สวัสดีเพื่อนสมาชิก Droidsans ทุกท่าน หลังจากที่ผมได้ไปร่วมงานเปิดตัว Sharp M1 และ Sharp Z2 มือถือสองรุ่นใหม่จาก Sharp Mobile ที่กลับมาทำตลาดในประเทศอีกครั้ง ผมก็ได้ Sharp M1 ติดมือมารีวิวให้ชมกัน 1 รุ่น โดยรุ่นนี้จะเน้นการถ่ายรูป Selfie ด้วยกล้องหน้าความละเอียด 13MP และให้ความจุ ROM มากถึง 64GB เก็บรูป Selfie กันสะใจไปเลย ซึ่ง Sharp M1 วางจำหน่ายแล้วในราคา 8,990 บาท แล้วมันจะดีสมราคามั้ย? เรามาดูรายละเอียดกันครับ

สเปกของ Sharp M1

  • ชื่อและรหัสเครื่อง : Sharp M1 (FS8001)

  • สัดส่วน : 155 x 76.9 x 7.6 มิลลิเมตร

  • น้ำหนัก : 151 กรัม

  • หน้าจอ : LTPS ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1080p HD (1080 x 1920)

  • เครือข่ายที่รองรับ:

    • 4G : LTE 700 / 900 / 1800 / 2100 / 2300 / 2600

    • 3G : WCDMA 850 / 900 / 1900 / 2100

    • 2G : GSM 850 / 900 / 1800 / 1900

  • SIM : 2 SIM แบบ NanoSIM Dual Standby (ถาดซิม Hybrid)

  • CPU : MTK MT6753 Cortex-A53 1.3GHz Octa-Core

  • GPU : Mali-T720

  • RAM : 3GB

  • หน่วยความจำภายใน : 64GB รองรับ microSD card สูงสุด 64GB

  • กล้องหน้า : 13 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 77 องศา พร้อมระบบ Autofocus

  • กล้องหลัง : 13 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 80 องศา พร้อมระบบ Autofocus, แฟลช LED และมีกันสั่นแบบ EIS แกนสำหรับการถ่ายวิดีโอ

  • แบตเตอรี่ : 2600mAh (ถอดเปลี่ยนเองไม่ได้)

  • OS : Android 6.0 Marshmallow พร้อม Sharp UI

  • สแกนลายนิ้วมือ : ไม่มี

  • NFC : ไม่มี

  • OTG : มี

  • ไฟแจ้งเตือน: มี

  • เซ็นเซอร์และการเชื่อมต่ออื่นๆ:

    • GPS, A-GPS

    • Wi-Fi 802.11a b/g/n

    • Bluetooth 4.1

    • USB 2.0

    • หูฟัง 3.5 มิลลิเมตร

    • Proximity, Ambient light sensor, Gyro sensor, E-compass

  • สีที่มีให้เลือก : Hanayome White (ขาว) และ Pure Pink (ชมพู)

 

 

แกะกล่องกันก่อน

เรามาเริ่มต้นด้วยการแกะกล่องของ Sharp M1 กันก่อน ดูว่ามีอุปกรณ์เสริมอะไรมาให้ใช้งานได้บ้าง สิ่งที่แปลกอย่างหนึ่งคือ ชื่อรุ่นบนตัวกล่องระบุว่า Sharp Aquos M1 ทำให้เข้าใจว่ามือถือรุ่นนี้อยู่ในตระกูล Aquos มาก่อนที่ Sharp จะตัดสินใจเอาออกและใช้ชื่อทำตลาดว่า Sharp M1 เฉยๆ นะครับ

sharp-m1-review-unbox01.jpg

 

สำหรับอุปกรณ์ที่มาให้ในกล่องของ Sharp M1 ประกอบด้วย

  • ตัวเครื่อง Sharp M1

  • สาย USB

  • Adaptor สำหรับชาร์จ

  • เข็มจิ้มถาดซิม

  • คู่มือผู้ใช้ภาษาไทย

sharp-m1-review-unbox02.jpg

 

ตัว Adaptor ที่ให้มาจ่ายไฟอยู่ที่ 5V 2A

sharp-m1-review-unbox03.jpg

 

คู่มือการใช้งานที่ให้มาเป็นภาษาไทยเรียบร้อยแล้ว

sharp-m1-review-unbox04.jpg

 

ของที่มีในกล่องก็อย่างที่ได้เห็นไปแล้ว สิ่งที่ขาดไปคือจากปกติที่มือถือรุ่นอื่นให้มาคือ หูฟัง smalltalk ไม่มีมาให้นะครับ อาจจะเป็นเหตุผลเรื่องการประหยัดต้นทุนและปกติคนใช้สมาร์ทโฟนก็จะมีหูฟังส่วนตัวอยู่แล้ว

 

งานออกแบบและวัสดุ

ได้เวลามาจับตัวเครื่อง Sharp M1 กันแล้วครับ โดยเครื่องที่เว็บได้มารีวิวจะเป็นรุ่นสีชมพู Pure Pink ครับ ตัวเครื่องทำด้วยกระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยด้านหลังจะพิเศษตรงที่เป็นกระจกโค้งซ้ายขวา เวลาจับถือเข้ากับมือพอดิบพอดี ซึ่งตัวกระจกเองมีการเคลือบสารบางอย่าง ทำให้ลายนิ้วมือไม่ค่อยติด แต่ข้อเสียก็คือ มันลื่นครับ ลื่นทั้งตอนที่อยู่ในมือกับตอนที่วางบนโต็ะเลย ถ้าวางบนพื้นไม่เรียบก็ไหลตกโต๊ะได้เหมือนกัน ระวังกันหน่อยนะครับ ส่วนหน้าจอนั้นดูเหมือนว่าจะชิดขอบข้างตัวเครื่องเลยครับ เพราะภาพโฆษณาของ Sharp เองก็จะเห็นว่าจอชิดขอบไปเลยเหมือนกัน

sharp-m1-review-hardware00.jpg

 

แต่พอเปิดหน้าจอขึ้นมาก็เห็นว่า “ไม่ตรงปก” ซะแล้ว เพราะขอบจอดำๆด้านข้างนั่นยังอยู่ แถมหนาซะด้วยเหมือนมือถือทั่วไปนั่นแหละ เห็นอย่างนี้เสียความรู้สึกนิดๆ สำหรับ Sharp M1 มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้วแบบ LTPS ความละเอียด Full HD 1080p ที่ให้ภาพคมชัด สีสันสวยงาม ปรับความสว่างสูงสุดก็ถือว่าสว่างมาก สามารถสู้แสงในที่กลางแจ้งได้ดีครับ

sharp-m1-review-hardware01.jpg

 

ส่วนบนของหน้าจอประกอบด้วยกล้องหน้า, ลำโพงสนทนา และช่องสำหรับ Proximity และ Light sensor ครับ

sharp-m1-review-hardware02.jpg

 

ด้านขวาสุดของส่วนบนจะมีไฟแจ้งเตือน หรือ Notification LED อยู่ด้วยครับ

sharp-m1-review-hardware02-1.jpg

 

ส่วนล่างของหน้าจอประกอบด้วย ปุ่มสัมผัส 3 ปุ่มตามมาตรฐานของ Android คือ Back, Home และ Recents

sharp-m1-review-hardware03.jpg

 

พลิกมาดูด้านล่างของตัวเครื่องจะเห็นเฟรมสีชมพูชัดเจน ไล่จากซ้ายไปขวาประกอบด้วย ลำโพงสำหรับเสียงเรียกเข้า, พอร์ต microUSB และรูไมโครโฟนสนทนา

sharp-m1-review-hardware04.jpg

 

ด้านซ้ายของตัวเครื่องจะมีปุ่มปรับเสียงอยู่

sharp-m1-review-hardware05.jpg

 

ด้านบนของตัวเครื่องประกอบด้วย รูหูฟัง 3.5 มม.และรูไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน

sharp-m1-review-hardware06.jpg

 

ด้านขวาของตัวเครื่องจะมีช่องถาดซิมและปุ่ม Power อยู่

sharp-m1-review-hardware07.jpg

 

พลิกมาดูด้านหลังเครื่องเห็นกันชัดๆกับกระจกโค้งข้าง มองเผินก็คล้ายๆกับพวก Mi Note หรือ Galaxy Note 5 เหมือนกันนะ 55

sharp-m1-review-hardware08.jpg

 

ส่วนบนของด้านหลังเป็นจุดเดียวที่มีชิ้นส่วนอยู่ ที่ให้เป็นวงกลมสีเงินนั่นคือ ไฟแฟลช LED และถัดมาคือ กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซลนั่นเอง ตรงนี้ดูเผินๆก็เหมือนกล้องคู่นะ 55

sharp-m1-review-hardware09.jpg

 

ส่วนล่างก็ไม่มีอะไรนอกจากโลโก้ Sharp เด่นตระหง่านอยู่ครับ

sharp-m1-review-hardware10.jpg

 

สำหรับถาดซิมของมือถือรุ่นนี้เป็นแบบ Hybrid ใส่ได้ 2 NanoSIM พร้อมกัน หรือ 1 NanoSIM กับ 1 MicroSD card นั่นเอง

sharp-m1-review-hardware11.jpg

 

สิ่งเดียวที่อยากจะติในส่วนของ hardware มือถือรุ่นนี้คือ การขาดหายไปของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ เพราะมือถือราคาระดับ 8000-9000 บาท ต้องมีแล้วล่ะครับ ที่จริงราคาถูกกว่าก็ยังมีเลย

 

โดยรวมงานออกแบบและวัสดุของมือถือรุ่นนี้ถือว่าโอเคเลย งานประกอบก็แน่นหนาดี หลายคนบอกว่านี่ไม่ใช่มือถือของ Sharp แต่เป็นมือถือจีน ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะ Foxconn ผู้ผลิตมือถือชื่อดังจากจีนนั้นเทคโอเวอร์ Sharp Mobile ไปแล้วเรียบร้อย ถ้าจะให้ถูกต้องบอกว่านี่ไม่ใช่มือถือของ Sharp ยุดเก่าที่ขายแค่ในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่นี่คือ Sharp ยุคใหม่ที่คนทั่วโลกจะได้สัมผัสและรู้จักแบบตัวเป็นๆสักทีต่างหาก ตรงนี้ขอกระซิบไว้สักนิดว่า ทาง Comtiva ผู้จัดจำหนายที่นำ Sharp เข้ามาไทยนั้นบอกว่า จะนำมือถือตระกูล Sharp Aquos เข้ามาจำหน่ายด้วยแน่นอน

 

Android Marshmallow พร้อม Sharp UI

Sharp M1 นั้นมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow โดยมีการปรับ UI และ Launcher มาใช้ของตัวเอง ทาง Sharp ไม่ได้บอกว่าชื่ออะไร แต่ผมเรียกว่า Sharp UI แล้วกันง่ายดี ซึ่งทาง Sharp ก็มีการปรับ UI ในหลายส่วนเหมือนกัน แต่โดยรวมวิธีการใช้งานยังไม่ได้หนีไปจาก Android มาตรฐานแต่อย่างใด ยกเว้น Launcher ที่เรียกว่า Sharp Home

 

Sharp Home

Launcher หรือ Homescreen ที่มากับ Sharp M1 นั้นถือว่ามีความแปลกใหม่พอสมควร เพราะเป็น Homescreen ที่แบ่งเป็น 2 ฝั่ง ซ้าย-ขวา และใช้การแบ่งหน้าเป็นแนวตั้ว (vertical) โดยฝั่งซ้ายจะเป็นฝั่งที่รวมตัว App จริงๆไว้ทั้งหมด ส่วนฝั่งขวาจะเป็นที่เอาไว้วาง shortcut ต่างๆ ทั้งสองฝั่งสามารถใส่ Widget เพิ่มเติมเข้าไปได้ และจะมีการแบ่งหน้าตามแนวตั้ง ไม่เหมือนกับ Launcher ของ Android ทั่วไปที่แบ่งหน้าตามแนวนอน ดังนั้นตอนการใช้งาน Sharp Home นั้น การปัดซ้ายปัดขวาจะเป็นการเปลี่ยนฝั่ง ถ้าจะเลื่อนหน้าของแต่ละฝั่งต้องปัดขึ้นปัดลงแทน

sharp-m1-review-software01.jpg

 

Notification และ Quick settings

ในส่วนของแถบแจ้งเตือนหรือ Notification shade นั้นมีการปรับนิดหน่อยแต่พื้นฐานการใช้งานยังคงเหมือนเดิม เราสามารถปัดการแจ้งเตือนทิ้งไปได้ โดยในหน้าของ Notification shade จะมีการโชว์แถวแรกของ Quick Settings มาให้ใช้งานด้วย สำหรับ Quick Settings เราสามารถปรับตำแหน่ง เพิ่มและลบ toggle ที่ไม่ได้ใช้ออกได้เช่นกัน

sharp-m1-review-software02.jpg

 

Bundled Apps

แอปที่แถมมาให้ในเครื่อง Sharp M1 นั้นส่วนใหญ่เป็นแอปพื้นฐานสำหรับการใช้งานหลักๆทั่วไป เช่น Gallery, File Manager, Calculator, FM Radio, Note หรือ Calendar เป็นต้น ดังนั้นผมสามารถบอกได้ว่า มือถือรุ่นนี้แทบไม่มี bloatware หรือ แอปที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร เลยครับ ทำให้เราสามารถใช้พื้นที่ความจุ 64GB ได้มากขึ้น

sharp-m1-review-software03.jpg

 

ข้อสังเกตจากการใช้งาน

เท่าที่ได้ลองเล่น Sharp M1 มาประมาณ 1 สัปดาห์ ผมพบว่ามีจุดที่ควรจะพูดถึงอยู่บ้างในเรื่องซอฟต์แวร์ ขอแบ่งเป็นข้อๆ ดังนี้

  1. Sharp Home นั้นต้องใช้เวลาปรับตัวนิดหน่อย ถึงจะใช้งานได้คล่อง เพราะมันเป็นการเปลี่ยนวิธีเปลี่ยนหน้าจากปัดไปซ้ายหรือขวา เป็นปัดขึ้นหรือลงแทน

  2. Android security patch ยังเป็นเวอร์ชันเก่าตั้งแต่เดือนสิงหาคมของปีนี้อยู่ ทั้งที่เราเดินทางมาถึงสิ้นปีแล้ว patch นี้ Google จะส่งให้ผู้ผลิตทุกเดือน และก็เป็นสิ่งที่ผู้ผลิตควรจะอัพเดตมือถือของตัวเองให้ได้รับการอุดรูรั่วเรื่องความปลอดภัยต่างๆ ที่เราได้อ่านข่าวกันบ่อยๆ

  3. ระบบความสว่างอัตโนมัติ (Auto brightness) ที่ค่อนข้างมืด แม้แต่การใช้งานในที่ร่มอย่างใน office ก็ยังมืดเกินไปนิดหน่อย

  4. ต่อเนื่องจากข้อ 2 ระบบความสว่างอัตโนมัตินั้นครอบคลุมไปถึงตอนเปิดใช้กล้องถ่ายรูปด้วย ซึ่งปกติมือถือทั่วไปเวลาเปิดกล้อง จะเปิดความสว่างสูงสุดอัตโนมัติ เพื่อให้การถ่ายภาพเห็นได้ชัดเจน แต่ของ Sharp M1 จะไม่เปิดสว่างสุดไว้ให้ ทำให้การถ่ายรูปหลายๆครั้งต้องมาคอยปิด Auto brightness เพราะหน้าจอมืดไป มองไม่เห็นชัดเจน

 

ประสิทธิภาพและความอึดของแบตเตอรี่

Sharp M1 เลือกใช้ชิปเซต MTK MT6753 Cortex-A53 Octa-Core ความเร็ว 1.3GHz พร้อม GPU Mali-T720 ซึ่งต้องบอกตรงๆว่าเป็นชิปเซตระดับกลางเมื่อปีที่แล้ว แต่เป็นระดับล่างสำหรับปีนี้ไปแล้วครับ น่าแปลกใจเหมือนกันที่มือถือออกปลายปี 2016 แต่เลือกใช้ชิปเซตที่ถือว่าตกรุ่นไปแล้ว ส่วน RAM ให้มา 3GB ถือว่ายังโอเคอยู่ สำหรับประสิทธิภาพจากการใช้งานโดยรวมถือว่า พอใช้ได้ เล่นแอป social, ฟังเพลง, ดูวิดีโอ หรือ ถ่ายรูป ก็ยังโอเคอยู่ จะมีกระตุกบ้างเป็นพักๆ โดยเฉพาะตอนที่เล่น Facebook ส่วนการเล่นเกมก็เล่นได้ทั่วไป แต่ไม่แนะนำให้เล่นเกมกราฟฟิกหนักๆเพราะชิปมันไม่รองรับระดับนั้นอยู่แล้วครับ

sharp-m1-review-performance01.jpg

Antutu Benchmark

 

sharp-m1-review-performance02.jpg

Geekbench 4 : CPU

 

sharp-m1-review-performance03.jpg

Geekbench 4 : GPU

 

สำหรับแบตเตอรี่ 2600mAh ที่ให้มา ถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานใน 1 วัน จากการทดสอบใช้งานทั่วไป เล่นอินเตอร์เน็ต, ฟังเพลง และถ่ายรูปบ้างเป็นครั้งคราว ก็พอให้ใช้งานจนกลับถึงบ้านตอนดึก ชาร์จได้พอดี แต่ส่วนตัวคิดว่าแบตน่าจะเพิ่มได้มากกว่านี้ เมื่อเทียบกับราคานะครับ

sharp-m1-review-performance04.jpg

 

กล้องและคุณภาพรูปถ่าย

Sharp M1 ให้กล้องมาความละเอียดเท่ากันทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังคือ 13 ล้านพิกเซล โดยกล้องหลังจะมีมุมองกว้าง 80 องศาและมีแฟลชมาให้ตามมาตรฐานทั่วไป แต่อย่างที่บอกไปว่ารุ่นนี้เน้นกล้องหน้าสำหรับการถ่ายรูป Selfie ทำให้มีความพิเศษตรงที่ กล้องหน้าสามารถทำ Autofocus ได้ด้วย และมีมุมมองกว้าง 77 องศา สำหรับหน้าตา UI ของกล้องนั้นดูเรียบๆธรรมดา เข้าใจไม่ยาก

sharp-m1-review-camera01.jpg

 

โหมดการถ่ายรูปที่ให้มีให้เล่นมีเพียง 2 โหมดเท่านั้นคือ Normal และ Panorama นี่เป็นมือถือรุ่นแรกที่ผมรีวิวแล้วเห็นว่าโหมดถ่ายรูปน้อยขนาดนี้เลยนะเนี่ย

sharp-m1-review-camera02.jpg

 

สำหรับการถ่ายโดยใส่ Filter ก็มีมาให้โดยการแตะที่หัวลูกศรด้านล่างจอเวลาถ่ายรูป จะเข้ามาโหมดนี้อีกที

sharp-m1-review-camera03.jpg

 

ใน Settings ของกล้องเราสามารถปรับรายละเอียดของการถ่ายเพิ่มเติมได้ เช่น EV, Scene mode, WB, Sharpness หรือ Brightness เป็นต้น

sharp-m1-review-camera04.jpg

 

ในส่วนการถ่ายภาพนิ่ง สามารถปรับความละเอียดของรูป, กันสั่น หรือเปิดพวก Gesture shot, Smile shot ได้ด้วย

sharp-m1-review-camera05.jpg

 

สำหรับการถ่ายวิดีโอก็มาเปิดระบบกันสั่น EIS และความละเอียดของไฟล์วิดีโอได้ใน settings เช่นกัน

sharp-m1-review-camera06.jpg

 

ในส่วนของคุณภาพของรูปถ่ายนั้น กล้องหลัง 13MP ของ Sharp M1 ถือว่าถ่ายภาพได้สวยตามมาตรฐาน ในสภาพแสงปกติการถ่ายภาพไม่มีอาการสะดุดให้เห็น แต่จะหน่วงช้ามากขึ้นในตอนแสงน้อย และคุณภาพของภาพก็ด้อยลงไปตามสภาพแสง มีอาการเบลอ noise เริ่มเยอะเห็นได้ชัดเจน

 

ส่วน UI ของกล้องหน้านั้น จะโหมด Beauty เสริมขึ้นมาให้ปรับความเนียนและความขาวของผิวหน้า เพื่อรองรับการ Selfie ของสาวๆโดยเฉพาะ แต่ปรับได้แค่หน้าเนียนกับหน้าขวานะครับ ไม่มีหน้าตอบแต่อย่างใด ดีหน่อยที่มีระบบ Autofocus มาให้ด้วย

sharp-m1-review-camera07.jpg

 

ส่วนรูปถ่าย Selfie ที่ออกมาก็ใช้ได้เลยครับ

 

Normal

 

Beauty

 

บทสรุป

Sharp M1 เป็นมือถือที่มีสเปกจัดว่าพอใช้รุ่นนึง จุดเด่นของรุ่นนี้คือ กล้องหน้า 13MP สำหรับการ Selfie ที่ทำ Autofocus ได้ด้วย และให้ ROM มามากถึง 64GB เรียกว่าถ่าย Selfie กันให้จุใจไปเลย เป็นหนึ่งในมือถือต่ำกว่าหมื่นบาทไม่กี่รุ่นที่จะให้ ROM มาเยอะขนาดนี้ ในส่วนของซอฟต์แวร์ก็ไม่มีการใส่ bloatware มามากนัก ทำให้มีพื้นที่เหลือให้ใช้งานได้เต็มที่

สำหรับจุดที่ควรปรับปรุงสำหรับมือถือรุ่นนี้ อย่างแรกคือราคา 8,990 บาทนั้นถือว่าค่อนข้างสูง หากเทียบกับสเปกของมือถือคู่แข่งในช่วงราคาเดียวกัน แถมรุ่นที่สูงกว่าอย่าง Sharp Z2 ก็จำหน่ายในราคา 9,990 บาท ต่างกันเพียง 1,000 บาท แต่สเปกโดยรวมดูดีกว่าซะอีก อย่างไรก็ตามการซื้อเครื่องกับโปรโมชั่นของ True จะช่วยลดค่าเครื่องได้ 3,000 บาท แต่ก็ต้องติดสัญญาไป 12 เดือน ก็ลองชั่งน้ำหนักกันดู อีกอย่างคือเรื่องไม่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ซึ่งมือราคาระดับนี้น่าจะต้องมีให้มาได้แล้วครับ ดูจากในตลาดก็มีกันทุกรุ่นแล้วล่ะนะ

Sharp M1 วางจำหน่ายแล้วผ่าน True Shop และ TG Fone ในราคา 8,990 บาท มีสองสีให้เลือกคือ Hanayome White (ขาว) และ Pure Pink (ชมพู) ถ้าใครเพิ่มตังได้อีกหน่อยสักพันบาท ผมแนะนำว่า Sharp Z2 นั้นก็น่าสนใจเหมือนกัน โดยรวมดูคุ้มกว่ารุ่นนี้ด้วย สำหรับรายชื่อสถานที่จำหน่ายดูได้จากรายชื่อด้านล่างนี้เลย วันนี้ผมลาไปก่อน สวัสดีครับ

รายชื่อสถานที่จำหน่าย: https://www.sharpmobileth.com/th/wheretobuy