โซนี่ยังคงมุ่งมันกับการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ด้านเครื่องเสียงอย่างต่อเนื่อง บวกกับตลาดเครื่องเสียงคุณภาพสูงที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้โซนี่มียอดขายผลิตภัณฑ์ Hi-Res ในไทยสูงขึ้นจากปี 2013 ถึง 5 เท่า ในปีนี้เองโซนี่ก็ได้เปิดตัวเครื่องเสียงออกมาแล้วหลากรุ่นหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นหูฟังมีสาย หูไร้สาย เครื่องเล่นพกพา แอมปลิฟายเออร์ ลำโพง ไปจนถึงเครื่องแปลงเพลงจากแผ่นไวนิลไปเป็นเพลงดิจิทัล ทางเราได้ไปชมงานเปิดตัวในไทยมาจึงนำมาบอกเล่าให้ฟังครับ

ในปีนี้โซนี่ได้ชูผลิตภัณฑ์ระดับ Hi-End อย่าง “Signature Series” ที่รวมทั้งเครื่องเล่น Walkman คุณภาพสูง แบ่งเป็นรุ่น NW-WM1Z ที่ใช้วัสดุตัวเครื่องเป็นทองแดงปลอดออกซิเจน (OFC) เพื่อลดสัญญาณรบกวน และเคลือบด้วยทองคำเพื่อความทนทานและความสวยงาน ส่วนรุ่น NW-WM1A จะใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียม

มีการนำชิ้นส่วนของ NW-WM1Z มาโชว์ในงานด้วยครับ

หูฟังรุ่นใหม่ MDR-Z1R นั้นเป็นหูฟังที่โซนี่รวมเอาทั้งวิศวกรเสียงและนักออกแบบของโซนี่มาร่วมกันพัฒนาออกมาจนได้เป็นที่สุดของโซนี่ ด้วยไดอะแฟรมที่ออกแบบมาเป็นพิเศษให้ตอบสนองกับความถี่ได้รวดเร็ว ฟองน้ำรองหูหุ้มด้วยหนังแท้ และ housing ของหูฟังที่ออกแบบมาเป็นกึ่งเปิด Open air แต่มีแผ่นกรอง acoustic ที่ทำให้ได้ครอบใบหูที่มีสเตจเสียงกว้าง ลดการสะท้อนของเสียงให้ได้เสียงที่เป็นธรรมชาติที่สุด

ชิ้นส่วนของแอมปลิฟายเออร์

แอมปลิฟายเออร์ตั้งโต๊ะรุ่นใหม่ TA-ZH1ES ที่เป็นการผสานระหว่างวงจรขยายสัญญาณ S-Master HX และวงจรขยายแบบอนาล็อก ให้ได้รายละเอียดเสียงที่แม่นยำและลดความเพี้ยนของเสียง มาพร้อมกับพอร์ทเชื่อมต่อที่หลากหลาย ได้แก่ USB-B, Coaxial, Optical, Line Input, 3.5 mm, 4.4mm, 6.3mm, แจ๊ค XLR แบบ 4 ขา

สินค้ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ออกแบบมาเพื่อ Audiophiles ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดเสียง

Signature Series

หูฟัง MDR-Z1R, แอมป์ TA-ZH1ES, Walkman NW-WM1Z

ตัวเครื่อง Walkman NW-WM1Z

 

อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์เด่นในงานก็คือหูฟังไร้สายพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน (Noise Canceling) รุ่น MDR-1000X ที่นอกจากจะเป็นหูฟัง Hi-Res แล้วก็มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่คือ Sense Engine ที่พัฒนาระบบตัดเสียงรบกวนให้ดียิ่งขึ้น เงียบกว่าเดิม และสามารถปรับให้เหมาะสมกับสรีระของแต่ละบุคคลได้ เท่าที่ผมลองฟังก็รู้สึกได้ว่าเงียบกว่ารุ่นก่อนๆ จริงครับ ประทับใจอยู่

รวมถึงมีฟีเจอร์อย่าง Ambient Sound ที่แบ่งออกเป็นโหมด Normal ที่เปิดให้เสียงภายนอกเข้ามาได้ในเวลาที่ต้องการฟังสิ่งรอบข้าง, โหมด Voice ที่ตัดเสียงรบกวน แต่ยังคงไว้ซึ่งเสียงพูดของคน และอีกฟีเจอร์ก็คือโหมดคุยชั่วคราวโดยการใช้มือแตะที่ตัวหูฟังเพื่อลดเสียงเพลง ปิดระบบตัดเสียงชั่วคราวเพื่อคุยกับคนอื่นได้โดยไม่ต้องถอดหูฟัง การคอนโทรลเพลงก็ทำได้แบบไร้สายด้วยการใช้นิ้วปัดที่ตัวหูฟังเท่านั้น

ต่อกันที่หูฟังตระกูล Balanced Armature ที่โซนี่ขนมาเปิดตัวด้วยกัน 2 รุ่น คือ XBA-N1AP กับ XBA-N3AP โดยทั้งคู่จะเป็นรุ่นที่มีไมโครโฟนในตัวสำหรับใช้กับมือถือได้ ใน 2 รุ่นใหม่นี้จะมีการใช้ไดรเวอร์แบบไฮบริด คือใช้ Dynamic driver กับ Balanced Armature driver ร่วมกันเพื่อขับเสียงให้ได้ครบทุกย่านความถี่เสียง

โดยสเปคแล้วเห็นว่าคล้ายกับรุ่นก่อนหน้า แต่ที่โซนี่ชูเป็นจุดเด่นคือการลดขนาดไดรเวอร์เพื่อให้หูฟังมีขนาดเล็กลงแต่คุณภาพเสียงคงเดิม ในตัว XBA-N3AP จะมีจุดต่างจากอีกรุ่นคือการใช้สายทองแดงปลอดออกซิเจน (OFC) เคลือบด้วยเงินเป็นสายหูฟังเพื่อลดสัญญาณรบกวน และมีโทนเสียงเน้นเบสมากกว่า

นอกจาก Walkman ตัวทอปใน Signature Series แล้วโซนี่ก็ได้เปิดตัว Walkman รุ่นล่างลงมาอีก 2 รุ่นคือ NW-A35 และ NW-A36HN ที่ใช้แอมป์ S-Master HX พร้อมทั้งรองรับการเล่นไฟล์เพลง DSD โดย 2 รุ่นนี้จะมีขนาดเล็กหยิบจับง่าย โดยต่างกันที่ NW-A35 จะมีความจำในเครื่อง 16GB และ NW-A36HN มีความจำอยู่ที่ 32GB มาพร้อมกับหูฟังตัดเสียงรบกวนรุ่น MDR-NW750N สำหรับใช้ร่วมกัน Walkman ทั้ง 2 รุ่นนี้รองรับการขยายหน่วยความจำด้วย Micro SD Card สูงสุด 128GB

เพื่อเป็นการผลักดันการฟังเพลงดิจิทัลคุณภาพสูงระดับ Hi-Res โซนี่ก็ได้นำเข้า PS-HX500 High-Resolution Turntable ที่เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่สามารถแปลงเสียงแบบอนาล็อกบนแผ่นเสียงเป็นไฟล์เพลงดิจิทัลความละเอียดสูงได้ทั้งแบบ DSD หรือแบบ WAV ความละเอียด 24-bit มาพร้อมกับโปรแกรมสำหรับตัดแต่งไฟล์เพลงที่แปลงมาได้อีกด้วย

อีกกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เอาใจคนรักเสียงเบส หรือขาแดนซ์ที่ต้องการจังหวะมันส์ๆ จากเสียงเพลง โซนี่ก็ได้เปิดตัวหูฟังแบบใส่หู (in-ear) แบบไร้สาย เชื่อมต่อด้วย Bluetooth ออกมาด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่น เริ่มจากรุ่น MDR-XB70BT ที่เป็นสายคล้องคอพร้อมตัวหูฟัง เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป

MDR-XB50BS ที่รองรับมาตรฐาน IPX4 กันน้ำและเหงื่อ พร้อมดีไซน์ที่กระชับหู เหมาะสำหรับคนชอบออกกำลังประเภทวิ่ง ใช้งานต่อเนื่องได้ 8.5 ชั่วโมง และสุดท้ายคือ MDR-XB80S ที่เป็นหูฟัง in-ear แบบคล้องหู กันน้ำ IPX5 ที่สามารถล้างได้เมื่อเปื้อนเหงื่อ รองรับ LDAC ใช้งานต่อเนื่องได้ 7 ชั่วโมง

ปิดท้ายด้วยระบบเครื่องเสียง MHC-V77D ที่หน้าตาเป็นลำโพงขนาดใหญ่มีแรงขับถึง 1,440w (105.5 dB) ที่พัฒนามาเอาใจขาแดนซ์หรือคนรักปาร์ตี้ สามารถควบคุมได้ด้วยท่าทาง (Motion & Gesture Control) เล่นเพลงได้ผ่านระบบไร้สาย

 

ผลิตภัณฑ์ที่โซนี่ได้เปิดตัวมานั้นประกาศราคาและช่วงวันวางจำหน่ายแล้ว มีรายละเอียดดังนี้ครับ

Signature Series

  • หูฟัง MDR-Z1R ราคา 69,990 บาท, วางขายกลางเดือนตุลาคม
  • แอมป์ตั้งโต๊ะ TA-ZH1ES ราคา 75,990 วางขายช่วงเดือนธันวาคม
  • Walkman NW-WM1Z ราคา 109,990 บาท
  • Walkman NW-WM1A ราคา 39,990 บาท

Noise Canceling Headphone

  • MDR-1000X ราคา 15,990 บาท พร้อมวางจำหน่ายในเดือนตุลาคม

Hybrid Balanced Armature

  • XBA-N1AP ราคา 9,990 บาท
  • XBA-N3AP ราคา 15,990 บาท

ทั้งคู่วางขายในเดือนตุลาคม

Walkman NW-A30 Series

  • Walkman NW-A35 ราคา 7,190 บาท
  • Walkman NW-A36HN ราคา 10,990 บาท

พร้อมวางขายช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน

High-Resolution Turntable

  • PS-HX500 ราคา 19,990 บาท พร้อมวางขายธันวาคมนี้

เครื่องเสียงกลุ่ม EXTRA BASS

หูฟังทั้ง 3 รุ่นพร้อมวางขายในเดือนตุลาคมนี้

  • MDR-XB80S ราคา 4,990 บาท 
  • MDR-XB70BT ราคา 3,990 บาท
  • MDR-XB50S ราคา 2,990 บาท
  • เครื่องเสียง MHC-V77D ราคา 15,990 บาท พร้อมขายเดือนพฤศจิกายนนี้

 

สำหรับใครที่สงสัยหรือสนใจตัวไหนก็ลองอ่านรายละเอียดดูบนเว็บไซต์ของทางโซนี่ได้ครับ หรือจะรอช่วงของมาแล้วไปลองตามสโตร์ก็ได้เช่นกัน มีให้เล่นกันแน่นอน ถ้าสโตร์ที่ของครบๆ ก็แนะนำว่าเป็นสโตร์สาขาสยามพารากอนนะครับ