เมื่อเดือนที่แล้ว Google ได้ประกาศฟีเจอร์ใหม่ที่กำลังจะมาอยู่ในแอพ Google Translate เวอร์ชันใหม่ทั้งในระบบ iOS และ Android ซึ่งฟีเจอร์ที่ว่านี้จะทำให้แอพ Google Translate รับรองการแปลภาษาผ่านกล้องมือถือแบบ real-time (Word Lens Translate) ดังรูปด้านบน
ในวันนี้ที่งานสัมมนา Project Ara (Project Ara Module Developer Conference) ถือเป็นงานแรกที่เปิดไส้เปิดพุงถึงรายละเอียดยิบย่อยและมาตรฐานกลางในระดับพิมพ์เขียวของ Project Ara เพื่อเปิดให้ผู้ผลิตที่สนใจจะทำโมดูล (module) เข้ามาเชื่อมต่อ (plug) กับ Project Ara ได้เข้าใจในพิมพ์เขียว จนสามารถนำไปต่อยอดสร้างโมดูลและ driver เพื่อเข้ามาเชื่อมต่อกับ Project Ara ได้ ซึ่งรวมไปถึงการเปิด API ให้นักพัฒนาได้เข้าถึงและสามารถพัฒนาแอพพลิเคชันได้
ใครที่ใช้แอพที่แสดงผลผ่าน WebView คงต้องตื่นตัวกันหน่อยแล้ว เพราะ Rapid7 ออกมาประกาศว่าพบช่วงโหว่ด้านความปลอดภัยบน WebView และเมื่อแจ้ง Google ก็ได้คำตอบกลับมาว่า จะทำการแก้ไขช่องโหว่นี้ให้กับ Android 5.0 และ 4.4 เท่านั้น โดยถ้าใครแจคพอตไปเจอแอพที่ไม่ประสงค์ดีเหล่านี้ก็มีสิทธิ์โดนเจาะทะลวงไส้ดึงข้อมูลต่างๆพร้อมพาสเวิร์ดไปได้ทันทีเดี๋ยวๆๆ...Webview มันคืออะไรน่ะ?
Google ได้ปรับปรุงคำแนะนำสำหรับนักพัฒนา App บน Android บนหน้าเว็บไซต์ Android Developer เกี่ยวกับเรื่อง "Keyword Spam (สแปมคำหลัก)" โดยมีการแก้ไขเนื้อหาในส่วน "Unrelated keywords or references (คำหลักหรือข้อมูลอ้างอิงที่ไม่เกี่ยวข้อง)" เพื่อเตือนนักพัฒนาไม่ให้นำคำชมของผู้ใช้ App จากส่วน Reviews (ความเห็น) มาใส่ในส่วน Description (คำอธิบาย) ของ App ตัวเอง เพราะ Google จะนับว่านี่เป็นการจงใจทำ Keyword Spam ดังนั้น App ของคุณจะถูกถอนออกจาก Play Store ทันที
เพื่อนๆที่ติดตาม Droidsans มาตั้งแต่ปีที่แล้ว น่าจะพอรู้จักกับ Zeitgeist กันบ้างแล้ว (สำหรับคนที่ยังไม่รู้จัก ลองกลับไปอ่านที่น้องเก่งเขียนที่นี่นะ) ซึ่งถ้ากล่าวโดยย่อ Google Zeitgeist มันก็คือการสรุปเรื่องราวของการค้นหาที่เป็นเทรนด์ของคนทั่วโลกมาทำเป็นคลิปให้พวกเราๆดูกันนั่นเอง ซึ่งในปีนี้ Zeitgeist ก็มีการทำเรื่องราวออกมาได้อึ้งแบบสุดๆ จนเชื่อว่าหลายๆคนในที่นี้ดูแล้วต้องมีเหวอว่าคนทำมันเมาถุงกาวรึเปล่า...แต่ดูให้จบ แล้วมา comment ด้านล่างกัน
ใกล้จะสิ้นปี 2014 แล้วก็ได้เวลาที่ Google เว็บค้นหาที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะทำการสรุป "คำค้น (search terms)" ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในรอบปี 2014 ที่ผ่านมา ซึ่ง Google ก็จำแนกออกมาเป็นคำค้นหลายๆประเภท แต่ที่เราจะมาดูกันในวันนี้คือ คำค้นประเภท "Consumer Electronics" หรือ "อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค" ซึ่งใน 10 อันดับแรกก็เป็นมือถือ Android อยู่ถึง 6 อันดับด้วยกัน
บัญชีผู้ใช้ของ Google หรือ Google account นั้นถือว่ามีความสำคัญมากสำหรับผู้ใช้ Android อย่างเราๆ หรือแม้แต่จะย้ายไปใช้อุปกรณ์ iOS ก็ยังขาด Google account ไม่ได้อยู่ดี เพราะข้อมูลสำคัญไม่ว่าจะเป็น สมุดรายชื่อ, email, เอกสาร, รูปถ่าย และการผูกบัญชีเข้ากับบริการต่างๆของ Google ล้วนถูกบันทึกอยู่ใน Google account ทั้งหมด ดังนั้นการตรวจสอบและปกป้อง account ของเราอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องรู้และต้องทำ ในแง่การปกป้อง account ทางเว็บเคยแนะนำ Two-step verification ไปแล้ว มาวันนี้ Google ได้เปิดตัวความสามารถใหม่ให้เราตรวจสอบอุปกรณ์แปลกปลอมที่มาใช้งาน account ของเราได้แล้ว มันคือ Google Devices and Activity dashboard นั่นเองครับ
Google ออกโฆษณาใหม่พร้อมกัน 4 ตัวรวดภายใต้คอนเซ็ปต์ “Be together. Not the same.” ด้วยการจับเอาตัว Androidify มาโชว์จุดเด่นของ device ในระบบปฏิบัติการ Android ทั้งเรื่องของหน้าจอที่ใหญ่กว่าและกล้องเลิศๆ ที่ทำให้ผู้คนมารวมตัวและร่วมทำกิจกรรมต่างๆ ไปด้วยกันได้ นอกจากนี้ยังได้แสดงให้เห็นการทำงานอย่างต่อเนื่องได้ลื่นไหลในทุกๆ device ที่รัน Android อีกด้วยนะ ซึ่งงานนี้ก็ทำออกมาในแนวน่ารัก สร้างสรรค์ แอบฮาตามสไตล์ ส่วนจะเป็นยังไงนั้นเดี๋ยวลองมาดูคลิปด้านล่างนี้กันเลยค่ะ :]
พวกเราหลายคนที่ใช้มือถือ Android ในทุกวันนี้ คงจะคุ้นเคยกับ Android 4.X มาเป็นเวลานานแล้ว ตั้งแต่ปี 2011 ที่ Google เปิดตัว Android 4.0 Ice Cream Sandwich จนกระทั่งถึงปีที่แล้วที่เปิดตัว Android 4.4 KitKat แต่ในอีกไม่นาน Android จะก้าวขึ้นสู่เลข 5 กับ Android 5.0 Lollipop ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุด งั้นเราลองมาอ่านบทสัมภาษณ์ของ Hiroshi Lockheimer รองประธานด้านวิศวกรรมในส่วนของ Android กันครับ
ไม่กี่เดือนก่อน Google มีการซุ่มพัฒาโปรเจคต์เกี่ยวกับการจัดการอุปกรณ์รอบๆ ตัว โดยพุ่งเป้าไปที่ "คน สิ่งของ และสถานที่" เพื่อการระบุว่าคนหรือสิ่งของนั้นๆ อยู่ใกล้ๆ หรืออยู่ในระยะที่ติดต่อกันได้ โดยหวังที่จะให้มีการเชื่อมต่อกันของหลายๆ อุปกรณ์ที่อยู่รอบๆ ตัวแต่ Google Copresence (ชื่อในระหว่างพัฒนา) ที่ล่าสุดทาง androidpolice ได้ไปค้นพบ API นั้นเป็นอีกโปรเจ็คต์ที่มีเป้าหมายในการเชื่อมต่อ Android และ iOS เข้าด้วยกัน เพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ส่งรูปภาพ แลกเปลี่ยนไฟล์หรือเนื้อหาและข้อมูล ซึ่งถ้าจะอธิบายให้ชาว Android เข้าใจง่ายๆ ก็คือ Copresence จะเหมือนกับ Android Beam ที่ไม่ต้องเอาเครื่องมาแตะกันนั่นเอง