สมัยนี้ Gadget ประเภท Smartband หรือ Smartwatch สามารถหามาใช้กันได้ไม่ยาก เพราะค่าตัวก็ไม่ได้แรงมากหาซื้อได้ในราคาเริ่มต้นราว ๆ เกือบพันบาทไปจนถึง 2,000 บาท ซึ่งแต่ละรุ่นแต่ละค่ายก็จะมีดีไซน์และฟีเจอร์ที่แตกต่างกันออกไป แต่ทั้งหมดก็จะเน้นไปทางด้านสุขภาพ และออกกำลังกายนั่นเอง…ถ้าใครที่อยากได้สมาร์ทแบนด์รุ่นใหม่ ๆ ไว้ใส่เท่ ๆ หรือไว้ใส่ออกกำลังกาย ก็มาดูกันหน่อยว่าในปี 2023 มีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง

ในรายชื่อ 11 รุ่นนี้ จะมีทั้ง Smartband ที่มีหน้าจอเล็กและน้ำหนักเบาเหมาะกับการใส่วิ่งใส่ออกกำลังโดยที่ไม่ถ่วงข้อมือมากนัก และจะมี Smartwatch ที่มีหน้าจอใหญ่ขึ้นมา รวมอยู่ด้วย ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วทั้ง Smartband กับ Smartwatch ที่มีราคาอยู่ในระดับไม่เกิน 2,000 บาท แทบจะมีฟีเจอร์หลัก ๆ เหมือนกัน อย่างเช่นการแจ้งเตือนจากมือถือ, วัดชีพจร, วัดออกซิเจนในเลือด, โหมดออกกำลังกาย, กันน้ำ ฯลฯ

Xiaomi Band 7 (1,299 บาท) 

  • จอ AMOLED 1.62″
  • วัดอัตราการเต้นหัวใจ
  • SpO2 วัดออกซิเจนในเลือด
  • VO₂ max วัดปริมาณออกซิเจนสูงสุดระหว่างออกกำลังกาย
  • กันน้ำ 5ATM ใส่ว่ายน้ำได้
  • น้ำหนัก 13.5 กรัม

หนึ่งใน Smartband ซีรีส์ยอดฮิตด้วยราคาที่จับต้องได้ง่าย และมีฟีเจอร์สำหรับสายสุขภาพจัดเต็ม แถมรุ่นนี้มีโหมด Always-on Display ให้โชว์เวลาบนจอได้ตลอดเวลาด้วย ไม่ต้องคอยแตะจอเพื่อดูเวลาเหมือนรุ่นก่อน ๆ (แต่แน่นอนว่ากินแบตเตอรี่กว่าปกติ)

Play video

 

Redmi Band 2 (799 บาท)

  • จอ LCD 1.47″
  • วัดอัตราการเต้นหัวใจ
  • SpO2 วัดออกซิเจนในเลือด
  • กันน้ำ 5ATM ใส่ว่ายน้ำได้
  • น้ำหนัก 14.9 กรัม

สมาร์ทแบนด์ราคาประหยัดหน้าจอกว้างดูง่ายสบายตา (ตัวเลขขนาดจอน้อยกว่า Xiaomi Band 7 เพราะวัดขนาดตามแนวทแยง ซึ่ง Redm Band 2 หน้าจอสั้นกว่าแต่มีความกว้างมากกว่า) มีครบทั้งเซนเซอร์วัดการเต้นหัวใจและวัดออกซิเจนในเลือด แถมใส่ว่ายน้ำ ตอนนี้หาซื้อเครื่องศูนย์ประกันเต็มได้ในราคาหลักร้อยเท่านั้น

 

Redmi Watch 3 Active (1,190 บาท)

  • จอ LCD 1.83″
  • วัดอัตราการเต้นหัวใจ
  • SpO2 วัดออกซิเจนในเลือด
  • กันน้ำ 5ATM ใส่ว่ายน้ำได้
  • คุยโทรศัพท์ได้ (ต้องเชื่อมกับมือถือ)
  • น้ำหนัก 41.67 กรัม

สมาร์ทวอทช์หน้าจอกว้างดูง่ายจิ้มสั่งงานง่าย ฟีเจอร์สุขภาพทั้งวัดชีพจร และวัดออกซิเจนในเลือด ใส่ว่ายน้ำได้ แถมยังสามารถรับสายโทรศัพท์และคุยผ่านตัวนาฬิกาได้เลย (ต้องเชื่อมกับมือถือไว้ด้วยนะครับ)

 

Redmi Watch 2 Lite (1,590 บาท)

  • จอ LCD 1.55″
  • วัดอัตราการเต้นหัวใจ
  • SpO2 วัดออกซิเจนในเลือด
  • กันน้ำ 5ATM ใส่ว่ายน้ำได้
  • GPS ในตัว
  • น้ำหนัก 35 กรัม

สมาร์ทวอทช์ที่นอกจากจะมีเซ็นเซอร์วัดชีพจรและออกซิเจนในเลือดได้แล้ว ยังมากับ GPS ในตัวที่รองรับทั้ง GPS / GLONASS / Galileo / BDS เวลาจะออกไปวิ่งหรือปั่นจักรยานก็ไม่ต้องพกมือถือไปด้วยให้หนักกางเกง เพราะสามารถบันทึกระยะทางไว้ในตัวได้ เมื่อกลับมาเชื่อมต่อกับมือถือก็จะ Sync ข้อมูลให้อัตโนมัติ

 

OPPO Band (799 บาท)

  • จอ AMOLED 1.1″
  • วัดอัตราการเต้นหัวใจ
  • SpO2 วัดออกซิเจนในเลือด
  • กันน้ำ 5ATM ใส่ว่ายน้ำได้
  • น้ำหนัก 20 กรัม

อีกหนึ่งสมาร์ทแบนด์ราคาหลักร้อย แต่คราวนี้ได้หน้าจอแบบ AMOLED สว่างสดใสสู้แดด มาพร้อมเซนเซอร์วัดค่าต่าง ๆ พร้อม ไม่ว่าจะวัดชีพจร หรือออกซิเจนในเลือด แถมยังได้มาตรฐาน 5ATM ใส่ว่ายน้ำได้สบาย ๆ

Play video

 

HUAWEI Band 8 (1,399 บาท)

  • จอ AMOLED 1.47″
  • วัดอัตราการเต้นหัวใจ
  • SpO2 วัดออกซิเจนในเลือด
  • กันน้ำ 5ATM ใส่ว่ายน้ำได้
  • น้ำหนัก 24 กรัม

สมาร์ทแบนด์จอกว้างพาเนล AMOLED สีสันสดใสใช้งานกลางแดดสบาย แถมยังมี Always-on Display โชว์เวลาบนจอได้ตลอด มีฟีเจอร์สุขภาพครบทั้งวัดชีพจร + ออกซิเจนในเลือด และยังกันน้ำ 5ATM ใส่ว่ายน้ำได้เลย

สำหรับ HUAWEI Band 8 จะใช้แอปที่ต่างจากรุ่นอื่น ๆ อยู่ เพราะแอป HUAWEI Health ต้องไปดาวน์โหลดจาก AppGallery ซึ่งเป็นร้านค้าแอปของทาง HUAWEI มาติดตั้งในเครื่องซะก่อน (เป็นไฟล์ APK) เมื่อติดตั้งแล้วถึงจะไปดาวน์โหลด HUAWEI Health อีกทีนึง ส่วนผู้ใช้ iOS สามารถติดตั้งจาก App Store ได้เลย

 

honor band 7 (1,690 บาท)

  • จอ AMOLED 1.47″
  • วัดอัตราการเต้นหัวใจ
  • SpO2 วัดออกซิเจนในเลือด
  • กันน้ำ 5ATM ใส่ว่ายน้ำได้
  • น้ำหนัก 29 กรัม

HONOR Band 7 เรียกว่าเกือบ ๆ จะเป็นแฝดของ HUAWEI Band 8 เลย เพราะหน้าตาคล้ายกันมาก ๆ หน้าจอก็ขนาดเดียวกัน แถมฟีเจอร์ต่าง ๆ ก็ให้มาเหมือนกันอีก ต่างกันตรงที่ HONOR Band 7 สามารถดาวน์โหลดแอป HONOR Health จาก Google Play Store ได้ทันที

 

Amazfit Bip 3 (1,290 บาท)

  • จอ LCD 1.69″
  • วัดอัตราการเต้นหัวใจ
  • SpO2 วัดออกซิเจนในเลือด
  • กันน้ำ 5ATM ใส่ว่ายน้ำได้
  • น้ำหนัก 33 กรัม

สมาร์ทวอทช์หน้าจอเต็มตา ฟีเจอร์สุขภาพแบบครบ ๆ น้ำหนักเบาหวิวแค่ 33 กรัม ใส่ออกกำลังสบายไม่เมื่อยข้อมือ กันน้ำ 5ATM ใส่ว่ายน้ำได้ด้วย

 

Amazfit Bip 3 Pro (1,690 บาท)

  • จอ LCD 1.69″
  • วัดอัตราการเต้นหัวใจ
  • SpO2 วัดออกซิเจนในเลือด
  • กันน้ำ 5ATM ใส่ว่ายน้ำได้
  • มี GPS ในตัว
  • น้ำหนัก 33.2 กรัม

สำหรับรุ่นโปรจะเหมือนกับ Bip 3 ธรรมดาเลย แต่เพิ่ม GPS มาให้ในตัว เหมาะสำหรับนักวิ่งหรือนักปั่นที่ไม่อยากพกมือถือออกไปให้หนักด้วย

 

Amazfit Bip U Pro (1,580 บาท)

  • จอ LCD 1.43″
  • วัดอัตราการเต้นหัวใจ
  • SpO2 วัดออกซิเจนในเลือด
  • กันน้ำ 5ATM ใส่ว่ายน้ำได้
  • มี GPS ในตัว
  • น้ำหนัก 31 กรัม

รุ่นนี้จะเป็นตัวที่ถูกลดขนาดลงจาก Bip 3 Pro เพราะนอกจากหน้าจอที่เล็กกว่าแล้ว ฟีเจอร์อื่น ๆ ก็เหมือนกันเลย ทั้งเซนเซอร์วัดชีพจร ออกซิเจนในเลือด กันน้ำ 5ATM และมี GPS ในตัว

สำหรับราคาของ Smartwatch / Smartband ด้านบนนี้เป็นราคา Official จากร้านออนไลน์ของแต่ละค่ายนะครับ เพราะฉะนั้นอาจมีร้านที่ราคาถูกกว่านี้อยู่ก็ได้ รวมถึงพวกโค้ดลดราคาตามเทศกาลต่าง ๆ ก็อาจทำให้ได้ของดีราคาถูกไปใช้กันด้วย