Galaxy Z Fold 3 เป็นอุปกรณ์จอพับรุ่นแรกของ Samsung ที่รองรับการใช้งานคู่กับ S Pen และแน่นอน ในงาน Galaxy Unpacked บริษัทฯ ได้นำเอาปากกาสไตลัสดังกล่าวมาเปิดตัวพร้อมกันด้วย โดยจะมีสองแบบ คือ S Pen Fold Edition กับ S Pen Pro ซึ่งฟีเจอร์ของทั้งคู่จะแตกต่างกันอยู่ประมาณหนึ่ง และจะมีเพียงแค่ฝ่ายหลังเท่านั้นที่รองรับการใช้งานคู่กับ Galaxy Note, Galaxy Tab S หรืออื่น ๆ ดังนั้นในการเลือกซื้อจึงต้องพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้รวมทั้งในส่วนของราคาที่ไม่เท่ากันด้วย


อย่าเอา S Pen รุ่นเก่ามาเขียนบนหน้าจอ Galaxy Z Fold 3

แม้ว่า Galaxy Z Fold 3 จะรองรับปากกา S Pen แล้ว แต่ต้องบอกก่อนนะครับว่า เราไม่สามารถนำเอา S Pen รุ่นเก่า ๆ มาใช้งานได้นะ เนื่องจาก Ultra Thin Glass (UTG) ที่เป็นวัสดุปิดทับหน้าจอนั้นมีความบางสุดขีด หัวปากกาจึงอาจสร้างความเสียหายต่อกระจกอย่างถาวร ส่วนสาเหตุที่ S Pen Fold Edition กับ S Pen Pro ไม่ทำร้ายหน้าจอ เป็นเพราะ Samsung ได้ออกแบบหัวปากกาใหม่แบบเฉพาะเจาะจงนั่นเองครับ

ฟีเจอร์ S Pen Fold Edition ทำอะไรได้บ้าง ?

S Pen Fold Edition รองรับแรงกดได้ 4,096 ระดับ สามารถใช้งานคุณสมบัติขั้นพื้นฐานของ S Pen ได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องมานั่งชาร์จแบตให้วุ่นวาย ซึ่งรวมถึงฟีเจอร์ทั้งหลายใน Air Command ด้วย แถมยังมีข้อดีเพิ่มเติม คือ ขนาดเล็กและน้ำหนักเบา ทำให้พกพาสะดวก เสียบเก็บกับเคส Flip Cover with S Pen ได้พอดีเป๊ะ

  • ขนาดเล็ก พกพาสะดวก
  • เก็บในเคส Flip Cover with S Pen ได้พอดี
  • รองรับแรงกด 4,096 ระดับ
  • รองรับฟีเจอร์ Air Command
  • ใช้คู่กับ Galaxy Z Fold 3 ได้เพียงรุ่นเดียวเท่านั้น
  • ความยาว 132.1 มม.
  • เส้นผ่านศูนย์กลาง 7.7 มม.
  • น้ำหนัก 6.3 กรัม

ฟีเจอร์ S Pen Pro ทำอะไรได้บ้าง ?

เราสามารถเชื่อมต่อ S Pen Pro เชื่อมต่อกับ Galaxy Z Fold 3 ได้ผ่านบลูทูธพลังงานต่ำ (Bluetooth Low Energy: BLE) จึงรองรับฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายกว่า นอกเหนือจากฟีเจอร์พื้นฐานและ Air Command แล้ว S Pen Pro ยังสามารถใช้งาน Air Action ได้ด้วย เช่น วาดปากกาบนอากาศเพื่อเข้าสู่ทางลัดต่าง ๆ ตามที่กำหนด หรือใช้งาน S Pen เป็นรีโมตควบคุมแอปกล้องถ่ายรูปจากระยะไกล และอื่น ๆ อีกมากมาย (ดูเพิ่มเติมได้ที่วิดีโอด้านล่าง)

Play video

นอกจากนี้ S Pen Pro ยังมีปุ่มสลับโหมดการทำงานอยู่บริเวณปลายปากกา สามารถสลับโหมดไปใช้งานคู่กับ Galaxy S, Note หรือ Tab รุ่นอื่น ๆ ที่รองรับได้ ซื้อทีเดียวใช้ได้กับทุกอุปกรณ์เลย เป็นอีกหนึ่งความสามารถเด็ดที่ S Pen Fold Edition ไม่มี ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยหน่วยความจำแบบออนบอร์ดที่อยู่ในปากกา ทำให้ผู้ใช้งานสามารถก๊อบปี้เนื้อหาบางอย่าง จากอุปกรณ์เครื่องหนึ่งไปสู่อุปกรณ์อีกเครื่องหนึ่งได้

อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลเรื่องบลูทูธ S Pen Pro จึงจำเป็นต้องมีแบตเตอรี่ในตัว เมื่อรวมกับขนาดที่ใหญ่กว่า S Pen Edition ด้วยแล้ว น้ำหนักตัวเลยเพิ่มขึ้นราวสองเท่า จาก 6.3 กรัม กลายเป็น 13.8 กรัม และข้อจำกัดที่ควรทราบอีกอย่างหนึ่ง คือ ตอนนี้ Samsung ยังไม่มีเคส Glaxy Z Fold 3 ที่มีช่องเก็บ S Pen Pro ออกมานะครับ (อาจตามมาในเร็ว ๆ นี้)

  • ขนาดใหญ่ จับถนัดมือ
  • รองรับแรงกด 4,096 ระดับ
  • รองรับฟีเจอร์ Air Command และ Air Action
  • รองรับการระบุตำแหน่งอุปกรณ์ผ่าน SmartThings (กรณีหาปากกาไม่เจอ)
  • มีบลูทูธและแบตเตอรี่ในตัว
  • ใช้งานได้นานสุด 16 วัน
  • ชาร์จแบตเตอรี่ผ่านพอร์ต USB Type-C
  • สลับโหมดการทำงานไปใช้คู่กับ Galaxy S, Note หรือ Tab ที่รองรับ และคัดลอกเนื้อหา (บางอย่าง) ข้ามอุปกรณ์ได้ผ่านปากกา
  • ความยาว 173.64 มม.
  • เส้นผ่านศูนย์กลาง 9.5 มม.
  • น้ำหนัก 13.8 กรัม

ราคา S Pen Fold Edition และ S Pen Pro

ตอนนี้ Samsung ประเทศไทย ยังไม่มีทั้ง S Pen Fold Edition และ S Pen Pro วางจำหน่ายแยกนะครับ มีเพียงตัวเลือกเดียว คือ Flip Cover with S Pen ที่มาเป็นแพ็กคู่ปากกาพร้อมเคส ราคา 2,790 บาท แต่ถ้าอ้างอิงจากราคาในต่างประเทศ S Pen Fold Edition จะมีค่าตัวอยู่ที่ 49.99 เหรียญ (ประมาณ 1,690 บาท) ส่วน S Pen Pro ขยับขึ้นมาเป็น 99.99 เหรียญ (ประมาณ 3,390 บาท) เอาง่าย ๆ ว่า ห่างกันประมาณสองเท่าครับ

  • S Pen Fold Edition – ราคา 49.99 เหรียญ (ประมาณ 1,690 บาท)
  • S Pen Pro – ราคา 99.99 เหรียญ (ประมาณ 3,390 บาท)

สรุปแล้ว S Pen Fold Edition เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับใครที่ใช้งานเพียงแค่ฟีเจอร์พื้นฐานของปากการ่วมกับ Air Command เท่านั้น แต่ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนอยากได้ฟังก์ชันที่แอดวานซ์ขึ้นมาอีกระดับ รวมถึง Air Action แล้ว S Pen Pro จะตอบโจทย์มากกว่า

Advertisement