เป็นเวลาเกือบ 2 ปีที่ทาง Sony ได้เปิดตัว WH-1000XM3 พร้อมกับฟีเจอร์ ANC ระดับแถวหน้าของวงการหูฟังไร้สายทำให้ซีรีส์ WH-1000 เป็นหูฟังไร้สายที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย จนตอนนี้ทาง Sony ก็ได้เปิดตัว WH-1000XM4 เพื่อสานต่อตำนานหูฟังไร้สายแบบ Full-sized ตัวเรือธงที่อัดแน่นมาด้วยฟีเจอร์การใช้งานในชีวิตประจำวันที่หลากหลาย พร้อมพลังเสียงระดับ Audiophile วันนี้ Droidsans จะมารีวิว WH-1000XM4 ว่ามันจะดีสมคำร่ำลือแค่ไหน 😃
Table of Content
สเปค Sony WH-1000XM4
ขนาดไดรเวอร์ | 1.57 นิ้ว / 40 มม. |
ย่านความถี่ | 4 Hz-40,000 Hz |
ฟอร์แมตเสียงที่ซัพพอร์ต | SBC AAC LDAC |
Active Noise Cancelation (ระบบตัดเสียงรบกวน) | ✔️ |
Ambient Sound Mode (ระบบเร่งเสียงภายนอก) | ✔️ |
Quick Attention | ✔️ |
แบตเตอรี่ | 30 ชั่วโมงขึ้นไป (เปิด ANC) 38 ชั่วโมงขึ้นไป (ปิด ANC) |
ระบบชาร์จไฟ | USB-C ชาร์จ 3 ชม. เต็ม |
Bluetooth | 5.0 |
NFC | ✔️ |
ดีไซน์
WH-1000XM4 ตัวนี้มาพร้อมกับดีไซน์ที่คุ้นตาเหมือนกับรุ่น XM3 ซึ่งวัสดุยังคงใช้เป็นพลาสติกขนาดเบาสัมผัสนิ่ม ๆ ทำให้หูฟังมีน้ำหนักเบาหวิวใส่สบายไม่เจ็บหูเลย แต่ด้วยความที่ประเทศไทยอากาศร้อน ทำให้การใส่นอกอาคารเป็นเวลานานอาจทำให้ร้อนจนเหงื่อออกในหูได้ ทว่าถ้าใส่ในห้องแอร์เย็น ๆ ก็ช่วยให้อุ่นหูไม่เบาเลยทีเดียวครับ
ในเรื่องงานประกอบ ทาง Sony ก็ทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยมหูฟังในทุกส่วนที่ขยับได้มีความแข็งแรงทนทาน ไม่มีเสียงก๊อกแก๊กเลย ตัวหูฟังสามารถบิดเป็นแนวนอนได้ 90 องศาไว้สำหรับพับเก็บใส่กล่อง และพับขึ้นแนวตั้งได้ประมาณ 40 องศา อีกทั้งตัวหูฟังยังสามารถปรับขนาดได้หลากหลายระดับเพื่อรองรับกับหัวหลากหลายขนาด
ตัว Earcups และ Headband ทำมาจากหนังเทียม มีความนุ่มสบายมาก ๆ (นุ่มแบบสุด ๆ 😍) ใส่แล้วรู้สึกเบาหวิวไม่กดทับเลย นี่อาจจะเป็นเพราะว่า WH-1000XM4 นี้ได้มีการออกแบบ Earcups ใหม่หมดทำให้หูฟังกระจายแรงกดทับไปบริเวณรอบ ๆ หัว ได้อย่างทั่วถึงทำให้หูฟังใส่สบายขึ้นนั่นเอง แต่สำหรับคนที่ใส่ต่างหูอาจจะต้องระวังนิดนึงเพราะตัวหูฟังครอบเกือบพอดีหูเลย การใส่ต่างหูใหญ่ ๆ อาจจะไปเกี่ยวเข้า หรือทำให้ตัวหูฟังเกยกับต่างหูแล้วครอบไม่สนิท ทำให้ระบบ ANC อาจทำงานได้ไม่เต็มที่อีกด้วยครับ ส่วนคนที่ใส่แว่นก็ไม่ได้มีปัญหาเท่าไหร่เพราะตัวหูฟังไม่ได้บีบอัดหัวเท่าไหร่นัก (อันนี้ลองมาแล้ว)
ฟีเจอร์
WH-1000XM4 เป็นหูฟังที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้งานที่ต้องการความสะดวกสบาย และด้วยเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบ ANC แถวหน้าของวงการซึ่ง WH-1000XM4 ตัวนี้ก็ทำออกมาได้น่าประทับใจ เพราะมาพร้อมกับฟีเจอร์ฉลาด ๆ มากมายที่จะมาเปลี่ยนประสบการณ์ใช้งานหูฟังของคุณให้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
HD Active Noise Cancelation อีกระดับของความเงียบ
WH-1000XM4 ยังคงใช้ชิปตัดเสียงรบกวน HD Noise Cancelation QN1 ที่ประมวลเสียงรบกวนรอบตัวแบบ real-time มากกว่า 700 ครั้งต่อวินาที ผ่านไมค์จับเสียงรบกวน 5 ตัวที่อยู่รอบ ๆ จากนั้นตัวหูฟังจะปล่อยคลื่นความถี่เสียงที่ตรงกันข้ามเพื่อหักล้างเสียงรบกวนเหล่านั้นออกไป โดยทีมงาน Droidsans ได้ทดสอบระบบ HD Noise Cancelation ในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เพื่อดูว่าจะตัดเสียงรบกวนได้มากแค่ไหน (การทดสอบทำผ่านการฟังเพลงในระดับ Volume ประมาณ 70% ขึ้นไป)
- จุดที่ 1 ในออฟฟิศ Droidsans นั่นเองครับ ซึ่งเสียงรบกวนส่วนใหญ่ก็จะเป็นเสียงจำพวกเสียงแอร์, เสียงพัดลมคอมพิวเตอร์, เสียงรถบนถนน, เสียงพูดคุย และเสียงจิ้มคีย์บอร์ดต่าง ๆ แบบออฟฟิศทำงานทั่วไป ซึ่งตัว Sony WH-1000XM4 ก็สามารถตัดเสียง Low-band จำพวกเสียงแอร์ หรือเสียงพัดลมออกได้หมดจดประมาณ 90% เลยทีเดียว ส่วนเสียงกดคีย์บอร์ดหรือเสียงพิมพ์นั้นมีมาให้ได้ยินบ้างเล็กน้อย แต่ความดังลดลงมาค่อนข้างมากเลยทีเดียว
- จุดที่ 2 ที่ไปทดสอบมาคือบนรถไฟฟ้า BTS และ MRT นั่นเองครับ ซึ่งเสียงรบกวนส่วนใหญ่ก็จะเป็นเสียงรถไฟวิ่ง เสียงคนพูดคุยต่าง ๆ ซึ่งน่าแปลกใจเพราะสามารถตัดเสียงรบกวนออกไปได้มากพอสมควรเลยทีเดียว โดยเฉพาะเสียงรถไฟที่เบาหายไปจนแทบจะไม่มีเลย ส่วนเสียงพูดคุยพื้นหลังก็หายไปเช่นกันทำให้เงียบสงบมาก แต่ข้อเสียก็คือไม่ได้ยินเสียงประกาศสถานี เพราะงั้นต้องอย่าลืมเปิด Ambient Mode ให้เสียงเข้ามาด้วย (จะรีวิวเพิ่มในช่วงต่อไปครับ)
- จุดที่ 3 คือบนรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง โดยเสียงรบกวนหลัก ๆ ก็คือเสียงลมครับ แต่ต่อให้ ANC ดีแค่ไหนเสียงลมตอนซิ่งมอเตอร์ไซค์ก็คงจะเกินเยียวยาครับ อีกทั้งเสียงเครื่องยนต์มอเตอร์ไซต์มาสมทบอีก แต่ก็ถือว่ายังลดความดังไปได้พอสมควรเลยทีเดียว
- จุดที 4 ก็คือที่ร้านกาแฟครับ โดยเสียงรบกวนในร้านกาแฟก็เป็นเสียงจำพวก เสียงแก้วกระทบกัน, เสียงเครื่องทำกาแฟ, เสียงคนคุยกัน และเสียงเพลงคลอเบา ๆ จากลำโพง ซึ่งบอกเลยว่า WH-1000XM4 นั้นเฉิดฉายมากในสภาพแวดล้อมแบบนี้ เพราะเสียงในร้านกาแฟส่วนมากเป็นเสียงที่ค่อนข้างมีระยะในช่วงที่ทำให้ ANC ตัดเสียงรบกวนออกไปได้เกือบหมดจดเลยครับ เสียงเพลงทั้งหมดก็ชัดใสไม่มีเสียงรบกวนแทรกเข้ามาเลย
หลัก ๆ แล้วระบบ ANC ของ WH-1000XM4 ทำออกมาได้ดีเยี่ยมสมกับเป็น Sony อยู่แล้ว แต่ฟีเจอร์ที่ทำให้ WH-1000XM4 เจ๋งกว่าหูฟังทั่วไป ก็คือระบบ Adaptive Sound ผ่านการใช้ Location นั่นเองครับ โดยฟีเจอร์นี้จะสามารถปรับระบบ Noise Canceling ตามสภาพแวดล้อมของผู้ใช้งานโดยแบ่งหลัก ๆ เป็น 4 โหมดได้แก่ Staying (อยู่กับที่), Walking (เดิน), Running (วิ่ง) และ Transport (เดินทาง) โดยถ้าเราเปิดโหมดนี้ในแอปพลิเคชั่น ตัวหูฟังของเราจะจับท่าทางของเรา แล้วเปลี่ยนโหมด ANC ตามสถานการณ์นั่นเองครับ โดยเราสามารถปรับ Profile ในแบบที่เราต้องการในแอปพลิเคชั่นได้อีกด้วย
มากไปกว่านั้น ตัวแอปพลิเคชันจะค่อย ๆ เรียนรู้สถานที่ที่เราชอบหยิบหูฟังขึ้นมาใช้บ่อย ๆ ผ่านระบบ GPS Location แล้วเลือก Profile ที่เหมาะสมกับสถานที่นั้น ๆ ครับ ตอนใช้แรก ๆ อาจจะน่ารำคาญหน่อย ๆ แต่พอปล่อยให้แอปเรียนรู้นิสัยการฟังเพลงของเราไปเรื่อย ๆ ตัวแอปจะค่อย ๆ ปรับตัวตามไลฟ์สไตล์การฟังเพลงของเรา แล้วเปลี่ยนระบบ ANC ให้เราแบบที่ไม่ทันรู้ตัวเลยครับ (เวลาเปลี่ยนจะมีเสียงเตือนบอกทุกครั้ง)
Ambient Sound หลอมรวมเสียงเพลง กับเสียงรอบข้าง
WH1000-XM4 นอกจากจะมาพร้อมกับสุดยอดระบบตัดเสียงรบกวน ANC แนวหน้าของวงการแล้ว ก็ยังมาพร้อมกับระบบ Ambient Sound ที่จะทำให้เราสามารถได้ยินเสียงภายนอกขณะใส่หูฟังอีกด้วย เราสามารถปรับระดับ Ambient ได้มากถึง 20 ระดับ อีกทั้งยังสามารถเลือกให้หูฟังโฟกัสเสียงพูดเป็นหลัก เหมาะกับเอาไว้ใช้เวลาเดินเล่นไปไหนมาไหนได้อย่างปลอดภัยเพราะได้ยินเสียงรอบข้างตลอดเวลา อีกทั้งยังให้ความรู้สึกเวทีเสียงที่กว้างขึ้นอีกด้วย
Speak to Chat หยุดเสียงเพลง เพียงแค่เสียงพูด
อีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ที่มาในรุ่น WH-1000XM4 นั่นคือระบบ Speak to Chat ที่จะใช้ไมค์ตรวจจับเสียงพูดของผู้ใช้เพื่อหยุดเพลงทันทีเมื่อได้ยินเสียงพูด และเราต้องกดเล่นเพลงใหม่อีกครั้งหลังพูดเสร็จ สะดวกมากเวลาเรามีของเต็มมือแล้วต้องการพูดกับคนภายนอก แต่ฟีเจอร์นี้จะมีข้อสังเกตอยู่ที่หากส่งเสียงเล็กน้อยจากปากของเรา โหมดนี้ก็จะทำงานทันที อีกทั้งใครเผลอลืมตัวร้องเพลงออกมาละก็ เพลงจะหยุดทำให้เสียจังหวะอีกด้วยครับ
Quick Attention ปิดหูเพื่อฟังเสียง
Quick Attention เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่โดดเด่นมากอย่างนึงในหูฟังซีรีส์ WH1000 แล้วก็ยังคงมาในรุ่น XM4 อีกเช่นกัน ก็คือเราสามารถเปิดโหมด Ambient และลดเสียงเพลงลงชั่วขณะหนึ่ง เพียงแค่เราปิดหูฟังด้านขวาด้วยฝ่ามือของเราเท่านั้น เป็นฟีเจอร์ที่สะดวกสบายและเป็นธรรมชาติมาก ๆ เหมือนเวลานั่งฟังในออฟฟิศแล้วมีคนคุยกับเรา เราสามารถเอาฝ่ามือปิดที่ตัวหูฟัง เพื่อฟังเสียงภายนอกได้โดยที่ไม่ต้องถอดหูฟัง และเมื่อคุยเสร็จก็แค่เอามือออก สะดวกสบายสุด ๆ
Wearing Detection หยุดเพลงอัตโนมัติเมื่อถอดหูฟัง
WH-1000XM4 ตัวนี้มีฟีเจอร์ใหม่ที่ตัวก่อนไม่มีนั่นคือ Wearing detection โดยตัวหูฟังจะสามารถตรวจจับได้ว่าเราถอดตัวหูฟังออกด้วยการใช้ Proximity Sensor ที่อยู่ด้านในตัวหูฟังทำให้การถอดและใส่หูฟังนั้นลื่นไหลไม่มีสะดุดเลยครับ อยากถอดหูฟังคุยกับใครเพลงก็หยุด Pause ให้ทันที พอหยิบกลับมาใส่เพลงก็เล่นต่อไม่ต้องเปิดเพลงเองสะดวกสบายมาก ๆ เหมือนกับพวกหูฟัง TWS ทั้งหลายในตลาดตอนนี้เลย
Multipoint connection ฟีเจอร์เชื่อมต่อหลายอุปกรณ์พร้อมกัน
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่คนส่วนใหญ่ร้องหาทั้งแต่ WH-1000XM3 นั่นก็คือฟีเจอร์ Multipoint connection ที่ทำให้เราสามารถเชื่อมต่อหูฟังเข้ากับหลาย ๆ อุปกรณ์ได้พร้อมกัน และสามารถเปลี่ยนอุปกรณ์ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างการใช้งานเช่นเวลาเชื่อมต่อฟังเพลงผ่านคอมพิวเตอร์ แล้วมีคนโทรมาพอดี เราสามารถรับโทรศัพท์ได้โดยใช้ไมค์ของหูฟังโดยที่ไม่ต้องเชื่อมต่อหูฟังใหม่ พอคุยเสร็จก็กลับมาฟังเพลงบนคอมต่อได้สะดวกสบายมากครับ
Fast Pairing Mode
WH-1000XM4 ตัวนี้ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Android Fast Pairing ที่ใช้ Bluetooth และระบบ Location จำการเชื่อมต่อ Bluetooth ทำให้การเชื่อมต่อถูกบันทึกโดยตรงไว้ที่ Google Account ทำให้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้อย่างรวดเร็วเพียงเปิดใช้งาน (เหมือนหูฟัง TWS ที่เปิดฝาแล้ว Connect ได้เลย) อีกทั้งยังสามารถใช้ฟีเจอร์ Find my Device ที่จะให้หูฟังปล่อยเสียงให้ดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาเราหาหูฟังไม่เจออีกด้วย
Touch Control หยุด/เล่น หรือเปลื่ยนเพลงได้ผ่านระบบสัมผัส
WH-1000XM4 ก็ยังมาพร้อมฟีเจอร์การควบคุมเพลงที่ชาญฉลาด ซึ่งการควบคุมของหูฟังสามารถแบ่งออกใหญ่ ๆ ได้เป็น 2 ส่วนนั่นคือแถบสัมผัสบนตัวหูฟังข้างขวา กับ ปุ่มกดควบคุมด้านล่าง โดยแถบสัมผัสหลัก ๆ มีเอาไว้ควบคุมฟีเจอร์ต่าง ๆ เวลาฟังเพลงไม่ว่าจะเป็น Play/Pause ที่ทำได้โดยการแตะ 2 ครั้ง หรือจะเปลี่ยนเพลงต่อไปโดยการลากไปทางขวา ลากไปซ้ายเพื่อฟังเพลงก่อนหน้า อีกทั้งจะเพิ่มเสียงหรือลดเสียงก็ทำได้โดยการลากขึ้นลากลง ส่วนปุ่มด้านล่างมีไว้ใช้เชื่อมต่อ และเปิดปิดหูฟัง บวกมาด้วยปุ่ม Shortcut ที่เราสามารถปรับแต่งให้ทำอะไรก็ได้ตามใจในแอป Headphones ของ Sony ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนโปรไฟล์ ANC ที่ต้องการ ไปจนถึงการเปิดแอปบางอย่างได้
DSEE Extreme แปลงไฟล์ MP3 ให้มีคุณภาพใกล้เคียงกับไฟล์ระดับ High-Res
อีก 1 ฟีเจอร์ด้านเสียงที่ทาง Sony ภูมิใจนำเสนอกับ DSEE Extreme ที่พัฒนามาจาก DSEE HX ของรุ่นก่อน ซึ่งจะใช้ระบบ AI ของ Sony ในการอัปสเกลไฟล์ประเภท MP3 ธรรมดาให้มีรายละเอียดในเสียงย่านสูงที่หายไปจากการบีบอัดไฟล์คืนกลับมาส่วนหนึ่ง ทำให้เสียงที่ได้นั้นรู้สึกอิ่มและมีน้ำมีนวลขึ้น โดยทีมงาน Droidsans ได้ทดลองกับไฟล์ MP3 ธรรมดากับแอพพลิเคชันฟังเพลงในเครื่อง ผลก็คือเสียงย่านสูงที่รายละเอียดขาด ๆ ไปมีรายละเอียดมากขึ้น อาจจะไม่ได้ใกล้เคียงกับของ High-Res แต่ก็ถือว่าดีกว่าไฟล์ MP3 ปกติอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว (ลองกับ Spotify แล้วไม่มีความแตกต่างเลยน่าจะสรุปได้ว่า DSEE Extreme น่าจะไม่รองรับกับการสตรีมเพลงครับ 😥)
คุณภาพเสียง
ด้านของคุณภาพเสียงนี้ก็คงไม่ต้องพูดอะไรมากกับแบรนด์อย่าง Sony ที่มาพร้อมกับ Driver ทำจาก Liquid Crystal Polymer (LCP) ขนาด 40 มม. รองรับความถี่ได้ตั้งแต่ 4 – 40000 Hz เลยทีเดียว อีกทั้งยังมีภาคแอมป์ ที่อยู่ในชิป QN1 ที่จะทำให้การขับเสียงที่อิ่ม และรายละเอียดสูงระดับ Hi-Res จากที่เห็น ๆ กันได้ชัดว่าในด้านสเปคนั้นใส่เข้ามาอย่างจัดเต็มแล้ว เรื่องเสียงจริงจะเป็นยังไงกันนะ?
การทดสอบนี้ทางทีมงานได้ฟังผ่านทางแอปพลิเคชัน Spotify ด้วยความละเอียดอยู่ที่ 320 kbps เท่านั้น โดยจะฟังเพลงหลากหลายแนวปน ๆ กันไปเพื่อหาลักษณะเสียงของ WH-1000XM4 ว่าจะเป็นแบบไหน 😃
เสียงย่านต่ำ (Bass)
เสียงย่านต่ำถือว่าเป็นจุดเด่นหนึ่งของ WH-1000XM4 เลยก็ว่าได้ ด้วยย่านเบสที่แน่น มีอิมแพค เก็บตัวไวไม่บวมทับย่านเสียงอื่นคลีนมาก ๆ ค่อนข้างตกใจเพราะ XM3 ที่เคยฟังมีเบสที่ค่อนข้างกลบเสียงอื่นพอสมควร เสียงจำพวกกลอง และ Sub-bass ในเพลง EDM นั้นขับออกได้มีมวลรู้สึกได้ถึงแรงกระทบของเสียงดีมากครับ ยิ่งพวกเสียงเบสลากยาว ๆ ในเพลง Hip-Hop นี่ทำออกมาได้ดีรายละเอียดครบถ้วนเลยทีเดียว
เสียงย่านกลาง (Mid)
ย่านเสียงกลางของ XM4 นั้นจะออกมาอยู่ด้านหน้าหน่อย ๆ ให้เสียงร้องที่อุ่นหวานตามสไตล์หูฟัง Sony ฟังเพลงที่เน้นเสียงร้องมาก ๆ ก็ชัดแจ๋วมาเต็มมาก ๆ ส่วนพวกเสียงเครื่องดนตรีอย่างกีตาร์ หรือเสียงสังเคราะห์อย่างพวก Synth ต่าง ๆ ก็ขับออกมาได้ชัดเจนรายละเอียดเต็มแถมให้ตำแหน่งที่ดีด้วยครับ (ลองฟัง How you like that ของ Blackpink คือฟินมาโยกหัวตามเลยครับ 🤩)
เสียงย่านสูง (Highs)
ย่านเสียงสูงที่ในความคิดเห็นส่วนตัวของผมว่าเป็นย่านที่ขับออกมาได้ยากที่สุด ทาง WH-1000XM4 ก็ทำออกมาได้น่าประทับใจมาก พวกเสียงฉาบ หรือเสียง ARP ที่อยู่ในย่านสูง ๆ เมื่อเปิดดัง ๆ ไม่มีความเสียดหูเลย แถมรายละเอียดก็ครบถ้วนไม่หลบหายไปไหนอีกด้วย ยิ่งถ้าเป็นเพลงที่ใช้เสียง Background เยอะ ๆ หรือพวกเสียงรูดสายกีต้าร์ในเพลง Acoustic ก็ได้ยินครบกระจ่างใสมากครับ
เวทีเสียง (Soundstage)
ด้วยความที่เป็นหูฟังแบบปิด (Closed-back) ทำให้ผมไม่ค่อยหวังอะไรมากเรื่องเวทีเสียงอยู่แล้ว แต่ด้วยสรีระของตัวหูฟังที่ทำมาให้ตำแหน่งของไดรเวอร์นั้นอยู่ไกลกับใบหูพอสมควร ทำให้เวทีเสียงที่ได้นั้นกว้างกว่าที่คิดมาก เสียงรู้สึกเปิดแต่ไม่มีความแห้งเลย กลับมีน้ำมีนวลมีมิติแยกชิ้นดนตรีได้อยากคลีนมาก ๆ แม้แต่เพลง EDM หรือ Trance ที่มีชิ้นดนตรีเยอะก็สามารถแยกชิ้นดนตรีออกจากกันได้ไม่กลืนกันเองอีกด้วย อีกทั้งการเปิด Ambient Mode นั้นจะทำให้ตัวหูฟังนั้นมีความรู้สึกคล้ายคลึงกับหูฟังแบบ Open-back ทำให้ Sound-stage รู้สึกกว้างขึ้นแบบหลอก ๆ อีกด้วยครับ 😂
สรุปภาพรวมคุณภาพเสียง
สรุปภาพรวมเสียงของ WH-1000XM4 นี้เป็นหูฟังที่ฟังสนุก เสียงอุ่น ๆ ค่อนไปทางหวานเนื่องมาจากเสียงกลางที่โดดเด่น และเสียงเบสที่มีอิมแพคเป็นลูก ๆ ฟังเพลงได้ทุกแนวไม่ว่าจะ Pop สนุก ๆ ไปจนถึง EDM ที่เสียงสังเคราะห์เยอะ ๆ หรือจะคลาสสิกรายละเอียดเยอะ ๆ ก็ฟังได้อารมณ์ไม่มีปัญหาเลยครับ
เสียบสายต่อ DAC/AMP แยก
อาจจะผิดจุดไปสักหน่อยเพราะ WH1000-XM4 นั้นเป็นหูฟังไร้สายที่เน้นการใช้งานแบบพกพา แต่ทีมงาน Droidsans ก็ได้ลองทดสอบคุณภาพเสียงผ่านการเชื่อมต่อผ่านสายหูฟัง 3.5 มม. ต่อตรงเข้าสู่ DAC/AMP แยกเพื่อดูศักยภาพของตัวหูฟังโดยตรง ซึ่งบอกได้เลยว่าคุณภาพเสียงที่ได้นั้นน่าทึ่งกว่าที่คิดมาก
ตัวหูฟังเมื่อได้รับค่า Gain ที่สูงขึ้นนั้นทำให้หูฟังมี Dynamic Range ที่สูงขึ้นทำให้ขับหูฟังออกมาได้คลีนขึ้นกว่าเดิมมาก ทั้ง ๆ ที่ตัวหูฟังมีค่าต้านทานอยู่ที่ 16-ohm เท่านั้น ถ้าใครที่เป็น Audiophile แล้วมี Set-up ที่ใช้ประจำอยู่แล้ว สามารถนำมาใช้ด้วยกันได้ไม่มีปัญหาเลยครับ แถมยังสามารถใช้ฟีเจอร์พวก ANC และ Quick Attention ได้อยู่อีกด้วย
ข้อสังเกต
ถ้าทุกคนอ่านมาถึงตรงนี้ก็จะเห็นแต่จุดเด่นของ WH-1000XM4 กันมาครบพอสมควรแล้วเรามาพูดถึงข้อสังเกตกันบ้าง
ความร้อน 🔥
ส่วนแรกเลยคือ WH-1000XM4 นั้นเป็นหูฟัง Full-sized ที่ครอบทั้งหูของเรา ทำให้การใส่ในที่กลางแจ้งแบบไม่มีแอร์เป็นระยะเวลาหนึ่งทำให้ร้อนได้ แต่จากการทดสอบนั่งฟังในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ แล้วก็ไม่มีปัญหาเลยครับ (เผลอ ๆ รู้สึกอุ่นหูด้วยครับ)
กำลังขับเสียงที่จำกัด 🔊
ส่วนข้อสังเกตที่สองนั้นอาจจะไม่เป็นกับทุกคน แต่เป็นกับผมตรงที่ตัวหูฟังนั้นมีกำลังขับที่ค่อนข้างจำกัด แม้จะเปิดสุดประมาณ 90% หรือเปิดตัน 100% ก็ยังรู้สึกว่าดังได้มากขึ้นอีก อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับรายบุคคลครับ เพราะผมเป็นคนฟังเพลงดังพอสมควร
Speak to Chat ที่ยังใช้งานยาก 💋
ถึงแม้ว่า Speak to Chat จะเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่งนำเข้ามาใช้ใน WH-1000XM4 แต่ฟีเจอร์นี้ยังควรถูกขัดเกลาอีกมาก เพราะเพลงยังหยุดในจังหวะที่เราไม่ได้ตั้งใจในบางครั้ง เช่นเวลาเรากระแอมหรือจาม (เผลอร้องเพลงก็หยุดนะครับ)
Verdict (สรุปภาพรวม)
สรุปภาพรวมแล้ว Sony WH-1000XM4 เป็นหูฟังไร้สายที่มีเทคโนโลยีกำจัดเสียงรบกวน ANC ระดับแถวหน้าของวงการ พร้อมสรีระหูฟังที่ใส่สบายให้ความรู้สึกพรีเมียมมาก ๆ ส่วนเรื่องเสียงก็ไม่เป็นที่สองรองใคร กับน้ำเสียงที่อุ่นหวานฟังสนุกกับเพลงหลากหลายแนว โดดเด่นไปด้วยย่านเบสที่อิมแพคแน่นชัดเจน กับเสียงกลางที่คมละเอียดฟังสนุก สำหรับใครที่กำลังหาหูฟังไร้สายที่มีระบบกำจัดเสียงรบกวนดีเยี่ยมพร้อมคุณภาพเสียงระดับ Hi-res ต้องลอง WH-1000XM4 ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ 😁
feature แน่นดีแหะ ถือว่าเป็นตัวที่น่าสนเลย