เปิดตัวกันมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ Sony WH-1000XM4 หูฟังไร้สายแบบฟูลไซส์สัญชาติญี่ปุ่นรุ่นอัพเกรดจาก XM3 ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายทั้งกับนักฟังทั่วไป และนักฟังเพลงระดับพระกาฬ ด้วยระบบกำจัดเสียงรบกวน Active Noise Canceling, ไดรเวอร์ขนาด 40 มม. แถมยังได้มีการอัปเกรดวัสดุและดีไซน์จากรุ่นเดิมเพื่อความสบายในการใช้งานขั้นสุด
WH-1000XM4 นั้นถ้าดูเผินๆ เหมือนจะมีรูปร่างหน้าตา และวัสดุที่คล้ายคลึงกับรุ่นที่แล้ว แต่ได้มีการดีไซน์ตัววัสดุและการประกอบใหม่ทั้งหมดเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการสวมใส่และใช้งานให้มากขึ้น
ทาง Sony ได้เห็นถึงปัญหาการใช้งานของ WH-1000XM3 ในเรื่องความสบายในการใส่หูฟัง โดยจากภาพด้านล่างจะเห็นว่าการกระจายแรงกดของ WH-1000XM3 นั้นจะได้เน้นอยู่ที่หลังกระดูกใบหู ทำให้เมื่อใส่เป็นระยะเวลานานแล้วเกิดความเมื่อยล้า และมีอาการคันเพราะแรงกดทับ แต่ใน WH-1000XM4 ได้มีการเปลี่ยนมาใช้วัสดุที่เบาขึ้นเพื่อให้กระจายแรงกดทับได้อย่างทั่วถึงทำให้สวมใส่สบายได้เป็นเวลานานขึ้น
ยังไม่หมดแค่นั้นเพราะทาง Sony ก็ได้มีการดีไซน์รอยเย็บด้านใน Earcups ใหม่ด้วย โดยในรุ่น WH-1000XM4 ได้ขยับรอยเย็บเข้าไปด้านในลึกขึ้นเพื่อลดโอกาสในการบาดหรือการระคายเคืองใบหูเมื่อใช้เป็นเวลานานนั่นเองครับ ถือว่าเป็นความใส่ใจในรายละเอียดของทางผู้ออกแบบของ Sony จริง ๆ 🥰
นอกจากจะสวมใส่สบายขึ้นแล้ว ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์การใช้งานเจ๋ง ๆ มากมายที่อัดแน่นอยู่ในระบบ Active Noise Cancelation ของตัวหูฟัง ซึ่ง XM4 ยังคงใช้ชิป QN1 สำหรับระบบตัดเสียง เหมือนกับรุ่นที่ผ่านมา แต่ได้มีการปรับแต่งเพิ่มเติมเพื่อให้ ANC มามีบทบาทในไลฟ์สไตล์การฟังเพลงของคุณมากขึ้น อีกทั้ง Sony ยังเคลมว่า WH-1000XM4 เป็นหูฟัง “Brain Assisted” ที่ใช้ระบบ AI มาคำนวณนิสัยการฟังเพลงของผู้ใช้งาน เพื่อปรับแต่งระบบ ANC ให้เหมาะสมกับการใช้งาน
โดยผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งโปรไฟล์ ANC ของตนเองตามความต้องการ และสถานการณ์ได้ผ่านทางแอปพลิเคชั่น Headphone Connect บนมือถือ อีกทั้งยังสามารถบันทึก โปรไฟล์ ANC ตาม Location ได้ด้วย เช่นปรับให้เปิดรับเสียงพูดเยอะ ๆ เมื่ออยู่ที่สถานี BTS หรือ จะปิด Ambient เมื่อกำลังนั่งอยู่บนรถไฟ ซึ่ง Profile เหล่านี้จะเปลื่ยนอัตโนมัติตามข้อมูล Location จากมือถือ
WH-1000XM3 ก็เคยมีฟีเจอร์สุดเจ๋งที่ช่วยยกระดับการใช้งานของตัวหูฟังอย่าง Quick Attention ที่เมื่อแตะที่ตัวหูฟังจะเบาเสียงเพลงลงพร้อมเปิด Ambient Mode ขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถคุยกับคนรอบข้างได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องถอดหูฟังออก
แต่คราวนี้ WH-1000XM4 ได้พัฒนาฟีเจอร์นี้ให้ดียิ่งขึ้นไปอีกกับ Speak to Chat ที่จะใช้ไมโครโฟน และระบบ AI ของตัวหูฟังเพื่อจับเสียงพูดของผู้ใช้งาน แล้วเบาเสียงเพลงลงอัตโนมัติเมื่อมีการสนทนาเกิดขึ้นทำให้ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานยิ่งขึ้นไปอีก เพราะไม่ต้องถอดหูฟังออกเมื่อต้องการคุยกับคนรอบข้าง อีกทั้ง WH-1000XM4 ยังมีฟีเจอร์ Wearing detection ที่จะหยุดเล่นเพลงโดยอัตโนมัติเมื่อถอดหูฟังออกด้วย
WH-1000XM4 ใช้ไดรเวอร์ Hybrid HD ขนาด 40มม. คู่กับเทคโนโลยี DSEE Extreme ที่เป็นระบบถอดรหัสประมวลผลเสียงที่จะเพิ่มความละเอียดให้กับไฟล์เสียงที่ถูกบีบอัดมาให้มีคุณภาพ และรายละเอียดที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอัปเกรดมาจาก DSEE Hx ในรุ่น WH-1000XM3 โดยทาง Sony เคลมว่าจะสามารถเพิ่มความละเอียดของไฟล์จำพวก MP3 ทั่วไปให้มีความละเอียดมากขึ้นเทียบเท่ากับไฟล์แบบ High-res เลยทีเดียว
WH-1000XM4 นี้ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ 360 Reality Audio ที่จะทำการจำลองเสียง Surround Sound เพื่อให้เสียงสมจริงเหมือนมาจากรอบด้านอีกด้วย มากไปกว่านั้นผู้ใช้งานยังสามารถปรับแต่งโปรไฟล์ 360 Reality Audio เพื่อให้เสียงออกมาเหมาะสมตามสรีระหูของผู้ฟังอีกด้วย
ตอนนี้หูฟัง WH-1000XM4 ยังไม่ได้ประกาศวันวางจำหน่ายออกมาเป็นทางการ ส่วนในไทยนั้นก็ต้องคอยจับตาดูกันต่อไปครับว่าจะมาเมื่อไหร่ และราคาจะเปิดมาน่าสนใจแค่ไหน ซึ่งถ้าหากมีข่าวสารเพิ่มเติมยังไงจะรีบมาอัพเดทให้ทุกคนฟังแน่นอนครับ 😁
ตอนนี้ใช้ XM3 อยู่ คิดว่าคงไม่เปลี่ยนมาเล่นตัวใหม่ เพราะชิป NC ตัวเดิม ถ้าอนาคตเปลี่ยนชิปใหม่ก็น่าสนอยู่
น่าสนอยู่นะ
ทรงแบบนี้บอกตรงๆไม่กล้าใส่ออกนอกบ้านเลย เหมือนคนบ้าบอกไม่ถุก
แต่ยุโรปใส่กันเป็นปกติคับ อาจจะแค่ที่ไทยที่ไม่ชิน
อีกอย่างด้วยอากาศด้วย ใส่เดินนี่คือเหงื่อออกในตัว ear cup แน่ๆ
ยุโรปมันได้สองทางครับทั้งฟังทั้งกันหนาวใบหุ ใส่ในไทยผมเคยเห้นคนใส่แบบนี้นะ ผมมองยังไงก็เหมือนคนบ้าครับ