Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 8 Gen 3 ชิปเซตเรือธงรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ Qualcomm ออกแบบโดยคำนึงถึงประสิทธิภาพด้านปัญญาประดิษฐ์เป็นสำคัญ เพื่อให้สอดรับกับเทรนด์ AI ที่มาแรงในปีนี้ และทาง Qualcomm เองมองว่า generative AI คือยุคใหม่ของแพลตฟอร์มมือถือเช่นกัน

Snapdragon 8 Gen 3 มาพร้อมเอ็นพียู Hexagon ตัวใหม่ ไม่ระบุชื่อรุ่น ประมวลผลเร็วขึ้นราวสองเท่า สำหรับการประมวลผล AI ที่ซับซ้อนและต้องการความแม่นยำ ประหยัดพลังงานกว่าเดิม 40% ตัวชิปเซตสามารถรันโมเดลภาษาขนาดใหญ่ หรือ LLM ที่มีพารามิเตอร์เกินกว่า 10,000 ล้านพารามิเตอร์ และสามารถรัน Stable Diffusion สร้างรูปภาพจากข้อความได้ผ่านโปรโตคอล ControlNet โดย Qualcomm เคลมว่า ใช้เวลาประมวลผลไม่ถึง 1 วินาที เร็วที่สุดในโลก

นอกจากนี้ Snapdragon 8 Gen 3 ยังถือเป็นชิปเซตรุ่นแรกจาก Qualcomm ที่รองรับคุณสมบัติ multimodality สามารถเข้าใจและทำงานกับข้อมูลหลายประเภทไปพร้อมกันได้ เช่น ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และเสียง เป็นต้น

ซีพียู Kryo และจีพียู Adreno ไม่มีการบอกชื่อรุ่นเช่นกัน เหมือนกับองค์ประกอบย่อยอื่น ๆ ภายในชิปเซต ตามธรรมเนียมในช่วงหลังของ Qualcomm แต่ข้อมูลที่ยืนยันได้คือ Snapdragon 8 Gen 3 ผลิตด้วยกระบวนการขนาด 4 นาโนเมตร เป็นชิปเซตสถาปัตยกรรม 64-bit เต็มรูปแบบแล้ว ซีพียูแรงขึ้น 30% จัดการพลังงานดีขึ้น 25% ในขณะที่จีพียูแรงและจัดการพลังงานดีขึ้น 25% ทั้งสองอย่าง

ด้วยจีพียูใหม่ที่ทรงพลังกว่าเดิมนี้ Qualcomm บอกว่า Snapdragon 8 Gen 3 สามารถรันเกมได้สูงสุด 240 เฟรมต่อวินาที รองรับการอัปสเกลภาพสูงสุด 8K และรองรับคุณสมบัติ ray tracing พร้อม global illumination ในระดับฮาร์ดแวร์แบบเรียลไทม์

ในส่วนของการขับเคลื่อนหน้าจอ Snapdragon 8 Gen 3 รองรับจอภาพอัตรารีเฟรชสูงแบบผันแปร 1 – 240Hz ได้ แต่เบื้องต้น Qualcomm ยังไม่ระบุความละเอียดหน้าจอบนเวที

จุดอื่น ๆ ที่ได้รับการยกระดับอย่างน่าสนใจคือ ความสามารถด้านการประมวลผลภาพถ่าย ที่นอกเหนือจากหน่วยประมวลผลภาพตัวใหม่แล้ว ยังได้อานิสงส์จากเอ็นพียูตัวใหม่ควบคู่กันไป นำไปสู่การปลดล็อกฟีเจอร์ด้าน AI หลายอย่าง ยกตัวอย่างบางส่วน เช่น

  • รองรับ photo expansion และ video object eraser ลบวัตถุที่ไม่ต้องการออกจากภาพและวิดีโอ พร้อมวิเคราะห์และเติมเต็มส่วนที่ถูกลบไปให้สมจริงด้วย AI
  • รองรับ semantic segmentation แยกแยะและทำความเข้าใจกับวัตถุในภาพในระดับพิกเซลได้ 12 เลเยอร์แบบเรียลไทม์
  • รองรับ night vision เพิ่มคุณภาพการถ่ายวิดีโอในสภาพแสงน้อย โดยไม่กระทบอัตราเฟรม
  • รองรับ C2PA-compliant เข้ารหัสรูปภาพและวิดีโอ เพื่อพิสูจน์แหล่งที่มาของข้อมูล (เป็นการป้องกันเนื้อหาปลอมแปลงที่เป็นเหมือนด้านมืดจากวิวัฒนาการของปัญญาประดิษฐ์ เช่น ดีปเฟก)

Computer Vision Engine ตัวใหม่ ช่วยให้ Snapdragon 8 Gen 3 รองรับเซนเซอร์ 3D Time-of-Flight ความละเอียดสูง เพื่อการประมวลผลแผนที่ความลึกที่เที่ยงตรงขึ้น การไล่ระดับความลึกของวัตถุและเรนเดอร์โบเก้จะสมจริงกว่าเดิม

พร้อมกันนี้ Qualcomm ยังได้ยืนยันรายชื่อผู้ผลิตสมาร์ทโฟนกลุ่มแรก ที่จะนำชิปเซต Snapdragon 8 Gen 3 ไปใช้งาน ได้แก่

  • ASUS
  • HONOR
  • iQOO
  • MEIZU
  • NIO
  • Nubia
  • OnePlus
  • OPPO
  • realme
  • Redmi
  • RedMagic
  • Sony
  • vivo
  • Xiaomi
  • ZTE

ทั้งนี้ บางค่ายอาจไม่ปรากฏให้เห็นในรายชื่อ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ได้ใช้งาน Snapdragon 8 Gen 3 ยกตัวอย่างเช่น Samsung เพราะรายชื่อข้างต้นเป็นเพียงการระบุคร่าว ๆ ในเบื้องต้นเท่านั้น

มือถือเรือธงกลุ่มแรก พร้อมวางขายเร็วสุดภายในไม่กี่สัปดาห์ถัดจากนี้ (แต่อาจเปิดตัวก่อนหน้านั้น เช่น Xiaomi 14 ที่แอบเอาเครื่องมาโชว์ในงานด้วยครู่หนึ่ง)

ที่มา : Qualcomm