หลังจากมีข่าวว่าทาง Apple อาจใช้งานเพื่อนเก่าอย่าง Intel มาช่วยผลิตชิป M-series รุ่นธรรมดาให้ เพื่อใช้ใน MacBook Air, iPad Air และ iPad Pro ล่าสุดก็มีรายงานมาเพิ่มเติมว่าทาง Apple กำลังทำข้อตกลงกับทาง Intel ให้มาช่วยผลิตชิป A-series คาดเริ่มต้นในปี 2028
Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ของ TF International Securities เผยว่าทาง Apple วางแผนที่จะใช้กระบวนการผลิตโหนดขั้นสูงขนาดต่ำกว่า 2 นาโนเมตรรุ่นแรกของอเมริกาเหนืออย่าง 18A ของทาง Intel มาช่วยผลิตชิปรุ่นปกติของ M-series สำหรับใช้ใน MacBook Air, iPad Air และ iPad Pro
Intel ปล่อยแพตช์ความปลอดภัยครั้งใหญ่ แก้ช่องโหว่มากกว่า 30 รายการ ครอบคลุมทั้ง BIOS, ไดรเวอร์การ์ดจอ, ระบบเครือข่าย และไมโครโค้ดของซีพียูหลายรุ่น โดยมีจุดรุนแรงอย่างช่องโหว่ UEFI ระดับ CVSS 8.3/10 ที่อาจเปิดทางให้ผู้มีสิทธิ์สูงเข้าถึงระบบระดับเคอร์เนลได้ รวมถึงบั๊กในไดรเวอร์ Wi-Fi และการ์ดจอ Intel Arc ที่ส่งผลต่อผู้ใช้ทั่วไปและองค์กร Intel แนะนำให้รีบอัปเดตไดรเวอร์และ BIOS เพื่อความปลอดภัยและเสถียรภาพของระบบ
UBIOS ถูกสร้างขึ้นจากศูนย์ ไม่ได้ต่อยอดจากระบบเดิม โครงสร้างภายในเป็นแบบ modular สามารถปรับแต่งและขยายฟังก์ชันได้ง่าย รองรับสถาปัตยกรรมหลักของโลกทั้ง x86, ARM, RISC-V และ LoongArch รวมถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่าง chiplet และ heterogeneous computing ที่กำลังได้รับความนิยมในยุค AI เฟิร์มแวร์ใหม่นี้ถูกออกแบบให้ทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการจีนและ Linux เพื่อสร้าง ecosystem ที่จีนสามารถควบคุมได้ตั้งแต่ระดับชิปจนถึงซอฟต์แวร์
มีรายงานออกมาว่าชิป Intel รุ่นเก่าอย่าง Raptor Lake (Core i Gen13,14) ได้มีการปรับราคาขึ้นสูงกว่ารุ่นใหม่อย่าง Lunar Lake (Core Ultra 200) ไปแล้ว โดยสาเหตุมาจากความต้องการในตลาดที่ยังคงสูง ขณะที่ยอดขาย AI PC ที่ใช้ซีพียูรุ่นใหม่กลับไม่เป็นไปตามที่ Intel คาดไว้
Intel เตรียมเปิดตัวชิปรุ่นใหม่ “Panther Lake” ในปี 2026 ซึ่งจะเป็นชิปรุ่นแรกที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 18A (1.8nm) ที่พัฒนาโดย Intel เอง คาดว่าจะให้ประสิทธิภาพแรงขึ้นถึง 50% และประหยัดพลังงานกว่าเดิม 30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนอย่าง Lunar Lake โดยชิปรุ่นใหม่นี้จะมุ่งเน้นตลาดโน้ตบุ๊กและอุปกรณ์พกพา พร้อมยกระดับทั้งด้านกราฟิกและการประมวลผลให้ดียิ่งขึ้น ถือเป็นก้าวสำคัญที่ Intel หวังจะใช้เรียกคืนส่วนแบ่งตลาดและโชว์ศักยภาพเทคโนโลยีชิปของสหรัฐฯ อีกครั้ง
ลือกันว่าดีลสะเทือนวงการกำลังจะเกิดขึ้น เมื่อ AMD ค่ายแดงอาจหันมาใช้โรงงานของ Intel ค่ายฟ้าในการผลิตชิพบางส่วน หลังรัฐบาลสหรัฐฯ เดินหน้านโยบายผลักดันการผลิตชิปภายในประเทศ ขณะเดียวกัน AMD ก็เจอข้อจำกัดด้านการส่งออก GPU ไปจีน ทำให้ต้องหาทางเลือกใหม่เพื่อลดการพึ่งพา TSMC หากการเจรจาครั้งนี้เกิดขึ้นจริง จะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่สองค่ายคู่แข่งร่วมมือกัน และอาจเปลี่ยนสมการอุตสาหกรรมชิปทั่วโลกเลยทีเดียว
มีข่าวใหม่ที่ทำให้วงการเกมเมอร์และสายฮาร์ดแวร์ต้องหันมามอง Intel กันอีกครั้ง หลังจากผู้ใช้ Reddit นาม Organic-Bird-587 ขุดเจอร่องรอยของฟีเจอร์ลับในไฟล์ไดรเวอร์ Arc GPU ซึ่งพูดถึงเทคโนโลยีใหม่ชื่อ XeSS Multi-Frame Generation (MFG) ที่หลายคนมองว่าอาจเป็นไม้เด็ดตัวใหม่ของ Intel ในการยกระดับระบบอัปสเกลภาพ XeSS (Xe Super Sampling) ให้สู้กับค่ายคู่แข่งอย่าง NVIDIA และ AMD ได้
สะเทือนวงการ! NVIDIA ทุ่มเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์เข้าซื้อหุ้น Intel กลายเป็นพันธมิตรที่ไม่มีใครคาดคิด โดยทั้งสองเตรียมพัฒนา Intel x86 RTX SoC ที่รวมซีพียู Intel เข้ากับ iGPU RTX ของ NVIDIA ในชิปเดียว เชื่อมต่อด้วย NVLink C2C ความเร็วสูงสุด 900 GB/s เป้าหมายคือโน้ตบุ๊กและ Mini-PC ที่บางเบา ประหยัดไฟ แต่แรงระดับเกมมิ่ง พร้อมขยายความร่วมมือไปถึง Data Center ด้วยการผลิต Custom x86 CPU สำหรับ AI และ Cloud งานนี้อาจกลายเป็น Game-Changer ที่ทำให้ AMD ต้องรีบสู้กลับก็ได้
AMD เผยรายละเอียดใหม่ของ FSR Redstone หลังเปิดตัวในงาน Computex 2025 โดยชูจุดเด่นว่าไม่ได้จำกัดการใช้งานอยู่บน Radeon เท่านั้น แต่ยังรองรับทั้ง NVIDIA GeForce และ Intel Arc ด้วย หัวใจสำคัญคือ ML2CODE ที่แปลงโมเดล Machine Learning ให้เป็น Shader Code ทำงานได้แบบ Cross-Platform อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องใช้ AI Core โดยตรง ทำให้แม้การ์ดจอรุ่นเก่าก็ยังได้สัมผัสฟีเจอร์ Neural Rendering ได้ ต่างจาก FSR 4 ที่ถูกจำกัดไว้แค่ RDNA 4