สืบเนื่องต่อจากข่าวเมื่อปีที่แล้ว Apple ได้เสนอเงินลงทุน 1,000 ล้านดอลลาร์ และตั้งโรงงานผลิต Airtag ในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อแลกกับปลดแบนขาย iPhone 16 ให้ได้ ล่าสุดมีรายงานว่า Apple ยังอยู่ในช่วงเจรจาอีกครั้งกับทางการอินโดนีเซียว่า จะนำเงินก้อนนี้ไปลงทุนอะไรบ้าง และหากต้องการขาย iPhone 16 Series ให้ได้ อาจต้องตั้งโรงงานผลิตชิ้นส่วน iPhone ในประเทศเพิ่ม
นี่แหละเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย ! ทางการอินโดนีเซียปลดแบน Apple ให้สามารถวางจำหน่าย iPhone 16 ในประเทศได้แล้ว หลังตอบตกลงจะลงทุนในประเทศเป็นจำนวนเงิน 1,000 ล้านดอลลาร์ จากดีลเดิมจะต้องลงทุนในประเทศประมาณ 109 ล้านดอลลาร์ แต่ลงทุนไปแค่ 95 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้เกิดข้อพิพาท และแบนขาย iPhone 16 ในที่สุดเนื่องจากไม่ทำตามคำมั่นสัญญา นอกจากนี้ Apple จะตอบตกลงเงินลงทุนก้อนใหญ่ ก็มีข้อเสนอตั้งโรงงานผลิต AirTag ในประเทศเพิ่มให้ด้วย
โรซาน โรสลานี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนของอินโดนีเซีย กล่าวกับสมาชิกรัฐสภาระหว่างประชุมเมื่อวันอังคารว่า แอปเปิลต้องเสนอแพ็กเกจลงทุนในประเทศเป็นเงิน 1,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากข้อเสนอแรกสุด 10 เท่า (ที่ปัจจุบันก็ยังลงทุนไม่ครบ)
ความคืบหน้ากรณีกระทรวงอุตสาหกรรมของอินโดนีเซีย ออกคำสั่งห้ามขาย iPhone 16 ในประเทศ เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว (22 ต.ค.) เนื่องจากแอปเปิลลงทุนไม่ครบตามสัญญา จึงไม่ผ่านเงื่อนไขทางการค้า – ล่าสุดแหล่งข่าวของ Bloomberg แจ้งว่าแอปเปิลจะยุติปัญหานี้ โดยเสนอเงินลงทุนเพิ่มอีกราว 10 ล้านดอลลาร์ เพื่อผลิตอุปกรณ์เสริมและชิ้นส่วนสินค้าแอปเปิลในอินโดนีเซีย ร่วมกับซัปพลายเออร์รายหนึ่งที่ไม่เปิดเผยชื่อ
กระทรวงอุตสาหกรรมอินโดนีเซีย ออกคำสั่งห้ามขายมือถือ Pixel ในประเทศเมื่อวานนี้ (31 ต.ค.) โดยให้เหตุผลว่า กูเกิลลงทุนในอินโดนีเซียไม่ครบ 40% ของมูลค่าการขาย จึงไม่ผ่านเงื่อนไขทางการค้า ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวกับที่ iPhone 16 ของแอปเปิลโดนแบนไปเมื่อสัปดาห์ก่อน
วันอังคารที่แล้ว (22 ต.ค.) รัฐบาลอินโดนีเซียได้ออกคำสั่งห้ามขาย iPhone 16 ทุกรุ่นในประเทศ รวมถึง Apple Watch Series 10 ที่เปิดตัวในช่วงเวลาเดียวกัน โดยกระทรวงอุตสาหกรรมของอินโดนีเซียอ้างเหตุผลว่า แอปเปิลไม่ปฏิบัติตามนโยบายทางการค้า ที่กำหนดให้สินค้าในกลุ่มนี้ต้องมีการผลิตจากปัจจัยภายในประเทศคิดเป็น 40% ของมูลค่าหรือสูงกว่า ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่แอปเปิลลงทุนในอินโดนีเซียไม่ครบตามสัญญา
ช่วงเที่ยงคืนของวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา รัฐบาลอินโดนีเซียได้ปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ของผู้ให้บริการระบบอิเล็กทรอนิกส์หลายราย เช่น Yahoo, PayPal และ Steam เนื่องจากแพลตฟอร์มเหล่านี้ ไม่ได้ยื่นลงะเบียนกับทางภาครัฐเพื่อขอใบอนุญาตจนเกินระยะเวลาที่กำหนด (หมดเขตไปตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม) ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ที่ออกมาเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2563
