดลงๆ อยู่เรื่อยๆ ในขณะนี้ได้รึเปล่า

ที่มา : Gizchina