วันนี้ทางโซนี่ได้จัดงานเปิดตัวเครื่องเสียงทั้งหูฟังและลำโพงในกลุ่ม EXTRA BASS รวม 8 รุ่นที่เอามาตอบโจทย์กลุ่มวัยรุ่นที่รักเสียงเบสและกลุ่มคนที่ชื่นชอบเพลงแนว EDM และสินค้าใหม่ในกลุ่ม Home Audio ที่เป็น Sound Bar รุ่นใหม่ในไซส์มินิไร้สาย ที่ครอบคลุมการใช้งานถึงระดับ Hi-Res ด้วยเทคโนโลยี LDAC

โซนี่ได้เน้นย้ำว่าธุรกิจเครื่องเสียงของทางโซนี่นั้นมีความแข็งแกร่งมาก และด้วยตัวผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าไม่ว่าจะเป็นระดับทั่วไป กลุ่มวัยรุ่นที่ชื่นชอบเสียงเบส ไปถึงระดับผู้ฟังที่ต้องการความคมชัดและรายละเอียดของเสียงสูงแบบ Hi-Res และโซนี่ได้บอกว่าช่วงที่ผ่านผู้บริโภคมีพฤติกรรมการฟังเพลงที่เปลี่ยนไป ทั้งในเรื่องของการฟังเพลงแบบไร้สายมากขึ้น และมีกลุ่มผู้ฟังเพลงแบบ Hi-Res มากขึ้น ซึ่งทางโซนี่เองก็มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ส่วนนี้อยู่แล้ว

เครื่องเสียงโซนี่ได้รางวัลจากหลากหลายสื่อและงานโชว์สินค้า ในปี 2016

สำหรับในส่วนของ EXTRA BASS นั้นก็จะมีทั้งหูฟังแบบ Headphones ตัวใหม่ล่าสุดแบบ Over-ear 2 รุ่นแบบไร้สาย, แบบ On-ear 1 รุ่น และแบบ In-ear อีก 1 รุ่น ฟังของลำโพงก็มีด้วยกัน 4 รุ่นแบบไร้สาย แตกต่างกันทั้งขนาดและลูกเล่น มาดูรายละเอียดแต่ละตัวกันเลยครับ

 

MDR-XB950N1

 

สำหรับตัวนี้จะเป็นหูฟังไร้สายตระกูล EXTRA BASS ตัวแรกของโซนี่ที่ใส่เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนภายนอก Digital Noise Canceling มาด้วย เพื่อให้ผู้ใช้สามารถรับฟังเพลงได้รายละเอียดแม้ว่าจะอยู่ระหว่างเดินทางหรือบนรถไฟ ตัวหูฟังมาพร้อมกับไดรเวอร์ขนาด 40 ม.ม. คุณภาพสูง ในส่วนของระบบเสียง จะมีปุ่ม BASS EFFECT ที่สามารถดันเสียงเบสให้ตึ้บขึ้นได้อีก และจุดเด่นอีกอย่างก็คือระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนานถึง 22 ชั่วโมง โดยวัดจากการใช้แบบเปิด Noise Canceling ไว้ด้วย สำหรับรุ่นนี้มีทั้งหมด 2 สี คือ สีดำ และเขียวเข้ม

 

MDR-XB950B1

 

อีกรุ่นหนึ่งเป็นพี่น้องกันคือ MDR-XB950B1 ที่เรียกได้ว่าความสามารถเกือบจะเหมือนกันเลย ต่างกันที่ตัวนี้จะไม่มี Noise Canceling และมีแบตน้อยลง ใช้งานได้ต่อเนื่อง 18 ชั่วโมง มีส่วนของ BASS EFFECT เหมือนกัน มีด้วยกันทั้งหมด 3 สี คือ ดำ, แดง และน้ำเงิน

ทั้ง MDR-XB950N1 และ MDR-XB950B1 นั้นมี NFC และรองรับการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth สำหรับการเล่นเพลงแบบไร้สาย แต่ก็มีสายมาให้ด้วย สำหรับเวลาแบตหมดก็ใช้งานต่อเนื่องด้วยสายได้ นอกจากนี้แล้วยังรองรับ aptX อีกด้วย สำหรับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อแบบ aptX ได้ก็จะสามารถเล่นเพลงผ่าน Bluetooth ได้คุณภาพสูงที่สูงขึ้นกว่าแบบดั้งเดิม และรองรับการควบคุมผ่านแอป Sony | Headphones Connect ที่ปรับทั้งโทนเสียง การจำลองสภาพแวดล้อมและเปิด-ปิด NC ของหูฟังได้ผ่านแอปด้วย

 

MDR-XB550AP

 

ตัวนี้จะเป็นรุ่นที่ลดระดับลงมาอยู่กลางๆ ของหูฟัง EXTRA BASS โดยจะเป็นหูฟังแบบสาย มาพร้อมไดรเวอร์ขนาด 30 ม.ม. ตอบสนองความถี่ได้ตั้งแต่ 5 Hz – 22,000 Hz ครอบคลุมทุกย่านความถี่ ในสายของหูฟังมาพร้อมกับไมโครโฟนสำหรับเป็น Small Talk และปุ่มกดสำหรับ รับสาย/วางสาย เล่น-หยุด ข้าม-ย้อน เพลง ได้ รุ่นนี้มีทั้งหมด 5 สี ได้แก่ ดำ, ขาว, แดง, น้ำเงิน, เขียว

 

MDR-XB510AS

 

MDR-XB510AS เป็นหูฟัง In-ear แบบสอดหู ในตระกูล EXTRA BASS ที่นอกจากจะเน้นเสียงเบสตามตระกูลมัน แล้วยังมีจุดเด่นคือกันน้ำและล้างน้ำได้ (IPX5/7) เอาใจนักออกกำลังกาย นักวิ่ง ไม่ต้องกลัวเปื้อนเหงื่อ ตัวหูฟังมาพร้อมกับไดรเวอร์ 12 ม.ม. ที่ให้เสียงดังเร้าใจ มีทั้งหมด 4 สี คือ ดำ, น้ำเงิน, แดง, เขียว

 

 

สำหรับกลุ่มของกลุ่มลำโพง EXTRA BASS ของโซนี่ก็ขนมาทั้งหมด 4 รุ่น มีดังนี้ครับ

 

SRS-XB10

 

ลำโพง EXTRA BASS ตัวเล็กที่มาพร้อมลำโพงภายใน 2 ตัว บนและล่างเครื่อง ที่เมื่อตั้งไว้จะได้เบสอัดลงล่าง หรือถ้าวางนอนก็จะได้เป็นลำโพงสเตอริโอ โดยตัวสายห้อยนั้นจะมีแท่นวางให้อยุ่กับที่ได้ ตัวเครื่องมีน้ำหนักอยู่ที่ 260 กรัม พกพาได้สะดวก และยังกันน้ำ IPX5 อีกด้วย อายุแบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่อง 16 ชั่วโมง มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 6 สี คือ ดำ, แดง, เขียว, ขาว, เหลือง, น้ำเงิน

 

SRS-XB20

 

สำหรับตัวถัดมาจะเป็นไซส์ใหญ่ขึ้น ลำโพงมีขนาด 42 ม.ม. มาพร้อมกับไฟ LED ขอบหน้าเครื่อง มีการกะพริบวูบวาบตามจังหวะของเพลงได้ มาพร้อมสารพัดฟีเจอร์ระบบเสียงของโซนี่ไม่ว่าจะเป็น โหมด EXTRA BASS, ระบบเสียง S-Master HX, DSEE-HX และ ClearAudio+ ตัวเครื่องกันน้ำมาตรฐาน IPX5 และควบคุมได้ผ่านแอป SongPal (Music Center)  แบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่อง 12 ชั่วโมง มีสีสันให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่ ดำ, แดง, น้ำเงิน, ขาว, เขียว

 

SRS-XB30

 

XB30 ก็เป็นรุ่นอัพเกรดขึ้นมาอีกเล็กน้อย ลำโพงมีขนาดอยู่ที่ 48 ม.ม. ตัวไฟ LED ก็มาคล้ายๆ กับรุ่น XB20 แต่จะเพิ่มไฟแฟลชที่ลำโพงซ้ายขวามาด้วย ตัวเครื่องกันน้ำมาตรฐาน IPX5 แบตเตอรี่ยาวนา 24 ชั่วโมง มีสีให้เลือกทั้งหมด 5 สี คือ ดำ, แดง, น้ำเงิน, ขาว และเขียว

 

SRS-XB40

 

พี่ใหญ่สุดในงานก็คือตัวนี้ SRS-XB40 ที่จัดเต็มสีสันมาแบบจี๊ดสุดๆ มาพร้อมลำโพงไซส์ใหญ่ขนาด 61 ม.ม. ที่ให้เสียงได้ดังสะใจ ฟีเจอร์ต่างๆ ก็มาครบเหมือนกับรุ่นน้อง แต่เพิ่มฟีเจอร์การเชื่อมกับแอป Fiestable ให้ควบคุมเสียงได้คล้ายกับเป็นดีเจ สแครชแผ่นได้ รุ่นนี้จะมีด้วยกันทั้งหมด 3 สี คือ สีดำ, น้ำเงิน และสีแดง

กลุ่มลำโพง EXTRA BASS SRS-XB20SRS-XB30 และ SRS-XB40 จะมีฟีเจอร์ Wireless Party Chain ที่เชื่อมเข้าด้วยกันได้มากถึง 10 เครื่อง  โดยสามารถเพิ่มได้ง่ายเพียงกดปุ่ม ADD + ข้างบนเครื่อง เล่นเพลงกันมันทั้งปาร์ตี้เลยทีเดียว และทั้ง 3 ตัวนี้ยังรองรับการเล่นเพลงผ่าน LDAC ที่เป็นการเล่นเพลงไร้สายผ่าน Bluetooth ที่โซนี่พัฒนาึข้นให้ได้คุณภาพเสียงได้สูงใกล้เคียงกับเพลง Hi-Res อีกด้วย

 

Sport Walkman NW-WS623

 

หมดจากกลุ่ม EXTRA BASS มา โซนี่ก็มี Walkman รุ่นปรับปรุงอีกด้วย โดยเป็นรุ่นที่รองรับการกันน้ำ และใส่ว่ายน้ำได้ ออกแบบมาสำหรับคนเล่นกีฬาที่ให้เสียงที่เร้าใจเหมาะกับจังหวะการออกกำลังกาย ผ่านมาตรฐาน IP65/68 กันน้ำได้ลึกสุด 2 เมตร ใส่ว่ายน้ำได้ทั้งสระน้ำและน้ำทะเล รองรับ Quick Charge ชาร์จเพียง 3 นาที มีฟีเจอร์อย่าง Ambient Sound สำหรับเปิดให้เสียงภายนอกเข้าได้ ฟังเพลงได้ยาว 1 ชั่วโมง มีหน่วยความจำภายใน 4 GB

 

Compact Sound Bars (Mini Bar)

 

โซนี่ได้นำเสนอ Sound Bar ตัวใหม่อีก 2 ตัวภายในงานนี้ โดยชูว่าเป็น Sound Bar ขนาดเล็ก เรียกว่า Compact Sound Bar หรืออีกชื่อคือ Mini Bar ที่ในชุดจะประกอบไปด้วยตัว Sound Bar หลัก และตัว Subwoofer ทำให้ได้เป็นระบบเสียง 2.1 Channel ออกแบบมาสำหรับผู้อยู่อาศัยตามบ้านหรือคอนโด ที่ต้องการรับชมหนังในบ้านด้วยระบบเสียงคุณภาพสูงคล้ายกับโรงหนัง โดยตัว Subwoofer จะวางไว้ล่างโซฟา หรือข้างโซฟาก็ได้ โดยจะเชื่อมกับ Mini Bar ผ่าน Bluetooth ทำให้ไม่ต้องต่อสาย (แต่ต้องมีปลั๊กไฟ) เพื่อให้ได้เสียงต่ำที่ทุ้มและมีแรงสั่นสะเทือนเพื่อเพิ่มอรรธรสในการรับชม

สำหรับรหัสของสินค้าในกลุ่มนี้ โซนี่ได้อธิบายว่าชื่อ MT นั้นมาจาก Minimalist Design + Technology หรือก็คือตัวเครื่องจะมีการออกแบบมาให้ดูเรียบ ดูง่ายที่สุด แต่ภายในนั้นจะเต็มไปด้วยเทคโนโลยีของทางโซนี่นั่นเอง

 

HT-MT300

 

ตัวแรกจะเป็น HT-MT300 ที่เรียกว่าเป็น entry-level สำหรับ Mini Bar ตัวลำโพงมีกำลังอยู่ที่ 100w แต่ให้เสียงได้กระหึ่มมากด้วยเทคโนโลยีลำโพง S-Force Pro Front Surround, S-Master Digital Amplifier, Dolby Digital, ClearAudio+ รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth และมี NFC สำหรับการเชื่อมต่อกับมือถือได้ง่าย

 

HT-MT500

 

สำหรับอีกรุ่นหนึ่งที่เป็นพี่ใหญ่ก็จะเพิ่มความสามารถในส่วนของการรองรับระบบเสียงแบบ Hi-Res, รองรับ Chromecast Audio, รองรับ Spotify (ที่ในไทยอาจจะอด) ตัวลำโพงก็อัพเกรดขึ้นมาเป็นลำโพง 155w และใช้ S-Master HX, Dolby Digital, DTS รองรับ DSEE HX และการเชื่อมต่อก็รองรับทั้ง LDAC, Wireless Multiroom และ Wireless Surround อีกด้วย เรียกได้ว่าครบ จัดเต็มคุณภาพเสียงทั้งในตัวเองและการสตรีมจากมือถือเลยทีเดียว

สำหรับราคาและวันวางจำหน่ายนั้นก็มีเปิดเผยกันมาบ้างแล้วดังนี้

กลุ่มหูฟัง

  • MDR-XB910N1 ราคา 7,990 บาท เริ่มวางขายปลายเดือนมีนาคมนี้
  • MDR-XB910B1 ราคา 5,990 บาท เริ่มวางขายปลายเดือนมีนาคมนี้
  • MDR-XB550AP ราคา 2,990 บาท เริ่มวางขายปลายเดือนมีนาคมนี้
  • MDR-XB510AS ราคา 1,990 บาท เริ่มวางขายปลายเดือนมีนาคมนี้

กลุ่มลำโพง

SRS-XB10, SRS-XB20, SRS-XB30 และ SRS-XB40 จะวางขายในช่วงเดือนพฤษภาคม ราคายังไม่เปิดเผย

ในส่วนของกลุ่ม Walkman และ Compact Sound Bar นั้นโซนี่ยังไม่ได้เปิดเผยราคาและช่วงเวลาที่จะจัดจำหน่าย ถ้าใครสนใจก็สามารถสอบถามทางร้านค้าได้ครับ

 

นอกจากนี้แล้วโซนี่ยังได้จัดโปรโมชันลดราคาเครื่องเสียงรุ่นเก่าอีกด้วย มีรายละเอียดตามนี้เลยครับ (กดเข้าไปดูภาพเต็มๆ กันได้)